บทที่ 621 สกุลเหยียนเริ่มไม่ดี
ระหว่างทางจากเมืองหลวงไปยังสกุลเหยียน พวกเขาโดนซุ่มโจมตีบ่อยครั้ง คนเหล่านี้ล้วนถูกส่งมาจากรุ่ยอ๋อง เหยียนโจวกล่าวว่ามีศัตรูของเขากำลังจะผ่านมาที่ถนนสายนี้ เขาจึงขอกำลังของรุ่ยอ๋องกำจัดศัตรูให้ รุ่ยอ๋องตอบรับคำขอของเขาอย่างไม่ลังเล พวกเขามีอาวุธครบมือรวมถึงปืนไฟด้วย
แน่นอนว่าเหยียนโจวไม่ได้บอกถึงที่ตั้งของสกุลเหยียน เพียงแค่ชี้จุดให้คนเหล่านี้ซุ่มโจมตี ตอนนี้ทุกอย่างพร้อมแล้ว เหลือเพียงแค่รอให้ศัตรูผ่านมาเท่านั้น
รถม้าออกเดินทางไปที่ยังสกุลเหยียน นอกจากคนขับรถม้าแล้วก็ประกอบด้วย ถังหลี่ เหยียนเสี่ยวต้วนและหมอซูที่นั่งอยู่ภายใน หญิงสาวครุ่นคิดสักครู่จากนั้นจึงเอ่ยปากถามว่า
“เสี่ยวต้วนนี่คือเส้นทางเดียวที่จะเดินทางไปยังบ้านของเจ้าหรือเปล่า?”
“มีสองทางคือทางน้ำและทางบก ทางน้ำถึงเร็วกว่ากว่า”
“หากใกล้กว่าเหตุใดเจ้าถึงมาทางนี้” ถังหลี่สงสัย ใบหน้าของเหยียนเสี่ยวต้วนเปลี่ยนเป็นสีแดง
“ข้าเมาเรือ..”
เขามึนงงอยู่ถึงสองสามวันหลังจากขึ้นจากเรือ เขาจึงไม่กล้าใช้เส้นทางทางน้ำอีกเลย
“ไปทางน้ำกันเถอะ” ถังหลี่สรุป
เหยียนเสี่ยวต้วนรู้สึกมวนท้องอยากจะอาเจียน แต่ด้วยหนทางที่ใกล้กว่า และพาเขากลับบ้านให้เร็วขึ้นกว่าเดิม เขาจำต้องอดทน เหยียนเสี่ยวต้วนกัดฟัน ก่อนที่รถม้าจะเปลี่ยนทิศทาง
บนเรือ
เด็กหนุ่มขดตัวกลมเป็นลูกบอลอย่างยอมรับในโชคชะตาของตัวเอง ถังหลี่หันไปมองหมอซู
“หมอซู ท่านมีทางช่วยหรือไม่?”
หมอซูพยักหน้า เขาหยิบเข็มเงินออกมาสองสามเล่มจากล่วมยาของตน ฝังเข็มสามตำแหน่งลงบนลำตัวของเหยียนเสี่ยวต้วน และหลังจากที่นั่งเรือมาเป็นเวลานาน เหยียนเสี่ยวต้วนยังไม่รู้สึกเมาเรือเลย เขามีความสุขมาก หันไปมองที่หมอซูด้วยแววตาสดใส
“หมอซู ท่านเก่งเกินไปแล้ว” แน่นอน ไม่ว่าเป็นใครหากได้รับคำชมย่อมดีใจทั้งนั้น หมอซูก็เช่นกัน เขาอดไม่ได้ที่จะเชิดปลายคางขึ้นพร้อมหัวเราะเบาๆ
“เรื่องเล็กน้อย”
เรือแล่นไปตามแม่น้ำ ถังหลี่ต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาการป่วยของประมุขเหยียน และสถานการณ์ของสกุลเหยียน ทว่าตระกูลที่ปกปิดตัวตนเช่นนี้มีหลายอย่างที่ไม่สามารถพูดออกมาได้ ถังหลี่จึงขอให้เขาบอกแค่เรื่องบางอย่างที่เปิดเผยและพูดได้ก็พอ
“เหล่าถัง ตอนที่ข้าจากเมืองหลวงกลับไปบ้าน ข้ารู้ว่าบิดาป่วย มารดาพาเขาเทียวหาหมอรักษา จึงไม่ได้มาตามหาข้า ข้าเป็นบุตรอกตัญญู กล้าดีอย่างไรจึงทำเรื่องเนรคุณแบบนั้น ข้าถามเขาว่า เขาโกรธข้าหรือไม่? ข้าละอายแก่ใจจึงพยายามชดเชยในช่วงที่ข้าหนีออกจากบ้าน บิดาของข้ามีความสุขดี เขาชมว่าข้าได้เรียนรู้ประสบการณ์จากข้างนอกจนทำให้ข้าเป็นเติบใหญ่ขึ้นกว่าเดิม”
“ในตอนนั้นเอง บ่าวรับใช้ต้มยาให้ท่านพ่อดื่ม หลังจากที่ดื่มไปแล้วจู่ๆ อาการของเขาก็ทรุดลงกะทันหัน”
“พวกเขากล่าวหาว่าข้าสังหารบิดา จากนั้นจึงขังข้าไว้ในห้องหลายเดือน สหายข้าแอบเล่าว่าพวกเขาพาหมอมารักษาท่านพ่อหลายครั้งแต่เขาก็ไม่ดีขึ้นเลย”
“ข้าจึงไปแอบดูท่านพ่อแล้วคิดถึงหมอซู จากนั้นจึงได้หนีออกมาหาท่าน”
เหยียนเสี่ยวต้วนเป็นคนมองโลกในดี เขาเก็บงำเรื่องเลวร้ายไว้ในส่วนลึก ช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาน่าจะเจ็บปวดใจมาก เพราะนอกจากคนในสกุลจะคิดว่าเขาเป็นคนทำร้ายบิดาแล้ว กระทั่งมารดาของเขาก็ยังไม่เชื่อเขาอีกด้วย
ดวงตาที่สดใสคู่นั้นเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ใบหน้าของเขายับย่นราวกับคนหัวใจสลาย ถังหลี่ลูบศีรษะเด็กหนุ่มอย่างปลอบโยนบราวนี่ออนไลน์
“เหล่าถัง ข้าอายุเท่านี้แล้วท่านยังทำราวกับข้าเป็นเด็กน้อย ข้าเป็นคนนิสัยเสียและไม่รู้จักเอาเสียเลย” เหยียนเสี่ยวต้วนต่อว่าตนเอง
“ข้าคิดว่าตนเองสมควรเติบใหญ่ได้แล้ว ไม่ควรหนีอีกต่อไป เมื่อบิดาของข้าดีขึ้นข้าจะรับช่วงต่อและไม่เกียจคร้านอีก” เสียงของเหยียนเสี่ยวต้วนอ่อนลง
“หากท่านพ่อของข้าฟื้น…”
“เขาจะต้องฟื้นแน่นอน” ถังหลี่กล่าวอย่างมั่นใจ
น้ำเสียงของนางหนักแน่น ทำให้เด็กหนุ่มเกิดความมั่นใจมากขึ้น ใช่แล้วหากบิดาของเขาฟื้นขึ้นมาจะต้องดุเขาแน่นอน
หลังจากที่พวกเขาเดินทางทางน้ำติดต่อกันเป็นเวลาหกวัน เขาก็เปลี่ยนมานั่งรถม้าเดินทางต่อไป
ในตอนนั้นนักฆ่าก็ยังคงซุ่มโจมตีอยู่ นักฆ่าต่างพากันคิดว่าตอนนี้ผ่านมาหกเจ็ดวันแล้ว เหตุใดพวกเขาจึงยังไม่เห็นเงาศัตรูของเหยียนโจว หรือชายคนนั้นจะโกหก
รถม้าของถังหลี่เดินทางอีกหลายวันในที่สุดก็มาถึงจุดหมาย ที่นี่เป็นถิ่นทุรกันดารมีจวนสูงตั้งตระหง่านอยู่ ล้อมรอบด้วยหญ้าที่ขึ้นสูง ถังหลี่มองไปเห็นหอสูงเก้าชั้น มีราวบันไดและเสาถูกแกะสลักไว้อย่างสวยงาม นางมองด้วยสายตา
“สกุลโม่เป็นคนช่วยเราสร้างหอสูงนี้” เหยียนเสี่ยวต้วนกล่าว
“สกุลโม่?” ถังหลี่รู้สึกประหลาดใจ
“ใช่แล้ว สกุลโม่เป็นยอดฝีมือที่สันโดษ อีกทั้งค่ายกลของเขายังทรงพลังเป็นอย่างมาก” เหยียนเสี่ยวต้วนกล่าว
“สกุลเหยียนและสกุลโม่เป็นสหายกันมาช้านาน”
สกุลโม่มีความลึกลับกว่าสกุลเหยียนมาก ก่อนหน้านี้ถังหลี่เคยอ่านเจอในหนังสือแต่ไม่คิดเลยว่าจะมีอยู่จริง
“ไปกันเถอะ”
“จวนสกุลเหยียนมีค่ายกลมากมายที่สกุลโม่สร้างไว้ โปรดเดินตามข้ามาอย่างระมัดระวังด้วย”
เหยียนเสี่ยวต้วนเข้าไปในจวนสกุลเหยียนพร้อมกับถังหลี่และหมอซู ในห้องรับรองมีหญิงอายุประมาณสี่สิบกว่าๆรูปร่างผอมแห้งคิ้วเรียวดูเคร่งขรึม นางคือเหยียนเฟยฉวงน้องสาวของผู้นำสกุลเหยียน
สกุลเหยียนเป็นตระกูลใหญ่ พวกเขาแบ่งหน้าที่การงานอย่างชัดเจน เฟยฉวงทำหน้าที่เป็นผู้คุมกฎ ลงโทษผู้ที่ทำผิดในตระกูล เมื่อเหยียนเสี่ยวต้วนกลับมาบ่าวรับใช้รีบรายงานนางทันที
“นายน้อยกลับมาแล้วขอรับ”
ใบหน้าของนางมีความประหลาดใจ เหยียนเสี่ยวต้วนกลับมาแล้ว? เขากล้ากลับมาหรือ? ความประหลาดใจบนใบหน้าของนางหายไป
“พาเขาไปที่ห้องทรมาน”
ถังหลี่และหมอซูเดินตามหลังเหยียนเสี่ยวต้วน จู่ๆ ก็ถูกคนเข้ามาล้อมไว้ พวกเขาถูกพาไปสถานที่มืดทึบ นางกวาดตาดูรอบๆ ห้อง เต็มไปด้วยเครื่องทรมาน จึงได้เข้าใจทันทีว่าตอนนี้พวกนางกำลังอยู่ในห้องลงทัณฑ์
“เจ้าพาพวกข้ามาที่ห้องทรมานด้วยเหตุใด?” เหยียนเสี่ยวต้วนร้อนรน หมอซูเองก็สับสน
นายท่านเหยียนต้องการพบหมอ เมื่อหมอมาถึงเขาควรจะได้ตรวจคนไข้ทันทีไม่ใช่หรือ? แต่ถังหลี่กลับมีทีท่าสงบ ก่อนหน้าที่จะมาที่นี่ นางมีลางฝันบอกเหตุมาก่อนแล้ว เศษเสี้ยวของความฝันทำให้นางรู้ว่าการเดินทางครั้งนี้ไม่ได้ราบรื่นอย่างที่ควรจะเป็น เช่น ระหว่างทางที่มาพวกเขาจะถูกซุ่มโจมตีและลอบสังหารหลายครั้ง ถังหลี่จึงเลือกที่จะเดินทางทางน้ำ เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ ทุกอย่างย่อมมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง สาเหตุที่ประมุขของสกุลเหยียนป่วยหนักเช่นนี้ อาจจะมีใครบางคนในสกุลเหยียนได้รับผลประโยชน์จากการป่วยของเขา ใครบางคนอาจจะไม่ต้องการให้เขาตื่นมาก็เป็นได้
“ท่านอา” เหยียนเสี่ยวต้วนร้องเรียก ถังหลี่หันไปมองที่ประตูพบกับสตรีท่าทางเคร่งขรึม นางไม่แม้แต่ชายตามองถังหลี่และหมอซูเลยสักนิด แต่กลับมองไปยังเหยียนเสี่ยวต้วนด้วยสายตาตำหนิ
“ท่านอา ท่านพ่อเป็นอย่างไรบ้าง? ข้าอยากเจอท่านพ่อ” เขาพูดด้วยความกังวล แต่เหยียนเฟยฉวงไม่สนใจ นางเดินไปที่เก้าอี้แล้วนั่งลง
“เหยียนเสี่ยวต้วน เจ้าหนีออกจากสถานที่กักบริเวณละเมิดกฎของตระกูลข้อที่ห้าสิบหก เจ้ายินดีจะรับโทษหรือไม่?” เหยียนเฟยฉวงพูดอย่างเฉียบขาด
“ท่านอา ข้าไปหาหมอเทวดามารักษาท่านพ่อ ทักษะทางการแพทย์ของเขาดีมาก เขารักษาท่านพ่อได้แน่” เหยียนเสี่ยวต้วนรีบอธิบาย
สายตาของเหยียนเฟยฉวงมองไปที่ถังหลี่และหมอซู โดยเฉพาะหมอซู นางมองเขาอย่างพิจารณา
“เจ้ามาจากหุบเขาศักดิ์สิทธิ์หรือ?”
หมอซูส่ายศีรษะ
“ข้าไม่ได้มาจากหุบเขาศักดิ์สิทธิ์”
ถังหลี่พูดแทรกขึ้นว่า “นายหญิงอย่าได้ถามหาผู้กล้าว่ามาจากไหน? แต่โปรดถามถึงความสามารถของเขาเถิด หมอซูผู้นี้เชี่ยวชาญมาก เขารักษาโรคที่รักษาได้ยากเย็นมามากมาย ทำให้คนใกล้ตายกลับมามีชีวิตอีกครั้ง” เหยียนเฟยฉวงหันไปมองหมอซู
“เจ้าสามารถรักษาท่านประมุขได้หรือ?”
“ข้าต้องดูอาการของคนไข้ก่อน จึงจะยืนยันคำตอบได้” หมอซูกล่าว
“ท่านอา ให้หมอซูไปดูอาการของท่านพ่อก่อนเถอะ” เหยียนเสี่ยวต้วนกล่าว พ่อของเขากำลังจะตาย แต่ยังไม่รีบพาหมอไปรักษาอีก
“ท่านประมุขไม่ใช่หมาหรือแมว ข้าไม่อาจจะอนุญาตให้ใครมาลองสุ่มสี่สุ่มห้าได้” เหยียนเฟยฉวงกล่าวอย่างเย็นชา
“แต่ท่านหมอซูเก่งมากจริงๆ..” ทว่าอาของเขากลับพูดขึ้นว่า
“เหยียนเสี่ยวต้วน อย่าลืมว่าเหตุใดพ่อของเจ้าจึงอยู่ในอาการหมดสติ”
“ข้า..”
“กฎข้อที่หกของสกุลเหยียนคือห้ามนำคนนอกเข้ามาในจวน รวมถึงการปองร้ายผู้นำตระกูล เจ้าทำผิดกฎไปแล้วถึงสามข้อ นี่ย่อมเพียงพอที่จะตัดขาดกับเจ้าได้แล้ว ท่านประมุขมีอาการทรุดลง เจ้าต้องถูกกักบริเวณในห้อง ส่วนคนนอก..” ดวงตาของเหยียนเฟยฉวงไปอยู่ที่ถังหลี่และหมอซู
“ต้องถูกปิดปากในคุกสกุลเหยียน..”
ไม่ว่าเหยียนเสี่ยวต้วนจะร้องตะโกนโวยวายสักเพียงใดเขาก็ถูกลากออกไป ในขณะที่ถังหลี่กับหมอซูถูกนำตัวขังในคุกใต้ดิน หมอซูขมวดคิ้วเปรยว่า
“ท่าจะยากเสียแล้ว..หากล่าช้าขึ้นไปอีกเพียงวันเดียว อาการของคนไข้ก็จะยิ่งรุนแรงและรักษาได้ยากขึ้น”
ถังหลี่เม้มริมฝีปากแน่น นางไม่ได้พูดอะไรแต่ว่าในใจของนางมีความคิดมากมาย เช่นเรื่องการที่ประมุขสกุลตกอยู่ในอาการไร้สติ เหยียนเสี่ยวต้วนเป็นเด็กที่มีจิตใจบริสุทธิ์ เขาจะฆ่าบิดาตัวเองได้อย่างไร เหตุใดอาของเหยียนเสี่ยวต้วนจึงไม่ฉุกคิดในเรื่องนี้
เขาโดนใส่ร้าย? หรือว่ามีใครอยู่เบื้องหลัง? สิ่งที่เหยียนเสี่ยวต้วนเล่ามาเป็นแค่มุมมองของเขา
ทั้งๆ ที่ประมุขสกุลเหยียนกำลังป่วยหนัก ถึงกระนั้นก็ยังมีคนดูแลสกุลอยู่ แต่กลับไม่มีใครสนใจเหยียนโจวเลย
ถังหลี่อดสงสัยไม่ได้ว่าตระกูลเหยียนกำลังปกป้องเหยียนโจวอยู่ ตอนนี้อาของเหยียนเสี่ยวต้วนไม่ต้องการให้พวกเขาพบกับประมุขเหยียนเลยด้วยซ้ำ..
ถังหลี่เริ่มคิดในวงแคบลง นางรู้สึกว่าอาของเหยียนเสี่ยวต้วนมีบางอย่างที่ดูแปลกพิกล น่าเสียดายที่ตอนนี้นางเป็นคนคอยควบคุมสกุลเหยียน ทั้งๆ ที่นางเป็นผู้ที่น่าสงสัยมากที่สุด
ทั้งสองอยู่ในคุกใต้ดินโดยที่ไม่มีแม้แต่เอาอาหารมาให้ ..สกุลเหยียนจะให้พวกเขาอดตายหรือ?
ถังหลี่มองกำแพงที่มืดมิด นางสงบสติอารมณ์ไม่ตื่นตระหนก มันต้องมีทางออกสิ หมอซูรู้สึกหิวขึ้นมา เขาเห็นถังหลี่หยิบห่อของเล็กๆ ออกมาจากแขนเสื้อของตน เมื่อเปิดดูพบว่าเป็นขนม เขาจึงเข้าใจว่าเหตุใดถังหลี่จึงใส่ชุดหลวมๆ เช่นนี้ เพราะนางเตรียมตัวเอาไว้ก่อนแล้วนั่นเอง ตอนแรกเขาไม่สบายใจ แต่เมื่อเห็นความสงบของถังหลี่ หมอซูจึงปล่อยวางมากขึ้น
เมื่อหญิงสาวมีท่าทีสงบเขาจึงค่อยๆ สบายใจมากขึ้น