บทที่ 625 เหยียนเสี่ยวต้วนไม่หิวอีกแล้ว
เหยียนเสี่ยวต้วนกินอาหารอย่างตะกละตะกลาม เมื่อคุณชายห้าสกุลเหยียนเห็นว่าเขาหิวมากจริงๆ จึงให้อภัยเจ้าเด็กเหลือขอคนนี้ เขาเดินทางไปต่างแคว้นมาเกือบปีแล้วไม่ค่อยได้ติดต่อกับครอบครัวนัก ปกติจะได้รับจดหมายจากท่านประมุขแค่นานๆ ครั้งเท่านั้น ทว่าเขาไม่ได้รับจดหมายมาครึ่งปีแล้ว เขาไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไรจนกระทั่งเขาได้ยินว่าต้าโจวผลิตอาวุธปืนได้ด้วยความช่วยเหลือจากสกุลเหยียน เขาจึงคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงได้รีบเดินทางกลับมา
เมื่อมาถึงสกุลเหยียนเขาได้ทราบข่าวว่าท่านประมุขเหยียนป่วยหนัก สาเหตุมาจากเจ้าเด็กเหลือขอคนนี้ แต่เขาไม่เชื่อ..จึงรีบมาที่ห้องกักบริเวณ ไม่คิดเลยว่าเจ้าเด็กเหลือขอมันจะหิวโซถึงเพียงนี้ เหยียนอู่เยว่แววตามืดลง ดูไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ในใจ เหยียนเสี่ยวต้วนกินอาหารเสร็จแล้ว เมื่อเขากำลังจะเปิดปากคุยกับหลานชาย เหยียนเฟยฉวงและนายท่านรองสกุลเหยียนก็ได้เดินเข้ามา
“อู่เยว่นี่เป็นห้องกักบริเวณ การที่เจ้าบุกเข้ามาเช่นนี้จะไม่เป็นการฝ่าฝืนกฎของสกุลเหยียนหรอกหรือ?” เหยียนเฟยฉวงถามแบบเย็นชา
“ผู้คุมกฎ ข้ามีคำถาม กฎของสกุลเหยียนไม่มีห้ามให้อดอาหารผู้ถูกคุมขังมิใช่หรือ?” อู่เยว่ถามห้วน
ใบหน้าของเหยียนเฟยฉวงเปลี่ยนไป นางรับผิดชอบเรื่องการลงโทษในสกุลเหยียนที่ภายนอกเหมือนจะเที่ยงธรรม แต่แท้จริงแล้วเป็นเพียงวิธีที่นางจะกำจัดคนที่เห็นต่างเท่านั้น แต่เดิมไม่มีใครกล้าขัดคำส่งของนาง แต่เหยียนอู่เยว่ไม่ได้เกรงกลัวเลย
“เขาอดอาหารประท้วงเอง” เหยียนเฟยฉวงกล่าว
“ข้าไม่ได้อดอาหาร ข้าหิวจนจะตายอยู่ แล้วแต่ไม่มีใครเอาอาหารมาให้ข้า” เหยียนเสียงต้วนพึมพำ
“นั่นเป็นเพราะบ่าวรับใช้เลินเล่อ” เหยียนเฟยฉวงกล่าวหา
“บ่าวรับใช้ก็ต้องปฏิบัติตามกฎ ผู้คุมกฎโปรดลงทัณฑ์เขาด้วย”
เหยียนอู่เยว่ท่าทีจริงจัง เหยียนเฟยฉวงจึงต้องจัดการกับบ่าวรับใช้ที่เฝ้าประตู
“ในเมื่อจัดการกับบ่าวรับใช้แล้ว ตอนนี้น้องห้าละเมิดกฎ เจ้าก็ควรจะทำตามกฎใช่หรือไม่?” คุณชายรองเหยียนที่อยู่ข้างเหยียนเฟยฉวงพูดขึ้น
ประมุขเหยียนเป็นบุตรคนที่สามในบรรดาญาติพี่น้องด้วยกัน แต่เพราะเขาเป็นทายาทสายตรง จึงมีสถานะที่ไม่ธรรมดา ไม่มีใครเรียกเขาว่าคุณชายสามแต่เรียกท่านประมุขแทน คุณชายรองเหยียนเป็นผู้รับผิดชอบการงานในสกุลเหยียน โดยมีท่านประมุขและคุณชายสี่เหยียนรับผิดชอบธุรกิจของครอบครัว ตอนนี้คุณชายรองถืออำนาจมากที่สุดโดยมีเหยียนเฟยฉวงคอยช่วยอีกแรง
“บุกรุกห้องกักบริเวณโบยสิบไม้” เหยียนเฟยฉวงตั้งข้อหา เหยียนเสี่ยวต้วนได้ฟังก็ตกตะลึง เขาเสียใจแทนท่านอาห้าของเขา คุณชายห้าคร่ำครวญเล็กน้อยก่อนจะถูกโบยสิบไม้จนเดินขากระเผลกออกไป
“เหล่าอู๋เจ้าจะไปไหน” คุณชายรองถาม
“พี่ใหญ่กับเจ้าสี่อยู่จวนทั้งคู่ พวกเจ้าอยากจะไปเจอพวกเขาด้วยกันหรือไม่?”
“พวกเขาไม่ทำงานแต่อยู่บ้านหรือ?” คุณชายห้าถามด้วยความประะหลาดใจ พี่ใหญ่และพี่สี่ของเขาเป็นคนดูกิจการของครอบครัว ปกติเขาจะยุ่งมากและอยู่นอกบ้านตลอดเวลา
“ก็ยุ่งตลอดนั่นแหละแต่ก็ต้องมีพักผ่อนบ้าง อู่เยว่เจ้าเพิ่งถูกโบยไป รีบไปพักผ่อนก่อนเถอะ” คุณชายรองรีบเกลี้ยกล่อม คุณชายห้ามองพี่ชาย
“พี่รอง ท่านจะกักบริเวณข้าในบ้านหรือ?”
เขาเดาไว้ว่าน้องชายของตนกำลังจะไปพบท่านประมุข นั่นคือความหมายโดยอ้อมของเขา แต่เมื่อถูกจับได้เขาก็ไม่สามารถรักษาใบหน้าที่เย็นชาเอาไว้ได้ คุณชายห้ามองใบหน้าที่ไร้ยางอายของอีกฝ่ายพลางเย้ยหยันอยู่ในใจ ช่างหน้าซื่อใจคดยิ่งนัก!
“เหล่าอู๋ พี่รองของเจ้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น” เหยียนเฟยฉวงพูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
“ข้าต้องการพบกับท่านประมุข” เหยียนอู่เยว่พูดตรงๆ เหยียนเฟยฉวงพยักหน้าอนุญาต คุณชายห้าเดินกะโผลกกะเผลกไป ทันทีที่เขาลับไปจากสายตา คุณชายรองเหยียนก็ขมวดคิ้ว
“เฟยฉวงเหตุใดเจ้าจึงยอมให้เขาไปพบกับท่านประมุขเล่า เด็กคนนี้ฉลาดมาก ไม่ยากที่เขาจะเดาเรื่องราวออก ปัญหาน้อยลงเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น” คุณชายรองเหยียนพูดขึ้น
เขาเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานมาก แต่ก่อนหน้านี้เขาไม่กล้าเพราะว่าท่านประมุขยังมีอำนาจอยู่ แต่ตอนนี้เมื่อท่านประมุขได้แต่นอนรอความตาย ยิ่งทำให้คุณชายรองรู้สึกว่าต้องระมัดระวังให้มากขึ้น เขาคิดว่ายังวางใจไม่ได้จนกว่าคนผู้นั้นจะตาย!
“ท่านประมุขอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว กุญแจห้องลับจะต้องถูกส่งต่อให้ใครบางคนแน่ หากไม่ใช่เหยียนเสี่ยวต้วนก็ต้องเป็นอู่เยว่” เหยียนเฟยฉวงกล่าว
“ข้าคิดว่าเป็นไปได้มากที่จะเป็นอู่เยว่ ทั้งเขายังรีบกลับมาตอนนี้อีก”
คุณชายรองเข้าใจถึงเจตนาของนางที่ยอมให้อีกคุณชายห้าไปพบกับท่านประมุขแล้ว หากอู่เยว่ได้กุญแจมาจริงๆพวกเขาจะเป็นดั่งตั๊กแตนจับจั๊กจั่นนกขมิ้น[1]อยู่ด้านหลัง!
คุณชายรองแสดงความชื่นชมเหยียนเฟยฉวง ถึงอย่างไรเหยียนอู่เยว่ก็ไร้ซึ่งอำนาจ เมื่อท่านประมุขเสียชีวิตแล้ว ย่อมต้องเป็นเขาและเหยียนเฟยฉวงที่ควบคุมสกุลเหยียน น้องห้าจะไม่ได้อะไรสักอย่างเดียว
นี่เป็นสถานการณ์ที่แยบยลและได้ถูกวางแผนเอาไว้เป็นอย่างดี แต่ตอนนี้พี่ใหญ่กับน้องสี่ไม่รู้เรื่องนี้ด้วยเลย คุณชายรองฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้
“เฟยฉวง เราไปจัดการตัวปัญหาสองคนที่คุกใต้ดินกันหรือไม่?”
เหยียนเฟยฉวงพยักหน้า
….
คุณชายห้าไปพบกับท่านประมุข เมื่อเขาเห็นว่าพี่ชายนอนไร้สติเช่นนี้ทำให้รู้ได้ว่าตอนนี้สถานการณ์ในสกุลเหยียนกำลังอยู่ในขั้นวิกฤติ คิ้วของเขาขมวดเป็นปม
“พวกเขาเอาเสี่ยวต้วนมาขู่บังคับให้ข้าเอากุญแจให้ หากข้าไม่ให้ เขาจะให้เสี่ยวต้วนอดอาหาร แต่ข้าไม่รู้จริงๆว่ากุญแจดอกนั้นอยู่ไหน” ฮูหยินเหยียนกล่าวทั้งน้ำตา
“พี่สะใภ้ไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่ให้เสี่ยวต้วนต้องท้องหิว” อู่เยว่ให้คำมั่น
ฮูหยินเหยียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก สิ่งที่นางกังวลที่สุดคือบุตรชายจะโดนอดอาหารจนตาย เมื่อได้ยินคำพูดของอู่เยว่นางจึงโล่งใจ
ฮูหยินเหยียนเฝ้ามองไม่ปริปากบอกความจริงว่าสามีของนางมีทางรอดแล้ว แม้จะรู้ว่าอู่เยว่ไว้ใจได้ แต่ยังควรระวังเอาไว้ก่อน นางเป็นคนโง่เขลา จึงรู้แต่จะใช้วิธีคร่ำครึเช่นนี้เอง เมื่อเห็นความกังวลของเขา ฮูหยินเหยียนได้แต่รู้สึกผิด
“พี่สะใภ้ไม่ต้องกังวลไป ข้าจะหาวิธีรักษาท่านประมุขเองเขาจะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน” เหยียนอู่เยว่ให้ความมั่นใจ ฮูหยินเหยียนพยักหน้าเดินไปส่งเขาที่ประตู
….
ที่คุกใต้ดิน
ถังหลี่และหมอซูหลับตาพักผ่อนเพื่อรอให้ถึงคืนนี้ นางรู้สึกว่านี่ไม่ใช่การแก้ปัญหาระยะยาว เหยียนเฟยฉวงขังพวกเขาไว้โดยไม่ให้อาหาร ถึงพวกนางจะไม่ได้หนีไปแต่ก็ยังมีชีวิตอยู่ไม่อดตายเห็นได้ว่านี่เป็นปัญหาใหญ่มาก นางต้องหาทางทำให้ตัวเองหายไป
หน้าต่าง…คุกแห่งนี้ไร้หน้าต่าง สามารถเข้าออกได้ทางประตูเท่านั้น ถังหลี่เดินไปที่ประตูห้องขัง มองออกไป ภายในคุกใต้ดินว่างเปล่า มีเพียงนางและหมอซูเท่านั้น ไม่มีแม้แต่ยามเฝ้า ถังหลี่จำได้พวกนางถูกจับโดยยามสองคน ปัญหาใหญ่ที่สุดในตอนนี้ ไม่ใช่ผู้คุมแต่เป็นกุญแจที่ไขประตูคุก พอสังเกตดูให้ดีจึงเห็นว่าประตูทำขึ้นจากโลหะ ไม่มีทางที่ถังหลี่จะทำลายมันได้
ในตอนที่นางกำลังกังวล ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆเดินเข้ามา
[1] ตั๊กแตนจับจั๊กจั่นนกขมิ้นอยู่ข้างหลัง สำนวนนี้ หมายถึง จ้องจะทำร้ายหรือจัดการอีกฝ่ายโดยลืมไปว่าตัวองก็อาจจะถูกจ้องจัดการอยู่