จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 606-610

ตอนที่ 606-610

บทที่ 606 : ข้าอยากแต่งกับราชินี (7)
  ก่อนหน้านี้นางไม่เคยร้องไห้เลยแม้จะถูกเซียวหย่ารังแกมาเนิ่นนาน ทว่าในเวลานี้ อาจเป็นเพราะพฤติกรรมของหลงฉางเทียนทำให้นางหวาดกลัว กระทั่งร้องไห้ออกมา
  ”หลงเอ๋ออย่าเพิ่งไป !” หลงฉางเทียนรีบลุกขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็ว เขารีบคว้าแขนของหลงเอ๋ออย่างทันท่วงที “หลงเอ๋อ เป็นความผิดของพ่อเอง อย่าบอกราชินีเลยนะ หาไม่พ่อต้องตายแน่ ๆ ”
  ”ปล่อยนะ!” หลงเอ๋อผลักอย่างแรงอีกครั้ง กระทั่งร่างของหลงฉางเทียนร่วงไปกองกับพื้น ใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นสีแดง พร้อมกันนั้นเสียงคร่ำครวญของนางก็ดังออกมาจากลำคอ “หากท่านต้องการให้ข้าทิ้งราชินีเพื่อไปติดตามองค์ราชาแล้วล่ะก็ บอกได้เลยว่า ข้าไม่มีวันทำเช่นนั้น ! ท่านเป็นคนเลว ข้าจะไม่เชื่อใจท่านอีก”
  ”แค่กแค่ก ”
  หลงฉางเทียนไอออกมาสองครั้งใบหน้าของเขาซีด หากราชินีรู้เรื่องนี้เข้าเขาจะต้องตายแน่ ๆ !
  “หลงเอ๋ออย่างไรเสียข้าก็เป็นพ่อของเจ้านะ หากราชินีทรงรู้เรื่องนี้ นางไม่มีวันปล่อยพ่อแน่ หรือเจ้าทนเห็นพ่อของเจ้าต้องตายเพราะเจ้าได้ ?” หลงฉางเทียน เริ่มเป็นกังวล เหตุใดเขาจึงไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าบุตรสาวคนนี้จะโหดร้ายได้ถึงเพียงนี้ ?
  ยิ่งไปกว่านั้นนางยังรู้จักฟ้องด้วย ?
  ”ท่านคิดว่าข้าโง่พวกท่านทุกคนต่างก็คิดว่าข้าโง่ ใช่ข้าโง่ ตลอดเวลาที่ผ่านมาท่านเองก็รู้ว่าพี่รองกลั่นแกล้งข้า หากแต่ท่านก็ไม่เคยยื่นมือช่วยข้าเลย ท่านเห็นพี่รองไม่ชอบข้า ท่านก็ไม่ให้ข้าปรากฏตัวต่อหน้าพี่รอง” หลงเอ๋อร้องคร่ำครวญ พลางน้ำตาแห่งความโศกเศร้าก็พรั่งพรูลงมาอีกครั้ง “หลงเอ๋อเคยชอบท่านมาก เพราะท่านไม่เคยดุด่าว่าหลงเอ๋อ ไม่เหมือนสองแม่ลูกนั่น”
  ”ราชินีใจดีกับข้ามากนางเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ข้าฟัง ทั้งยังให้ข้ากินขนมถั่วน้ำตาล นางบอกว่าขนมถั่วน้ำตาลจะทำให้ข้าฉลาดขึ้น ดูสิตอนนี้ ข้าสามารถเดินได้ด้วยตัวเองแล้ว… ”
  หลงฉางเทียนเองก็เพิ่งพบว่าหลงเอ๋อไม่ต้องให้คนอื่นช่วยพยุงแล้ว นางสามารถเดินเองได้แล้ว
  ที่สุดบุตรสาวของเขาก็เติบโตแล้วงั้นรึ?
  ไม่แปลกใจไม่แปลกใจเลยที่นางจะพูดถ้อยคำเหล่านี้ได้ หากเป็นบุตรสาวคนเดิมของเขา ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรนางก็จะเชื่อฟังเสมอ
  ”หลงเอ๋อ!”
  ครั้นเห็นว่าหลงเอ๋อกำลังจะจากไปหลงฉางเทียนก็ตัวสั่น เขาผลุนผลันลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาต้องการพูดกับนาง ทว่าคนในวังที่ได้ยินเสียง ต่างก็รีบมาที่นี่ทันที
  ที่เดินนำหน้ามาคือตี้เสี่ยวอวิ๋นตามาด้วยไป๋เสี่ยวเฉิน
  ชั่วขณะนั้นใบหน้าของเขาซีดมากความรู้สึกสิ้นหวังท่วมท้นในหัวใจของเขา ทำให้เขาห่อเหี่ยวจนพูดไม่ออก
  ”องค์ชาย”
  ครั้นหลงเอ๋อเห็นตี้เสี่ยวอวิ๋นและไป๋เสี่ยวเฉินเดินตรงมาหา น้ำตาของนางก็ร่วงเผาะ นางกระโดดเข้าหาอ้อมแขนของตี้เสี่ยวอวิ๋น ต้องการที่จะปลดปล่อยความคับข้องใจที่มีออกมาทั้งหมด
  ตี้เสี่ยวอวิ๋นแทบอกระเบิดไอ้สารเลวคนนี้เพิกเฉยต่อคำสั่งของพี่สะใภ้ กล้ารังแกหลงเอ๋อกระนั้นรึ ?
  นางไม่อยากจะเชื่อเลยเมื่อได้รู้เห็นเช่นนี้ !
  ชั่วขณะนี้หัวใจของตี้เสี่ยวอวิ๋นก็ทั้งโกรธ ทั้งรู้สึกผิด นางลูบหลังหลงเอ๋อพลางเอ่ยถาม “หลงเอ๋อบอกข้าหน่อยสิว่าเขารังแกเจ้ายังไง ?”
  ”เขาบังคับให้ข้าไปจากราชินี”หลงเอ๋อเช็ดน้ำตาพร้อมเอ่ยกล่าวอย่างน่าเวทนา “องค์หญิง หลงเอ๋อชอบราชินีมาก หลงเอ๋อไม่อยากไปจากราชินี”
  ในอกของตี้เสี่ยวอวิ๋นเต็มไปด้วยความโกรธนางกล่าวเยาะว่า “คนของเผ่ามังกรช่างกล้าหาญดีแท้ เจ้าคิดว่า ฐานะผู้นำเผ่ามังกรนี่ คงยิ่งใหญ่มากสิท่า แม้แต่คำสั่งของพี่สะใภ้ข้าก็ยังเพิกเฉยได้ ? นี่เจ้าคงคิดว่าชนเผ่ามังกรไม่สามารถจะทำอะไรได้ หากไม่มีเจ้ากระนั้นสิ ?”
  ใบหน้าของหลงฉางเทียนขาวซีดเขามองหลงเอ๋ออย่างไม่พอใจ
  เจ้ากล้าทำจริงๆ เจ้ากล้าฟ้ององค์หญิงจริง ๆ รึ ?
  ”แล้ว… ” “เขายังต้องการให้ข้าแต่งงานกับองค์ราชา แต่ข้าชอบราชินีนี่ ข้าจะแต่งงานกับราชินีเท่านั้น”
  ***จบบทข้าอยากแต่งกับราชินี (7)***

บทที่ 607 : การเดินทางของตี้คัง (1)
  เสียงของเด็กหญิงน้อยปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมแต่กลับทำให้ทุกคนที่กำลังอยู่ในอารมณ์ไม่ดีถึงกับตัวสั่น
  จะแต่งงานกับราชินี?
  นี่มัน…
  ตี้เสี่ยวอวิ๋นสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะค่อย ๆ โอบไหล่หลงเอ๋ออย่างสงบ เอ่ยกล่าวอย่างจริงจังว่า “เจ้าห้ามพูดเช่นนี้อีกนะ โดยเฉพาะต่อหน้าเสด็จพี่ของข้า เข้าใจหรือไม่ ?”
  ”ทำไมล่ะ?” หลงเอ๋อกระพริบตา สีหน้าของนางยังคงไร้เดียงสา
  ”เสด็จพี่ของข้าจะโยนเจ้าออกจากวังทันทีแล้วจากนั้นเจ้าจะไม่ได้เห็นพี่สะใภ้ของข้าอีก”
  หึงก็คือหึง…จะเป็นบุรุษหรือสตรีเขาก็หึงอย่าว่าแต่หลงเอ๋อคิดอยากจะแต่งงานกับพี่สะใภ้ของนางเลย
  ครั้นได้ยินว่าตี้คังจะไล่นางไม่ให้อยู่ข้างกายไป๋หยาน ร่างของหลงเอ๋อก็สั่นระริก นางเงยใบหน้าสีชมพูน่ารักของนางขึ้น พลางกล่าวอย่างฉลาดเฉลียวว่า “องค์หญิง…ข้าเข้าใจแล้ว”
  ”ดีแล้วที่เจ้าเข้าใจ”ตี้เสี่ยวอวิ๋นแย้มยิ้มอย่างสดใส นางหันไปมองหลงฉางเทียน “เจ้ายังไม่เข้าใจที่พี่ชายและพี่สะใภ้ของข้าพูดใช่หรือไม่ ?”
  ”องค์หญิง…ท่านอย่าไปฟังเรื่องไร้สาระของนางเด็กคนนี้”หลงฉางเทียนรีบลุกขึ้นยืน พลันนัยน์ตาที่โหดร้ายของเขาก็จ้องมองหลงเอ๋อเขม็ง “เด็กคนนี้ขี้โกหกทั้งไม่เคยพูดความจริงเลย ท่านอย่าได้เชื่อนาง !”
  หลงเอ๋อหลบไปซ่อนตัวด้านหลังตี้เสี่ยวอวิ๋นทันทีโดยไม่รู้ตัว
  ท่านพ่อในยามนี้เลวร้ายยิ่งเสียกว่าตอนที่ท่านแม่ และพี่สาวรังแกนางเสียอีก
  ”อาหญิง”ไป๋เสี่ยวเฉินขมวดคิ้วอย่างน่ารัก เขาดึงแขนเสื้อของตี้เสี่ยวอวิ๋น พลางกระซิบ “หม่ามี้ ขอให้เฉินเอ๋อช่วยปกป้องน้องหลงเอ๋อ ให้ข้าจัดการเรื่องนี้เองจะได้หรือไม่ ?”
  ตี้เสี่ยวอวิ๋นตกใจนางมองใบหน้าใสซื่อบริสุทธิ์ของไป๋เสี่ยวเฉินด้วยความสงสัยพลางพยักหน้าเล็กน้อย “ได้สิ”
  ไป๋เสี่ยวเฉินยิ้ม
  รอยยิ้มของเขาไร้เดียงสาแสนบริสุทธิ์
  ครั้นเห็นร่างเล็กๆ น่ารักของไป๋เสี่ยวเฉิน หลงฉางเทียนก็ผ่อนลมหายใจช้า ๆ องค์ชายน้อยดูน่าที่จะรับมือง่ายกว่าองค์หญิง เขาเพียงพูดไม่กี่คำก็น่าจะทำให้องค์ชายน้อยเชื่อได้
  ”องค์ชายน้อยที่ข้ากล่าวมาล้วนเป็นความจริง เด็กคนนี้เกลียดข้า เพราะข้ารักเซียวหย่ามากกว่านาง ด้วยเหตุนี้ข้าจึงคิดว่านางต้องการที่จะใส่ร้ายข้า เมื่อครู่นี้นางบอกข้าว่า นางต้องการถวายตัวเป็นพระสนมขององค์ราชา หากแต่ข้าแนะนำนางว่าอย่าได้คิดเพ้อเจ้อ … ”
  “ข้าไม่ได้พูดเช่นนั้นซะหน่อย”หลงเอ๋อเงยหน้าขึ้นหยาดน้ำตาคลอหน่วย “ข้าไม่ได้โกหก ข้าไม่ได้โกหก”
  แม้ตี้เสี่ยวอวิ๋นจะไม่รู้ว่าไป๋เสี่ยวเฉินคิดจะทำสิ่งใดหากแต่นางก็ยังคงจับมือให้กำลังใจหลงเอ๋อ
  ”อาหญิงเฉินเอ๋อเพิ่งมาถึงแดนอสูร เฉินเอ๋อไม่เชี่ยวชาญเรื่องโทษทัณฑ์ของแดนอสูร ไม่ทราบว่าการดูหมิ่น และหลอกลวงราชวงศ์อสูรมีโทษเช่นไร ?”
  น้ำเสียงของไป๋เสี่ยวเฉินนุ่มนวลน่ารักหากชัดเจนและหนักแน่น น้ำเสียงนั้นผ่านเข้าหูของผู้คนราวสายลมพริ้วไหว
  ”ทัณฑ์เมือง!”
  ”เนื่องจากเป็นทัณฑ์เมือง … ” รอยยิ้มอันน่ารักของไป๋เสี่ยวเฉิน “หลงฉางเทียน เจ้าควรรู้ว่าคำพูดของเจ้าจะส่งผลกระทบต่อบุตรสาวของเจ้ามากเพียงใด แสดงว่าเจ้าต้องการฆ่านางใช่หรือไม่ ?”
  หลงฉางเทียนลังเลอยู่นานเหตุที่เขายังไม่ทำรุนแรงกับหลงเอ๋อในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มิใช่ว่าเขารักบุตรสาวตัวน้อยของเขา หากเป็นเพราะเขายังคงคาดหวังในตัวนาง
  เขาเกรงว่าหากวันหนึ่งหญิงสาวเกิดโชคดี เมื่อถึงเวลานั้นเขาก็จะได้ใช้ความเป็นบิดา เพื่อตักตวงประโยชน์จากนางได้ตลอดไป
  เสียดาย!
  หากไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าหลงเอ๋อโกหกวันนี้เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน เช่นนั้นแม้ว่าหลงเอ๋อจะโชคดีมีบุญหนักศักดิ์ใหญ่เพียงใด ย่อมไม่มีประโยชน์ใดกับเขาแล้ว
  “ข้าเพียงต้องการพูดความจริงข้าไม่ต้องการให้ราชินีกลายเป็นคนโง่เพราะเด็กขี้โกหกคนนี้” หลงฉางเทียนกล่าว นัยน์ตาของเขาฉายประกายดุดัน ขณะกำหมัดแน่น “องค์ชายน้อย เพราะข้าขาดการอบรมบุตรสาว ทำให้นางคิดใฝ่ฝันในสิ่งที่มิใช่ฐานะ เช่นนั้นไม่ว่าราชวงศ์ต้องการจะจัดการกับนางเยี่ยงไร ข้าก็จะไม่ทักท้วงแม้ครึ่งคำ”
  ***จบบทการเดินทางของตี้คัง (1)***

บทที่ 608 : การเดินทางของตี้คัง (2)
  อย่าโทษข้าที่ไม่เมตตาเจ้า!
  หากเจ้าไม่เปิดเผยถ้อยสนทนาของเราข้าก็คงจะไม่ให้ร้ายเจ้าเช่นนี้
  ดังนั้นแม้ว่าราชวงศ์จะต้องการชีวิตของเจ้าเจ้าก็สมควรแล้วที่จะได้รับสิ่งนั้น !
  ร่างของหลงเอ๋อแข็งค้างศีรษะของนางลดลงเล็กน้อย ร่างกายของนางถูกความเศร้าปกคลุม
  นางเข้าใจบทสนทนาระหว่างนางกับบิดาดีแม้ว่านางจะเคยโง่มานานก็ตาม
  บิดาของนางปรารถนาฆ่านาง!
  “น้องหลงเอ๋อ”ไป๋เสี่ยวเฉินยิ้มอย่างสดใส เขาหันไปมองหลงเอ๋อ “เจ้าเห็นรึยังว่า พ่อของเจ้าปฏิบัติต่อเจ้าเช่นไร ? จากนี้ไปหากข้าลงโทษเขา เจ้าจะมีปัญหาใดหรือไม่ ?”
  รอยยิ้มดุร้ายของหลงฉางเทียนแข็งค้างขณะจ้องมองใบหน้าเล็ก ๆ ของเจ้าซาลาเปาน้อย
  องค์ชายหมายถึงอะไร?
  ”เขาไม่ใช่พ่อของข้าอีกต่อไปแล้ว!”
  หลงเอ๋อเงยหน้าขึ้นน้ำตาเอ่อคลอ นัยน์ตาที่ดื้อรั้นของนางมองหลงฉางเทียนเขม็ง “ชายคนนี้ไม่ใช่พ่อของข้า !”
  ”อาหญิง”ไป๋เสี่ยวเฉินยิ้มพลางมองตี้เสี่ยวอวิ๋น “ท่านเป็นผู้อนุญาตให้หลงเอ๋อ มากับหลงฉางเทียน ตอนนี้เชิญท่านจัดการกับชายผู้นี้ด้วยตนเองเถอะ !”
  ตี้เสี่ยวอวิ๋นหัวเราะน้อยๆ เจ้าซาลาเปาน้อยคนนี้ฉลาดเหมือนลิง เขาตั้งใจพูด เพื่อที่จะให้หลงเอ๋อรู้สึกสบายใจ พร้อมกันนั้นก็ยังแยกนางออกจากหลงฉางเทียนไปในตัว
  ”แต่หากท่านจัดการได้ไม่เหมาะสม… ” เสียงอันเยือกเย็นของเฉินเอ๋อดังขึ้นอีกครั้ง “ถ้าหม่ามี้รู้ นางต้องโกรธแน่ ๆ ”
  ครั้นถ้อยคำเหล่านั้นหลุดออกมาตี้เสี่ยวอวิ๋นก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น ภาพคู่สร้างคู่สมสองคนนั่นปรากฏขึ้นในใจ นางจิกมุมปากเล็กน้อย
  ”เสี่ยวเฉินเจ้าชอบขู่ข้าไม่ต่างกับมารดาของเจ้าเลย…”
  ”ก็ท่านเป็นผู้อนุญาตให้หลงเอ๋อออกมาเองนี่”
  ”เจ้าก็ตกลงเช่นกันนี่… ”
  ”ดังนั้นข้าจึงต้องโยนบาปให้ท่านไง”
  ไป๋เสี่ยวเฉินยิ้มอย่างขี้เล่นน่าเอ็นดูทว่านัยน์ตาที่ไร้เดียงสาของเขาเต็มไปด้วยแววเจ้าเล่ห์ของจิ้งจอก
  ใบหน้าของตี้เสี่ยวอวิ๋นเปลี่ยนเป็นหม่นดำเด็กคนนี้สมควรแล้วที่ถือกำเนิดจากเสด็จพี่ของนาง ทั้งน่ารักทั้งน่าเกลียดชังในเวลาเดียวกัน
  ถ้อยคำของคนทั้งสองมีหรือที่หลงฉางเทียนจะไม่ได้ยิน แข้งขาของเขาอ่อนยวบ กระทั่งทรุดนั่งลงกับพื้น ใบหน้าของเขาซีดเผือด เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
  จบแล้ว!
  ครานี้เขาต้องเสร็จแน่ๆ !
  จางหรู่หยุนผู้ซึ่งออกมาร่วมดูฉากวุ่นวายนี้ด้วยหลังจากที่ได้เห็นสถานการณ์ที่น่าเศร้าของหลงฉางเทียน นางก็ค่อย ๆ หลบฉากออกไปอย่างเงียบ ๆ เมื่อไม่มีผู้ใดให้ความสนใจนาง ด้วยเกรงว่านางจะไม่มีโอกาสหลบหนีไปจากที่นี่ได้ หากชักช้าแม้เพียงเสี้ยวอึดใจ
  ตี้เสี่ยวอวิ๋นไม่ทันสังเกตเห็นจางหรู่หยุนนางลากตัวหลงฉางเทียนออกมา จากนั้นก็รวบรวมพลังฉีจนถึงระดับสูง
  เมื่อพลังฉีพุ่งขึ้นถึงระดับสูงสุดนางก็ยกขาขึ้นถีบร่างของหลงฉางเทียนอย่างแรง กระทั่งหลงฉางเทียนลอยละลิ่วขึ้นสู่ท้องฟ้า
  “ไอ้สารเลวเอ๊ย! เจ้าเกือบจะฆ่าองค์หญิงผู้นี้แล้วรู้หรือไม่ ? ยังไม่สำนึกผิดอีก เจ้ากล้าวางแผนใส่ร้ายหลงเอ๋อได้เยี่ยงไร ? ช่างน่าเศร้าเหลือเกินที่ หลงเอ๋อมีบิดาเช่นเจ้า”
  ”เจ้าเลวร้ายเสียยิ่งกว่าจางหรู่หยุนร้อยเท่า! นางเป็นคนไม่ดี ทว่าก็แสดงออกซึ่ง ๆ หน้า หากแต่เจ้ากลับเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก เบื้องหน้าเสแสร้งแกล้งเป็นคนดี ทว่าจิตใจซุกซ่อนความชั่วช้าเอาไว้ ข้าบอกเจ้าแล้วว่าไม่มีผู้ใดช่วยเจ้าได้ ส่วนเผ่ามังกรของเจ้านั้น ข้าจะขอให้เสด็จพี่ทำการคัดเลือกผู้นำเผ่าคนใหม่ขึ้นมาแทนที่เจ้า เพราะข้าไม่เชื่อในวิสัยทัศน์การเลือกผู้นำของเผ่ามังกรแล้ว”
  บริเวณทางเดินยินเสียงครวญครางโหยหวนกินเวลานานก่อนที่จะซาและจางหายไป ภายหลังจากตี้เสี่ยวอวิ๋นออกจากที่นั่น จึงจะมีคนกล้าเดินเข้าไปดู
  ภาพที่ปรากฏ…
  หลงฉางเทียนทอดกายยาวอยู่บนพื้นภายในใจของทุกคนต่างก็เย็นยะเยือก ปรากฏความหวาดกลัวขึ้นในแววตาของพวกเขา
  ***จบบทการเดินทางของตี้คัง (2)***

บทที่ 609 : การเดินทางของตี้คัง (3)
  พวกเขารู้เพียงว่าองค์หญิงน้อยเป็นคนเอาแต่ใจหากแต่พวกเขาไม่คิดว่าองค์หญิงน้อยจะโหดร้ายถึงเพียงนี้
  แม้มังกรจะได้ชื่อว่าเป็นอมตะหากในครั้งนี้ อาการของหลงฉางเทียนหนักหนาถึงขั้นที่ว่าไม่สามารถแม้แต่จะก้าวลงจากเตียงเสียด้วยซ้ำ
  *****
  ภายในวังมังกร
  จางหรู่หยุนลอบมองไปมองมาอย่างระแวดระวังและเมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใดติดตามนาง นางจึงกล้าก้าวเข้าวังมังกร
  ”ท่านแม่”
  เซียวหย่ารีบก้าวผ่านประตูออกมาอย่างรวดเร็วพลางเอ่ยถามอย่างกระตือรือร้นว่า “พิธีราชาภิเษกอันยิ่งใหญ่เป็นอย่างไรบ้าง ท่านแม่ ? ตกลงองค์ราชาเลือกสตรีได้หลายคนหรือไม่ ? แล้วราชินีขี้โมโหผู้นั้นได้ดำเนินพิธีจนเสร็จสิ้นหรือไม่ ? ข้ารู้แต่ต้นแล้วว่านางมิใช่หญิงที่ดีนัก ! ”
  ยิ่งนางพูดมากเท่าไรนางก็ยิ่งตื่นเต้นมากเท่านั้น ใบหน้าของนางแดงก่ำด้วยความตื่นเต้นที่เพิ่มทวี
  ”บางทีหากองค์ราชาพิโรธและล้มเลิกงานราชพิธี ข้าก็จะมีโอกาส … ”
  จางหรู่หยุนมองใบหน้าที่ตื่นเต้นของเซียวหย่าอยู่นานนางอยากเอ่ยปาก ทว่าก็ยังไม่สามารถเอ่ยกล่าวความจริงออกมาได้
  ”เซียวหย่ารีบเก็บข้าวของแล้วไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้”
  เซียวหย่าตกตะลึงอยู่นานพลันสีหน้าแดง ๆ บนใบหน้านางก็จางหาย นางเอ่ยถามอย่างลังเลว่า “ท่านพ่อยังไม่กลับมาเลย เหตุใดพวกเราต้องรีบร้อนด้วย”
  ”เอ่อ…”จางหรู่หยุนกัดฟัน “ตอนนี้นางโง่น้อยโชคดีติดลมบนไปแล้ว ตราบใดที่พวกเขาต้องการนางโง่น้อย เขาจะต้องการเราแม่ลูกได้อย่างไร ? รีบไปกันเถอะ ไม่ต้องเก็บข้าวของแล้ว”
  ครั้นจบประโยคจางหรู่หยุนก็คว้ามือหลงเซียวหย่าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ พลางดึงไปที่ประตู
  แต่ก่อนที่พวกนางจะทันก้าวถึงประตูทหารคุ้มกันกลุ่มหนึ่งก็รีบกรูกันเข้ามาโอบล้อมวังมังกรนี้ไว้
  ”พวกเจ้าคิดจะทำอะไร?” หลงเซียวหย่าโกรธมาก “บิดาของข้าคือผู้นำเผ่ามังกร พวกเจ้ากล้าดียังไง ?
  หัวหน้าหลงผู้นำเผ่ามังกรงั้นรึ?
  ทหารองครักษ์หัวเราะเยาะพลางกล่าวเหน็บแนมว่า “องค์ราชา มีรับสั่งให้นำตัวพวกเจ้าไป”
  นัยน์ตาของหลงเซียวหย่าสว่างไสวทันควัน”องค์ราชามีรับสั่งให้พวกเจ้าพาเราไปงั้นหรือ ? หรือว่าองค์ราชามีความรู้สึกบางอย่างต่อข้า ? เช่นนั้นข้าก็จะไปกับพวกเจ้า ข้าจะไปเฝ้าองค์ราชา”
  ใบหน้าของจางหรู่หยุนเปลี่ยนเป็นซีดเผือดนางต้องการปิดปากเซียวหย่า หากแต่ก่อนที่นางจะทันได้ทำอะไร หลงเซียวหย่าก็พลั้งปากสิ้นแล้ว
  ”ฮ่าฮ่า!”ทหารองครักษ์หัวเราะร่า “หากราชาและราชินีของเรามีความรักต่อกันอย่างลึกซึ้ง เจ้ายังต้องการจะติดตามพวกเรากลับไปอีกหรือไม่ ?”
  คำสี่คำที่ว่ารักกันลึกซึ้งไม่ต่างจากเข็มทิ่มแทงใจหลงเซียวหย่า นางรู้สึกปวดร้าวใจ
  หญิงผู้นั้นไม่ได้โกรธอะไรทั้งองค์ราชาก็ไม่ได้ทอดทิ้งนางงั้นหรือ ?
  ”รักกันลึกซึ้งงั้นหรือ? เช่นนั้นที่องค์ราชาทรงเลือกสตรีหลายคนเข้าวังในวันนี้ล่ะ ?” นางเบะปากอย่างแดกดัน ใบหน้าของนางเชิดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม
  ใบหน้าของจางหรู่หยุนนั้นซีดกว่าเดิมนางพยายามยื่นมืออันสั่นเทาออกไปหลายครั้ง หากแต่นางก็ไม่สามารถเอื้อมมือออกไปได้ แม้แต่ลำคอของนางก็ยังแห้งผากไม่อาจเปล่งเสียงใด
  “แม่นางหลงไม่ได้เข้าร่วมงานในวันนี้บางทีเจ้าอาจไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในพิธีนั้น” ทหารองครักษ์กล่าวเย้ยหยัน “องค์ราชาของเรามีพระราชโองการว่า ครั้งที่พระองค์ตามพิชิตพระทัยองค์ราชินีนั้น พระองค์ทรงให้สัญญากับพระนางไว้ว่าจะใช้ชีวิตคู่แบบผัวเดียวเมียเดียว ! ชั่วพระชนม์ชีพของพระองค์จะไม่มีสตรีอื่นอีก ”
  ร่างของเซียวหย่าสั่นเทานางก้าวถอยหลังสองสามก้าว พลางเงยหน้าซีด ๆ เอ่ยถามด้วยเสียงสั่น ๆ “เจ้าว่าไงนะ ?”
  คู่ชีวิตผัวเดียวเมียเดียว ?
  ไร้สาระอะไรขนาดนี้?
  ตลอดพระชนม์ชีพองค์ราชาจะต้องการสตรีเพียงคนเดียวได้อย่างไร?
  ”อ้อ…องค์ราชาของเรายังมีรับสั่งอีกว่าผู้ใดก็ตามที่กล้าหวังตำแหน่งพระสนมจะได้เดินเข้าวัง ทว่าจะต้องนอนกลับออกมา !”
  ปัง!
  หลงเซียวหย่าไม่สามารถทนรับถ้อยคำร้ายกาจเช่นนี้ได้นางทรุดกายลงกับพื้น ใบหน้าของนางแสดงออกถึงความสิ้นหวัง ร่างของนางสั่นเทา
  ***จบบทการเดินทางของตี้คัง (3)***

บทที่ 610 : การเดินทางของตี้คัง (4)
  ”แม่นางหลงเอ๋อราชาและราชินีของเราถูกสร้างมาคู่กัน ราชินีนั้นงดงามอย่างยิ่ง ข้าไม่เข้าใจเลยว่าเจ้าไปเอาความกล้ามาจากที่ใดจึงคิดว่าองค์ราชาจะชายพระเนตรมองเจ้า”
  ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ไป๋หยานไม่ค่อยได้ออกจากภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์ ทว่าไป๋เสี่ยวเฉินเป็นเด็กไม่อยุู่นิ่ง เขามักจะวิ่งไปวิ่งมารอบ ๆ บริเวณนั้น เที่ยวได้ตีสนิทกับผู้คนในแดนอสูรไปทั่ว
  ครั้นหวนนึกได้ว่ามีใครบางคนพยายามแย่งชิงองค์ราชาจากพระมารดาขององค์ชายน้อยซ้ำยังจะขโมยพระบิดาขององค์ชายน้อยอีกด้วย พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะโมโห พวกเขามองหลงเซียวหย่าด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม
  หลงเซียวหย่ายืนงงนิ่งอยู่กับที่ไม่อาจเข้าใจสิ่งใดได้”ในเมื่อองค์ราชาไม่ชอบข้า เหตุใดถึงส่งพวกเจ้ามาหาข้าล่ะ ?”
  ”ฮ่าฮ่า”องครักษ์หัวเราะเยาะ “องค์ราชาให้พวกเรามาช่วยส่งเจ้าออกจากวัง จากนั้นพระองค์จะทรงคัดเลือกผู้นำเผ่าคนใหม่ให้กับเผ่ามังกร ทั้งพระองค์จะส่งมอบเจ้าให้กับผู้นำเผ่าที่ไว้ใจได้ เพื่อจัดการต่อไป”
  บูม!
  ไม่ต่างจากโดนสายฟ้าฟาดเซียวหย่าตกใจรุนแรงกับข่าวที่เพิ่งได้ยินนี้
  นางตื่นตระหนกขณะเอ่ยถามว่า “เจ้าหมายถึงอะไร ? ผู้นำเผ่าคนใหม่งั้นรึ ? เช่นนั้นท่านพ่อของข้าเล่าอยู่ที่ใด ? ต่อให้ข้าอยากจะเป็นพระสนมขององค์ราชา ทว่าก็เป็นเรื่องของข้าแต่เพียงผู้เดียว
  หากเป็นเช่นนี้นางก็มิใช่คุณหนูใหญ่ของเผ่ามังกรอีกต่อไปแล้วกระนั้นสิ ?
  ไม่…
  นางคุ้นเคยกับการมีชีวิตอยู่เหนือผู้อื่น
  ”หลงฉางเทียนผู้นำเผ่ามังกรดูหมิ่นราชวงศ์ ทั้งยังรังแกคุณหนูเล็กเผ่ามังกร เขาย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงความตายได้ !”
  “ช้าก่อน? รังแกนางโง่น้อยงั้นรึ ? เช่นนั้นจะมีโทษทัณฑ์ได้อย่างไร ? ในเมื่อนางก็เป็นบุตรสาวของพ่อข้า !”
  “เสียใจด้วยราชินีมีรับสั่งว่า หากผู้ใดในเผ่ามังกรกล้ารังแกคุณหนูหลงเอ๋อ จะถือเป็นการต่อต้านราชอาณาจักร พวกเขาจะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส” องครักษ์กล่าวต่อ ขณะจ้องมองหลงเซียวหย่าอย่างเย็นชา “เช่นนั้นข้อแรกพวกเจ้าพยายามล่อลวงองค์ราชา และข้อสองพวกเจ้าพยายามปองร้ายราชินี”
  ปองร้ายราชินี…เมื่อไรกัน?
  ครั้นเห็นมังกรสาวเซียวหย่าตกตะลึงองครักษ์ก็รู้ว่านางกำลังคิดสิ่งใดอยู่ จึงกล่าวต่ออย่างใจเย็นว่า “ความผิดเหล่านี้องค์ราชาทรงเป็นผู้ตัดสิน ตอนนี้ข้าจะคุมตัวเจ้ากลับไปที่เผ่ามังกร เพื่อรอทัณฑ์ประหาร !”
  หลงเซียวหย่างงงันชั่วครู่หนึ่งครั้นเห็นองครักษ์กำลังจะคุมตัวนางไป นางก็ผลักองครักษ์อย่างโกรธเคือง
  ”ไม่…เจ้าทำกับข้าเช่นนี้ไม่ได้ข้าต้องการเฝ้าองค์ราชา ข้าต้องการพบฝ่าบาท อ่า !!!”
  สุ้มเสียงของนางแหบห้าวนัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยเส้นเลือด ทว่านางยังมิทันที่จะกล่าวจบ องครักษ์ก็กดร่างนางลงกับพื้นอย่างแรงไม่เปิดโอกาสให้นางได้ต่อสู้
  จางหรู่หยุนฉลาดพอที่จะรู้ว่าต่อต้านไปก็ไร้ประโยชน์ นางยอมปล่อยทุกอย่างเลยตามเลย ปล่อยให้คนเหล่านั้นใช้กำลังลากนางถูลู่ถูกังไปที่ประตู
  *****
  วังไป๋เยว่
  แสงจันทร์สาดส่องทอลอดมาจากหน้าต่างตกกระทบใบหน้าที่งดงามของหญิงสาว
  นางลืมตาขึ้นเล็กน้อยพลางหันไปมองด้านข้าง หากแต่กลับพบว่าผู้ที่เคยอยู่ข้างกาย ไม่ทราบหายตัวไปตั้งแต่เมื่อใด
  “นายหญิง”เสี่ยวมี่เหยียดขาอย่างเฉื่อยชา พลางลุกขึ้นจากเตียง มันซุกตัวเข้าไปในอ้อมแขนของไป๋หยาน “ตอนนี้องค์ราชาออกไปแล้ว เราจะทำอะไรต่อไปดี ?”
  ”ไปที่ภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์ข้าได้ซ่อนยาเม็ดจิตวิญญาณขั้นสามไว้ในที่ลับ”
  ไป๋หยานก้าวลงจากเตียงนางเดินออกจากห้องอย่างใจเย็น
  กรงเล็บของเสี่ยวมี่เกาะติดอยู่กับสาบเสื้อของไป๋หยานเพราะเกรงว่าจะตกจากอ้อมแขนของนาง มันดิ้นสองสามครั้ง จากนั้นก็ย้ายจากแขนของนางไปที่หัวไหล่พลางซบตัวลงนอนอย่างสงบ
  ”นายหญิงนายน้อยออกไปกับหลงเอ๋อ ให้ข้าไปแจ้งพวกเขาด้วยหรือไม่ ?
  ”ไม่ต้องแดนอสูรนี่ปลอดภัยมาก นอกจากนี้ยังมีวิหคอัคคีอยู่ด้วยไม่ต้องกังวลว่าจะถูกรบกวน ด้วยเหตุนี้ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาที่ข้ากินยาเม็ดจิตวิญญาณขั้นเทียนเจี่ย ก็ไม่จำเป็นต้องให้ใครคอยคุ้มกันข้า”
  ***จบบทการเดินทางของตี้คัง (4)***

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

นางกลับชาติมาเกิดเป็นทายาทในตระกูลขุนนางจีนที่ทรงเกียรติ ทว่าในเวลานั้นนางไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากต้องคว้าตัวชายสักคนมาปลดปล่อยความทรมานที่กำลังพุ่งถึงจุดที่ไม่สามารถอดทนได้

ไม่คาดคิดไม่เพียงแต่นางต้องถูกพร่าพรหมจรรย์อย่างไม่ตั้งใจคาเตียง นางยังต้องอุ้มท้องทั้งที่ไม่ได้แต่งงานอีกด้วย

มิหนำซ้ำ…ลูกที่นางอุ้มท้องมาถึงสิบเดือนกลับกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ ที่ร้องเรียกนางว่า “หม่ามี้” ตั้งแต่เกิด โชคดีที่ลูกของนางเลี้ยงง่าย และหวงแม่มาก

ในโลกนี้ย่อมมีทั้งคนดี และคนชั่วมากมายให้ผจญ หม่ามี้กับบุตรชายคู่นี้จึงต้องร่วมมือกันทำลายล้างศัตรู ไหนจะพวกญาติ ๆ ที่ชอบสบประมาทดูหมิ่นพวกเขาอีกล่ะ คนพวกนี้จะต้องได้รับผลกรรมให้สาสมกับสิ่งที่พวกมันกระทำกับพวกเขาสองแม่ลูก

แต่ทว่า จุ๊ ๆ วันหนึ่งป๊ะป๋าจิ้งจอกก็ปรากฏตัวขึ้น ไม่เพียงแต่คิดจะลักพาตัวจิ้งจอกน้อยเท่านั้น ทว่าเขายังคิดจะชิงหม่ามี้ของเจ้าจิ้งจอกน้อยอีกด้วย ชะช้า ป๊ะป๋าผู้โง่เขลากล้าดียังไง ? จะทำอะไรไม่ถามไม่ไถ่ความเห็นของจิ้งจอกน้อยสักคำ…

จิ้งจอกน้อยเท้าสะเอวพลางกล่าวว่า “ท่านอยากเป็นป๊ะป๋าของข้ากระนั้นรึ ? เช่นนั้นก็ต้องจ่ายค่าลงทะเบียนมา แล้วก็เดินไปต่อแถวหลัง ๆ โน่น เอ่อ หม่ามี้… ท่านลุงหวังที่อยู่บ้านถัดไปนั่นมีฐานะมั่งคั่งมาก ข้าว่าท่านควรไปเป็นลูกสะใภ้เขาจะดีกว่านะ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท