ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก – บทที่ 7 หลิ่วเหยียนเอ๋อร์

ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก

บทที่ 7 หลิ่วเหยียนเอ๋อร์

บทที่ 7 หลิ่วเหยียนเอ๋อร์

สมัยที่อู๋ฝานเรียนในมหาวิทยาลัย เขามักตื่นเช้าเพื่อออกกำลังกาย หลังจากเรียนจบ นิสัยนี้ยังคงไม่หายไปไหน และเพราะอาศัยอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยเจียงโจว ดังนั้นอู๋ฝานจึงไปออกกำลังกายที่สนามกีฬาของมหาวิทยาลัยเจียงโจวในช่วงเช้าของทุกวัน

เมื่ออู๋ฝานมาถึงสนามกีฬา เห็นว่ามีผู้คนบางส่วนมาออกกำลังกายแล้ว มีนักศึกษาอยู่ไม่มากนักที่สามารถยืนกรานที่จะตื่นเช้ามาออกกำลังกาย นอกจากนี้มันยังเป็นเวลาเช้าตรู่ คาบเรียนยังไม่เริ่มต้น ทำให้มีผู้คนค่อนข้างน้อย

อู๋ฝานขยับมือและเท้าเพื่อเป็นการวอร์มร่างกาย จากนั้นจึงเริ่มวิ่งไปรอบๆ สนาม

ขณะที่กำลังวิ่ง อู๋ฝานหยุดความคิดเกี่ยวกับพื้นที่ที่เขาไปก่อนหน้าไม่ได้ หากเขาสามารถเปิดแผงคุณสมบัติและช่องกระเป๋าสะพายหลังในโลกความจริง เช่นนั้นวิชาที่ได้รับจากโลกนั้นจะสามารถนำออกมาใช้ได้หรือเปล่านะ?

คิดได้ดังนั้น อู๋ฝานลองใช้วิชาที่เรียนรู้ว่า เลือกตรวจสอบนักศึกษาที่กำลังวิ่งนำอยู่ด้านหน้า!

[ชื่อ : หลิวกวง]

[นักศึกษาชั้นปีที่สองคณะวิศวกรรมโยธาของมหาวิทยาลัยเจียงโจว อายุยี่สิบเอ็ดปี สูงหนึ่งร้อยแปดสิบหกเซนติเมตร หนักหนึ่งร้อยหกสิบกิโลกรัม เป็นผู้เล่นหลักของทีมบาสเกตบอลประจำมหาวิทยาลัย รักในกีฬาบาสเกตบอล ชอบจีบสาว บ้านเกิดอยู่ที่จังหวัดเหมย โดยมีพ่อและแม่อาศัยอยู่ที่บ้านสองคน…]

หลังจากที่อู๋ฝานใช้วิชาตรวจสอบกับนักศึกษาที่อยู่ตรงหน้า ข้อมูลชุดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา นอกจากนี้เขายังค้นพบว่านอกจากตัวเองแล้ว ไม่มีใครสามารถดูข้อมูลเหล่านี้ได้ ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าความลับจะรั่วไหลให้คนอื่นล่วงรู้

“ไม่คาดคิดว่าจะมีข้อมูลละเอียดแบบนี้” อู๋ฝานพึมพำกับตัวเอง ชุดข้อมูลดังกล่าวบอกรายละเอียดของนักศึกษาคนนี้อย่างชัดเจน

ด้วยวิชาตรวจสอบ อู๋ฝานได้รู้ว่าชายคนนี้ชื่อหลิวกวง รวมถึงงานอดิเรก สถานการณ์ของครอบครัวและสิ่งอื่น ๆ

วิชาตรวจสอบมีประโยชน์จริงๆ แล้วยังใช้งานได้ผลเป็นอย่างดี โดยข้อมูลที่อู๋ฝานได้รับมีรายละเอียดค่อนข้างมาก

ขณะที่อู๋ฝานตกอยู่ในความคิดตัวเอง ร่างบอบบางอันคุ้นเคยก็เคลื่อนผ่านตัวเขาไปพร้อมกลิ่นหอมอบอวล ซึ่งทำให้เขาสูดลมหายใจเข้าลึกโดยไม่รู้ตัว

เธอนั่นเอง!

ดวงตาอู๋ฝานเปล่งประกาย เขาคุ้นเคยกับร่างในชุดกีฬาสีขาวตรงหน้าอย่างมาก แทบเรียกได้ว่าตราบใดที่อู๋ฝานมาออกกำลังกายที่นี่ เขามักเห็นเธอเป็นประจำ บางครั้งเขายังจงใจตื่นเช้ามาออกกำลังกายเร็วขึ้นเพราะไม่อยากพลาดโอกาสพบเธอคนนี้

ถึงแม้ว่าอู๋ฝานจะคุ้นเคยกับการพบเจอเธอเป็นอย่างดี แต่เขาไม่เคยเข้าหาเพื่อพูดคุย และทุกครั้งเขาเพียงลอบชำเลืองมองเธอเป็นครั้งคราวขณะออกกำลังกาย

อู๋ฝานรู้เพียงว่าอีกฝ่ายเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเจียงโจว นอกเหนือจากนั้นเขาไม่รู้สิ่งอื่นใดเลย

หลังความอยากรู้อยากเห็นในหัวใจกลายเป็นใหญ่ อู๋ฝานจึงใช้วิชาตรวจสอบกับร่างบางนั้น

[ชื่อ : หลิ่วเหยียนเอ๋อร์]

[นักศึกษาชั้นปีที่สามคณะเศรษฐศาสตร์ธุรกิจและการจัดการของมหาวิทยาลัยเจียงโจว อาศัยอยู่ในเมืองหลวง มีพลังธาตุแสง]

แค่นี้เหรอ?

อู๋ฝานมองข้อมูลไม่กี่ประโยคบนหน้าจอเสมือนจริงตรงหน้า ซึ่งแตกต่างจากนักศึกษาคนก่อนที่ชื่อหลิวกวงอย่างเป็นได้ชัด อู๋ฝานตกใจและคิดไม่ตกว่าทำไมเขาถึงได้รับข้อมูลน้อยขนาดนี้

หรือว่าวิชาตรวจสอบจะใช้ไม่ได้ผลกับเธอเหรอ?

มันไม่ควรเป็นแบบนั้น!

ขณะที่อู๋ฝานกำลังรู้สึกมึนงงไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น เขาเริ่มตระหนักได้ว่าหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ที่เพิ่งวิ่งผ่านไปกลับหยุดกะทันหัน เธอยืนนิ่งอยู่กับที่และหันมองตรงมาทางเขา

อู๋ฝานได้เห็นรูปลักษณ์ที่เหมือนกับเทพธิดาของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ตรง ๆ ใบหน้าของเธองดงามและผสมผสานกันอย่างลงตัว แค่ได้เห็นแวบแรกก็นึกถึงคำว่า ‘งามล่มเมือง’ รวมถึงรูปร่างสมส่วนดูสมบูรณ์แบบ เช่นเดียวกับบรรยากาศรอบตัวอันเป็นเอกลักษณ์ หากเผลอมองดูสักครั้ง ไม่ว่าใครก็ไม่อาจละสายตาได้อีก

อู๋ฝานรู้สึกผิด อย่างไรซะเขาก็เพิ่งใช้วิชาตรวจสอบอีกฝ่ายไปเมื่อครู่ มันอาจกล่าวได้ว่าเป็นการกระทำที่ละเมิดความเป็นส่วนตัว ซึ่งค่อนข้างผิดศีลธรรมและเป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจ

“เดี๋ยวก่อน!”

เมื่ออู๋ฝานกำลังจะเดินผ่านอีกฝ่ายไปอย่างเงียบ ๆ ราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ทันใดนั้นหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ก็ส่งเสียงออกมา

อู๋ฝานหยุดชะงักโดยไม่รู้ตัว

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เดินไม่กี่ก้าวก็มายืนจังก้าตรงหน้าอู๋ฝาน เธอมองเขาด้วยสายตาจริงจังและถามว่า “เมื่อกี้คุณทำอะไรกับฉัน?”

“อะไรนะ?” อู๋ฝานมองอีกฝ่ายอย่างงุนงง นี่ไม่ใช่การเสแสร้งแกล้งทำ แต่เขาไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของอีกฝ่ายจริง ๆ

“เมื่อกี้คุณอยู่ด้านหลัง คุณทำอะไรกับฉันหรือเปล่า?” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ถามอีกครั้ง

“ผมไม่ได้ทำอะไรเลย” อู๋ฝานส่ายหัวปฏิเสธ ก่อนพูดด้วยความเขินอายว่า “แค่เหลือบมองคุณเท่านั้น”

“แค่นั้นเองเหรอ?” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ขมวดคิ้วเป็นปมด้วยท่าทีไม่เชื่อ

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์รู้ดีว่ารูปร่างหน้าตาของตัวเองมีเสน่ห์น่าดึงดูดแค่ไหน โดยปกติแล้วไม่ว่าจะเป็นในมหาวิทยาลัยหรือข้างนอก ร้อยทั้งร้อยเธอมักได้รับความสนใจเสมอ ไม่รู้ว่ามีกี่คนที่มองเธอแบบนี้ มันเกิดขึ้นบ่อยจนเธอเริ่มชินชากับการถูกมองจากคนอื่นแล้ว

อย่างไรก็ตามแต่ ตอนนี้เธอกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าดวงตาที่จ้องมองจากด้านหลังแตกต่างกับครั้งก่อน ๆ ราวกับว่าคนคนนั้นสามารถมองทะลุผ่านเธอในพริบตา ดวงตาดั่งเทพเช่นนี้ เธอเคยเห็นมันในผู้อาวุโสเพียงไม่กี่คน และผู้อาวุโสเหล่านั้นล้วนไม่ใช่คนธรรมดา

ถึงกระนั้นเมื่อเธอหันกลับไปมองข้างหลังก็พบเพียงชายหนุ่มธรรมดา ๆ ที่มีอายุไล่เลี่ยกับเธอ และเรื่องนี้ก็ทำให้เธองงงวยไม่น้อย

ชายหนุ่มธรรมดาจะมีดวงตาที่ให้ความรู้สึกแบบนั้นได้อย่างไร มันไม่ควรจะเกิดขึ้นได้

หรือเราอาจเข้าใจผิดไปเอง ดวงตาที่มองเมื่อกี้อาจไม่ใช่เขาก็เป็นได้?

เป็นเพียงเพราะว่าไม่มีใครอื่นอยู่ด้านหลังนอกจากเขาเลย และคนที่ใกล้ที่สุดห่างจากเขาไปราวยี่สิบถึงสามสิบเมตร

“แค่นั้นครับ” อู๋ฝานพยักหน้าตอบ

นี่ไม่ใช่เรื่องโกหก ก่อนหน้านี้เขาแค่มองเธอเท่านั้น แต่เป็นการมองพร้อมกับใช้วิชาตรวจสอบ

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์พยักหน้า แต่คิ้วของเธอยังคงขมวดมุ่น ยากที่จะรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เมื่ออู๋ฝานคิดว่าอีกฝ่ายกำลังจะจากไป จู่ ๆ หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ก็ถามขึ้นว่า “คุณไม่ได้มาจากมหาวิทยาลัยของเราใช่ไหม?”

“เปล่า ผมแค่อาศัยอยู่แถวนี้” อู๋ฝานตอบตามความเป็นจริง

มหาวิทยาลัยเจียงโจวไม่ได้ห้ามบุคคลภายนอกเข้ามาใช้สถานที่ โดยเฉพาะสนามกีฬา อู๋ฝานจึงไม่ได้สนใจแม้อีกฝ่ายจะรู้ว่าเขาไม่ใช่นักศึกษาของที่นี่

อย่างไรก็ตามอู๋ฝานนึกสงสัยอยู่ในใจว่าอีกฝ่ายรู้ได้อย่างไรว่าเขาไม่ใช่นักศึกษาของมหาวิทยาลัยนี้ แม้ว่าเขาจะเรียนจบมาแล้วหนึ่งปีและมีประสบการณ์การใช้ชีวิตมาบ้าง ซึ่งแตกต่างจากนักศึกษาส่วนใหญ่ ถึงกระนั้นนักศึกษาบางคนในมหาวิทยาลัยแห่งนี้กลับดูมีอายุมากกว่าเขาด้วยซ้ำ

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์มองอู๋ฝานอีกครั้งโดยไม่ได้พูดอะไร จากนั้นจึงหันหลังกลับและทิ้งอู๋ฝานให้สงสัยอยู่แบบนั้น

อู๋ฝานไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาคิดนาน เขาและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่ได้คุ้นเคยกัน แค่ว่าหลิ่วเหยียนเอ๋อร์หน้าตาน่ารัก และเขามักเห็นเธอที่สนามกีฬาอยู่บ่อยๆ ดังนั้นจึงถือโอกาสมองเพียงสองถึงสามครั้งเท่านั้น แต่คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นแบบนี้

ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก

ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก

Status: Ongoing
อู๋ฝาน ชายหนุ่มผู้มีดวงเทพอับโชคที่ทำอะไรก็โชคร้ายไปซะทุกอย่าง ชนิดที่ว่า ระหว่างเขาขนย้ายก้อนอิฐเกิดอุบัติเหตุบนทางเท้า คนคุมงานก่อสร้างจึงไล่เขาออก ตอนเป็นพนักงานในห้าง เขาช่วยเด็กไว้ แต่พ่อกับแม่เด็กก็คิดว่าเขาทำเด็กกลัวจนร้องไห้ ผลลัพธ์คือถูกไล่ออก ช่วงที่เป็นบริกรในภัตตาคาร พ่อครัวทำอาหารผิดสูตร แต่ลูกค้าคิดว่าเขาเสิร์ฟอาหารผิดจาน สุดท้ายเด็กเสิร์ฟเช่นตัวเขาสุดท้ายก็ถูกไล่ออกจากความผิดที่ไม่ได้ก่อ แต่… จู่ ๆ ในวันหนึ่งเขากลับได้รับแหวนที่สามารถเดินทางไปยังโลกอื่นได้ โดยในโลกนี้เขายังสามารถใช้ทักษะ วิชา ไอเทม หรือแม้กระทั่งนำสิ่งของไปสู่ความเป็นจริง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท