บทที่ 20 ส่งเยี่ยเฟยเฟยไปรายงานตัว
บทที่ 20 ส่งเยี่ยเฟยเฟยไปรายงานตัว
“ทำไมไม่ปฏิเสธไปล่ะ?” เยี่ยเฟยเฟยมองอู๋ฝานด้วยความโกรธ
“แล้วทำไมต้องปฏิเสธล่ะ?” อู๋ฝานมองตอบเยี่ยเฟยเฟย
ที่แท้วันนี้เยี่ยเฟยเฟยก็ต้องไปรายงานตัวที่มหาวิทยาลัย น้าหวังคิดพาเธอไปด้วยตัวเอง แต่สุดท้ายน้าหวังก็จัดการสะสางงานในมือเสร็จไม่ทัน จึงต้องขอให้อู๋ฝานช่วยไปส่งเยี่ยเฟยเฟยแทน
อู๋ฝานที่ไม่ปฏิเสธคำขอของน้าหวัง จึงเป็นเหตุ ให้เยี่ยเฟยเฟยไม่ยินดีเท่าไหร่นัก
“ฉันไม่ต้องการให้คุณไปส่ง! ฉันไปเองได้” เยี่ยเฟยเฟยกล่าวตอบ
กับสถานที่ซึ่งไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยเจียงโจว เยี่ยเฟยเฟยไปด้วยตัวเองได้ เธอไม่คิดอยากข้องเกี่ยวกับอู๋ฝานเท่าที่จะทำได้ ดังนั้นจึงยิ่งไม่ยินดีที่จะให้อู๋ฝานไปส่ง
“ผมรับปากกับน้าหวังเอาไว้แล้ว ไม่ว่าอะไรก็ต้องไปส่งคุณ” อู๋ฝานกล่าวตอบ “ไม่ต้องห่วงไป ส่งถึงเรียบร้อยผมจะรีบกลับทันที”
“ไม่เป็นไร!” เยี่ยเฟยเฟยตอบกลับ พร้อมผลักกระเป๋าเดินทางก้าวออกไปด้านนอก
อู๋ฝานยักไหล่ ปิดประตู และตามเยี่ยเฟยเฟยไป
เยี่ยเฟยเฟยที่ทราบว่าอู๋ฝานตามหลังมา จึงเมินเฉยและเดินหน้าด้วยตัวเองต่อ
มหาวิทยาลัยเจียงโจวในปัจจุบันค่อนข้างคึกคัก ไม่เพียงแต่ศิษย์เก่าที่แวะเวียนกลับมายังมหาวิทยาลัย แต่ยังมีนักศึกษาใหม่ที่เริ่มเข้ามารายงานตัว พบเห็นนักศึกษาไปมาภายในสถานศึกษา เยี่ยเฟยเฟยที่แม้ยังโกรธอู๋ฝานก็เผยรอยยิ้มออกมาได้ เธอกำลังคาดหวังต่อภาคเรียนใหม่ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
“น้องเป็นนักศึกษาใหม่ใช่ไหม? ฉันเป็นรุ่นพี่อยู่ปีสาม มีอะไรขอให้ช่วยบอกได้เลยนะ”
“ทางนี้เลย ทางนี้ ฉันคุ้นเคยกับสถานที่ดี เดี๋ยวพาไปรายงานตัวเอง”
เยี่ยเฟยเฟยกำลังสำรวจมองสภาพแวดล้อมของมหาวิทยาลัย รอบตัวเธอมีเด็กหนุ่มจำนวนไม่น้อยเข้ามาใกล้ ทั้งยังแสดงท่าทีกระตือรือร้นจนทำเยี่ยเฟยเฟยรู้สึกอึดอัด
“ไม่เป็นไร พวกเรารู้ว่าต้องไปที่ไหน” อู๋ฝานเดินขึ้นนำจากที่เดิมตามหลัง พร้อมคว้าที่จับกระเป๋าเดินทางจากมือของเยี่ยเฟยเฟย ยืนตรงหน้าเธอ และกล่าวบอกกับเหล่าเด็กหนุ่ม
“นายเองก็มารับนักศึกษาใหม่งั้นเหรอ?” เด็กหนุ่มมองยังอู๋ฝานพร้อมเอ่ยถาม สีหน้าตอนนี้ค่อนข้างเหยเกขึ้นมา
“ไม่ใช่” อู๋ฝานส่ายศีรษะตอบ “ผมเป็นพี่ชายของเธอ มาส่งเธอ เพราะแบบนั้นคงไม่ต้องรบกวน”
ด้วยฐานะนักศึกษาที่เรียนจบแล้ว แม้ไม่ได้จบจากมหาวิทยาลัยเจียงโจว แต่อู๋ฝานก็ทราบดีว่าทุกปีการศึกษาใหม่ที่ต้องลงทะเบียนรายงานตัว ทางมหาวิทยาลัยจะจัดแจงนักศึกษารุ่นพี่มาต้อนรับและให้คำแนะนำ เรียกได้ว่าเป็นแบบนี้ทุกมหาวิทยาลัยก็ไม่ผิด
เดิมมันก็ไม่ใช่งานที่ดีอะไร แต่หากว่าได้เจอเด็กสาว โดยเฉพาะเด็กสาวรูปงาม มันก็ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง บรรดารุ่นพี่จึงมักจะมี “ความกระตือรือร้น” ในสถานการณ์เช่นนี้เป็นพิเศษ
และเยี่ยเฟยเฟยย่อมถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่เด็กสาวรูปงามอย่างไม่ต้องสงสัย หรือเรียกได้ว่าเป็นแถวหน้าเสียด้วยซ้ำ จึงไม่แปลกใจที่รุ่นพี่หลายคนจะกระหายอยากเข้ามาหยิบยื่นความช่วยเหลือ
ได้ยินว่าอู๋ฝานเป็นพี่ชายของเยี่ยเฟยเฟย สีหน้าของเหล่าเด็กหนุ่มจึงดีขึ้นมาก
“ในเมื่อก็เพิ่งมาที่นี่กันเป็นครั้งแรก คงไม่ได้คุ้นเคยกับที่นี่เท่าไหร่ ผมพาไปจะช่วยประหยัดเวลาได้นะครับ”
“มหาวิทยาลัยของพวกเราค่อนข้างใหญ่ หากว่าไม่มีคนนำทางคงหลงได้ง่าย เดี๋ยวผมนำทางไปรายงานตัวก็แล้วกัน รุ่นน้องเข้าคณะอะไรกันล่ะ?”
เห็นได้ชัดว่าเด็กหนุ่มเหล่านี้ยังไม่คิดปล่อยโอกาสหลุดลอย ยามพูดกล่าว สายตาของพวกเขาก็มองยังเยี่ยเฟยเฟยกันทั้งสิ้น
มหาวิทยาลัยเจียงโจวย่อมไม่ได้ขาดแคลนเด็กสาว แต่กระนั้น ที่สวยงามนั้นมีเพียงหยิบมือ และยิ่งระดับของเยี่ยเฟยเฟยยิ่งหาได้ยากขึ้นไปอีก หากมีโอกาสพบเจอสาวงามเช่นนี้ นักศึกษาชาย โดยเฉพาะกลุ่มที่ยังโสดย่อมคิดอยากแสดงด้านดีให้ได้เห็น หากว่ามีโอกาสได้รับช่องทางติดต่อ จะถือเป็นเรื่องดีที่สุด
เดิมเยี่ยเฟยเฟยไม่ยินดีนักยามอู๋ฝานอ้างว่าเป็นพี่ชาย ดังนั้นจึงคิดเอ่ยปากปฏิเสธออกไป
เพียงยามได้เห็นเด็กหนุ่มทั้งหลายที่มีสภาพ ‘หมาป่าหิวกระหาย’ รอบกาย เธอจึงกลืนถ้อยคำที่คิดพูดกลับลงท้องไป
แม้ไม่ชอบอู๋ฝาน แต่สายตาของเขาก็ดีกว่าคนอื่น อย่างน้อยก็ไม่ทำให้เธอต้องกระวนกระวาย
“ไม่เป็นไร ผมเคยเรียนที่นี่ คุ้นเคยกับสถานที่ดี” อู๋ฝานตอบกลับ ก่อนจะคว้ามือของเยี่ยเฟยเฟยเดินนำไป
อู๋ฝานคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ดี เพราะช่วงหนึ่งปีนี้ เขามาที่นี่แทบทุกวัน ดังนั้นจึงทราบว่าต้องไปรายงานตัวที่ไหน
ยามเด็กหนุ่มได้ยินคำของอู๋ฝาน พวกเขาจึงทำได้เพียงแต่ต้องยอมปล่อยวาง แม้กระนั้นก็ยังคงมองเยี่ยเฟยเฟย สายตาเปี่ยมด้วยความรู้สึกนึกเสียดาย ยามพบเจอโฉมงามล่มเมืองได้เช่นนี้ แต่ไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้ ไม่แปลกหากจะรู้สึกคันที่หัวใจ
“ยังไม่รู้เลยว่าเธอเรียนคณะไหน แต่มหาวิทยาลัยของเรามีดอกไม้ดอกใหม่แล้ว”
“ใช่ ไม่รู้เลยว่ามีแฟนหรือยัง”
“น่าจะยังไม่มี ถ้าไม่ใช่ พี่ชายเธอคงไม่เป็นคนมาส่งหรอก”
“ว่าแต่นั่นใช่พี่ชายเธอจริงเหรอ? ทำไมดูไม่เห็นจะคล้ายกันเลย? คงไม่ใช่แฟนหรอกมั้ง”
“ดูเหมือนแฟนกันจริงด้วย ถ้าไม่ใช่ จะจับมือกันแบบนั้นเหรอ?”
“จับมือกันต้องเป็นแฟนงั้นหรือยังไง? ถ้าเป็นแฟนกันจริง พูดว่าเป็นแฟนแต่แรกแล้วจะเป็นอะไรไป? ถ้ามีแฟนเป็นสาวงามอย่างนั้น ฉันคงหน้ามืดป่าวประกาศบอกให้ทุกคนรู้จนต้องยอมถอดใจกันไปแล้ว”
“ก็ถูก ไม่คล้ายจะเป็นคู่รักหรืออะไรทำนองนั้นสักเท่าไหร่ น่าเสียดายที่พลาดช่องทางติดต่อเธอไป”
เหล่าเด็กหนุ่มมองตามหลังของอู๋ฝานและเยี่ยเฟยเฟย พลางเริ่มซุบซิบสนทนาต่อกัน
“นี่… ปล่อยได้แล้ว!”
เยี่ยเฟยเฟยปัดมือของอู๋ฝานออกด้วยสีหน้าแดงเรื่อ พร้อมกับมองอู๋ฝานด้วยความเขินอายระคนโกรธเกรี้ยว
ตอนที่อู๋ฝานจับมือของเธอเมื่อครู่ สมองเธอถึงกับว่างเปล่าไปชั่วครู่ เพราะเป็นครั้งแรกที่เพศตรงข้ามจับมือของเธอ โดยยกเว้นพ่อของเธอไว้คนหนึ่ง เธอไม่คิดว่าอู๋ฝานจะหาญกล้าทำเช่นนี้ ตอนนั้นเพราะสมองมึนงงว่างเปล่า จึงปล่อยให้อู๋ฝานดึงตัวไป กระทั่งเดินไปครู่จึงตอบสนองอีกครั้ง พร้อมกับปัดมือของอู๋ฝานออก
“ต้องขอโทษด้วย แต่ผมกลัวว่าพวกเขาจะเข้ามาพัวพันมากกว่านี้” อู๋ฝานตอบรับด้วยความเขินอาย เมื่อครู่ตัวเขาแทบไม่ได้คิดอะไรมากนัก ทว่าตอนนี้พอนึกย้อนไป ก็ถือได้ว่าเขาทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังจริง
“คนโรคจิต! ฉันจะบอกป้าสาม!” เยี่ยเฟยเฟยมองอู๋ฝานด้วยความโกรธ เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อคำพูดของอู๋ฝาน
“ผมไม่ได้เจตนาอะไร” อู๋ฝานอธิบาย “เมื่อครู่ก็เห็นแล้ว พวกเขากระเหี้ยนกระหือรือกันขนาดนั้น ถ้าผมไม่ดึงคุณออกมา ให้เดาว่าจนถึงตอนนี้คุณก็ยังออกมาไม่ได้”
“คุณก็เหมือนพวกเขานั่นแหละ ไม่ต่างกันสักนิด!” เยี่ยเฟยเฟยกล่าวตอบ
อู๋ฝานนึกละอาย เหมือนว่าภาพจินตนาการของตัวเขาในใจของเยี่ยเฟยเฟยจะพังทลายหมดสิ้นแล้ว
ทันใดนี้เองที่ร่างอันคุ้นเคยก็เดินมาใกล้อู๋ฝาน มองเขาและเอ่ยถาม “วันนี้เช้าไม่ได้มาออกกำลังกายเหรอคะ?”
“ครับ ใช่ครับ พอดีมีเรื่องราวนิดหน่อย” อู๋ฝานตอบรับด้วยความมึนงง
อู๋ฝานไม่คิดว่าจะได้พบหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ที่นี่ อีกทั้งเธอยังเป็นฝ่ายเดินเข้ามาพูดคุยด้วยตัวเอง
เพราะเรื่องของน้าหวังเข้ามาในตอนเช้าพอดี ทำให้อู๋ฝานไม่เหลือเวลาไปออกกำลังกาย
เพียงแต่ หลิ่วเหยียนเอ๋อร์รู้ได้ยังไง?
หนึ่งชายล้อมด้วยสองหญิงงาม อู๋ฝานจึงกลายเป็นเป้าสายตาของผู้คนรอบด้านโดยทันที ผู้หญิงเกิดความสงสัย ขณะที่ผู้ชายเกิดความรู้สึกนึกอิจฉา