บทที่ 38 แท็กซี่
บทที่ 38 แท็กซี่
ไม่ว่าจะช่วงที่มีคลาสหรือไม่ก็ตาม การเป็นอาจารย์พละศึกษาไม่ใช่เรื่องยาก
ในช่วงวันแรกของการทำงาน หลายคนในออฟฟิศที่ทำงานร่วมกับอู๋ฝานไม่พูดคุยกันก็ท่องอินเทอร์เน็ตไปเรื่อย มหาวิทยาลัยเจียงโจวมีสวัสดิการค่อนข้างดี อาจารย์ทุกคนจะได้รับอุปกรณ์พร้อมคอมพิวเตอร์ในออฟฟิศทำงาน แม้จะสอนวิชาพละศึกษาก็ได้รับอุปกรณ์ครบครัน
ยกเว้นก็แต่อู๋ฝาน คนอื่นในออฟฟิศค่อนข้างมีอายุและเป็นคนคุ้นเคยต่อกัน หลี่ปิงยังพอมีหน้ามีตาในออฟฟิศอยู่บ้าง เขาจึงกล้าแสดงความเป็นปฏิปักษ์ต่ออู๋ฝานชัดเจน อาจารย์ซุนเยวี่ยยังคงพูดคุยกับอู๋ฝานตามเดิม แต่อาจารย์ชายอีกสองคนค่อนข้างจะเฉยชากับอู๋ฝาน ส่วนเกิ่งหย่าเฟย เธอแทบไม่พูดตลอดทั้งวันอยู่แล้ว ยิ่งเธอนั่งอยู่ไกลจากโต๊ะของอู๋ฝานแบบนี้ ยิ่งไม่ได้พูดคุยอะไรกับอู๋ฝานเข้าไปใหญ่
สรุปคือวันแรกของการทำงาน เขารู้สึกเคว้งระดับหนึ่ง
เพียงแต่อู๋ฝานก็ไม่ได้คิดใส่ใจถึงเพียงนั้น เขาผ่อนคลายเสียด้วยซ้ำ การได้ท่องอินเทอร์เน็ตเล่นไปเรื่อยไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร
แม้จะดูผ่อนคลาย แต่ก็ค่อนข้างน่าเบื่อ การทำงานวันแรกของอู๋ฝานจึงจบลงไปอย่างนั้น
“เลิกงาน เลิกงาน ไปคัลเลอร์แมนกัน!” หลี่ปิงลุกขึ้นยืน เขาตะโกนเสียงดังทันทีที่ถึงเวลาเลิกงาน
แท้จริงแล้ว ก่อนจะถึงเวลาเลิกงาน หลี่ปิงได้พูดคุยกับคนอื่นในออฟฟิศเป็นที่เรียบร้อยว่าจะไปปาร์ตี้มื้อเย็นที่ร้านใด บทสนทนาหลักเป็นการสอบถามเกิ่งหย่าเฟย แต่เธอเมินเฉยประหนึ่งไม่ได้ยิน ส่วนอาจารย์อีกสามคนต่างก็ตอบรับเป็นอย่างดี
“นายน้อยหลี่จะไปที่คัลเลอร์แมนเหรอครับ?” หนึ่งในอาจารย์เอ่ยถาม ดวงตาเกิดประกายตื่นเต้นยินดี
คัลเลอร์แมนเป็นหนึ่งในภัตตาคารที่มีชื่อเสียงที่สุดในเจียงโจวและเป็นหนึ่งในภัตตาคารที่แพงที่สุดด้วยเช่นกัน มันไม่ใช่สถานที่ที่อาจารย์ธรรมดาอย่างพวกเขาจะจ่ายได้ไหว ตอนที่หลี่ปิงพูดว่าจะไปคัลเลอร์แมนเมื่อครู่ เขาพูดเหมือนกับจะเลี้ยงทุกคน เป็นเหตุให้อาจารย์คนที่ถามคาดหวังในใจ หลี่ปิงเอ่ยขนาดนี้ คงไม่ได้จ่ายแบบระบบ AA หรอกมั้ง
อู๋ฝานลอบเบะปากเมื่อได้ยินอาจารย์คนนี้เรียกหาหลี่ปิงเสียดิบดี ในวันนี้ คำเรียกดังกล่าวยังถูกใช้เกินกว่าหนึ่งครั้งแล้วด้วยซ้ำ อาจารย์อีกสองคนยกยอหลี่ปิงออกนอกหน้า อู๋ฝานเลยมองว่าอาจารย์ซุนเยวี่ยมีราศีกว่า แต่เขาก็ไม่กล้าหาเรื่องหลี่ปิงเหมือนกัน
ทั้งหมดนี้ก็เพราะตระกูลของหลี่ปิงทำบริษัทใหญ่ ทั้งยังเป็นทายาทรุ่นที่สอง
มหาวิทยาลัยเจียงโจวดูแลอาจารย์อย่างดี ขึ้นอยู่กับอาจารย์จะเทียบเปรียบตัวเองกับใคร ปกติแล้วอาจารย์พละศึกษาเช่นพวกเขาไม่ได้เงินเสริมอะไร หากเทียบเปรียบกับทายาทรุ่นที่สองอันร่ำรวยเช่นหลี่ปิง ก็ถือว่าต่ำเตี้ยกว่าหลายขุม
“ก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว คิดว่าผมพูดเล่นงั้นเหรอ” หลี่ปิงตอบรับด้วยความเย่อหยิ่ง “วันนี้ถือเป็นมื้อเย็นแรกที่พวกเรารวมตัวกันในภาคการศึกษานี้ เลือกกินส่งเดชได้ที่ไหนกัน ต้องไปที่คัลเลอร์แมนเท่านั้น เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง!”
สิ้นคำกล่าว หลี่ปิงก็มองยังอู๋ฝาน “จะได้ให้บางคนเปิดหูเปิดตาดูโลกบ้าง”
อู๋ฝานรู้ว่าอีกฝ่ายคุยข่มตัวเอง หากเป็นก่อนหน้านี้ เขาคงโกรธจนหันหน้าหนีไปแล้ว เพียงแต่ตอนนี้สภาพจิตใจค่อนข้างสงบ เขามองการณ์ไกลมากกว่า อาจเป็นเพราะแหวนที่ได้รับมา อู๋ฝานจึงรู้ดีว่าอนาคตของตนเองไม่ธรรมดาอีกต่อไป หากมองข้ามเรื่องราวจุกจิกทั้งหลายได้ก็ควรมองข้าม
พอเห็นอู๋ฝานยอมรับ ‘คำชี้แนะ’ โดยไม่โต้แย้งอะไร หลี่ปิงก็ยิ่งแสดงท่าทีว่าพึงพอใจเท่านั้น
“หย่าเฟย เดี๋ยวเธอไปรถฉันก็แล้วกัน” หลี่ปิงหันไปบอกเกิ่งหย่าเฟยอย่างสุภาพนอบน้อม
“ไม่เป็นไร ฉันเอารถมาเอง” เกิ่งหย่าเฟยตอบกลับ
เมื่อเธอพูดจบ เธอก็ลุกเดินออกไปจากออฟฟิศโดยไม่หันมองกลับมา
หลี่ปิงหงุดหงิดและสงบลงในไม่ช้า เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตัวเขาถูกเกิ่งหย่าเฟยปฏิเสธมาตลอด มันไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสองครั้ง แต่ก็รู้สึกชินแล้ว
“นายน้อยหลี่ พวกเราไปรถคุณได้ไหม ให้พวกเราเปิดประสบการณ์กับรถหรูราคาแพงบ้างได้ไหมครับ?” หนึ่งในอาจารย์ชายเดินเข้ามาเอ่ยถาม
“ได้สิ” หลี่ปิงครุ่นคิดไปครู่ก่อนจะตอบรับ “ไปรถฉันกันให้หมดเลยก็ได้”
ทันใดนี้เอง เขาหันมองอู๋ฝานพร้อมตวาด “ยกเว้นนายนะ!”
“ก็ไม่คิดจะลำบากรถคุณอยู่แล้ว” อู๋ฝานกล่าวตอบ “เดี๋ยวผมขึ้นแท็กซี่ไปเอง”
“เหอะ พูดซะดิบดี นึกว่าจะมีรถเป็นของตัวเอง ที่ไหนได้ก็ต้องเรียกแท็กซี่” หลี่ปิงเย้ยหยัน “ถ้าอย่างนั้น รีบไปก่อนได้ก็ควรรีบไป กว่าจะเรียกแท็กซี่ได้ก็ต้องใช้เวลา ขอบอกก่อนเลยนะว่าแท็กซี่ใกล้มหาวิทยาลัยหาไม่ง่าย ถ้าไปช้า ก็อย่าโทษพวกเราล่ะ ถ้าเริ่มกินก่อนโดยไม่รอ”
หลังจากพูดจบ หลี่ปิงก็เดินออกไป อาจารย์ทั้งสองคนรีบตามติด ส่วนอาจารย์ซุนยังลังเล เขาหันมากล่าวกับอู๋ฝานว่า “เรียกแท็กซี่ใกล้มหาวิทยาลัยยากนะ ต้องรีบหน่อยล่ะ”
“ทราบครับ พวกคุณไปกันก่อนได้เลย เดี๋ยวผมไปทีหลังเองครับ” อู๋ฝานกล่าวตอบ
“ได้” อาจารย์ซุนตามกลุ่มคนออกไปจากออฟฟิศ
อู๋ฝานยิ้มตอบรับ เขาไม่เคยคิดว่าวันแรกที่มาทำงานจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น โชคร้ายของตัวเขาคงยังไม่ได้หายไปโดยสมบูรณ์
หลังจากเก็บของเรียบร้อยแล้ว อู๋ฝานก็เดินออกจากมหาวิทยาลัย เมื่อตกลงว่าจะไปปาร์ตี้มื้อเย็นแล้ว อู๋ฝานย่อมไม่คิดหนีหน้า
เพียงแต่หลี่ปิงและคนอื่นพูดถูก หาแท็กซี่ใกล้มหาวิทยาลัยเรียกได้ไม่ง่าย แท็กซี่มีจำนวนมาก แต่มีคนต่อแถวรอใช้แท็กซี่จำนวนไม่น้อย นอกจากนี้ ที่แห่งนี้ก็อยู่ใกล้ทั้งมหาวิทยาลัยและใจกลางเมือง การจราจรจึงค่อนข้างคับคั่ง หากเรียกแท็กซี่ได้ยากก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
ขณะที่อู๋ฝานคิดว่าจะเดินไปอีกสักระยะเพื่อหาแท็กซี่บริเวณอื่น จุ่ ๆ ก็มีรถสปอร์ตสีแดงมาจอดตรงหน้า หลังกระจกรถเลื่อนลง เขาก็พบเกิ่งหย่าเฟย เธอใส่แว่นกันแดดขับรถ
“ขึ้นมาสิ” เกิ่งหย่าเฟยเอ่ย
“ไม่เป็นไรครับ ผมขึ้นแท็กซี่ไปได้” อู๋ฝานปฏิเสธ
“ขึ้นรถเถอะ แถวนี้เรียกแท็กซี่ยากนะ คิดจะรอจนพวกเรากินหมดแล้วค่อยมาถึงหรือไง?” เกิ่งหย่าเฟยตอบกลับ
อู๋ฝานมองออกไปไม่ไกล ทันทีที่แท็กซี่หยุดรับ คนหลายคนแย่งกันขึ้น เขาจึงเดินผ่านหน้ารถไปเปิดประตูแล้วขึ้นนั่ง
เสียงเครื่องยนต์ของรถดังขึ้นดึงดูดความอิจฉาของผู้คน รถเคลื่อนตัวออกไป
“คนสวนคนนั้นเป็นใครกัน? ต้องสวยและรวยมากแน่ ๆ ไม่ได้การแล้ว คงต้องบอกเฟยเฟยว่ามีคู่แข่งที่แข็งแกร่งปรากฏตัว” ในฝูงชนนั้นมีเพื่อนร่วมห้องของเยี่ยเฟยเฟยอย่างเสี่ยวหรูอยู่ด้วย เมื่อบังเอิญเห็นเกิ่งหย่าเฟยเชิญอู๋ฝานขึ้นรถแบบนี้ เธอย่อมเป็นห่วงเยี่ยเฟยเฟยขึ้นมา
อู๋ฝานได้กลิ่นหอมจางจากด้านในรถ เพียงแค่มองเกิ่งหย่าเฟยที่สวยประหนึ่งดาราอยู่ข้างกาย อารมณ์ในใจก็เกิดปั่นป่วนขึ้นมา
“ขอบคุณมากครับ” อู๋ฝานเอ่ย เป็นการทำลายความเงียบในรถ
“ยินดีค่ะ” เกิ่งหย่าเฟยตอบรับ “อันที่จริง ฉันควรเป็นฝ่ายต้องขอโทษคุณเสียมากกว่า”
“ทำไมเหรอครับ?” อู๋ฝานถามด้วยความสับสน
“เพราะหลี่ปิงค่ะ” เกิ่งหย่าเฟยตอบ “ฉันทราบดีว่าเพราะตัวฉันเอง เขาถึงเพ่งเล็งคุณแบบนั้น”