บทที่ 44 ผลการแข่งนัดแรก
บทที่ 44 ผลการแข่งนัดแรก
การแข่งขันภายในครัวยังคงดำเนินต่อไป หากเทียบเปรียบกับตอนที่เข้ามายังครัวครั้งแรก ความคิดของทุกคนเปลี่ยนไป
ครั้งแรกที่เข้ามา ไม่มีใครเชื่อว่าอู๋ฝานว่าจะมีฝีมือเหนือกว่าเชฟใหญ่ของที่นี่ แม้แต่เกิ่งหย่าเฟยที่อยู่ข้างอู๋ฝานก็ยังไม่เชื่อว่าจะสามารถเอาชนะ
แต่หลังจากได้เป็นประจักษ์พยานต่อฝีมือการใช้มีดอันน่าเกรงขามของอู๋ฝาน ความคิดเดิมอันหนักแน่นของพวกเขาก็เริ่มสั่นคลอน แม้พวกเขาไม่ทราบดีดังเช่นเชฟใหญ่หลิว แต่ก็พอทราบได้ว่าฝีมือการใช้มีดที่อู๋ฝานแสดงให้เห็นม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาซึ่งไม่รู้การทำอาหารจะสามารถมีได้
หรือว่าฝีมือการทำอาหารของเขาจะดีจริง และสามารถเอาชนะเชฟใหญ่หลิวได้
ทุกคนต่างเกิดความสงสัยเช่นเดียวกันนี้ในใจ
เพียงแต่หลี่ปิงและผู้จัดการหวงยังคงมีความเชื่อมั่นอันยิ่งใหญ่ในตัวเชฟใหญ่หลิว
ประการแรก พวกเขาเป็นคนทั่วไป แม้จะมองว่าวิชาการใช้มีดของอู๋ฝานดีเยี่ยม แต่วิชาการใช้มีดของเชฟใหญ่หลิวก็ไม่ใช่ว่าจะเลวร้าย อย่างไรก็ตาม เราตัดสินกันที่รสชาติของอาหาร ไม่ได้ตัดสินจากทักษะการใช้มีด
ประการที่สอง เชฟใหญ่หลิวเป็นเชฟใหญ่ของที่นี่มาชั่วระยะเวลาหนึ่งแล้ว ลูกค้ามากมายที่เคยได้ทานอาหารของเขาต่างก็เอ่ยปากชม เชฟใหญ่หลิวจึงไม่ใช่คนไร้ฝีมืออย่างแน่นอน ปัญหาก็คือฝีมือการใช้มีดของอู๋ฝานอาจยอดเยี่ยม แต่ในด้านการทำอาหาร เขาย่อมต้องด้อยกว่าเชฟใหญ่หลิวอย่างไม่ต้องสงสัย
อาหารจานที่สามที่เชฟใหญ่หลิวและอู๋ฝานเลือกคือซุปซุปหัวไชเท้าและผักที่เรียบง่ายที่สุด
หากเป็นคนธรรมดาทำซุปชนิดนี้ รสชาติย่อมไม่ได้ดีเด่น แต่สำหรับเชฟใหญ่หลิว การทำซุปดังกล่าวย่อมไม่ใช่ของธรรมดา แต่เป็นซุปที่ลูกค้ามากมายชื่นชอบและออกปากชื่นชม
อาหารทั้งสามจานปรุงสุกเรียบร้อยแล้ว กลิ่นหอมระดับสุดยอดกำลังฟุ้งกระจายในครัว เป็นเหตุให้บรรดาคนที่รับชมต่างต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่โดยไม่รู้ตัว
“ในเมื่อปรุงเสร็จหมดแล้ว ก็ให้เลือกลูกค้ามาเป็นกรรมการ” ผู้จัดการหวงพูดขึ้นมา
นี่เป็นข้อตกลงที่เห็นพ้องกันตั้งแต่แรก อู๋ฝานย่อมไม่ติดขัดใด ทางด้านเชฟใหญ่หลิวก็ไม่ได้อยู่แค่ในครัว แต่ออกไปเหมือนกับทุกคน ตัวเขาคิดอยากเห็นว่าอาหารที่ตัวเขาทำขึ้นจะทำให้อู๋ฝานพ่ายแพ้ได้หรือไม่
หากเป็นก่อนหน้านี้ เชฟใหญ่หลิวคงไม่ตอบรับผู้ท้าแข่งที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้า แต่หลังจากได้เห็นฝีมือการใช้มีดของอู๋ฝาน เชฟใหญ่หลิวก็ไม่อาจมีความมั่นใจดังเช่นที่เคยมี
แม้ว่าผ่านพ้นช่วงเวลามื้ออาหารมาแล้ว ภายในภัตตาคารก็ยังมีลูกค้าอยู่จำนวนหนึ่ง ผู้จัดการหวงแจ้งให้อู๋ฝานเลือกลูกค้าได้ก่อน อู๋ฝานย่อมไม่ปฏิเสธ เขาสำรวจมองในโถงพร้อมชี้ไปยังทิศหนึ่งของภัตตาคาร “ตรงนั้น”
“ได้” ผู้จัดการหวงมองกลุ่มคนที่อยู่ตรงโต๊ะเป้าหมาย ก่อนจะเรียกบริการหญิงงามเข้ามาพูดคุย “นำหมูตุ๋นสองที่ไปเสิร์ฟที่โต๊ะตัวนั้น บอกว่าวันนี้ทางภัตตาคารจัดกิจกรรมพิเศษขึ้นและโต๊ะของพวกเขาได้รับเลือกให้ถูกรางวัล เสิร์ฟหมูตุ๋นสองที่เป็นของกำนัลให้ แต่ต้องมีการเทียบอาหารสองจานและเลือกว่าจานไหนอร่อยกว่า”
“ได้ค่ะ ผู้จัดการหวง” บริกรสาวสวยตอบรับ พร้อมกับนำถาดหมูตุ๋นทั้งสองก้าวเดินไปยังโต๊ะที่อู๋ฝานเป็นคนเลือก
“อู๋ฝาน ไว้นายแพ้เมื่อไหร่ อย่าลืมอยู่ที่นี่ต่อเพื่อขอโทษเชฟใหญ่หลิวกับผู้จัดการหวงต่อหน้าผู้คน ไม่ต้องกังวลไป ฉันจะถ่ายวิดีโอทุกการกระทำของนายเอาไว้แน่นอน” หลี่ปิงพยายามข่มขวัญ
“อาจารย์หลี่รู้ได้ยังไงว่าผมต้องแพ้แน่นอนขนาดนั้น?” อู๋ฝานตอบรับอย่างเฉยชา “และผมเตือนเอาไว้เผื่อคุณลืม เตรียมเงิน 10,000 หยวนเอาไว้ให้พร้อม หากจ่ายช้าผมขอคิดดอกเบี้ยวันละ 1,000 หยวน”
“ไร้สาระ นายน่ะเหรอจะเอาชนะเชฟใหญ่หลิวได้?” หลี่ปิงกล่าวตอบอย่างเหยียดหยัน
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?”
“ฉันไม่คิดโต้เถียงเสวนากับนายต่อ หุบปากได้แล้ว!” หลี่ปิงตอบกลับ
ไม่นาน บริกรหญิงก็เดินกลับมาพร้อมคำติชมจากลูกค้าโต๊ะดังกล่าว
“เป็นยังไงบ้าง ลูกค้าที่โต๊ะนั้นบอกว่าหมูตุ๋นจานไหนดีกว่ากัน จานสีแดงหรือว่าจานสีขาว?” ผู้จัดการหวงเอ่ยถาม
แม้เชฟใหญ่หลิวค่อนข้างอารมณ์ร้าย เขาอาจอวดดีกับอวดเบ่งไปบ้าง แต่เขาไม่ใช่คนพูดปด ทั้งยังมีเงินไม่ใช่น้อย ผู้จัดการหวงก็เชื่อมั่นในฝีมือของเขา เพราะความเชื่อใจ เขาจึงไม่คิดโกงในการแข่งขัน และไม่คิดว่าจำเป็นต้องโกงแต่อย่างใด แม้จะเป็นแบบนั้น แต่ใครจะเป็นผู้ชนะนัดแรกนี้ก็ยังไม่อาจทราบ
คนอื่นเองก็มองยังบริกรสาวเพราะคิดอยากทราบคำตอบจากปากของเธอ
บริกรที่ไม่ทราบเรื่องการแข่งขันจึงตอบไปตามสัตย์จริง “ลูกค้าบอกว่าหมูตุ๋นจานสีแดงรสชาติดีกว่าค่ะ”
สีแดง?
ทุกคนยกเว้นอู๋ฝานต่างชะงัก เพราะจานสีแดงเป็นหมูตุ๋นของอู๋ฝาน แสดงว่าการแข่งขันนัดแรกนี้อู๋ฝานได้รับชัยชนะ!
“สีแดง? ได้ยินมาถูกใช่ไหม?” ผู้จัดการหวงเอ่ยถามด้วยใจที่ไม่ยินดี
“ไม่ผิดค่ะ ลูกค้าโต๊ะนั้นบอกชัดว่าหมูตุ๋นของจานสีแดงอร่อยกว่า ส่วนของจานสีขาวก็ดีเหมือนกัน แต่ด้อยกว่าจานสีแดงอยู่ระดับหนึ่งค่ะ” บริกรหญิงพบเห็นสีหน้าผิดแปลกของกลุ่มคน รวมถึงผู้จัดการหวงคล้ายอารมณ์ไม่ดี เธอจึงเกิดร้อนใจขึ้นมาด้วยเช่นกัน เพียงแต่ก็ยังพูดตอบตามปากคำของลูกค้าโต๊ะดังกล่าว
“โต๊ะนั้นมีลูกค้า 4 คน เลือกสีแดงกี่คน?” หลี่ปิงก้าวเข้ามาพร้อมเร่งรีบถาม “หากเลือกสีแดงแค่ 1-2 คน งั้นผลก็ถือว่าเสมอหรือโมฆะ”
สิ้นคำนั้น หลี่ปิงคิดอยากขยิบตาให้บริกรสาว เพียงแต่ เกิ่งหย่าเฟยที่รู้จักหลี่ปิงดีได้ก้าวเท้าขึ้นมายืนตรงหน้าบังหลี่ปิงเอาไว้ ทำให้เขาไม่อาจขยิบตาส่งสัญญาณให้บริกรสาวได้
“ลูกค้าทั้ง 4 คนของโต๊ะนั้นเลือกสีแดงหมดเลยค่ะ พวกเขาเห็นพ้องต้องกันว่าจานสีแดงอร่อยกว่าค่ะ” บริกรสาวที่ไม่รับรู้สัญญาณของหลี่ปิงตอบไปตามความจริงที่เกิดขึ้น
นัดแรกนี้อู๋ฝานได้รับชัยชนะโดยไร้ข้อกังขาและเป็นชัยชนะอันสมบูรณ์แบบ
ผู้จัดการหวงเผยสีหน้าอัปลักษณ์ ขณะเดียวกันเขายังเกิดรู้สึกเสียใจขึ้นมา เขาไม่เคยคิดว่าเชฟใหญ่หลิวจะมาพ่ายแพ้กับคนหนุ่มคนหนึ่ง หากรู้แต่แรก เขาคงลอบบอกบริกรสาวให้เมินเฉยความเห็นของลูกค้าโต๊ะดังกล่าว และบอกให้พวกเขาช่วยเลือกโดยระบุว่าจานสีขาวอร่อยกว่า
เพียงแต่ตอนนี้ถือว่าสายเกินไปแล้ว นึกเสียดายก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา
“แต่ว่ายังมีโอกาสอีกสองครั้ง ดังนั้นอู๋ฝานยังไม่ได้ชนะขาดลอย!” ผู้จัดการหวงพูดอยู่ในใจ
เพื่อให้ชนะการแข่งขัน เขาเตรียมพร้อมใช้อุบายทุกเล่ห์เหลี่ยม ขอเพียงเอาชนะอู๋ฝานได้ก็พอ
“เชื่อใจคนแซ่หลิวไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ผิดแน่ เขาจะต้องเป็นคนที่ไม่ได้มีความสามารถอะไร เว้นก็แต่ดูหมิ่นตำหนิคนอื่นไปเรื่อย กับแค่คนหนุ่มยังเอาชนะไม่ได้” ผู้จัดการหวงสบถคำอยู่ในใจตัวเอง
ความสัมพันธ์ระหว่างผู้จัดการหวงและเชฟใหญ่หลิวก็ไม่ได้ดีอะไรมาตั้งแต่แรก หากว่าไม่ใช่เพราะต้องการทำให้อู๋ฝานขายขี้หน้า เขาก็คงไม่ลดตัวก้มหัวให้เชฟใหญ่หลิว แต่หากออกมาเป็นแบบนี้ก็ช่วยไม่ได้ หากเชฟใหญ่หลิวไม่อาจเอาชนะอู๋ฝานได้ นั่นจะยิ่งทำให้ผู้จัดการหวงไม่ต้องไว้หน้าเชฟใหญ่หลิวและไม่ต้องทนถูกอีกฝ่ายดูหมิ่นอีกต่อไป