บทที่ 108 คำชื่นชมจากโจวซาน
บทที่ 108 คำชื่นชมจากโจวซาน
“หัวหน้า ข้ายิ่งนับถือท่านขึ้นไปอีก” ระหว่างทานอาหาร หนิวเอ้อพูดบอกกับอู๋ฝาน
“พวกเราก็ด้วย” เจิ้งเสี่ยวลิ่วและคนที่เหลือต่างร่วมเห็นพ้อง
อู๋ฝานยิ้มรับและพูดตอบ “ขอเพียงฝึกฝนให้เต็มที่ ก็จะเป็นได้เช่นกัน”
“ข้าไม่คิดเช่นนั้นน่ะสิ” เจิ้งเสี่ยวลิ่วตอบกลับ “รับชมสิ พวกหัวหน้ากองร้อยก็เป็นทหารผ่านศึกใช่หรือไม่? ภายหลังฝึกฝนทั้งวัน พวกเขาก็ยังมือเท้าอ่อนเรี่ยวแรงไม่ต่างกัน ทั้งที่ศักยภาพย่อมต้องดีกว่าพวกเรา แต่หากเทียบกับท่านคือไม่นับเป็นอะไร ต่อให้พวกเราฝึกหนักกว่านี้จนไปถึงระดับเดียวกับเหล่าทหารผ่านศึก ก็ยากที่พวกเราจะไล่ตามหัวหน้าได้ทัน”
“ถูกต้องแล้ว หัวหน้าน่ะแข็งแกร่งเกินไป ทหารผ่านศึกพวกนั้นยังเทียบไม่ได้ด้วยซ้ำ” คนอื่นในหน่วยร่วมชื่นชม
แท้จริงแล้ว วันนี้ทุกคนต่างตระหนักได้ถึงศักยภาพของอู๋ฝาน เพราะตัวเขามีความโดดเด่น ทั้งยังไม่ถือตัว ศักยภาพที่แสดงออกมันยอดเยี่ยมยิ่งกว่าเหล่าหัวหน้ากองร้อยอย่างเห็นได้ชัด
หากเป็นเป็นอู๋ฝานก่อนหน้านี้ บางทีอาจฝึกซ้อมอย่างงุ่มง่าม ตั้งใจแสดงศักยภาพที่ไม่ค่อยดีออกมา ปั้นแต่งตัวตนให้ไม่เป็นที่ต้องสงสัย อย่างไรแล้ว เขาก็ไม่ชอบที่จะต้องโอ้อวดอะไร เพราะนกที่โดดเด่นมักถูกสอยร่วง ตัวเขาเข้าใจหลักการดี
เพียงแต่ว่า ภายหลังทราบวัฒนธรรมการรับราชการทหารของที่นี่ อู๋ฝานจึงเกิดเปลี่ยนใจ ตัวเขาไม่คิดเป็นทหารถึงสิบปี ขณะนี้ไม่เพียงแต่ไม่ปิดซ่อนศักยภาพของตัวเอง แต่ยังต้องการแสดงศักยภาพอันสูงสุดออกมา รวมถึงแสดงศักยภาพการฝึกด้วยดีในสนามรบ มันจะทำให้เขาเริ่มเสาะหาโอกาสการทำความดีความชอบได้ มีแต่การทำเช่นที่ว่าจึงสามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตัวเขาได้
“หัวหน้าอู๋ หัวหน้าโจวเรียกไปพบ” ขณะอู๋ฝานกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องราวของตนเอง ก็มีทหารคนหนึ่งเข้ามาแจ้งอู๋ฝานว่าโจวซานต้องการพบตัว
“ตอนนี้?” อู๋ฝานขมวดคิ้ว
ตอนนี้มันคือช่วงเวลาที่อีกไม่นานเขาจะออกจากโลกแห่งนี้ไป
“ขอรับ หัวหน้าโจวกำลังรอคอยอยู่ที่เต็นท์” ทหารตอบกลับ
“หัวหน้า ทำไมลังเลล่ะ รีบไปเร็ว” เจิ้งเสี่ยวลิ่วเอ่ยคำขึ้น
“จะต้องเป็นเพราะได้เห็นศักยภาพวันนี้ของหัวหน้าแน่ น่าจะเรียกไปชื่นชม” หนิวเอ้อพูดขึ้นเช่นกัน
อู๋ฝานไม่คิดอยากไป ทว่าก็ต้องไป เขาจึงตามทหารคนดังกล่าว ไปยังเต็นท์ที่พักของโจวซาน
โจวซานผู้เป็นหัวหน้าใหญ่ ย่อมต้องได้รับเต็นท์หลังใหญ่ที่สุดในกองพันที่สามอย่างไม่ต้องสงสัย และสถานที่ตั้งคือใจกลางของบรรดาเต็นท์ในกองพันที่สาม
“หัวหน้าใหญ่ ต้องการพบผมหรือครับ” อู๋ฝานเข้ามาด้านในเต็นท์ของโจวซาน
“เข้ามานั่งก่อน” โจวซานเผยท่าทีบ่งบอกให้อู๋ฝานเข้าไปนั่งใกล้ ๆ
ภายในเต็นท์แห่งนี้มีเพียงอู๋ฝานและโจวซาน
“เรียกเจ้ามาก็เพราะมีเรื่องอยากถาม” โจวซานเอ่ยคำขึ้นทันทีที่อู๋ฝานนั่งลง
“หัวหน้าใหญ่ถามมาได้เลยครับ”
“ก่อนหน้านี้เจ้าเคยทำอะไร? ครอบครัวล่ะ? เคยได้รับการฝึกมาก่อนงั้นหรือ?” โจวซานยิงคำถาม
“ผมเคยเป็นแค่เกษตรกรธรรมดาคนหนึ่งครับ บางครั้งก็ตัดต้นไม้ หลอมแร่ และอื่น ๆ อีกหลากหลาย ส่วนครอบครัวก็ไม่มีครับ เรื่องของการฝึกผมไม่เคยผ่านการฝึกมาก่อน แต่มักจะเข้าป่าไปล่าพวกสัตว์ป่าอยู่บ่อยครั้ง” อู๋ฝานบอกเล่าออกมา
อู๋ฝานเป็นเพียงเกษตรกรคนหนึ่งในหมู่บ้านเร้นลับจริง และเขายังทำการตีเหล็กรวมถึงปรุงยาได้เช่นกัน ในโลกแห่งนี้ ตัวเขาไม่มีครอบครัว ดังนั้นจึงไม่ใช่คำโกหกแต่อย่างใด
โจวซานพยักหน้ารับ “ความแข็งแกร่งและความอดทนของเจ้า เป็นอะไรที่คนธรรมดาไม่อาจเทียบได้ ระหว่างการฝึกซ้อมก็แสดงศักยภาพออกมาได้ดี เพียงแต่ หากว่าไม่ได้ฝึกฝนอย่างเป็นระบบ ความสามารถของเจ้าก็จะกลายเป็นสูญเปล่า ทำให้ไม่สามารถแสดงความสามารถเต็มที่ออกมา เอาอย่างนี้เป็นยังไง ถ้าหากเจ้าต้องการ ภายหลังการฝึกทุกวันก็มาหาข้า แล้วข้าจะสอนอะไรเพิ่มเติมให้ คิดว่ายังไง?”
โจวซานรักชอบในผู้มีพรสวรรค์
ไม่น่าแปลกใจ เพราะโจวซานอยู่ในกองทัพมาหลายปี กลับไม่เคยพบเจอผู้มีสมรรถภาพทางกายเทียบเปรียบกับอู๋ฝาน จึงค่อนข้างน่าเสียหายหากอู๋ฝานจะเป็นได้เพียงทหารลำเลียง เขาจึงวางแผนฝึกอู๋ฝานให้ดียิ่งขึ้น เพื่อที่อู๋ฝานจะได้ก้าวขึ้นเป็นกองทัพประจำการ
อู๋ฝานไม่ทราบความคิดของโจวซาน แน่นอนว่าการที่โจวซานยินดีสอนให้ มันเป็นเรื่องน่ายินดี ดังนั้นจึงเร่งรีบตอบรับ “เป็นเกียรติของผมที่หัวหน้าใหญ่ยินดีสอนสั่ง ผมจะเรียนรู้จากหัวหน้าใหญ่เป็นอย่างดีครับ”
ครั้งอู๋ฝานยังอยู่ที่หมู่บ้านเร้นลับ ตัวเขาได้เรียนรู้ทักษะมามากมาย เพียงแต่ทักษะเหล่านั้นเป็นทักษะในการใช้ชีวิต ขณะที่ตัวเขาเองยังไม่มีทักษะการต่อสู้ใด มันจึงทำให้อู๋ฝานมีเพียงความแข็งแกร่งทางกาย แต่ไม่มีวิธีนำความสามารถมาแสดงออก
ขณะนี้โจวซานยินดีสอนวิชาการต่อสู้ อู๋ฝานย่อมไม่คิดปฏิเสธ เพราะภายหลังได้เรียนรู้ทักษะการต่อสู้ ความสามารถทางการต่อสู้ของเขาจะก้าวหน้ามากขึ้น มันไม่เพียงเพิ่มโอกาสสร้างความดีความชอบในสนามรบ แต่ยังจะช่วยเพิ่มความเร็วในการสังหารมอนสเตอร์
อู๋ฝานไม่ลืมเลือนว่าตนเองคือ ‘ผู้เล่น’ สำหรับโลกแห่งนี้ ในเมื่อเป็นผู้เล่น สิ่งที่จำเป็นต้องทำคือการเพิ่มเลเวล ยิ่งไปกว่านั้นการสังหารมอนสเตอร์ในป่ายังมีโอกาสดร็อปอุปกรณ์อีกด้วย
เพียงแต่ หากอู๋ฝานทราบว่าโจวซานปรารถนาดึงตัวเขาไปเข้ากองทัพประจำการ ก็เป็นเรื่องน่าสงสัยว่าเขาจะยังยินดีอยู่หรือไม่ อย่างไรแล้ว ที่เขาฝึกอย่างหนักก็เพราะต้องการหลุดพ้นจากภาระที่เรียกว่ากองทัพ
“ดีมาก” โจวซานพึงพอใจกับท่าทีตอบรับของอู๋ฝาน “งั้นเริ่มจากวันนี้เลยก็แล้วกัน”
“วันนี้?” อู๋ฝานเกิดไม่เต็มใจเท่าใดนัก
“ว่าอะไร? ติดอะไรหรือ?” โจวซานเอ่ยถาม
“ไม่เป็นอะไรครับ แค่ตกใจที่กะทันหันไปบ้าง” อู๋ฝานตอบรับ
เรื่องการเทเลพอร์ตได้นั้นไม่อาจเปิดเผยออกไป มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาข้อแก้ตัว อย่างไรแล้ว พวกเขาที่กินนอนภายในค่ายจนถึงตอนนี้ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปภายนอก หากว่าถูกพบเจอจะเป็นเช่นไร?
“พวกเราใกล้ถึงกำหนดออกเดินทางแล้ว เมื่อใดออกเดินทาง ภายหน้าจะยิ่งมีโอกาสและเวลาสอนน้อยลง ดังนั้นแล้ว ข้าจึงคิดใช้โอกาสช่วงวันที่ยังเหลืออยู่สอนเจ้าให้มากขึ้น” โจวซานตอบกลับ
พบเห็นโจวซานมีความรับผิดชอบสูงส่ง มันจึงยิ่งยากที่อู๋ฝานจะตอบปฏิเสธ ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าตอบรับ และภาวนาอยู่ในใจ ว่าจะกลับไปได้ก่อนเริ่มการเทเลพอร์ต
“เอาล่ะ วันนี้สอนวิชาธนูให้เจ้าก็แล้วกัน” โจวซานพูดขึ้น
“วิชาธนู?” อู๋ฝานชะงักงันไปชั่วครู่ เพราะที่โลกแห่งความจริง เขาก็เพิ่งจะเริ่มฝึกฝนธนู ไม่นึกคิดมาก่อนเลยว่าจะได้เริ่มฝึกฝนที่นี่ด้วย
“วิเศษครับ ผมอยากเป็นนักแม่นธนูมาตลอด” อู๋ฝานรับคำด้วยความยิดนี
หากว่าโจวซานยินดีสอนวิชาธนูให้ อู๋ฝานย่อมไม่คิดปฏิเสธ การฝึกฝนยิงธนูจากทั้งสองฝั่งไปพร้อมกัน จะยิ่งทำให้วิชาธนูของเขาก้าวหน้าได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
“การเป็นนักแม่นธนูไม่ใช่เรื่องง่าย” โจวซานหัวเราะ “ในกองทัพยังมีนักแม่นธนูไม่มากด้วยซ้ำ พวกเขาแต่ละคนต่างก็ฝึกฝนมายาวนานหลายปี การจะได้เป็นนักแม่นธนู ย่อมไม่อาจเกียจคร้านในการฝึกฝน”
“หัวหน้าใหญ่วางใจได้ครับ ผมจะฝึกฝนให้หนัก” อู๋ฝานตอบรับ
“อืม” โจวซานพยักหน้าตอบรับ ลุกขึ้นยืน และจึงกล่าว “ตามมา ไปด้านนอก”
การฝึกซ้อมวิชาธนูย่อมไม่อาจทำในเต็นท์ พื้นที่ของค่ายทหารก็ไม่ใช่ ดังนั้นจึงเหมาะสมสำหรับใช้ฝึก
คนทั้งสองไปยังพื้นที่ส่วนกลางของค่าย ถัดจากนั้นจึงเริ่มการฝึกฝนภายใต้สายตาใคร่สงสัยของพลทหารทั้งหลาย