บทที่ 123 ใครใช้นายมา
บทที่ 123 ใครใช้นายมา
ตึก!
อู๋ฝานถูกเล่นงาน เท้าต้องถอยกลับไปหลายก้าวพร้อมกับเสียงปะทะดังที่เกิดขึ้น สิ่งของที่เดิมอยู่ในมือของเขากระจัดกระจายทั่วพื้น เกิดเป็นเสียงอึกทึกดังขึ้น
อู๋ฝานถูสัมผัสหน้าอกตนเองที่เจ็บปวดเล็กน้อย พลางมองอีกฝ่ายด้วยความระแวดระวัง
เป็นยอดฝีมือ!
อู๋ฝานเคยได้ปะทะกับมอนสเตอร์ที่เป็นคนในอีกโลกหนึ่งมาแล้ว ดังเช่นพวกโจรปล้นชิง เพียงแต่ หากเทียบกับบุคคลตรงหน้า โจรปล้นชิงเหล่านั้นไม่มีดีอะไรเทียบเปรียบได้ เป็นคนละระดับ บุคคลตรงหน้าแข็งแกร่งกว่าพวกโจรปล้นชิง
ที่อู๋ฝานยังไม่ทราบ แม้ตัวเขาตั้งระวังอีกฝ่าย แต่อีกฝ่ายตอนนี้หวาดกลัวสะพรึงแล้ว
ต้องทราบว่าหนึ่งฝ่ามือเมื่อครู่ แม้เขาไม่ได้ออกแรงเต็มที่ แต่อย่างน้อยก็ใช้ไปกว่าเจ็ดในสิบส่วน ไม่ต้องกล่าวถึงอู๋ฝานที่เป็นเพียงคนธรรมดา ต่อให้เป็นขอบเขตสว่างที่ฝึกฝนประสบความสำเร็จในระดับต้น ด้วยฝ่ามือของเขาเมื่อครู่ มันย่อมต้องได้รับบาดเจ็บ ขณะที่อีกฝ่ายเป็นเพียงคนธรรมดา อู๋ฝานกลับไม่บาดเจ็บหนักหนาแต่อย่างใด
เพราะเขาคือยอดฝีมือขอบเขตมืด!
แต่แล้ว อีกฝ่ายเพียงแค่ถอยไปไม่กี่ก้าว อู๋ฝานไม่แสดงท่าทีของอาการบาดเจ็บแม้แต่น้อย มันเป็นไปได้อย่างไร?
หรืออีกฝ่ายจะเป็นยอดฝีมือคนหนึ่งเช่นกัน?
เพียงแต่ นายน้อยข่งระบุเอาไว้ไม่ใช่หรือว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงคนธรรมดา?
เรื่องราวมันเป็นมาอย่างไร?
“นายเป็นใครกัน? ทำไมถึงลงมือทำร้ายฉัน?” อู๋ฝานตั้งคำถาม
เพียงแต่อีกฝ่ายยังคงตื่นตกใจกับการที่อู๋ฝานไม่ได้รับบาดเจ็บ เป็นเหตุให้มองข้ามคำถามไป
อู๋ฝานลอบระมัดระวัง แน่นอนว่า อีกฝ่ายที่หยุดชะงักไป ขณะนี้เริ่มลงมืออีกครั้งหนึ่งแล้ว
การโจมตีครั้งนี้รุนแรงมากขึ้น ท่วงท่าการจู่โจมดุดันมากขึ้น ฝ่ามือทรงพลังมากยิ่งขึ้น
“คิดว่าฉันเล่นงานได้ง่ายงั้นเหรอ?!” อู๋ฝานเริ่มบังเกิดโทสะอยู่ในใจ เพราะไม่ว่าใครหากถูกเล่นงานอย่างกะทันหัน ย่อมต้องโกรธเป็นเรื่องปกติ
อู๋ฝานที่ถูกอีกฝ่ายเล่นงานเมื่อครู่ หนึ่งเพราะอีกฝ่ายไม่ใช่คนธรรมดา อีกหนึ่งเป็นเพราะอู๋ฝานไม่ได้ตั้งระวังแต่แรก ทว่าครั้งนี้แตกต่างออกไป ตัวเขาลอบตั้งระวังเอาไว้แล้ว ทันทีที่อีกฝ่ายขยับเคลื่อนไหว เขาก็พร้อมจะตระหนักทราบและพบเห็น จึงตอบสนองได้อย่างทันท่วงที
อู๋ฝานผู้ซึ่งไม่อาจนำกระบี่ยาวศิลาดำออกมา จึงมีเพียงค่าสถานะว่องไวสองหน่วยจากรองเท้าเมฆาล่อง รวมกับอีกสามหน่วยจากค่าสถานะของตัวเอง ทั้งหมดจึงเป็นห้าหน่วย ค่าสถานะความว่องไวนี้ มันรวดเร็วกว่าคนทั่วไปหลายเท่าอย่างไร้ข้อกังขา กระนั้นแล้ว ต่อหน้าบุคคลตรงหน้า เขายากที่จะหลบเลี่ยงด้วยร่างกายของตัวเอง ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็เพราะตระหนักรู้ถึงการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย และตอบสนองได้ทันเวลา หากไม่แล้ว ก็เป็นไปได้ว่าจะถูกเล่นงานอีกครั้งหนึ่ง
“ไม่ผิดแน่ เป็นยอดฝีมือในโลกความเป็นจริง ระหว่างเรากับยอดฝีมือของจริงยังคงมีช่องว่างอยู่!” อู๋ฝานครุ่นคิดกับตนเอง ความอหังการที่พวยพุ่งขึ้นเมื่อครู่เริ่มเลือนหายไปทีละน้อย
ภายหลังหลบเลี่ยงการโจมตีของอีกฝ่ายอย่างฉิวเฉียด อู๋ฝานใช้ฝ่ามือตอบโต้ และฝ่ามือนี้พุ่งเข้าปะทะกับหน้าท้องของอีกฝ่าย
ตัวอู๋ฝานมีความแข็งแกร่งสามหน่วย อีกสองหน่วยจากรองเท้าเมฆาล่อง และอีกสิบหน่วยจากเสื้อหนูขนทอง และอีกห้าสิบหน่วยจากกางเกงผ้าบริสุทธิ์ ค่าความแข็งแกร่งของตัวเขาในปัจจุบันจึงสูงถึงหกสิบห้าหน่วย!
ดังนั้นแล้ว แม้ว่าไม่ได้สวมใส่หมวกเกราะ ไม่ได้ใช้กระบี่ยาวศิลาดำ ไม่ได้สวมใส่ชุดเกราะโซ่และสายรัดข้อมือผ้าบริสุทธิ์ พละกำลังของตัวเขาก็ยังถือว่าน่าทึ่งชวนสะพรึง
“ตึง!”
อีกฝ่ายที่ตอนแรกไม่คิดเก็บฝ่ามือของอู๋ฝานมาระวัง ครุ่นคิดในใจว่าด้วยพละกำลังของตนเองที่เป็นขอบเขตมืดระดับต้น ต่อให้ถูกฝ่ามือของอู๋ฝานเล่นงาน ก็ไม่มีทางเจ็บหรือคัน
เพียงแต่ มันไม่ใช่เช่นที่คิด
ทันทีที่ตัวเขาถูกอู๋ฝานปะทะเล่นงาน เขารู้สึกราวกับร่างกายถูกค้อนอันหนักอึ้งเข้าปะทะ เพียงพริบตา อวัยวะภายในช่องท้องสั่นสะเทือน ราวกับพวกมันเป็นขวดแก้วที่ใกล้แตกออก หลอดเลือดภายในร่างกายแบกรับแรงสะเทือนหนักหนาในชั่วพริบตา ทันใดนั้นเองที่เลือดซึ่งไหลเวียนภายในร่างทะลักออกในชั่วขณะ ทั้งตัวคนวิงเวียนซวนเซ ราวกับจะเป็นลมล้มพับไปได้ในทุกเมื่อ
ถัดจากนั้น เขาได้พบ ว่าร่างกายตนเองกระเด็นลิ่วอย่างไม่อาจควบคุม ลอยไปไกลราวห้าถึงหกเมตรกลางอากาศ สุดท้ายร่วงหล่นกระทบพื้นอย่างรุนแรง ในเวลานี้ แม้ตัวเขายังคงประคองสติไม่สลบสิ้นสติ กระนั้น ก็เห็นได้ชัดว่ากระดูกในร่างกายหักไปอย่างน้อยก็สามท่อน
ฝ่ามือที่ดูธรรมดาเช่นนั้น ไฉนมีพลังอำนาจระดับนี้ได้?
อีกฝ่ายมองอู๋ฝานด้วยความสะพรึง สีหน้าซีดเซียวไร้ซึ่งสีเลือด
อู๋ฝานไม่คิดเห็นใจอีกฝ่าย แต่ก้าวเดินเข้าหาทีละก้าว เขาไม่เอื้อนเอ่ยคำใด จนกระทั่งหยุดปลายเท้าลงที่ร่างของอีกฝ่าย
“แกเป็นใคร? ใครส่งแกมา?”
แต่อีกฝ่ายเพียงมองอู๋ฝานด้วยความหวาดกลัว ไม่มีทีท่าคิดตอบคำถาม
“ไม่บอกเหรอ คิดว่าฉันจะไม่รู้?” อู๋ฝานตอบกลับอย่างเฉยชา “ชื่อแกคือเฟ่ยอวิ๋น เป็นยอดฝีมือที่เพิ่งสำเร็จขอบเขตมืด เมื่อครู่เพิ่งใช้ฝ่ามือทลายสวรรค์ใช่ไหม?”
“แกรู้ได้ยังไง?” อีกฝ่ายหรือก็คือเฟ่ยอวิ๋นถามกลับมาโดยไม่รู้ตัว
“ไม่ต้องใส่ใจหรอกว่าฉันรู้ได้ยังไง ถ้าไม่บอกว่าใครอยู่เบื้องหลังแก งั้นคนที่จะเสียแขนและขาวันนี้ก็เป็นตัวแกเอง!” อู๋ฝานตอบกลับด้วยเสียงที่ไม่ได้ดังนัก ทว่าจิตสังหารจากกายของเขากำลังหลุดรั่วออกมาทีละน้อย
อู๋ฝานรู้ชื่อของอีกฝ่าย ย่อมเป็นเพราะใช้วิชาตรวจสอบ เพียงแต่แม้ทราบว่าอีกฝ่ายชื่ออะไร ใช้กระบวนท่าชื่อว่าอะไร รวมถึงระดับการฝึกฝน แต่ไม่มีทางที่จะทราบได้ว่าบุคคลเบื้องหลังที่ส่งอีกฝ่ายมานั้นเป็นใครกันแน่
สาเหตุที่อู๋ฝานมั่นใจว่ามีคนส่งอีกฝ่ายมา ก็เพราะเขาไม่รู้จักเฟ่ยอวิ๋นที่อยู่ตรงหน้า ดังนั้นย่อมไม่เคยมีข้อพิพาทใดต่อกัน อีกฝ่ายถามชื่อของเขา สร้างปัญหาให้ เห็นได้ชัดว่าถูกผู้อื่นจ้างวานมา
อีกฝ่ายที่พบเห็นจิตสังหารจากร่างของอู๋ฝาน รวมถึงสีหน้าที่อู๋ฝานใช้เอ่ยคำ เขาทราบดีว่าอู๋ฝานไม่ได้ล้อเล่น และพร้อมจะทำได้จริง
“ฉันบอกแกไปแล้วจะยังไง? นายน้อยข่งเป็นคนส่งฉันมา” เฟ่ยอวิ๋นตอบกลับ พร้อมกับใบหน้าที่กลับมามีความอหังการอวดดีอีกครั้ง “ฉันยอมรับว่าแกแข็งแกร่ง ก่อนหน้านี้ฉันประมาทไปเอง แต่ถ้าหากตระกูลข่งคิดจัดการกับแก ยังไงแกก็ต้องตายอย่างไร้ที่กลบฝัง!”
“นายน้อยข่ง? ข่งไห่หลิน?” อู๋ฝานไม่คิดเก็บคำขู่ของอีกฝ่ายมาใส่ใจ ทว่าถามในสิ่งที่คาดเดา
“ใช่” เฟ่ยอวิ๋นไม่คิดปฏิเสธ “อำนาจของตระกูลข่งเหนือกว่าที่คนธรรมดาอย่างแกจะจินตนาการได้ ฉันขอแนะนำ ถ้าหากยังไม่คิดอยากตาย ก็จงไปโขกศีรษะขอขมาต่อนายน้อยข่งโดยเร็ว หากไม่แล้ว ชีวิตแกจะเลวร้ายยิ่งกว่าความตาย”
“โห ข่งไห่หลินเป็นตัวแทนของทั้งตระกูลข่งได้เลย?” อู๋ฝานถามกลับ
“นั่น…” เฟ่ยอวิ๋นตอบกลับไม่ออก อย่างไรแล้ว ข่งไห่หลินก็เป็นเพียงแค่รุ่นเยาว์ของตระกูลข่ง เขาย่อมไม่มีทางเป็นตัวแทนของทั้งตระกูลข่งได้ “ไม่ว่านายน้อยข่งจะเป็นตัวแทนของตระกูลข่งได้หรือไม่ ถ้าหากยังยั่วยุเขาไม่เลิก จุดจบของแกไม่มีทางตายดี!”
พบเห็นท่าทีของเฟ่ยอวิ๋น อู๋ฝานจึงถอนหายใจโล่งอก เห็นได้ชัดว่าคำกล่าวของหวังจื่อหมิงก่อนหน้านี้ถูกต้อง ข่งไห่หลินเป็นเพียงสมาชิกรุ่นเยาว์ของตระกูลข่ง ไม่มีทางเป็นตัวแทนของทั้งตระกูลข่งได้ แม้ว่าการยั่วยุข่งไห่หลินเป็นอันตราย แต่หากเทียบเปรียบกับการยั่วยุทั้งตระกูลข่ง มันก็เป็นเรื่องที่ไม่อาจเทียบกันได้
แน่นอนว่าสิ่งสำคัญยิ่งกว่าคือการที่ข่งไห่หลินหึงหวงและริษยา ต่อให้เขาไปขอขมาหรืออธิบาย อีกฝ่ายก็ไม่มีทางเชื่อ ดังนั้นความขัดแย้งระหว่างคนทั้งสองจะไม่มีทางถูกเพิกถอนหรือกำจัด
ถึงขนาดว่าอีกฝ่ายส่งคนมาคิดตัดแขนและขาของเขา
เห็นได้ชัดว่ารอยแตกร้าวมันไม่อาจสมานกันได้อีก