บทที่ 125 เลื่อนระดับทักษะ
บทที่ 125 เลื่อนระดับทักษะ
แม้ว่าจัดการกับเฟ่ยอวิ๋นที่ข่งไห่หลินส่งมาแล้ว อู๋ฝานก็ไม่ได้อารมณ์ดีแต่อย่างใด
ครั้งที่หวังจื่อหมิงพูดเตือนตัวเขาก่อนหน้านี้ เขาทราบดีว่าข่งไห่หลินจะไม่มีทางปล่อยไปโดยง่าย ดังนั้นจึงระมัดระวังตัวอยู่หลายวัน และก็เป็นวันนี้เอง ที่ได้พบกับคนที่อีกฝ่ายส่งตัวมา
เพียงแต่ อู๋ฝานไม่คิดว่าข่งไห่หลินจะโหดเหี้ยมคิดเอาแขนขาของเขาตั้งแต่การลงมือครั้งนี้ ตอนแรก อู๋ฝานคิดว่าอีกฝ่ายอาจเพียงซ้อมเพื่อสั่งสอนบทเรียน ตอนนี้เองที่เขาได้ตระหนักแล้วว่าตนเองประเมินความดุร้ายของข่งไห่หลินต่ำไปมาก
ด้วยพื้นเพของข่งไห่หลินและความโหดเหี้ยม หากเขาทำเฟ่ยอวิ๋นพิการกลับไป มีหรืออีกฝ่ายจะหยุด?
อู๋ฝานมองว่าไม่มีทางเป็นไปได้
ข่งไห่หลินผู้ซึ่งเติบโตขึ้นมาโดยคาบช้อนทอง ย่อมต้องไม่เคยประสบความเหยียดหยามหรือพ่ายแพ้ขนาดนี้มาก่อน ดังนั้นตลอดเวลาจึงวางตัวสูงส่ง เป็นคนถือดีอหังการล้นฟ้า ในสายตาของอีกฝ่าย ผู้อื่นล้วนสามารถรังแกได้ แต่ผู้อื่นไม่อาจทำอะไรตอบโต้ พวกเขาจะไม่ยอมรับเรื่องราวเช่นนั้น
ดังนั้นแล้ว จึงมีความเป็นไปได้มาก ว่าข่งไห่หลินจะหาทางแก้แค้นอีกครั้งหนึ่ง!
เพียงแต่ครั้งนี้ อีกฝ่ายส่งมาแค่เฟ่ยอวิ๋น หากเป็นครั้งหน้าผู้ใดกันจะทราบว่าอีกฝ่ายจะส่งใครมา?
ดังนั้นแล้ว อู๋ฝานจึงเกิดความรู้สึกหนักอึ้งอยู่ในใจ รวมถึงความร้อนใจต่อเรื่องราว
เหตุการณ์ในวันนี้ ได้เป็นการยืนยันข้อคาดเดาแก่เขาด้วยเช่นกัน ว่าภายนอกวงสังคมมนุษย์ทั่วไป มันยังมีอีกแวดวงที่มนุษย์ธรรมดายากจะเข้าไปเกี่ยวข้อง ผู้คนเหล่านี้ยังแข็งแกร่งเปรียบดังยอดฝีมือในรายการโทรทัศน์ก็ไม่ปาน
แท้จริงแล้ว หากวันนี้ไม่ใช่เพราะเฟ่ยอวิ๋นอวดดีจนเกินไป อู๋ฝานก็คงไม่สามารถจัดการอีกฝ่ายโดยง่ายเช่นที่เป็น อย่างไรแล้ว ตัวเขาก็ไม่ได้สวมใส่อุปกรณ์ครบชุดตลอดเวลา นอกจากด้านพละกำลัง ตัวเขาไม่มีเปรียบใดทั้งสิ้น อีกฝ่ายฝึกฝนฝ่ามือทลายสวรรค์ ขณะที่ตัวเขาไม่รู้อะไรเลยแม้แต่น้อย
ดังนั้นแล้ว ชัยชนะของอู๋ฝานต่อเฟ่ยอวิ๋นในวันนี้ มันจึงเป็นเรื่องของโชค
ใครจะรับรองได้ว่าตัวเขาจะยังมีโชคเช่นนี้อีก?
และมันยังเป็นบทเรียน ว่าครั้งถัดไปข่งไห่หลินจะไม่ส่งคนมาอย่างผลีผลาม และมันจะเป็นคู่ต่อสู้ที่ตัวเขายากจะเอาชนะอย่างไม่ต้องสงสัย
ดังนั้นแล้ว อู๋ฝานจึงต้องแข็งแกร่งขึ้น!
แต่จะแข็งแกร่งขึ้นอย่างไร?
ในความเป็นจริง มันเป็นเรื่องยากที่อู๋ฝานจะทำได้ ดังนั้นเขาจึงต้องหาหนทางจากอีกโลกหนึ่ง
“คงจะมัวแต่อยู่ในค่ายทหารไม่ได้แล้ว เวลาอิสระก็ไม่มี ออกไปสู้กับมอนสเตอร์ก็ทำไม่ได้ ออกไปสำรวจก็ทำไม่ได้ คิดจะทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นกลับเป็นเรื่องยาก” อู๋ฝานครุ่นคิดกับตัวเอง
ก่อนหน้านี้อู๋ฝานยังคงลังเลกับเรื่องที่โจวซานบอกเอาไว้ ทว่าตอนนี้ เขาต้องละทิ้งความคิดแล้ว ตัวเขาจำเป็นต้องพัฒนา จำเป็นต้องต่อสู้กับมอนสเตอร์เพื่อคว้าเอาไอเทมทั้งหลายมาครอบครอง หากเอาแต่อาศัยอยู่ในค่ายทหารจะไม่มีทางสำเร็จผล
ขณะอู๋ฝานปรากฏตัวในอีกโลกหนึ่งอีกครั้ง ภายนอกก็มีเสียงดังเรียบร้อย ทำให้ได้ทราบว่าโจวซานเรียกรวมพลหน่วยแล้ว อู๋ฝานที่ล่าช้าไปเพราะเรื่องของเฟ่ยอวิ๋น จึงเป็นเหตุให้มาถึงที่โลกแห่งนี้สายไป
นับเป็นโชคดี ที่ด้านนอกเพียงเพิ่งเรียกรวมพล ดังนั้นอู๋ฝานจึงยังไม่ถูกเปิดโปงหรือถูกพบเห็นใด
“ใช้ชีวิตกับคนอื่นในค่ายทหารไม่มีความสะดวกเลยสักนิด ในความเป็นจริง ถ้าหากล่าช้าไปสักเล็กน้อยล่ะก็ คงได้เกิดเรื่องขึ้นแน่” อู๋ฝานครุ่นคิดกับตัวเอง ขณะเดินมุ่งหน้าไปยังจุดรวมพล
ขณะอู๋ฝานมาถึง โจวซานก็มองมา
ในการรวมพลก่อนหน้านี้ อู๋ฝานมาถึงเป็นคนแรกเสมอ เพียงแต่วันนี้อู๋ฝานมาช้าไปบ้าง แม้ว่าไม่ใช่คนสุดท้าย แต่ก็ไม่ถือว่ารวดเร็ว โจวซานที่กำลังมีความคาดหวังอันยิ่งใหญ่กับอู๋ฝาน ย่อมต้องคิดสำรวจมอง
เพียงแต่โจวซานไม่ใส่ใจอะไรนัก เขาเพียงคิดว่าอู๋ฝานอาจเหนื่อยล้าไปบ้าง ดังนั้นจึงตื่นสายไปหน่อย
อย่างไรเสีย อู๋ฝานก็ฝึกฝนมากกว่าคนอื่นหลายเท่า ขณะที่คนอื่นพัก อู๋ฝานกลับยังคงเอาแต่ฝึกฝน ไม่แปลกหากจะเกิดความเหนื่อยล้า
ในช่วงหลายวันถัดจากนั้น อู๋ฝานต้องไปมาระหว่างสองโลกอยู่โดยตลอด
ในความเป็นจริง กิจการของอู๋ฝานกำลังโด่งดัง หากให้พูด จะเรียกว่าเป็นร้านแผงลอยที่ดังที่สุดในย่านก็ไม่ผิดไป ทุกวันเขาได้รับเงินทองมากขึ้น ชื่อเสียงก็เพิ่มมากขึ้น บางคนกระทั่งเดินทางมาจากที่ห่างไกล เพียงเพราะเพื่อต้องการได้ทานบาร์บีคิวที่เขาทำ
ขณะออกกำลังกายยามเช้า อู๋ฝานและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ยังมีการพูดคุยกันบ้างเป็นครั้งคราว ทว่าหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ยังคงเย็นชากว่าที่เคยเป็น
ส่วนทางด้านถังอวี่เฟย เธอแตกต่างจากหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ เพราะเธอกระตือรือร้นเข้าหาอู๋ฝาน ดังนั้นย่อมได้ทราบเรื่องอู๋ฝานออกกำลังกายที่สนามกีฬาในทุกเช้า โดยทุกครั้งที่อู๋ฝานออกกำลังกายเสร็จ ที่บริเวณทางออกของสนามกีฬา เธอมักจะแสดงตัวให้พบเจออยู่ทุกครั้ง และทุกครั้งจะมีอาหารติดมือมา เป็นของที่เตรียมไว้ให้กับอู๋ฝาน สไตล์การแต่งตัวทุกวันก็เปลี่ยนไปเรื่อย ทำเอาเหล่าเด็กหนุ่มรอบด้านรู้สึกอิจฉาอู๋ฝานกันตาร้อนผ่าว
แม้กระทั่งคนที่มีคนรักอยู่แล้ว เด็กหนุ่มทั้งหลายทราบดีว่าการดูแลเช่นนี้ยากได้รับมาเพียงใด และอีกฝ่ายยังเป็นโฉมงามแห่งมหาวิทยาลัยเช่นถังอวี่เฟย
แน่นอนว่า อู๋ฝานไม่อาจหลบเลี่ยงความกระตือรือร้นเข้าหาของถังอวี่เฟยได้ไหว
แรกเริ่ม เขาไม่คิดใส่ใจอะไรมากนัก แม้ว่าไม่ยอมรับสิ่งที่ถังอวี่เผยคอยยื่นส่งให้ ก็ยังพูดคุยต่อกันอยู่หลายคำ แต่ทุกครั้งที่เวลาเดิม เขาจะได้เห็นหลิ่วเหยียนเอ๋อร์เดินเลี่ยงออกไปอีกทิศทางหนึ่ง พร้อมกับหันเหสายตามองมา จะว่าเจตนาก็ไม่ใช่ ไม่เจตนาก็ไม่เชิง แม้เธอไม่พูดอะไรออกมา แต่ก็มากพอทำให้อู๋ฝานเกิดรู้สึกไม่ใคร่สบายใจเท่าใดนัก
นอกจากนี้แล้ว อู๋ฝานก็ไม่อาจแบกรับความกระตือรือร้นของถังอวี่เฟยได้ไหว ดังนั้นท้ายที่สุด เขาจึงเริ่มรู้สึกหวาดกลัวจะได้พบถังอวี่เฟย
เพียงแต่ถังอวี่เฟยไม่ได้สูญเสียกำลังใจ เธอยังคงแวะเวียนโผล่มาทุกวัน เป็นความตั้งใจที่น่ายกย่อง
หลายวันมานี้ ข่งไห่หลินไม่ได้ส่งใครมาสร้างปัญหาแก่อู๋ฝานอีก แต่อู๋ฝานก็ไม่ได้หย่อนความระวัง เขาทราบดีว่าเรื่องราวจะไม่มีทางจบลงโดยง่าย แน่นอนว่าเขาย่อมคาดหวังให้ข่งไห่หลินยอมเลิกราไปเอง เช่นนั้นจึงดีที่สุด แต่โชคร้าย อู๋ฝานมองว่าความเป็นไปได้นั้นต่ำเตี้ยติดดิน
ในอีกโลกหนึ่ง อู๋ฝานและพรรคพวกยังต้องรวมพลเพื่อฝึกซ้อม ภายหลังฝึกซ้อมประจำวัน อู๋ฝานยังคงตามโจวซานไปรับการฝึกเพิ่มเติม ผลลัพธ์ที่ได้นั้นยังถือว่าดีเยี่ยม
วิชาธนูของอู๋ฝานได้ก้าวหน้าขึ้นจากระดับต้นสู่ระดับกลาง ขณะเดียวกัน เขายังได้เรียนการขี่ม้ายิงธนู นอกจากนี้ โจวซานยังสอนวิชามีดที่ใช้กันในกองทัพ เพื่อให้อู๋ฝานได้มีวิชาต่อสู้ติดตัว
[วิชาธนู ระดับกลาง เพิ่มอัตราการยิง 50% เพิ่มความเสียหาย 50% เพิ่มระยะยิงไกล 50% และเพิ่มระยะการมองเห็น 30%]
[วิชาขับขี่ ระดับต้น ท่านสามารถควบคุมพาหนะขนส่งทั้งหลายประเภท ความมั่นคงเพิ่มขึ้น 10% ความเร็วเพิ่มขึ้น 10%]
[ขี่และยิง ระดับต้น ท่านสามารถยิงในระหว่างการใช้พาหนะ ความเสียหายเพิ่มขึ้น 10% อัตราการโจมตีเพิ่มขึ้น 10%]
[เคล็ดวิชามีดจอมเชือด ระดับต้น เคล็ดวิชามีดทั่วไปที่ใช้ในกองทัพ การเคลื่อนไหวเรียบง่าย ใช้พละกำลังปานกลาง เพิ่มความเสียหาย 10%]
วันนี้เป็นวันสุดท้ายก่อนอู๋ฝานจะเตรียมออกเดินทาง ในวันพรุ่งนี้ พวกเขาจะต้องออกไปภายนอกค่าย และเดินทางแล้ว