บทที่ 126 จัดการวัสดุ
บทที่ 126 จัดการวัสดุ
ในช่วงเช้า เทศมณฑลชิงหยวน ค่ายวิหค กองพันที่สาม
โจวซานยืนอยู่ที่สูงด้วยสีหน้าจริงจัง เมื่อมองยังกลุ่มคนที่ยืนอย่างเป็นระเบียบด้านล่าง ตัวเขาจึงเกิดความรู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้าง
ภายหลังฝึกฝนอยู่หกวัน แม้ว่าชาวบ้านตรงหน้าเหล่านี้จะยังไม่อาจเทียบได้กับกองทัพประจำการ แต่หากนำไปเปรียบเทียบกับช่วงก่อนมาที่นี่ ก็ถือว่าก้าวหน้าขึ้นมาก พวกเขาทั้งยืนนิ่งไม่มีเสียงกระซิบใด ไม่มีร่องรอยของความเป็นแถวอันไร้ซึ่งระเบียบ เมื่อได้ยินคำสั่งก็พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่ง
แน่นอนว่า การพิสูจน์ผลลัพธ์ของการฝึกซ้อม มันก็ต้องภายหลังเข้าสู่พื้นที่สนามรบ
“วันนี้เป็นวันฝึกซ้อมวันสุดท้ายก่อนพวกเจ้าจะออกเดินทาง พวกเราจะฝึกครึ่งวันในช่วงเช้า และให้เวลาอิสระแก่พวกเจ้าในช่วงบ่าย ไปจัดการเรื่องราวของตนเองให้เรียบร้อย เพียงแต่ ทุกคนจะต้องกลับมาที่หน่วยก่อนพระอาทิตย์ตกดิน หากไม่แล้ว จะต้องรับโทษฐานผู้หลบหนี” โจวซานบอกกับทุกคน
ผู้หลบหนี มันไม่ใช่เพียงแค่คำที่ทำให้ผู้คนเกิดความอับอาย แต่ขณะเดียวกัน ยังอับอายถึงวงศ์ตระกูล พวกเขาจะต้องโทษโดยราชสำนัก ดังนั้นจึงไม่มีใครคิดโดนโทษฐานผู้หลบหนี เว้นแต่มันจะเป็นทางเลือกสุดท้าย
ยามได้ยินว่าครึ่งวันช่วงบ่ายไม่ต้องทำอะไร ทุกคนต่างเกิดตื่นเต้นยินดี อย่างไรแล้ว หลายวันมานี้พวกเขาก็ฝึกซ้อมอย่างเข้มข้นอยู่ทุกวัน ดังนั้นจึงต้องการผ่อนคลาย อีกทั้งบางคนยังมีเรื่องราวส่วนตัวต้องไปจัดการ
ดังเช่นอู๋ฝาน
ในกระเป๋าหลังของอู๋ฝาน ยังมีวัสดุที่ได้รับจากการสังหารมอนสเตอร์ระหว่างทางมายังเทศมณฑล ตลอดเวลาที่ผ่านพ้นไม่มีโอกาสได้จัดการกับพวกมัน ไม่เพียงแต่สามารถทำเงินได้ แต่ยังกินพื้นที่ในกระเป๋าหลังของเขา ดังนั้นเขาจึงคิดอยากจัดการมันมานานแล้ว เพียงแต่ไม่มีเวลา
บางทีอาจเป็นเพราะได้รับวันหยุดในช่วงบ่าย ทุกคนจึงตั้งใจฝึกซ้อมในช่วงเช้า ไม่มีใครคิดปล่อยให้เกิดอุบัติเหตุใดขึ้น หากไม่แล้วโจวซานทราบเข้า ว่าพวกเขาไม่ได้ตั้งใจฝึกซ้อม อาจประกาศยกเลิกวันหยุดของพวกเขาขึ้นมา ถึงตอนนั้นคิดร้องไห้ก็สายเกินไป
ช่วงกลางวัน การฝึกซ้อมจบสิ้นลง โจวซานไม่ได้ผิดคำสัญญา โดยปล่อยให้ทุกคนออกไปข้างนอกเพื่อจัดการเรื่องราวของตัวเองได้
หลายคนเพิ่งเคยมาเยือนเทศมณฑลเป็นครั้งแรก อย่างไรแล้วยุคสมัยเช่นตอนนี้ ถนนหนทางก็ไม่ได้ราบรื่นสะดวกนัก คิดเดินทางไกลไม่มีความสะดวกเลยแม้แต่น้อย ภายหลังมาถึงที่นี่ พวกเขาก็มุ่งตรงเข้าค่ายทหารรับการฝึกซ้อม อย่างที่ไม่มีโอกาสได้ออกมาชมเมืองแม้สักครั้ง ขณะนี้ได้รับโอกาส ดังนั้นทุกคนจึงไม่อาจอดใจรอคอยพุ่งตัวออกไป
“หัวหน้า พวกเราก็ไปกันบ้างเถอะ” หนิวเอ้อพูดขึ้นมาด้วยท่าทีกระตือรือร้น
สำหรับเขาและพวกเจิ้งเสี่ยวลิ่ว นับได้ว่าเพิ่งเคยมาเยือนเทศมณฑลกันเป็นครั้งแรก พวกเขาคิดอยากเห็นมานานแล้วว่าบ้านเมืองเป็นเช่นไร หากไม่ใช่เพราะโจวซานคุมอย่างเข้มงวด พวกเขาอาจหาทางหลบหนีออกมาเที่ยวเล่นเสียนานแล้ว
“ไปกัน” อู๋ฝานตอบรับ “วันพรุ่งนี้ก็เริ่มภารกิจแล้ว วันนี้ให้ผมเลี้ยงอาหารที่ดีกับพวกคุณก็แล้วกัน”
“จริงหรือขอรับ?”
“หัวหน้าใจดีล้นเหลือ!”
“วันนี้โชคดีแล้ว ทราบอยู่แล้วว่าติดตามหัวหน้าไปจะไม่ผิดหวัง!”
ทุกคนในหน่วยเกิดตื่นเต้นยินดี พวกเขาทราบว่าครอบครัวของอู๋ฝานไม่ได้ข้นแค้น ดังนั้นจึงไม่คิดมากมารยาทกับอู๋ฝาน
ภายหลังทุกคนออกจากค่ายทหาร จึงได้รับชมความเป็นอยู่ของเทศมณฑล หนิวเอ้อและคณะแทบไม่อาจรอคอยได้หาร้านนั่งทาน
“สั่งกันที่นี่ก่อนได้เลย ผมขอตัวไปสักพักหนึ่ง แล้วเดี๋ยวจะกลับมา” อู๋ฝานบอกกับทุกคน
“งั้นหัวหน้ารีบไปรีบมา ถ้ากลับมาช้า พวกเรากินหมดก่อนไม่รู้ด้วย” หนิวเอ้อตอบกลับ
“อยากกินอะไรก็สั่ง กินเท่าที่อยากกิน หากว่ายังกินไม่พอ ก็สั่งเพิ่มได้” อู๋ฝานหัวเราะตอบรับ
เมื่อครู่เขาได้สอบถามบริกรถึงราคาอาหารของที่นี่มาโดยคร่าวแล้ว พวกมันไม่ได้แพงเกินไป ยังอยู่ในช่วงราคาที่ยอมรับได้และจ่ายไหว
“ขอรับ พวกเราขอไม่เกรงใจหัวหน้านะขอรับ” ทุกคนต่างยิ้มรับ
อู๋ฝานออกไป เพราะปัจจุบันตัวเขามีเงินติดตัวไม่มาก หากว่าต้องการเลี้ยงจนถึงมื้อเย็น ก็ต้องจัดการกับสัมภาระในกระเป๋าหลังเสียก่อน
เทศมณฑลชิงหยวนใหญ่โตกว่าหมู่บ้านเร้นลับไม่ทราบกี่เท่า รอบด้านเต็มไปด้วยร้านค้าน้อยใหญ่ อู๋ฝานไม่คิดขายวัสดุที่ได้รับมากับร้านแผงลอยขนาดเล็ก แต่มองหาร้านขายของชำที่มีหน้าร้านค่อนข้างใหญ่โตแล้วจึงเดินเข้าไป
“คุณลูกค้าต้องการอะไรดีขอรับ?” ทันทีที่อู๋ฝานเข้ามา พนักงานต้อนรับก็เข้ามาทักทาย
“ผมมีวัสดุจากสัตว์และมอนสเตอร์ที่ต้องจัดการ ที่นี่รับซื้อไหมครับ?” อู๋ฝานนำวัสดุที่พูดถึงออกจากห่อผ้าในมือและเอ่ยถาม
“แน่นอนขอรับ” อีกฝ่ายตอบรับ
อู๋ฝานพยักหน้ารับ พร้อมกับเปิดห่อผ้าออก เพื่อแสดงวัสดุให้อีกฝ่ายได้เห็น
อีกฝ่ายมีสายตาแหลมคม เพียงรูปลักษณ์ของวัสดุ เขาก็บอกได้ว่าเป็นของจากสัตว์ชนิดใด
เพียงแต่ ราคาที่อีกฝ่ายเสนอ มันทำอู๋ฝานต้องขมวดคิ้ว
“ทั้งหมดได้สิบเหรียญทอง?” อู๋ฝานพบว่าราคานี้ยากจะยอมรับ
“ใช่ขอรับ” พนักงานตอบรับ “ของส่วนใหญ่ที่เห็นนี้ค่อนข้างธรรมดา ของที่มีค่าก็เห็นจะเป็นฟันและหนังของหมาป่า”
ผลการประเมินที่ได้ทราบ อู๋ฝานยากจะยอมรับได้ ดังทราบว่าของเหล่านี้ได้รับจากสัตว์ป่าและมอนสเตอร์ที่เลเวลเกินกว่าสิบ ตอนอยู่ที่หมู่บ้านเร้นลับ เขาสังหารหนูขนทองเลเวลสิบ ขายวัสดุของมันยังได้รับมากกว่าที่ได้ตอนนี้
หรือนี่จะเป็นร้านหน้าเลือดอีกแห่งหนึ่ง?
คิดได้ดังนั้น อู๋ฝานจึงเก็บของของตนเองพลางตอบ “ราคาต่ำไปหน่อย ผมไปหาร้านอื่นก็แล้วกัน”
“ขอรับ คุณลูกค้าเดินทางโดยสวัสดิภาพ หากพิจารณาว่าราคาของทางเราเหมาะสม ก็ยินดีต้อนรับทุกเมื่อขอรับ” อีกฝ่ายตอบรับด้วยดี ไม่มีท่าทีคิดรั้งหรือไล่อู๋ฝานแต่อย่างใด น้ำเสียงก็ปกติดี ไม่มีทีท่าที่บ่งบอกว่าหลอกลวงอู๋ฝานแม้แต่น้อย
อู๋ฝานนำสิ่งของไปแวะเวียนอีกหลายร้าน กระทั่งตรงเข้าภัตตาคารและร้านตีเหล็ก เพราะคิดขายพวกมันแยกรายการ แต่แล้ว ราคาที่ได้รับเสนอ กลับต่ำเสียยิ่งกว่าราคาที่ร้านขายของชำเสนอให้เสียอีก
ภายหลังวนเวียนไปมา อู๋ฝานจึงได้พบว่าร้านขายของชำให้ราคาสูงที่สุดแล้ว เพราะไร้ซึ่งทางเลือก เขาจึงต้องกลับมาอีกครั้ง
“ทำไมราคาถึงแตกต่างได้ขนาดนี้กัน? ให้ราคาได้เลวร้ายกว่าพ่อค้าหน้าเลือดแซ่หลิวอีกงั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นทำไมคนอื่นในหมู่บ้านเร้นลับถึงซื้อหาของพวกนี้ด้วยราคาสูงกันล่ะ? หรือเพราะพวกเขาเอ็นดูเราเป็นพิเศษ?” อู๋ฝานนึกฉงนใจ
คิดได้ดังนั้น ก็พบว่ามันเป็นไปได้มาก อย่างไรแล้วอู๋ฝานก็สร้างความประทับใจอันดีแก่ผู้คนทั้งหลายในหมู่บ้านเร้นลับ พวกเขาเหล่านั้นยังสอนทักษะและมอบพรสวรรค์ให้แก่อู๋ฝาน เป็นปกติที่เมื่ออู๋ฝานนำของไปขายพวกเขาจะให้ราคาที่มากขึ้น
ตอนนี้เอง ที่อู๋ฝานจึงได้เข้าใจว่าเหตุใดคนในหมู่บ้านเร้นลับ ดังเช่นช่างตีเหล็กซุนจึงรับซื้ออย่างจำกัด เพราะความเอ็นดูต่ออู๋ฝานนั้นก็ต้องมีขีดจำกัด ราคาที่ขายในเทศมณฑลชิงหยวนนั้นต่ำเตี้ยกว่ามากนัก เพียงแต่พวกเขายินดีรับซื้อในจำนวนไม่อั้น
“สวัสดีขอรับคุณลูกค้า ยินดีต้อนรับกลับขอรับ” พบเห็นอู๋ฝานกลับมา อีกฝ่ายไม่แสดงท่าทีดูหมิ่นหรือเหยียดหยามใดทั้งสิ้น แต่ยังคงเหมือนเดิมดังเช่นเข้ามาร้านครั้งแรก
ในทางกลับกัน อู๋ฝานเป็นฝ่ายรู้สึกนึกละอาย เขาส่งของในมือให้อีกฝ่ายและตอบกลับ “สิบเหรียญทองใช่ไหมครับ?”
อู๋ฝานเกิดเกรงขึ้นมาว่าอีกฝ่ายอาจหาทางกดราคา อย่างไรแล้ว ตอนแรกเขาก็เป็นฝ่ายถอยกลับไปเอง
กระนั้น ความกังวลของเขากลับไร้ค่า เพราะอีกฝ่ายพยักหน้ารับอย่างจริงใจและตอบรับ “ขอรับ”
“ตกลงครับ” อู๋ฝานบอกออกไป
ข้อตกลงซื้อขายจึงบรรลุด้วยประการฉะนี้!