บทที่ 208 ขอแสดงความยินดีด้วย คำตอบของคุณถูกต้อง
บทที่ 208 ขอแสดงความยินดีด้วย คำตอบของคุณถูกต้อง
ความจริงเถ้าแก่หลิวทราบอยู่แล้วว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นกับโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ของเจ้าหย้าหนาน เพียงแต่เขารอคอยจนถึงวันนี้ค่อยมาเคาะประตูเยี่ยมเยือน เพื่อทำให้เธอยิ่งรู้สึกอับจนหนทางและสิ้นหวัง จากการกระทำนี้ จะทำให้เขายิ่งสามารถกดราคาได้มากขึ้น และแทบเป็นการรับประกันผลการเจรจา
เพราะเขาทราบว่าเจ้าหย้าหนานกำลังต้องการเงินอย่างหนัก!
ตอนนี้คือโอกาสอันดี!
เมื่อระยะเวลากำหนดส่งมอบยิ่งเข้ามาใกล้ ใจของเจ้าหย้าหนานก็ยิ่งต้องร้อนรนและสิ้นหวัง ตอนนี้เธอต้องการเงินอย่างเร่งด่วน แม้ว่าเงินนั้นจะได้มาก็ต่อเมื่อขายกิจการของตัวเธอเองจนแทบหมดก็ตาม อีกทั้งบางทีมันอาจไม่พอจ่ายค่าชดใช้รายการสั่งซื้อที่รับเอาไว้เสียด้วยซ้ำ ทว่ามันก็ดีกว่าถูกบังคับประมูลขายทอดตลาด
ดังนั้นเถ้าแก่หลิวจึงค่อนข้างมั่นใจว่าตนเองจะคว้าร้านของเจ้าหย้าหนานมาไว้ในกำมือได้!
ต่อให้เจ้าหย้าหนานจะไม่มองเขาในแง่ดีเลยสักครั้งก็ตาม
แต่ใครใช้ให้อีกฝ่ายมีปัญหาทางการเงินกันเล่า?
ขณะครุ่นคิดแผนการไปไกล เถ้าแก่หลิวก็รู้สึกว่าคนหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างเจ้าหย้าหนานดูคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด ไม่นานเขาก็นึกถึงตัวตนของอู๋ฝานขึ้นมาได้
“เถ้าแก่อู๋นี่เอง ได้ยินข่าวลือเลยมาทวงเงินอย่างนั้นเหรอครับ? แหม แหม.. ครั้งก่อนตอนฉันขอซื้อไม้ คุณยังเอาแต่ปฏิเสธข้อเสนอ ยืนกรานจะขายให้แม่หนูนี่ ตอนนี้นึกเสียใจแทบตายแล้วล่ะมั้ง? คิดแบบนี้อยู่ใช่ไหมล่ะ?” เถ้าแก่หลิวปรายตามองอู๋ฝานขณะเอ่ยคำ
“มีคำกล่าวว่าคำของคนที่เคยผ่านประสบการณ์มาก่อนนั้น ฟังเอาไว้ก็ไม่เสียหลาย คนหนุ่มก็เป็นแบบนี้ นี่มันโลกของธุรกิจ ดึงดันดื้อรั้นไปก็เท่านั้น ยังต้องเรียนรู้กันอีกเยอะ” เถ้าแก่หลิวได้ทีคุยข่ม
“ผมได้เรียนรู้อะไรมามาก ทว่ามันก็ขึ้นอยู่กับว่าบทเรียนนั้นมาจากใคร ผมไม่คิดว่าคนแก่เจ้าเล่ห์ที่คิดแต่เรื่องทรยศหักหลัง หวังคว้าเอาของคนอื่นมาเป็นของตัวเองจะเหมาะเรียนรู้ด้วยมั้งครับ?” อู๋ฝานมองเถ้าแก่หลิว พร้อมกับเอ่ยคำพูดที่ดูคล้ายหยอกล้อขึ้น
เถ้าแก่หลิวชักสีหน้ารุนแรง เขาได้ยินคำพูดของอู๋ฝานชัดเจนทุกคำ ทั้งหมดล้วนแขวะตัวเขาทั้งสิ้น!
“เหอะ! ฝีปากดีเยี่ยม จะเสียเงินก็สมควรแล้ว!” เถ้าแก่หลิวแค่นเสียงเย็นชาตอบรับ “ฉันบอกแล้ว ว่าการค้าครั้งนี้ไม่มีทางได้เงิน ต่อให้ขายทั้งร้านทั้งบ้าน ก็ยังมีไม่พอจ่ายค่าชดเชยด้วยซ้ำ ส่วนไอ้ที่ติดค้างอะไรนายเอาไว้ คงไม่มีเหลือสักหยวนไปจ่ายนาย ถึงเวลานั้นก็รอฟังคำสบถก่นด่าจากเถ้าแก่ใหญ่เบื้องหลังนายเสียเถอะ!”
เถ้าแก่หลิวไม่เชื่อว่าคนหนุ่มที่ดูไร้ประสบการณ์เช่นอู๋ฝาน จะมีช่องทางสามารถหาไม้ชิงชันมาได้ อีกฝ่ายจะต้องเป็นเพียงแค่คนกลาง เบื้องหลังจะต้องมีเถ้าแก่ใหญ่ซุกซ่อนตัวอยู่แน่!
ทว่าตอนนี้การค้าของอู๋ฝานเป็นหมัน เขาย่อมต้องถูกเถ้าแก่ใหญ่เบื้องหลังก่นด่า ทั้งยังสูญเสียความไว้เนื้อเชื่อใจจากอีกฝ่าย เรียกได้ว่าแทบไม่อาจสามารถรักษาสถานะคนกลางเอาไว้ได้อีกต่อไปแล้ว
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกครับ ก็แค่ไม้ชิงชันนิดหน่อย ผมไม่เก็บมาใส่ใจอะไรอยู่แล้ว ตราบใดที่ผมต้องการ จะให้หามาอีกสิบเท่ายังได้ หรือร้อยเท่าก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ด้วยซ้ำ” อู๋ฝานตอบกลับ
“เหอะ! คุยโวโอ้อวดดีจริง ๆ คนหนุ่มสมัยนี้ฝีปากไม่ไร้ความสามารถ คุยโวโอ้อวดใหญ่โต สิบเท่าหรือร้อยเท่าอย่างนั้นเหรอ? นายคิดว่าไม้ชิงชันเป็นทรัพย์สมบัติที่ตระกูลนายถือเอาไว้หรือยังไง?” เถ้าแก่หลิวมองอู๋ฝานอย่างค่อนแคะ เขาไม่เชื่อคำพูดของอีกฝ่าย
ไม้หายากอย่างไม้ชิงชัน ไม่ใช่เพียงแค่มีเงินก็สามารถหามาได้ แต่จะต้องมีเส้นสาย หรือต่อให้มีเส้นสาย ก็ไม่มีทางหามาได้จำนวนมากในคราวเดียว อู๋ฝานกล่าวว่าสามารถหามาได้นับสิบเท่าหรือร้อยเท่าจากที่เคยขาย เห็นได้ชัดว่าเป็นการคุยโวทั้งสิ้น
“พูดถูกต้องแล้วครับ ไม้ชิงชันเป็นทรัพย์สมบัติตระกูลของผมจริง ๆ” อู๋ฝานยิ้มตอบรับ
ด้านหลังภูเขาของหมู่บ้านเร้นลับถูกอู๋ฝานทำสัญญาเช่าเหมาเอาไว้แล้ว ทุกอย่างที่นั่นเป็นของเขา ไม้ชิงชันในป่านั้นเองก็ไม่ต่างจากทรัพย์สมบัติประจำตระกูลของเขาเช่นกัน
ทว่าคำพูดของอู๋ฝาน ไม่ใช่เพียงเถ้าแก่หลิวไม่เชื่อ แต่แม้กระทั่งเจ้าหย้าหนานก็ไม่เชื่อ เธอคิดว่าอู๋ฝานพยายามรักษาหน้าตาเอาไว้ จึงกล่าวคำเหล่านั้นออกมา เพราะเธออยู่ในแวดวงการค้านี้มานานระดับหนึ่ง ทำให้เธอได้ทราบว่าไม้หายากอย่างไม้ชิงชัน มันเป็นสิ่งที่ยากจะหามาได้ขนาดไหน ดังนั้นเธอย่อมทราบดีว่ามันไม่ใช่ของทั่วไปตามท้องตลาด
“เถ้าแก่หลิว ขอเชิญออกไปด้วย ฉันไม่ขายร้านนี้ให้คุณค่ะ” เจ้าหย้าหนานบอกกับเถ้าแก่หลิวอย่างเย็นชา
“แม่หนู อย่าได้วางตัวอวดดีไม่รู้ความเลย เธอกำลังประสบปัญหาทางการเงิน” เถ้าแก่หลิวกล่าวตอบ “หนทางเดียวที่เธอจะทำได้ ก็มีแต่ต้องขายร้านนี้ให้ฉัน ตอนนี้โรงงานเฟอร์นิเจอร์ของเธอก็ถูกไฟเผาวอดวายไปแล้ว รายการสั่งซื้อที่รับมาไม่มีทางทำสำเร็จทันส่งมอบอย่างแน่นอน สถานการณ์ทางบ้านของเธอ ฉันเข้าใจดีว่าคงแทบสิ้นเนื้อประดาตัวแล้ว เรียกได้ว่าเหลือไม่พอด้วยซ้ำ ถ้าจะเหลือสิ่งมีค่าก็คงเป็นบ้าน เพียงแต่ถึงขายบ้าน ก็คงไม่พอชดใช้ค่าเสียหายอยู่ดี ไม่ว่าด้วยอะไรเธอก็ไม่อาจเก็บหน้าร้านแห่งนี้เอาไว้ได้อีก แทนที่จะขึ้นศาลปล่อยมันถูกประมูลขายทอดตลาดราคาถูก ขายให้ฉันยังดีกว่า แม้ว่าราคาที่ฉันเสนออาจจะน้อยกว่าครั้งก่อนไปบ้าง แต่ก็เป็นเงื่อนไขที่ดีกับพวกเราทั้งสองฝ่าย”
เถ้าแก่หลิวกลัวว่าเจ้าหยานานจะขายร้านแห่งนี้ให้คนอื่นในราคาถูกเพราะโทสะบังตา ดังนั้นเขาจึงยังไม่คิดฉีกหน้าอีกฝ่ายในตอนนี้ แต่เลือกที่จะทำตัวเป็นผู้ใหญ่ใจดีมอบที่พึ่งทางใจให้
“ฉันบอกแล้วไงคะ ร้านนี้ไม่สามารถขายให้เถ้าแก่ได้ ต้องขอแสดงความเสียใจด้วยค่ะ” เจ้าหย้าหนานไม่หวั่นไหวกับคำพูดของเถ้าแก่หลิวแม้แต่น้อย สีหน้าท่าทีของเธอยังคงเย็นชา “ฉันได้คนซื้อเรียบร้อยแล้ว เถ้าแก่ไม่ต้องเสียเวลาอยู่ที่นี่ต่อหรอกค่ะ”
“หาคนซื้อได้แล้ว? ใครกัน? ใครกันที่จะจ่ายราคาได้สูงกว่าฉันคนนี้? แม่หนูเอ๋ย ถ้าเธอไม่พอใจราคาที่ฉันเสนอ พวกเราก็ตกลงกันอีกครั้งหนึ่งได้” เถ้าแก่หลิวค่อนข้างร้อนใจ เขาลงทุนลงแรงไปมากมาย ก็เพื่อตักตวงผลประโยชน์ในตอนนี้ เขาไม่มีทางเดินสะดุดตรงนี้ แล้วปล่อยให้คนอื่นมาตักตวงเอาของถูกที่ตนเองพยายามบ่มเพาะไป
“ไม่มีที่ให้เจรจาแล้วค่ะ เรื่องนี้ตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว” เจ้าหย้าหนานตอบกลับอย่างหนักแน่น
เหมือนที่เธอเคยพูดกับอู๋ฝานก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะด้วยอะไร เธอจะไม่ขายร้านแห่งนี้ให้กับเถ้าแก่หลิว
“แม่หนู ถ้าเธอร้อนเงินถึงขนาดนั้น อีกฝ่ายอาจตั้งใจกดราคาให้ต่ำ แต่ถ้าขายให้ฉัน ยังจะได้เงินเยอะกว่าที่อีกฝ่ายเสนอนะ” เถ้าแก่หลิวไม่คิดปล่อยวาง
“เถ้าแก่หลิวไม่ต้องกังวลไปนะครับ ผมไม่ให้ราคาต่ำจนเกินไปอย่างแน่นอน ผมไม่ใช่คนที่จะฉวยโอกาสตอนที่คนอื่นประสบปัญหาครับ” อู๋ฝานที่นั่งเฉยมาโดยตลอดเอ่ยขึ้น
“ใช่เรื่องต้องสอดปากพูดเหรอ?” เถ้าแก่หลิวตอบกลับอย่างไม่ไว้หน้า แต่แล้วตอนนั้นเองที่เขาตอบสนองต่อคำพูดนั้น สายตาหันมองไปอู๋ฝานอย่างตื่นตระหนก “เธอขายร้านนี้ให้ให้นายงั้นเหรอ?”
“เถ้าแก่หลิว ขอแสดงความยินดีด้วยครับ คำตอบนั้นถูกต้องแล้ว โชคร้ายที่คงไม่มีรางวัลอะไรให้” อู๋ฝานเพียงยิ้มตอบรับ
รางวัลผายลมอะไร!
เถ้าแก่หลิวแผดเสียงร้องดังอยู่ในใจ
เขาไม่เคยคิดว่าหลังจากพยายามอย่างหนักมามากมาย อู๋ฝานจะกลายเป็นคนตักตวงเอาผลประโยชน์นั้นไปซะได้ เจ้าหย้าหนานยืนยันที่จะขายสถานที่แห่งนี้ให้กับชายหนุ่ม ทุกอย่างที่เขาทำทั้งหมดจนถึงตอนนี้ กลับกลายเป็นการตัดเย็บชุดแต่งงานส่งให้อีกฝ่ายซะอย่างนั้น!
“เถ้าแก่หลิว ในอนาคตพวกเราคงจะได้เป็นเพื่อร่วมค้าขายในวงการเดียวกัน เรียกว่าเป็นเพื่อนบ้านกันยังได้ ต่อไปคงต้องขอคำแนะนำบ้างแล้วนะครับ” อู๋ฝานเอ่ยขึ้น “เพียงแต่เรื่องราวอย่างหาทางฉีกสัญญาอะไรนั่นไม่ต้องสอนนะครับ รวมถึงการดูถูกดูแคลนคนอื่นด้วย การตักตวงผลประโยชน์จากกองเพลิง ผมไม่อยากเรียนรู้เรื่องพวกนั้นครับ”
สีหน้าเถ้าแก่หลิวในตอนนี้ ประหนึ่งเป็นหัวหมูที่ถูกทุบตีจนเจ็บช้ำและแดงก่ำ