จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 706-710

ตอนที่ 706-710

บทที่ 706 : การแสดงดี ๆ เริ่มแล้ว (1)
  หัวใจของมู่เจินตื่นตระหนกทว่านางก็สามารถกลบเกลื่อนได้เป็นอย่างดี จากนั้นนางก็หรี่ตาลงเล็กน้อย คราวนี้แม้เจ้าตำหนักมา นางก็มั่นใจว่าเขาจะต้องอยู่ข้างเดียวกับนางอย่างแน่นอน
  แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ช่วยคนอื่นและละเลยนาง!
  ส่วนชายชราทั้งสองจงหนานและจงเป่ยแม้ว่าจะก้าวเข้าสู่ระดับสูงของซุนเจี่ยได้ หากแต่พวกเขาก็ไม่มีทางที่จะเอาชนะนางได้ !
  ไม่ไกลกันนักมีเสียงฝีเท้าดังมา ไป๋หยานเลิกคิ้ว พลางหันกลับไปมอง ทว่าหลังจากเห็นกลุ่มคนผู้ซึ่งเดินมาจากด้านหน้า นัยน์ตาของนางพลันเปล่งประกายประหลาดใจ
  มิใช่ชายผู้นั้นหรอกหรือ?
  ชั่วขณะนี้เหวินหวู่เหว่ย และ จุนเทียนเยว่ เป็นผู้นำกลุ่มคนในตำหนักเซียนพยับหมอกเข้ามาอย่างรวดเร็ว พวกเขามาถึงบ้านสกุลจง แล้วก็ทราบว่า สองพี่น้องสกุลจงมาที่แม่น้ำหลงเฮอแล้ว พวกเขาจึงรีบตามมา
  ครั้นพวกเขาตระหนักถึงแรงกดดันของสองพี่น้องสกุลจงนัยน์ตาของพวกเขาพลันปรากฏแววประหลาดใจ จากนั้นก็เกิดความปิติยินดี
  ”จงหนานจงเป่ย พวกท่านพัฒนาขึ้นสู่ระดับสูงแล้วกระนั้นหรือ ?” จุนเทียนเยว่มีความสุขมาก เพราะหากชายชราสองคนนี้พัฒนาขึ้นสู่ระดับสูงได้ นั่นหมายความว่าตำหนักเซียนพยับหมอกก็จะแข็งแกร่งขึ้น
  ทว่า…
  พวกเขาไม่ใช่ถูกทำร้ายอย่างรุนแรงกระทั่งไม่สามารถทะลุผ่านช่วงคอขวดได้กระนั้นรึ? ก็แล้วเหตุใดพวกเขาถึงสามารถทะลุคอขวดได้อีกครั้งล่ะ ?
  ”ท่านเจ้าตำหนัก”
  ครั้นมู่เจินเห็นคนทั้งสองกำลังมานางก็มีความสุขมาก นางรีบออกมายืนเบื้องหน้าพวกเขา
  เหวินหวู่เหว่ยขมวดคิ้ว”อาวุโสมู่เจิน มีสิ่งใดให้ข้าช่วยกระนั้นรึ ?”
  “เอ่อ! คือว่า” มู่เจินกระพริบตาสองสามครั้ง พลันนัยน์ตาของนางแผ่รังสีเย็นยะเยือก “แม่นางเหอเป็นผู้ที่ช่วยรักษาหวนหยิน นางเพิ่งขึ้นมาจากแม่น้ำหลงเฮอ ยามนี้นางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เพื่อที่จะล้างแค้นให้นาง ข้าจึงอยากให้บทเรียนมังกรพวกนี้ ! ทว่าศิษย์ของอาวุโสจงหนานกลับสมรู้ร่วมคิดกับเผ่ามังกร ผู้อาวุโสทั้งสองก็สนับสนุนศิษย์ของตนด้วย ข้าสงสัยเหลือเกินว่าการที่เผ่ามังกรจู่โจมตำหนักเซียนพยับหมอกนั้น อาจเป็นคำสั่งของพวกเขา !”
  ยามนี้มู่เจินอาจจะไม่มีความสามารถพอที่จะทำอะไรได้ทว่านางมีความสามารถอย่างยิ่งในการสาดโคลน นางมองและยิ้มอย่างเย็นชา
  จุนเทียนเย่วมองเหอซุ่ยซุ่ยแล้วนางก็ขมวดคิ้วเรียวงามราวใบหลิว หญิงผู้นี้ดูไม่มีสิ่งใดพิเศษเลย ทั้งความแข็งแกร่งของนางก็ไม่ได้สูงส่งอะไร นางน่ะหรือคือคนที่ช่วยหวนหยิน ?
  นางชำเลืองมองเล็กน้อยจากนั้นก็หันไปมองไป๋หยานอีกเล็กน้อย
  ”แม่นาง…เจ้าชื่ออะไร?”
  หญิงผู้นี้เสียอีกที่ดูดีกว่ามากทั้งดูราวกับว่าพวกนางเคยพบกันมาก่อน
  ไม่ใช่แค่จุนเทียนเยว่ที่มีความรู้สึกเช่นนี้แม้กระทั่งหวินหวู่เหว่ยเองก็เช่นกัน หากแต่พวกเขาก็จำไม่ได้ว่าพวกเขาเคยเห็นหญิงผู้นี้ที่ใด
  ”เยว่เอ๋อเจ้าคิดหรือไม่ว่านัยน์ตาของหญิงผู้นี้คล้ายกับหยุนเฟิง ?” เหวินหวู่เหว่ยเอ่ยถามหลังจากนิ่งคิดไปชั่วครู่
  นางไม่เพียงดูดีเท่านั้นทว่านัยน์ตาของนางช่างเหมือนกับหยุนเฟิง มองดวงตาคู่นั้นแล้ว พวกเขาก็ตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะหนึ่ง
  เหอซุ่ยซุ่ยรอคอยให้เจ้าตำหนักและฮูหยินพูดกับนาง นางเตรียมคำตอบไว้พร้อมหมดแล้ว ทว่าไม่คาดคิดสายตาของผู้อาวุโสทั้งสองกลับจับจ้องอยู่ที่ไป๋หยาน นั่นทำให้นางโกรธ…
  ไม่…
  ไม่มีทาง!
  นางไม่ยอมปล่อยให้ผู้ใดมาขโมยบทบาทที่ดีของนางไปหรอก!
  ครั้นเหอซุ่ยซุ่ยก้าวมาข้างหน้าเพื่อสนทนากับท่านเจ้าตำหนักและฮูหยิน เสียงของหวนหยินก็ดังขึ้น “ท่านป้า ท่านป้า แม่นางไป๋ต่างหากที่เป็นคนช่วยชีวิตข้า”
  จุนเทียนเยว่ตกใจเขาขมวดคิ้วพลางหันไปมองมู่เจิน “อาวุโสมู่เจิน”
  มู่เจินหัวเราะเยาะ”ข้าอยากจะบอกท่านว่า หญิงผู้นี้แสร้งทำทีเป็นแม่นางเหอ แล้วอ้างตนว่านางช่วยแม่นางหวนหยิน หากแต่แม่นางหวนหยินกลับตัดสินคนด้วยรูปร่างหน้าตา และคิดว่า ในเมื่อหญิงผู้นี้ดูดี นางย่อมจะต้องเป็นคนดี แต่ในวันนั้นเนื่องจากหญิงผู้นั้นคลุมหน้า เจ้าจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเป็นนาง ?”
  ***จบบทการแสดงดี ๆ เริ่มแล้ว (1)***

บทที่ 707 : การแสดงดี ๆ เริ่มแล้ว (2)
  ”ข้า…”
  หวนหยินยังไม่ทันพูดจบก็ถูกมู่เจินขัดจังหวะเสียก่อน
  ”ยิ่งไปกว่านั้นหากนางเป็นผู้ช่วยชีวิตของเจ้าจริง ๆ นางอาจจะสมรู้ร่วมคิดกับเผ่ามังกรพวกนี้ก็เป็นได้ นอกจากนี้ลูกศิษย์ของข้าก็พบว่าบัตรเชิญของผู้ที่ช่วยเจ้าในวันนั้นเป็นชื่อของเหอซุ่ยซุ่ย”
  ก็ศิษย์ของนางได้บอกแล้วว่าชายอ้วนผู้ขายบัตรเชิญให้ไป๋หยานถูกจัดการไปเรียบร้อยแล้ว ทั้งบัตรเชิญก็มีการลงชื่อทุกใบ ทว่าในบรรดาบัตรเชิญเหล่านั้นไม่มีชื่อของไป๋หยาน
  นางจะขึ้นเรือมังกรโดยไม่มีบัตรเชิญได้อย่างไร?
  หากเจ้าตำหนักไม่โง่เขาก็น่าที่จะรู้ว่าควรเชื่อผู้ใด
  ”แค่ก!” เหวินหวู่เหว่ยกระแอมไอพลางยิ้ม เขามองไปที่ไป๋หยาน “แม่นาง เจ้ามีอะไรจะพูดหรือไม่ ?”
  บางทีอาจเป็นเพราะนัยน์ตาของหญิงผู้นี้คล้ายกับนัยน์ตาของหยุนเฟิงจึงทำให้เขามีความรู้สึกดี ๆ ต่อนาง
  “ไม่ว่า…ข้าจะพูดสิ่งใดอออกไปก็คงไร้ประโยชน์ให้คนอื่นเป็นผู้ตัดสินจะดีกว่าหรือไม่ ?” มุมปากของไป๋หยานยกขึ้น
  เพราะนางแลเห็นบางอย่างห่างไปไม่ไกลนักร่างสูงผอมเพรียวเดินเข้ามาในระยะสายตาของนาง ร่างนั้นใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ
  ติดตามเขามาก็คือชายร่างอ้วนผู้ซึ่งกำลังเหนื่อยหอบ เหงื่อออกทั่วร่างของเขา ยามนี้เขากำลังหายใจกระหืดกระหอบ
  ครั้นเห็นชายอ้วนมู่เหลงก็ใจหายวาบ ใบหน้าของนางขาวซีด นัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยอาการตื่นตระหนก
  ชายอ้วนผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่หรือนี่!
  นางกำมือแน่นเพื่อระงับความโกรธ
  เอาเถอะตราบใดที่นางไม่ยอมรับ ก็ไม่ผู้ใดทำอะไรนางได้
  ”เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่?” จุนเทียนเยว่ตกใจมาก นางเอ่ยถามพร้อมขมวดคิ้ว
  ครั้นได้ยินเหวินซุนฮวนก็หัวเราะ เขาจ้องมองมู่เหลงด้วยสายตาประชดประชันพลางกล่าว “หากข้าไม่มา พวกท่านก็คงต้องถูกคนเหล่านี้หลอกลวงล่ะสิ มู่เหลง…ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเจ้าจะเป็นคนเช่นนี้”
  “ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังพูดถึงเรื่องใด?” มู่เหลงรู้สึกงุนงง นางกล่าวอย่างหนักแน่น
  ”ฮ่าฮ่าฮ่า”เหวินซุนฮวนหัวเราะเยาะเย้ย “เจ้าบอกบิดามารดาของข้าว่า เหอซุ่ยซุ่ย เป็นสตรีที่ช่วยรักษาหวนหยินใช่หรือไม่ ? ทว่าเท่าที่ข้ารู้เหอซุ่ยซุ่ยขายบัตรเชิญให้กับชายอ้วนคนนี้ไปแล้ว เช่นนั้นนางจะขึ้นเรือมังกรได้อย่างไร ?”
  หัวใจของมู่เหลงเต้นแรงสายตาที่ชั่วร้ายของนางกวาดไปมองชายอ้วนผู้ซึ่งติดตามเหวินซุนฮวนมา ในแววตาของนางเต็มไปด้วยคำขู่
  หากชายอ้วนรู้ว่าต้องทำตัวอย่างไรก็ดีไปแต่หากเขาไม่รู้ ก็อย่าได้ตำหนิ หากนางจะไม่เกรงใจ
  ทว่าชายอ้วนหาใช่คนเดิมที่พวกเขาเคยพบไม่
  เขาเกรงกลัวมู่เหลงเพราะว่าเขาอ่อนแอ ทว่าตอนนี้เขามีไป๋หยาน และเหวินซุนฮวนคอยคุ้มหัว เขาจะกลัวสิ่งใดอีก ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความไม่พอใจ เขากล่าวออกมาทันทีว่า
  ”เจ้าตำหนักน้อยรองครานั้นนางเป็นสตรีที่ซื้อบัตรเชิญไปจากข้า” ชายอ้วนชี้ไปที่ไป๋หยาน พลางจ้องมองมู่เหลงอีกครั้ง “ทว่าลูกศิษย์ของอาวุโสมู่เจินมาพบข้า ทั้งยังบังคับให้ข้าอธิบายใบหน้าของคนที่ซื้อบัตรเชิญไป ข้าบอกนางเพราะถูกนางข่มขู่ ผู้ใดจะรู้ว่าหลังจากที่นางได้รับภาพแล้ว นางก็คิดสังหารข้า ดีที่ข้าหนีรอดมาได้ ! โปรดพิจารณาด้วย !”
  สีหน้าของมู่เหลงเปลี่ยนเป็นซีดขาวนางก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว
  ถ้าเพียงระบุผิดคนยังพอเข้าใจได้หากแต่เมื่อรู้ว่าผู้ใดช่วยหวนหยิน แล้วยังหลอกลวงผู้อื่นอีก นั่นนับเป็นอาชญากรรมครั้งใหญ่ได้เลยทีเดียว !
  เมื่อคิดถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นมู่เหลงก็กัดฟันกล่าวว่า “เจ้าใส่ความข้า ! ข้าไปทำสิ่งเหล่านั้นตั้งแต่เมื่อใด ? เจ้าตำหนักน้อยรองอย่าได้ฟังเรื่องไร้สาระของเขาเลย ชายอ้วนคนนี้และไป๋หยานเป็นพวกเดียวกัน !”
  ”ขอบอกความจริงกับเจ้ามู่เหลง…แม้จะไม่มีชายอ้วนคนนี้ หากนางเป็นไป๋หยานเราก็สามารถระบุได้ว่า วันนั้นหญิงคนนั้นเป็นผู้ใด !”
  มู่เหลงยืนเซ่อ!
  ท่านหมายถึงอะไร?
  ***จบบทการแสดงดี ๆ เริ่มแล้ว (2)***

บทที่ 708 : การแสดงดี ๆ เริ่มแล้ว (3)
  หากนางคือไป๋หยานเขาสามารถบอกได้เลยว่า นางเป็นหญิงผู้นั้นหรือไม่ ?
  ขณะที่มู่เหลงกำลังตกตะลึงเหวินซุนฮวนก็เดินช้า ๆ ไปยืนหน้าไป๋หยาน
  แววตาของเขาแลดูเศร้าทั้งเจือด้วยความโกรธเล็กน้อย “เหตุใดในวันนั้นเจ้าต้องปกปิดใบหน้าของเจ้าด้วย เจ้ากลัวว่าจะมีคนจำเจ้าได้กระนั้นสิ ? แม้ในวันนั้นข้ายังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นเจ้า ทว่าตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าเจ้าอยู่ในตำหนักเซียนพยับหมอก ข้าก็สามารถยืนยันได้อย่างแน่นอนว่าหญิงสาวในวันนั้นก็คือเจ้า”
  มู่เหลงมองด้วยความสงสัยทันใดนั้นสีหน้าของนางก็ซีดลงอีก
  เจ้าตำหนักน้อยรองและหญิงผู้นี้เคยสนิทสนมกันงั้นหรือ ?
  นางไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะรู้จักไป๋หยานจนกระทั่งได้ยินเมื่อครู่นี้ !
  ใบหน้าของมู่เจินยามนี้แลดูน่าเกลียดมากนางกำหมัดแน่น พลางหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อระงับความโกรธ ก่อนจะเอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงแดกดัน
  “กลับกลายเป็นว่านางเป็นคู่รักเก่าของเจ้าตำหนักน้อยรอง ไม่น่าแปลกใจเลย ที่เจ้าตำหนักน้อยรองจะยอมหลอกบิดามารดาของตนเพื่อความรัก !
  ”หุบปาก!”
  เสียงหลายเสียงดังขึ้นพร้อมๆ กัน
  นอกจากสองพี่น้องสกุลจงแล้วสายตาของจุนเทียนเยว่ก็มีแววโกรธเกรี้ยวด้วยเช่นกัน นางก้าวไปข้างหน้า จากนั้นก็ตบหน้ามู่เจิน
  “ข้านับถือเจ้าที่ครั้งนั้นเจ้าช่วยหยุนเฟิงไว้นั่นทำให้ข้าต้องอดทนกับเจ้าเรื่อยมากระทั่งถึงตอนนี้ นี่เจ้ายังต้องการที่จะประณามซุนฮวนอีกกระนั้นหรือ ? คิดว่าข้าไม่รู้จักนิสัยลูกเสเพลของข้างั้นรึ ? คนอย่างเขาไม่มีวันหลอกลวงข้าแน่ แม้ว่า เขาจะโง่เง่าเพียงใดก็ตามที !”
  มู่เจินกุมใบหน้าของนางพลางจ้องมองอย่างไม่พอใจความโกรธของนางแผ่กระจายออกราวกับคลื่น
  เหวินซุนฮวนกระโดดออกมาด้วยความโกรธมู่เจินยังไม่ยอมแพ้อีก เขาอยากจะทุบนางให้ตายคามือเสียเหลือเกิน
  ”มู่เจินในเมื่อเจ้าต้องการให้ร้ายข้า ก็อย่าโทษข้าที่ไม่เกรงใจ !”
  ตลกสิ้นดี!
  ที่ผ่านมาเด็กหนุ่มผู้นี้เอาแต่จีบสาว ๆ ไม่มีปัญญาจะดูแลตัวเองเสียด้วยซ้ำ
  ตอนนี้แค่บอกว่าหญิงผู้นี้เป็นคนรักของเขา นั่นทำให้เขากล้าทำถึงเพียงนี้เลยหรือ ?
  นี่เขาคงเบื่อโลกแล้วล่ะสิ! เจ้าเด็กเสเพลคนนี้กล้าพูดเกรี้ยวกราดกับนางได้อย่างไร ?
  “ในเมื่อทุกคนมาถึงกันแล้วการแสดงดี ๆ ก็จะเริ่มแล้ว” ไป๋หยานกล่าว พลางจ้องมองมู่เจินด้วยสายตาเย็นชา มุมปากของนางยกโค้งขึ้นเล็กน้อย “แท้ที่จริง หากต้องการตรวจสอบว่าผู้ใดช่วยหวนหยิน เหวินซุนฮวน เจ้าก็เพียงถามคำถามนางสักสองสามข้อสิ”
  เหวินซุนฮวนตกตะลึงเหตุใดเขาต้องเป็นคนถาม?
  แต่ครั้นเขาได้สัมผัสกับสายตาของไป๋หยานที่ราวกับสายลมเย็นยะเยือกพัดใส่หัวใจของเขาจนสั่นสะท้านเขาก็ต้องหันหน้าไปทางเหอซุ่ยซุ่ย
  ”ในเมื่อไป๋หยานเอ่ยปากเช่นนั้นข้าจะขอถามคำถามเจ้าสักสองสามข้อ” เขากระแอมสองครั้งพลางเอ่ยถามว่า “ก่อนอื่นในวันนั้นเจ้าสวมเสื้อคลุมสีอะไร ?”
  เหอซุ่ยซุ่ยเป็นคนโง่นางคิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับการเป็นผู้ช่วยเหลือหวนหยินด้วยกระนั้นรึ ?
  หน้าผากของไป๋หยานยับย่นจนเป็นเส้นดำสามเส้นชายผู้นี้ไร้ยางอายเช่นเคยจริง ๆ
  ”ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่สามารถตอบคำถามแรกได้สินะ”เหวินซุนหวนจ้องมองอย่างจริงจัง
  ”ข้า… ” เหอซุ่ยซุ่ยเหงื่อแตก นางอยากจะตอบ แต่เสียงของชายคนนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง
  ”ข้อสองเจ้าขึ้นเรือมาตอนไหน และเมื่อไหร่ ?”
  แม้จะให้ข้อมูลเรื่องขึ้นเรือมังกรมาบ้างแต่มู่เจินกับเหอซุ่ยซุ่ยก็ไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดเล็กน้อยเหล่านี้
  ตอนนี้เมื่อได้ยินคำถามของเหวินซุนฮวนเหอซุ่ยซุ่ยก็สะดุดกึก นางไม่สามารถตอบอะไรได้
  “เจ้าไม่สามารถตอบคำถามทั้งสองข้อได้นั่นก็พิสูจน์ตัวตนของเจ้าได้แล้ว แต่ข้าใจดีเสมอ ข้าจะให้โอกาสครั้งสุดท้ายแก่เจ้า” เหวินซุนฮวนกระแอมล้างคอ “เจ้าใช้วิธีการใดในการรักษาหวนหยิน ?”
  เหอซุ่ยซุ่ยเคยได้ยินมู่เหลงกล่าวถึงเรื่องนี้มาก่อน เช่นนั้นนางจึงรู้สึกโล่งใจโดยไม่รู้ตัว

บทที่ 709 : การแสดงดี ๆ เริ่มแล้ว (4)
  ”ข้าขอให้เจ้าถ่ายทอดพลังชี่ให้หวนหยินจากนั้นก็ใช้เปลวไฟเพื่อทะลวงเส้นลมปราณให้นาง”
  ถูกหรือไม่ล่ะ? นี่นางสามารถพิสูจน์ตัวตนได้ใช่หรือไม่ ?
  และเมื่อนางเข้าสู่ตำหนักเซียนพยับหมอกแล้วนางจะทำให้ไป๋หยาน เสียใจไปตลอดชีวิตเลย !
  เหอซุ่ยซุ่ยเหยียดยิ้มอย่างมีความสุขพลางมองสตรีที่ยืนอยู่เบื้องหน้าชิงอี้ด้วยสายตาสะใจ อีกทั้งเกลียดชัง
  ”อืม”เหวินซุนหวนพยักหน้า “นั่นเป็นคำตอบที่ดีมาก ทว่าเจ้าช่วยแสดงเปลวไฟนั่นให้พวกเราดูหน่อยจะได้หรือไม่ ?”
  ใบหน้าของเหอซุ่ยซุ่ยแข็งค้างก่อนที่นางจะสามารถวางมุมปากยิ้มอย่างภูมิใจ
  ครานี้ไม่เพียงแต่นางแม้แต่มู่เหลงเองก็ลืมนึกถึงบางเรื่อง
  มีเพียงหมอปรุงยาเท่านั้นที่สามารถควบคุมไฟได้! นอกจากหมอปรุงยาก็ไม่มีผู้ใดมีความสามารถนี้ !
  ครั้นเห็นเหอซุ่ยซุ่ยไร้ซึ่งปฏิกิริยาเหวินซุนฮวนก็ดูเหมือนจะมีความสุข ทว่าก็ไม่ได้เร่งเร้าอะไรนาง ตรงกันข้ามมู่เจินต่างหากที่ร้อนใจ “เจ้ามัวยืนงงอะไรอยู่ ? รีบจุดเปลวไฟสิ”
  ใบหน้าของเหอซุ่ยซุ่ยแลดูละอายทว่านางก็ยังไม่ได้ทำอะไรอยู่ดี นางลังเลทั้งไม่รู้ว่าควรจะกล่าวคำใดต่อ นางมองไปที่มู่เหลงด้วยสายตาขอความช่วยเหลือ
  ครั้นมู่เหลงเห็นและได้ยินเหวินซุนฮวนกล่าวว่าจะให้เหอซุ่ยซุ่ยจุดไฟ นางก็รู้แล้วว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่ดีนัก และยามนี้นางก็ตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก นางจะแก้ไขสถานการณ์วิกฤตของเหอซุ่ยซุ่ยได้อย่างไร ?
  ”ท่านอาจารย์!”
  นางกัดฟันทั้งพยายามลดเสียงของตนลง”นางไม่สามารถจุดไฟได้”
  จุดไฟไม่ได้?
  สีหน้าของมู่เจินเปลี่ยนไปอย่างมากที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดเหอซุ่ยซุ่ยจึงไม่ลงมือทำอะไรสักอย่าง
  ”เหตุใดเจ้าถึงไปหาคนเช่นนี้มา”มู่เจินเกลียดคนไร้ความสามารถ
  โชคดีที่ในเวลานั้นเต็มไปด้วยเสียงดังจอแจกลบเสียงของพวกนางจนไม่มีผู้ใดได้ยิน
  มู่เหลงก้มศีรษะลงด้วยความละอายมือนางสั่นด้วยความหวาดหวั่น หากแต่นางคิดว่าอาจารย์นางเป็นถึงผู้อาวุโสของตำหนักเซียนพยับหมอก อย่างไรเสียเจ้าตำหนักก็คงจะไม่ลงโทษนาง
  ”ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่มีความสามารถในการควบคุมไฟนะ” เหวินซุนฮวนหัวเราะ “เจ้าไม่สามารถควบคุมไฟได้ เช่นนั้นเมื่อครู่นี้เจ้าบอกข้าว่า เจ้าช่วยรักษาหวนหยินได้อย่างไร ?
  ถ้อยคำสุดท้ายของเขาทำให้เหอซุ่ยซุ่ยเครียด สายตาของนางหลุกหลิกไปมาราวคนใกล้บ้า “มู่เหลง นางมาหาข้า และให้ข้าแสร้งปลอมตัวเป็นผู้มีคุณช่วยชีวิตหวนหยิน ข้าไม่ได้คิดการเรื่องนี้เอง โปรดปล่อยข้าไปเถอะ … ”
  วินาทีนั้นเสียงรอบข้างพลันเงียบกริบ
  ถึงตอนนี้เหล่าผู้อาวุโสบางคนที่คอยช่วยมู่เจินก็ตกตะลึง พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าจะถูกตัวปลอมหลอก
  จุนเทียนเยว่โกรธจนตัวสั่นนางชี้ไปที่สีหน้าซีด ๆ ของมู่เหลง “เจ้ากล้าหลอกลวงข้า ! นับแต่ข้าจุนเทียนเยว่เติบโตมา ข้าไม่เคยโดนผู้ใดหยามเช่นนี้มาก่อน ! เหวินหวู่เหว่ย วันนี้เจ้าต้องลงโทษคนพวกนี้อย่างรุนแรง หาไม่ข้าจะไม่กลับไปเหยียบตำหนักเซียนพยับหมอกอีก !”
  เพี้ยะ!
  นัยน์ตาของมู่เจินฉายแสงแวววาวนางตบหน้ามู่เหลง กระทั่งใบหน้าของมู่เหลงเปลี่ยนเป็นสีแดง ทั้งยังบวมขึ้นทันทีพร้อมปรากฏลายนิ้วมืออีกห้านิ้ว
  ”มู่เหลงตลอดเวลาที่ผ่านมาข้าอบรมสั่งสอนเจ้าเป็นอย่างดี ทว่าเหตุใดเจ้าถึงคิดหลอกลวงท่านเจ้าตำหนัก และฮูหยินได้ ? เจ้าไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีเลยกระนั้นรึ ?”
  มู่เหลงทรุดเข่าลงกับพื้น”ท่านอาจารย์ ข้ารู้ ข้าผิดไปแล้ว ข้าเห็นเจ้าตำหนักน้อยรอง และแม่นางหวนหยินทุกข์ใจเป็นอย่างมาก ข้าทนเห็นความเจ็บปวดเช่นนั้นไม่ได้ และข้าเองก็ไม่รู้ว่าแม่นางไป๋ยังมีชีวิตอยู่ ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วยเถอะ”
  ที่นางพูดหมายความว่านางให้เหอซุ่ยซุ่ยแสร้งทำทีเป็นไป๋หยาน หาใช่เพราะความเห็นแก่ตัวของนางไม่ ทว่าเป็นเพราะนางทนไม่ได้ที่จะเห็นเหวินซุนฮวนกับหวนหยินต้องตกอยู่ในห้วงทุกข์
  นางเป็นคนใจดีและทุกคนต่างก็รู้ดีว่านางเปี่ยมด้วยเมตตาเพียงใด
  ***จบบทการแสดงดี ๆ เริ่มแล้ว (4)***

บทที่ 710 : การแสดงดี ๆ เริ่มแล้ว (5)
  ไป๋หยานกำลังมองมู่เหลงที่ร้องไห้อย่างขมขื่นเล็กน้อยพลางจิกมุมปาก
  เจอคนไร้ยางอายเช่นนี้ทำให้นางรู้สึกสดชื่นเสียจริง ๆ
  ”เช่นนั้น!” จงหนานเยาะเย้ย “เจ้าจะชดใช้ที่ศิษย์ของข้าโดนทำร้ายได้อย่างไร ?”
  แววตาของมู่เจินสั่นไหวขณะกล่าวว่า”เหลงเอ๋อ ขัดแย้งกับลูกศิษย์ของเจ้า และตอนนี้ศิษย์ของเจ้าก็ช่วยคนเผ่ามังกร เช่นนั้นข้าจะไม่ใส่ใจ ส่วนเรื่องความขัดแย้งระหว่างพวกเด็ก ๆ ก็ควรปล่อยให้พวกเขาจัดการกันเองจะดีกว่าหรือไม่ ? ”
  ”ท่านอาจารย์?” มู่เหลงมีความสุข
  อาจารย์หมายความว่าจะให้นางต่อสู้กับหญิงผู้นี้กระนั้นหรือ ? ด้วยความแข็งแกร่งของนางไม่เป็นการยากเลยที่จะสังหารใครสักคน ?
  แท้ที่จริงแรงกดดันที่ไป๋หยานแผ่กระจายออกไปนั้นเป็นเพียงระดับตี้เจี่ย เช่นนั้นแม้แต่พี่น้องสกุลจงก็ยังถูกนางหลอก
  มีเพียงชิงอี้และคนของนางเท่านั้นที่มองมู่เจินด้วยแววตาแปลก ๆ
  ”ข้าไม่เห็นด้วย!” จุนเทียนเยว่ยิ้มอย่างแดกดัน “เจ้าคิดว่าข้าโง่มากกระนั้นหรือ ? ข้าจะเชื่อคำพูดของมู่เหลงได้อย่างไร ? เจ้ายังคิดอยากจะสังหารนางต่อหน้าข้าใช่หรือไม่ ?”
  แม้ว่าไป๋หยานจะเป็นศิษย์ของสองพี่น้องสกุลจงทว่าความแข็งแกร่งของไป๋หยานก็ไม่อาจเทียบได้กับมู่เหลง เช่นนั้นที่มู่เจินหมายถึงก็คือนางต้องการให้มู่เหลงสังหารหญิงผู้นั้นใช่หรือไม่ ?
  จุนเทียนเยว่จะยอมให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?
  สองพี่น้องสกุลจงไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับรุนแรงเท่ากับจุนเทียนเยว่พวกเขาคิดถึงแรงกดดันที่ไป๋หยานเพิ่งส่งออกมา พวกเขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หากแต่พวกเขาก็ยังเป็นกังวลว่านั่นจะเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น เช่นนั้นพวกเขาจึงไม่กล่าวคำใด
  ”ท่านอาจารย์ในเมื่อมีคนรนหาที่ตาย ไยไม่ให้ข้าช่วยส่งเสริมนางล่ะ” ไป๋หยานก้าวไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ พลางยกมุมปากของนางยิ้ม
  หากไป๋หยานปฏิเสธอาวุโสมู่เจินก็คงจะกระตุ้นให้นางยอมรับคำท้าทายอีก ยามนี้เมื่อเห็นนางกล่าวออกมาเช่นนั้น มู่เจินก็ตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง
  พวกเขาต่างก็รู้สึกแปลกๆ หญิงผู้นี้มิใช่อยู่เพียงระดับตี้เจี่ยกระนั้นหรือ ?
  ”เสแสร้ง!” มู่เหลงพึมพำ
  หญิงผู้นั้นต้องเสแสร้งว่าไม่กลัวเกรงนางเพื่อบังคับให้นางล้มเลิกการประลอง
  เพียงระดับตี้เจี่ยไม่อยู่ในสายตาของนางหรอก
  ”ศิษย์ข้า… ”
  ครั้นเห็นไป๋หยานกำลังจะก้าวออกไปจงหนานก็คว้าแขนของนางด้วยความกังวล เอ่ยกล่าวอย่างจริงจังว่า “อาจารย์จะจัดการเรื่องนี้เอง เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล”
  เขายังคงกลัว
  พวกเขาเคยสูญเสียลูกศิษย์คนหนึ่งไปแล้วและไม่ต้องการสูญเสียอีกคน !
  แม้ว่าสองผู้อาวุโสของตำหนักเซียนพยับหมอกจะแลดูเพี้ยนๆ ไปบ้าง ทว่าพวกเขาก็ไม่ยอมให้ผู้ใดมากลั่นแกล้งรังแกศิษย์ของพวกเขา !
  ที่สุดไป๋หยานก็ดันมือของจงหนานออก นางออกไปยืนท่ามกลางสายลม อาภรณ์สีแดงราวเลือดของนางพลิ้วไสวไปกับสายลม
  ”ข้าขอถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้ายเจ้าแน่ใจหรือว่าต้องการต่อสู้กับข้า ? ถึงตายก็ไม่ถือสา ?”
  “ใช่!” มู่เหลงกำหมัดพลางกล่าวว่า “แม้ตายก็ไม่ถือสา !”
  ครั้นมู่เจินได้ยินถ้อยคำของหญิงสาวทั้งสองนางก็รู้สึกไม่สบายใจ แม้นางจะไม่รู้ว่าความไม่สบายใจนั้นเกิดจากอะไร ทว่าแววตาของนางก็เต็มไปด้วยความกังวล
  ต่อหน้าผู้ชมเหวินซุนฮวนเพียงยืนดูอยู่เงียบ ๆ แววตาเย้ยหยันของเขาจับจ้องมองมู่เหลงเป็นครั้งคราว
  หญิงผู้นี้เจ้าไม่รู้หรือไรว่าไป๋หยานเข้าถึงระดับกลางของหวังเจี่ยตั้งแต่เมื่อสามปีก่อน ตอนนี้ผ่านมาอีกสามปี นางคงทะลุทะลวงไปถึงจุนเจี่ยแล้วกระมัง ?
  เมื่อหวนนึกถึงเท้าที่ไป๋หยานเตะออกมาซุนฮวนก็ยังรู้สึกถึงสายลมหนาวที่ซัดมาใต้หว่างขา จนไปซ่อนตัวอยู่หลังบิดามารดาของเขาโดยไม่รู้ตัว
  ”ข้าต่อให้เจ้าสามกระบวนท่า”
  ไป๋หยานจิกริมฝีปากยิ้มพลางกล่าว
  หากเป็นก่อนหน้านี้นางคงจะตัดสินใจลงมืออย่างรวดเร็ว ทว่าตอนนี้ นางไม่ละเลยที่จะใช้เวลามากขึ้น เพื่อระบายความโกรธของนาง และเพื่ออาจารย์ทั้งสองของนาง
  “โอหังนัก!”
  มู่เหลงชักกระบี่ออกมาอย่างรวดเร็วพร้อมรอยยิ้มประชดประชันนางพุ่งตัวเข้าหาไป๋หยานราวสายลมพัด พร้อมกับฟันกระบี่ลงที่บริเวณส่วนบนของศีรษะไป๋หยานโดยปราศจากความเมตตา
  ***จบบทการแสดงดี ๆ เริ่มต้นแล้ว (5)***

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

นางกลับชาติมาเกิดเป็นทายาทในตระกูลขุนนางจีนที่ทรงเกียรติ ทว่าในเวลานั้นนางไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากต้องคว้าตัวชายสักคนมาปลดปล่อยความทรมานที่กำลังพุ่งถึงจุดที่ไม่สามารถอดทนได้

ไม่คาดคิดไม่เพียงแต่นางต้องถูกพร่าพรหมจรรย์อย่างไม่ตั้งใจคาเตียง นางยังต้องอุ้มท้องทั้งที่ไม่ได้แต่งงานอีกด้วย

มิหนำซ้ำ…ลูกที่นางอุ้มท้องมาถึงสิบเดือนกลับกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ ที่ร้องเรียกนางว่า “หม่ามี้” ตั้งแต่เกิด โชคดีที่ลูกของนางเลี้ยงง่าย และหวงแม่มาก

ในโลกนี้ย่อมมีทั้งคนดี และคนชั่วมากมายให้ผจญ หม่ามี้กับบุตรชายคู่นี้จึงต้องร่วมมือกันทำลายล้างศัตรู ไหนจะพวกญาติ ๆ ที่ชอบสบประมาทดูหมิ่นพวกเขาอีกล่ะ คนพวกนี้จะต้องได้รับผลกรรมให้สาสมกับสิ่งที่พวกมันกระทำกับพวกเขาสองแม่ลูก

แต่ทว่า จุ๊ ๆ วันหนึ่งป๊ะป๋าจิ้งจอกก็ปรากฏตัวขึ้น ไม่เพียงแต่คิดจะลักพาตัวจิ้งจอกน้อยเท่านั้น ทว่าเขายังคิดจะชิงหม่ามี้ของเจ้าจิ้งจอกน้อยอีกด้วย ชะช้า ป๊ะป๋าผู้โง่เขลากล้าดียังไง ? จะทำอะไรไม่ถามไม่ไถ่ความเห็นของจิ้งจอกน้อยสักคำ…

จิ้งจอกน้อยเท้าสะเอวพลางกล่าวว่า “ท่านอยากเป็นป๊ะป๋าของข้ากระนั้นรึ ? เช่นนั้นก็ต้องจ่ายค่าลงทะเบียนมา แล้วก็เดินไปต่อแถวหลัง ๆ โน่น เอ่อ หม่ามี้… ท่านลุงหวังที่อยู่บ้านถัดไปนั่นมีฐานะมั่งคั่งมาก ข้าว่าท่านควรไปเป็นลูกสะใภ้เขาจะดีกว่านะ”

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท