บทที่ 214 มาจากทั่วทุกหนแห่ง
บทที่ 214 มาจากทั่วทุกหนแห่ง
“มาด้วยเหรอครับ? ยินดีต้อนรับครับ” อู๋ฝานรีบเข้าไปตอบรับ
“ค่ะ” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์พยักหน้ารับ ก่อนจะมองสำรวจรอบด้านและเอ่ยว่า “ดูเงียบเหงาอยู่นะคะ”
“นอกจากพวกคุณ ผมก็แทบไม่รู้จักใครในเจียงโจวเลยครับ เพราะงั้นช่วงแรกคงยังไม่ค่อยมีคนมาอุดหนุนมากนัก” อู๋ฝานตอบกลับ
“จะไม่มีใครมาเลยอย่างนั้นเหรอคะ? คิดว่าอาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้นหรอกค่ะ” ถังอวี่เฟยเผยยิ้มมีเลศนัย
“หมายความว่าไงครับ?” อู๋ฝานเอ่ยถามด้วยความสงสัย
ตอนนั้นเองที่รถหรูคันแล้วคันเล่าเริ่มหลั่งไหลมา เฟอร์รารี่ พอร์ช เบนท์ลี่ย์ แลมโบกินี และแบรนด์อื่น ๆ อีกมากมาย ทั้งหมดล้วนเป็นรถหรูเท่าที่แต่ละคนจะมีได้ ขณะนี้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกันอย่างน่าตกใจ ราวกับนัดแนะกันมา
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของกลุ่มรถหรูหลายสิบคัน กลายเป็นที่สนใจของผู้คนมากมายที่ผ่านไปผ่านมา มันราวกับมีมนต์สะกดดึงดูดสายตา ไม่ว่าใครต่างก็หันมองมาอย่างไม่รู้ตัว อีกทั้งสายตาของพวกเขาเหล่านั้น ยังมองมาด้วยความอิจฉาริษยาและประหลาดใจ
นับเป็นครั้งแรกที่ผู้คนส่วนใหญ่บนท้องถนนได้เห็นเหตุการณ์สุดยิ่งใหญ่ถึงขนาดนี้ มูลค่าของรถทั้งหลายที่มารวมตัวกันนั้นยากที่จะประเมิน ไม่ว่าคันใดล้วนแล้วแต่มีความโดดเด่น จะมีสถานการณ์ใดอีกบ้างที่สามารถรวบรวมรถหรูเหล่านี้มาพร้อมกันได้
ภายใต้สายตาตื่นตะลึงของผู้คน บรรดารถหรูเหล่านั้นต่างหยุดจอดลงบริเวณลานจอดรถหน้าร้านอาหารของอู๋ฝาน หลังเข้ามาคันแล้วคันเล่า ช่องจอดรถที่เดิมว่างเปล่าอยู่หลายแห่งนั้น ตอนนี้แทบจะเต็มแน่นแล้ว
อู๋ฝานมองภาพที่เกิดขึ้นด้วยความประหลาดใจ ทั้งหมดนี้มาที่ร้านของเขาอย่างนั้นเหรอ?
“เป็นยังไงคะ? ฉันพูดผิดไหม” ถังอวี่เฟยเผยยิ้มอย่างภาคภูมิ
“ทั้งหมดนี่เป็นฝีมือคุณเหรอครับ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
“ฉันไม่มีหน้ามีตาถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ” ถังอวี่เฟยกล่าวตอบ “คนพวกนี้เป็นทายาทของตระกูลที่ร่ำรวยในเจียงโจว ฉันแค่บอกไปว่าร้านของคุณจะเปิดทำการวันนี้ พวกเขายินดีมากันเองทั้งนั้นค่ะ”
“เป็นแบบนั้นเหรอครับ? ได้ยังไงกันครับเนี่ย? ผมได้รับเกียรติขนาดนั้นเลย?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
“แน่นอนสิคะ” ถังอวี่เฟยยิ้มตอบรับ
อู๋ฝานกำลังทำความเข้าใจในตัวเองใหม่ ขณะที่ถังอวี่เฟยไม่มีท่าทีประหลาดใจเลยแม้แต่น้อย
ครั้งก่อนที่งานปาร์ตี้วันเกิดของถังอวี่เฟย อู๋ฝานได้มอบตำราฝึกฝนระดับลึกล้ำฉบับคัดลอกให้เป็นของขวัญวันเกิด มันไม่เพียงทำเธอและผู้อาวุโสเทียนเหอตื่นตระหนกตกใจ แต่ยังรวมถึงทุกคนที่พบเห็นด้วย
ตัวตนระดับห้าตระกูลใหญ่อาจไม่สามารถประจบประแจงอู๋ฝานอย่างออกหน้าเพราะเหตุนี้ได้ แต่ตระกูลลำดับรองลงมาทั้งหลายนั้น ไม่ว่าจะผู้ร่ำรวยหรือผู้มากด้วยอำนาจ พวกเขาต่างต้องรีบเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อชายหนุ่ม กระทั่งคิดอยากประจบเอาใจเขา เพราะพวกเขาทราบกันดีว่ามันมีอะไรอย่างการฝึกฝนดำรงอยู่ในโลกใบนี้ เพียงแต่มันเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะสามารถเข้าไปข้องเกี่ยวด้วยได้
อีกทั้งความสามารถของอู๋ฝาน ยังถึงขนาดสามารถส่งมอบตำราฝึกฝนระดับลึกล้ำออกมาได้อย่างง่ายดาย มันมากพอที่จะแสดงให้เห็นว่าเบื้องหลังของชายหนุ่มนั้นจะต้องไม่ใช่ธรรมดา ถ้าพวกเขาสามารถตีสนิทและได้รับการยอมรับจากอีกฝ่าย ก็เป็นไปได้ว่าจะสามารถเป็นเหมือนเช่นห้าตระกูลใหญ่ที่สามารถใกล้ชิดกับสำนักผู้ฝึกตน บางทีอู๋ฝานอาจจะมอบเคล็ดวิชาฝึกฝนให้พวกเขาสักหนึ่งหรือว่าสองเล่ม ต่อให้เป็นตำราระดับปฐพีที่อยู่ต่ำที่สุด มันก็มากพอจะสร้างความเปลี่ยนแปลงถึงขนาดสะท้านฟ้าสะเทือนดินแก่ครอบครัวของพวกเขาแล้ว เพราะถ้าเป็นอย่างที่ว่า อาศัยสะสมประสบการณ์ผ่านกาลเวลาสักหลายปีหรือหลายสิบปี พวกเขาอาจกลายเป็นตระกูลที่ทัดเทียมกับห้าตระกูลใหญ่ได้ มันไม่ใช่เรื่องที่เกินฝันแต่อย่างใด
ดังนั้นหลังถังอวี่เฟยปล่อยข่าวว่าอู๋ฝานจะเปิดร้านอาหารวันนี้ พวกเขาย่อมมาร่วมแสดงความยินดีไม่มากก็น้อย
“เถ้าแก่อู๋ ขอแสดงความยินดีด้วยครับ!”
“เปิดตัวก็ต้องเปิดอย่างยิ่งใหญ่นะครับ!”
“เถ้าแก่อู๋ ขอธุรกิจมั่งคั่ง ทรัพย์ไหลมาเทมาครับ!”
บรรดาผู้ที่ลงมาจากรถเหล่านั้นต่างเข้ามาแสดงความยินดีแก่อู๋ฝานกันคนแล้วคนเล่า
อู๋ฝานตอบรับพวกเขาทีละคน แม้ว่าจะไม่รู้จักคนที่มาเยือนเหล่านี้เลยก็ตาม แต่ลูกค้าก็คือลูกค้า พวกเขามาช่วยสนับสนุนช่วงเวลาเปิดร้านอย่างเอิกเกริก เขาย่อมไม่คิดปฏิเสธความหวังดีของอีกฝ่าย
เฉินปิงเหยาเร่งจัดแจงคนมาต้อนรับแขกผู้มีเกียรติทั้งหลาย ใบหน้าของเธอเผยยิ้มที่เบิกบานยิ่งกว่าก่อนหน้า
ก่อนหน้านี้ตอนอู๋ฝานบอกว่าไม่มีเส้นสายในเจียงโจว เฉินปิงเหยายังรู้สึกว่าการจะประสบความสำเร็จในเป้าหมายช่างเป็นเรื่องยากเย็น ทว่าตอนนี้เธอกลับต้องเปลี่ยนความคิดอย่างสิ้นเชิง!
หากผู้คนที่มาเยือนมากมายเหล่านี้อุดหนุน ร้านแห่งนี้ย่อมก้าวนำร้านอื่น ๆ ไปอีกระดับ ในอนาคตแนวทางการพัฒนา โดยเฉพาะในเจียงโจว มันจะเปลี่ยนเป็นลงแรงเพียงครึ่งกลับประสบความสำเร็จถึงสองเท่า!
คิดได้ดังนั้นเฉินปิงเหยาจึงอดไม่ได้ที่จะหันไปมองอู๋ฝานด้วยความสงสัยใคร่รู้
ตัวตนของเถ้าแก่วัยหนุ่มของเธอเป็นมาอย่างไรกันแน่ เพียงแค่เปิดร้านวันแรก สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีผู้มั่งคั่งในเจียงโจวต่างพร้อมหน้าแวะเวียนกันมา การสนับสนุนระดับนี้ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถคว้ามันมาได้ บางทีอาจมีเพียงตัวตนระดับห้าตระกูลใหญ่ จึงจะได้รับการยอมรับอย่างเอิกเกริกถึงขนาดนี้
เพียงแต่เห็นได้ชัดว่าอู๋ฝานไม่ใช่สมาชิกของห้าตระกูลใหญ่ดังกล่าว ถ้าอย่างนั้นแล้วเขาเป็นใคร?
“ปิงเหยา เถ้าแก่ของเธอมีเบื้องหลังอะไรกันแน่? น่ากลัวเกินไปแล้ว”
“จริงด้วย! ตอนแรกรถของพวกเราก็ว่าไม่เลวแล้ว แต่ตอนนี้ถ้าเอาไปรวมกับรถของกลุ่มที่เพิ่งมาใหม่ รถของพวกเรากลายเป็นเศษเหล็กไปแล้ว!”
“ก่อนหน้านี้เธอบอกเองนี่ ว่าเขาไม่ได้มีเส้นสายอะไรในเจียงโจว เขาบอกว่าไม่มีงั้นเหรอ? นี่มันเกินคำว่าเส้นสายไปมากแล้วนะ!”
กลุ่มเพื่อนของเฉินปิงเหยายืนรับชมเรื่องราว ฉากที่เกิดขึ้นตรงหน้าทำให้พวกเธอต้องตื่นตะลึง
เมื่อครู่ตอนที่พวกเธอหยอกล้อเล่นกับอู๋ฝานก็ยังไม่เป็นอะไร ทว่าตอนนี้เกิดรู้สึกกระดากใจเขินอายขึ้นมาแทนแล้ว! อีกฝ่ายอยู่ในสถานะที่มีผู้คนมากมายมาสนับสนุนขนาดนี้ มันมากที่จะพอแสดงให้เห็นว่าตัวชายหนุ่มเองนั้นก็ต้องครอบครองความยอดเยี่ยมเช่นกัน
สภาพทางบ้านของพวกเธอถือว่าดีระดับหนึ่ง ดังนั้นจึงคิดว่าอู๋ฝานก็เป็นเหมือนพวกตน ดังนั้นจึงกล้าหยอกเย้าเล่นด้วย ทว่าต่อไปถึงมีโอกาสก็คงไม่กล้าแล้ว เพราะในบรรดาแขกที่มางานตอนนี้ หลายคนในกลุ่มนั้น พวกเธอต่างก็รู้จัก ทั้งหมดเป็นผู้มั่งมีในหลายแวดวงของเจียงโจว เพราะเหตุนั้นจึงทำให้พวกเธอตื่นตระหนกตกใจ
“ฉันไม่รู้อะไรแล้ว” เฉินปิงเหยาส่ายศีรษะตอบกลับ เพราะเธอแทบไม่ทราบเรื่องราวใดของอู๋ฝานเลย “ตอนนี้คงต้องขอให้พวกเธอเข้าไปกันเองแล้ว ฉันคงต้อนรับอย่างเป็นกันเองไม่ได้ อยากทานอะไรสั่งได้เลยนะ”
“แน่นอน ทำงานของเธอไปนะ” กลุ่มเพื่อนต่างตอบรับ
ก่อนหน้านี้เพราะมีแขกมาใช้บริการน้อย เฉินปิงเหยาจึงสามารถพูดคุยกับกลุ่มเพื่อนที่เชิญมาได้ แต่ตอนนี้มีแขกมาเยือนมากมาย ด้วยฐานะผู้จัดการของร้านแห่งนี้ หญิงสาวย่อมไม่เหลือเวลาว่างอีก และกลุ่มเพื่อนของเธอต่างก็เข้าใจกันดี
ส่วนทางด้านอู๋ฝานนั้นนำทางหลิ่วเหยียนเอ๋อร์และถังอวี่เฟยเข้าร้าน ปล่อยให้หวงถิงเฟิงยืนกินลมต่อไป
มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
อีกฝ่ายเป็นเพียงแค่อาจารย์คนหนึ่ง เพราะอะไรถึงได้มีคนมากมายมาให้การสนับสนุนร้านอาหารที่เพิ่งเปิดมากมายขนาดนี้? อีกทั้งผู้คนเหล่านี้ ยังเป็นทายาทตระกูลผู้มั่งมีในเจียงโจวกันทั้งสิ้น! ด้วยฐานะผู้จัดการของร้านคัลเลอร์แมน เขาย่อมรู้จักคนเหล่านี้ที่แทบจะเป็นลูกค้าขาประจำของร้านคัลเลอร์แมน … ทว่าตอนนี้กลับมาสนับสนุนที่นี่กันอย่างพร้อมหน้า ราวกับนัดแนะมาเยือน และแสดงให้เห็นว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับอู๋ฝานระดับใด ในอนาคตถ้าจะต้องเลือกเข้าร้านใดเป็นอันดับแรก พวกเขาส่วนใหญ่ย่อมพร้อมใจกันเลือกร้านแห่งนี้แทนที่จะเป็นร้านคัลเลอร์แมน
เดิมหวงถิงเฟิงมาเพื่อรับชมเรื่องสนุก ทว่าตอนนี้กลับต้องรู้สึกใจแทบแตกสลาย เขารู้สึกขึ้นมาอย่างกะทันหันว่าร้านคัลเลอร์แมนอาจถึงจุดสิ้นสุดของกิจการแล้ว!
หวงถิงเฟิงมองคำสามคำ ‘โลกในแหวน’ ที่แขวนเหนือประตูร้านของอู๋ฝาน พร้อมกับพบว่ามันน่าทึ่งชวนตะลึงงันขึ้นมา