บทที่ 241 การจัดการ
บทที่ 241 การจัดการ
อาจารย์ปรุงยาหลี่รับเอาถุงน้ำดีเสือและกระดูกเสือส่วนหนึ่งไป เขาไม่คิดมากมารยาทดังที่บอกกับอู๋ฝาน
ตัวอู๋ฝานเองก็ไม่ได้คิดใส่ใจแต่อย่างใด ประการแรกนั้น มันถือเป็นค่าใช้จ่ายทำการรักษาลั่วเยวี่ย ประการที่สอง อาจารย์ปรุงยาหลี่คืออาจารย์ของเขา ดังนั้นเขาจึงควรอ่อนน้อมถ่อมตัว อีกทั้ง อาจารย์ปรุงยาหลี่ยังเป็นฝ่ายให้เขาก่อนตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ ราคาที่ต้องจ่ายครั้งนี้ จึงเป็นปกติหากอู๋ฝานจะมองว่าควรเป็นฝ่ายมอบให้ก่อนบ้าง
“กระดูกเสือค่อนข้างเป็นของดี หากเป็นไปได้ อย่าขายพวกมัน เจ้าเก็บไว้ปรุงยาใช้เองตอนที่ระดับการปรุงยาก้าวหน้าขึ้นแล้วจะดีกว่า” อาจารย์ปรุงยาหลี่กล่าวบอกกับอู๋ฝาน
“ทราบแล้วขอรับ” อู๋ฝานพยักหน้าตอบรับ
ในเมื่ออาจารย์ปรุงยาหลี่เอ่ยปากถึงขนาดนี้แล้ว เขาย่อมต้องเก็บไปคิด กระดูกเสือจะต้องไม่ใช่ของธรรมดาอย่างแน่นอน ดังนั้นชายหนุ่มจึงเลือกเก็บมันเอาไว้ก่อน
หนึ่งก้านธูปให้หลัง ลั่วเยวี่ยก็ได้สติ แม้ว่ายังดูท่าทีอ่อนเรี่ยวแรง แต่ลมหายใจกลับมาดีกว่าอาการก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อเห็นดังนั้นอู๋ฝานจึงถอนหายใจโล่งอกออกมาได้
ตอนนี้เองที่ลั่วหยางเดินทางกลับมาจากเทศมณฑล เงินที่ได้จากการขายของ เขานำกลับมาพร้อมรายงานแจ้งรายละเอียด
“นายท่าน รอบเทศมณฑลตอนนี้มีผู้อพยพจำนวนไม่ใช่น้อยเลยขอรับ” ลั่วหยางกล่าวบอกกับอู๋ฝาน
“ผู้อพยพ? ทำไมพวกเขาไปอยู่รอบเทศมณฑล ไม่ใช่เข้าไปด้านในเมืองล่ะ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
“ผู้ปกครองเทศมณฑลไม่อนุญาตให้พวกเขาเข้าเมืองขอรับ ผู้อพยพเหล่านั้นจึงต้องตั้งแคมป์กันนอกเมืองแทน ข้าเห็นหลายคนกินผักป่าและใบหญ้า ชวนเวทนาพอสมควรขอรับ” ลั่วหยางบอก
ภาพที่ลั่วหยางได้เห็นนอกเทศมณฑลชิงหยวน มันทำให้เขานึกย้อนถึงวันคืนเก่าก่อนที่ตนเองและพี่สาวต้องอดมื้อกินมื้อมาหลายวัน โชคดีที่พวกเขาได้พบเจออู๋ฝาน หากไม่แล้ว ก็คงหิวจนตายหรือเป็นดังผู้อพยพลี้ภัยเหล่านั้น
อู๋ฝานพยักหน้ารับ พร้อมกับหันไปบอกหลี่ว์ปิน “นับจากวันพรุ่งนี้ หลี่ว์ปินกับลั่วหยาง ทั้งสองคนให้เดินทางไปเทศมณฑลด้วยกัน เพื่อเป็นการรับประกันความปลอดภัยของลั่วหยางและสินค้าที่ขนส่งไป และให้ถังซานที่อยู่จวนในเมืองรับผิดชอบรวบรวมข้อมูลข่าวสาร หากมีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้น ให้รีบแจ้งทางนี้ให้ทราบในทันที”
จำนวนของผู้อพยพไปยังเทศมณฑลกำลังเพิ่มมากขึ้น อู๋ฝานจึงตระหนักได้ว่าสถานการณ์ในราชสำนักจะต้องเลวร้ายลงอย่างไม่ต้องสงสัย บอกตามตรงอู๋ฝานเองก็ไม่คิดใส่ใจสถานการณ์ของราชสำนักแต่อย่างใด หรือเทศมณฑลชิงหยวนจะปลอดภัยหรือไม่ ที่เขาห่วงมีแต่แค่ส่วนที่ตนเองต้องรับผิดชอบ
หมู่บ้านเร้นลับคือฐานของอู๋ฝาน เขาไม่ต้องการให้เกิดเรื่องใดขึ้นกับที่นี่ อีกทั้งหมู่บ้านเร้นลับก็อยู่ไม่ไกลจากเทศมณฑลชิงหยวน หากเกิดเรื่องขึ้นกับเทศมณฑลชิงหยวน หมู่บ้านเร้นลับย่อมได้รับผลกระทบไปด้วย ดังนั้นชายหนุ่มจึงจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมไว้ก่อน
ส่วนเรื่องการให้หลี่ว์ปินไปเทศมณฑลพร้อมกับลั่วหยาง ก็เพื่อรับประกันความปลอดภัยในการขนส่ง หากมีเพียงแค่มอนสเตอร์ระหว่างทาง ลั่วหยางก็เพียงแค่ต้องคอยระมัดระวังและหลบเลี่ยง ทว่ายามนี้ที่เทศมณฑลมีผู้อพยพลี้ภัยจำนวนมาก สถานการณ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเลวร้าย อย่างที่ทราบกันว่าผู้คนที่หิวอย่างไม่มีอะไรให้เสีย พวกเขาพร้อมจะทำทุกวิถีทาง อู๋ฝานไม่ต้องการให้ลั่วหยางต้องไปเสี่ยง และไม่คิดปล่อยให้สินค้าของตนเองถูกปล้นสะดมเช่นเดียวกัน
หลี่ว์ปินค่อนข้างมีวุฒิภาวะและหนักแน่น การให้เขาเดินทางไปกับลั่วหยาง ถือว่าเป็นการคุ้มครองทั้งลั่วหยางและสินค้า
“ลั่วหยางกับหลี่ว์ปิน หลังไปถึงเทศมณฑลเพื่อขายสินค้าแล้ว ไม่จำเป็นต้องรีบเดินทางกลับ ให้แวะไปยังสถานที่ที่พวกผู้อพยพใช้อยู่อาศัยนอกเมือง ทำความคุ้นเคยกับสถานการณ์ของฝั่งนั้นให้ดี หาคนที่สัตย์ซื่อหรือไม่ก็คนที่มีฝีมือในก่อสร้าง พาพวกเขากลับมายังหมู่บ้าน จะจ้างวานหรือซื้อตัวพวกเขาก็ทำ จะทางไหนก็ได้ทั้งนั้น” อู๋ฝานบอกกับลั่วหยางและหลี่ว์ปิน
ไม่ว่าจะเป็นงานก่อสร้างในหมู่บ้านเร้นลับหรือการพัฒนาอุตสาหกรรมส่วนตัวของอู๋ฝาน มันก็ต้องการแรงงานทั้งสิ้น เห็นได้ชัดว่าลำพังแค่พวกเขาไม่มีทางทำได้ ขณะนี้รอบเทศมณฑลชิงหยวนปรากฏผู้ลี้ภัยจำนวนมาก มันจึงเปรียบดังการเปิดโอกาสให้เขา เพราะคนเหล่านั้นไม่มีทั้งที่อยู่อาศัยและอาหารประทังชีพ การให้พวกเขามาใช้แรงงานที่หมู่บ้านเร้นลับย่อมไม่สิ้นเปลืองอะไรมากนัก อีกทั้งพวกเขาก็จะยิ่งรู้สึกขอบคุณด้วยซ้ำ
“ที่จวนให้ซุนเลี่ยงหาแรงงานคนที่แข็งแกร่งเฝ้าคุ้มกัน คอยระมัดระวังควบคุมจำนวนคนเข้าออกให้ดี และอย่าทำให้ผู้ปกครองเทศมณฑลเข้าใจผิดไป” อู๋ฝานยังคงบอกกล่าว
เพราะเหตุผลด้านความปลอดภัย ไม่แปลกที่จวนขนาดใหญ่จะต้องมีคนคุ้มกันบ้าน ทว่าหากว่ามีจำนวนมากจนเกินไป มันอาจกระตุ้นทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ โดยเฉพาะในยุคสมัยที่อ่อนไหวต่อเรื่องราวเช่นตอนนี้ การปกป้องคุ้มครองความปลอดภัยของจวน ก็ต้องไม่ทำให้เกิดปัญหาภายนอกเข้าใจผิดไปด้วย
ลั่วหยางและหลี่ว์ปินต่างพยักหน้ารับ พร้อมกับจดบันทึกทุกคำสั่งของอู๋ฝาน
หลังจัดการเรื่องราวเรียบร้อย ลั่วหยางก็เข้าไปพบพี่สาว แม้ว่าเขาอยากเข้าไปนานแล้ว แต่อู๋ฝานเป็นเจ้านาย ในแง่ของการให้ความสำคัญ ย่อมต้องมาก่อนคนเป็นพี่สาว
“พวกเจ้าทุกคนไปฝึกฝนกันก่อน ส่วนข้าจะไปพบหัวหน้าหมู่บ้าน” อู๋ฝานบอกกับพวกหนิวเอ้อ
ตอนนี้หัวหน้าหมู่บ้านกำลังนอนเอกเขนกหน้าบ้านอาบแสงแดดอย่างสุขสำราญ ราวกับไม่สนใจเรื่องราวของโลกภายนอกแม้แต่น้อย ในความเห็นของอู๋ฝาน ไม่ว่ามาพบเจอหัวหน้าหมู่บ้านครั้งใด อีกฝ่ายก็เป็นเช่นนี้
“มาแล้วหรือ? ภารกิจเสร็จเรียบร้อยแล้ว?” หัวหน้าหมู่บ้านพบเห็นอู๋ฝานเดินเข้ามาจึงเอ่ยถาม
“ยังขาดอีกเล็กน้อยขอรับ วันพรุ่งนี้จึงจะเสร็จสิ้น” อู๋ฝานตอบรับ “ที่ข้ามาวันนี้ก็เพราะมีเรื่องอื่น”
“เรื่องอะไรกัน?” หัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยถาม
“คนของข้ากลับมาพร้อมข่าวจากทางเทศมณฑล ข้าคิดว่าเพื่อความปลอดภัยของหมู่บ้าน น่าจะจำเป็นต้องบอกปู่หัวหน้าหมู่บ้านให้รับรู้เอาไว้” อู๋ฝานบอกออกมา
หัวหน้าหมู่บ้านมองอู๋ฝานอย่างเงียบงัน เป็นการบ่งบอกว่ากำลังฟังอยู่
อู๋ฝานจึงบอกข่าวคราวที่ลั่วหยางนำกลับมา หัวหน้าหมู่บ้านจึงพยักหน้าตอบรับ “สถานการณ์ไม่ดีจริง ๆ”
“ขอรับ” อู๋ฝานตอบกลับ “หมู่บ้านของพวกเราก็อยู่ไม่ไกลจากเทศมณฑลมากนัก หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับทางเทศมณฑล หมู่บ้านของพวกเราก็คงได้รับผลกระทบไปด้วย ถ้าผู้อพยพเหล่านั้นหาอาหารจากเทศมณฑลได้ไม่พอ พวกเขาคงเริ่มกระจายตัวเร่ร่อนออกมา หากพวกเราสามารถเยียวยาได้ก็ดี เพียงแต่พวกเราไม่สามารถเยียวยาทั้งหมดได้ หมู่บ้านของพวกเราอาจไม่ปลอดภัย”
“แล้วเจ้ามีความคิดเห็นอย่างไร?” หัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยถาม
ภัยคุกคามจากมอนสเตอร์ก็ทำหัวหน้าหมู่บ้านปวดหัวมากพอแล้ว หากยังมีเรื่องผู้อพยพที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น หรือไม่ก็เป็นทัพกบฏปรากฏตัวขึ้นอีก หมู่บ้านเร้นลับของพวกเขาก็จะต้องเผชิญสถานการณ์เลวร้าย
“ข้าเองก็คิดอยู่ขอรับ” อู๋ฝานตอบกลับ “ข้ามองว่าพวกเราควรจัดตั้งมาตรการป้องกันก่อนจะเกิดเรื่อง เพื่อป้องกันก่อนเกิดปัญหาขึ้น ต่อให้ผู้อพยพเหล่านั้นไม่ได้บุกมาที่นี่ ก็ยังใช้เพื่อป้องกันพวกมอนสเตอร์ได้”
หัวหน้าหมู่บ้านพยักหน้าตอบรับ “บอกรายละเอียดมาว่าเจ้าคิดจะทำอะไร”
“ข้าคิดสร้างกำแพงล้อมรอบส่วนนอกของหมู่บ้านเอาไว้ขอรับ” อู๋ฝานตอบกลับ “อีกทั้งยังต้องติดตั้งกับดัก และขุดคูน้ำรอบหมู่บ้านไว้ด้วย”
“สร้างกำแพงเมือง?!” หัวหน้าหมู่บ้านอุทานประหลาดใจ ตอนนี้เขาจ้องมองอู๋ฝาน “เจ้าทราบหรือไม่ว่าการจะก่อสร้างกำแพงล้อมหมู่บ้านต้องใช้ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่? ต่อให้เอาเงินเก็บของทุกคนในหมู่บ้านมากองรวมกัน พวกเราก็ไม่สามารถสร้างอะไรอย่างกำแพงเมืองขึ้นมาได้”
กำแพงเมืองของเทศมณฑลชิงหยวน แท้จริงแล้วก็ไม่ได้สูงอะไรมากนัก อย่างไรแล้วมันก็เป็นเพียงเมืองที่อยู่ไกลห่างจากศูนย์กลาง ทว่าแม้แบบนั้น กำแพงเมืองก็มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างมาก มันไม่ใช่อะไรที่หมู่บ้านขนาดเล็กอย่างหมู่บ้านเร้นลับจะแบกรับค่าใช้จ่ายได้ไหว