บทที่ 242 ผลประโยชน์ลงตัวทั้งสองฝ่าย
บทที่ 242 ผลประโยชน์ลงตัวทั้งสองฝ่าย
“ทราบขอรับ” อู๋ฝานพยักหน้าตอบ “ข้าไม่ได้คิดขอให้ผู้คนในหมู่บ้านต้องจ่าย แต่ข้าจะจ่ายด้วยเงินของข้าเองขอรับ”
“ของเจ้า?” ตอนแรกหัวหน้าหมู่บ้านมองอู๋ฝานด้วยความประหลาดใจ ถัดจากนั้นสีหน้าประหลาดใจก็ค่อย ๆ เลือนหาย จนกระทั่งเปลี่ยนเป็นค่อนแคะขึ้นมา “เงินที่เจ้าติดหมู่บ้านเอาไว้ยังไม่ได้จ่ายคืน แล้วตอนนี้จะเอาเงินที่ไหนมาสร้างกำแพงเมือง?”
อู๋ฝานหน้าแดงด้วยความอับอาย “เงินนั้นข้าจะจ่ายคืนให้เร็วที่สุด แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ขอรับ ส่วนเงินที่ใช้สร้างกำแพงเมืองนั้น ข้าจะลองหาทาง ที่ข้าคิดถึงตอนนี้คือความปลอดภัยของหมู่บ้านเป็นลำดับแรก ในฐานะคนของหมู่บ้านนี้คนหนึ่ง ต่อให้ไม่มีเงิน ข้าก็จะหาทางนำมาซึ่งความสงบสุขของหมู่บ้านขอรับ”
ขณะมองท่าทีผดุงธรรมของอู๋ฝาน หัวหน้าหมู่บ้านจึงแสดงสีหน้าเคลือบแคลง “เจ้าเป็นคนเช่นนั้นจริงหรือ?”
“แน่นอนสิขอรับ” อู๋ฝานตอบกลับ “ข้าจะยังมีแผนการอะไรอื่นได้อีก? และเงินนั้นก็ไม่ได้เรียกร้องจากทางหมู่บ้านด้วยซ้ำ”
หัวหน้าหมู่บ้านคิดตาม การที่อู๋ฝานเสนอเรื่องการสร้างกำแพงเมือง ทั้งยังจะออกเงินจ่ายด้วยตนเอง ดูไปแล้วหมู่บ้านก็ไม่ได้เสียหายอะไร
“หากจะเอาแบบนั้น ข้าก็ฝากเรื่องสร้างกำแพงเมืองล้อมหมู่บ้านไว้กับเจ้าก็แล้วกัน” หัวหน้าหมู่บ้านครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงตอบรับ
ในเมื่อทางหมู่บ้านไม่จำเป็นต้องจ่าย และการสร้างกำแพงเมืองขึ้นก็เพื่อความปลอดภัยของตัวหมู่บ้าน ไม่ว่าจะคิดอย่างไร หมู่บ้านก็ไม่ได้เสียผลประโยชน์แม้แต่น้อย ดังนั้นจึงไม่มีประเด็นอะไรให้ต้องปฏิเสธ
“ขอรับ การก่อสร้างกำแพงเมืองนั้นข้าจะเป็นคนแบกรับเอาไว้เอง” อู๋ฝานทุบอกรับคำ “ทว่าข้าต้องจ่ายค่าก่อสร้างกำแพงเมืองล้อมหมู่บ้าน แล้วหมู่บ้านเองไม่คิดมอบความช่วยเหลืออะไรบ้างหรือขอรับ?”
หัวหน้าหมู่บ้านมอง พร้อมกับได้เห็นหางจิ้งจอกด้านหลังอู๋ฝาน ขณะนี้จึงแสดงท่าทีตอบกลับ “ข้าคิดอยู่แล้วว่าเจ้าไม่ใช่คนดีขนาดนั้น ลองบอกมาว่าเจ้าต้องการความช่วยเหลืออะไร?”
“อันที่จริงแล้ว ก็ไม่ได้ขอมากมายอะไรขอรับ” อู๋ฝานตอบรับ “แร่ ไม้ ดิน และวัสดุก่อสร้างที่จำเป็นสำหรับการสร้างกำแพงเมือง ข้าขอให้สามารถใช้ทรัพยากรที่มีจากหน้าหมู่บ้านได้ อีกทั้งหน่วยรักษาการณ์ของพวกเรา ต่อให้ใช้เวลาทั้งชีวิตก็คงสร้างกำแพงเมืองไม่เสร็จ ดังนั้นข้าจึงต้องการรับคนกลุ่มหนึ่งจากทางเทศมณฑลมา หมู่บ้านของพวกเราอาจคึกคักกว่าที่เคยเป็นอยู่บ้าง เลยหวังให้หัวหน้าหมู่บ้าน อนุญาตให้ข้านำพวกเขามาใช้เป็นแรงงานอยู่อาศัยที่นี่ และหากหัวหน้าหมู่บ้านจะสามารถสอนเรื่องก่อสร้างให้พวกเขาได้ กำแพงเมืองจะยิ่งสร้างเสร็จได้เร็วและแข็งแกร่งมากขึ้นขอรับ”
“คำขอของเจ้ามันไม่มากเกินไปหน่อยหรือ?” หัวหน้าหมู่บ้านตอบ พลางมองอู๋ฝานราวกับเห็นสิ่งปฏิกูล
“เล็กน้อยเองขอรับ เล็กน้อยแค่เพียงน้อยนิด เทียบกับค่าก่อสร้างกำแพงเมืองแล้ว ไม่น่าจะเทียบได้เลยจริงไหมขอรับ?” อู๋ฝานเผยยิ้มตอบรับ
“วัสดุที่ใช้สำหรับงานก่อสร้าง เป็นทรัพยากรของหมู่บ้าน เจ้าไม่ได้ยอมให้ใช้ทรัพยากรทางด้านหลังภูเขาของเจ้ากับการสร้างกำแพงเมืองแม้แต่น้อย ที่เจ้าจะจ่ายก็มีแค่ค่าแรงงานไม่ใช่หรือ?” หัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยถาม
“ค่าแรงงานก็ถือว่ามากมายแล้วขอรับ เพราะต้องใช้กำลังคนเยอะ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อตัวหรือจ้างวาน ก็เป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่น้อยเลย” อู๋ฝานตอบรับ
หัวหน้าหมู่บ้านพอคิดตามแล้วก็พบว่าเป็นจริงดังที่ว่า อีกทั้งพวกเขาที่อยู่ในหมู่บ้านก็ไม่ได้ต้องการต้นไม้และเหมืองร้างหน้าหมู่บ้านแต่อย่างใด หลังสร้างกำแพงเมืองเสร็จ หมู่บ้านก็จะยิ่งปลอดภัย อย่างไรก็นับเป็นเรื่องที่ดีกว่า
ในส่วนเรื่องการสอนความรู้เรื่องการก่อสร้าง เรื่องนั้นสามารถทำได้ง่าย ๆ แทบไม่จำเป็นต้องเสียเรี่ยวแรงใด
“ก็ได้ ข้ารับปากตามที่เจ้าขอมาก็แล้วกัน” หัวหน้าหมู่บ้านตอบรับ
“ขอบคุณหัวหน้าหมู่บ้านล่วงหน้าแล้วขอรับ” อู๋ฝานตอบรับด้วยความยินดี
ตอนที่ต้องก่อสร้างกำแพงเมือง อู๋ฝานพิจารณาถึงความปลอดภัยของหมู่บ้านก็จริง แต่ประเด็นหลักย่อมเป็นทรัพยากรที่ด้านหลังของภูเขาต่างหาก มันคือรากฐานที่ตัวเขาจะใช้พัฒนาความก้าวหน้าในโลกความเป็นจริง เขาไม่อาจเมินเฉยได้ ไม่ว่าต้องลงทุนลงแรงเท่าใด เขาก็ต้องรักษามันเอาไว้
และการเจรจาต่อรองกับหัวหน้าหมู่บ้านนั้น ก็เพื่อช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านวัสดุก่อสร้าง ส่วนที่จ่ายจะมีเพียงแค่ค่าแรงงาน ทว่าค่าแรงงานนั้นก็ไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากมายถึงขนาดนั้น ดังเช่นที่ลั่วหยางกล่าวเอาไว้ก่อนหน้านี้ ว่าผู้อพยพภายนอกเทศมณฑลชิงหยวนแร้นแค้น ตราบเท่าที่จ่ายให้ พวกเขาก็ยินดีพร้อมทำงานหนักแลกอาหาร เรียกได้ว่าแทบไม่จำเป็นต้องจ่ายซื้อพวกเขาด้วยซ้ำ นอกจากการสร้างกำแพงเมืองแล้ว แรงงานยังสามารถช่วยอู๋ฝานในการทำแปลงเพาะปลูก ตัดต้นไม้ และอื่น ๆ ได้อีกมากมาย
คิดคำนวณดูแล้ว อู๋ฝานมองว่ามันเป็นหลักประกันที่คุ้มค่า เขาแทบไม่ต้องลงทุนอะไรมากมาย
อีกทั้ง อู๋ฝานยังจะสามารถเลือกคนที่ค่อนข้างแข็งแรงเข้าร่วมกับหน่วยรักษาการณ์ของตนเองได้ เป็นการเสริมความแข็งแกร่งโดยรวมให้ดียิ่งขึ้นไปอีก
ดังนั้นหลังคิดคำนวณเสร็จสรรพ อู๋ฝานก็พบว่ามันสามารถทำเงินได้มากกว่าเสีย
เมื่อหลังเจรจาต่อรองกับหัวหน้าหมู่บ้านเสร็จ อู๋ฝานจึงกลับไปด้วยความดีใจ
ขณะมองแผ่นหลังของอู๋ฝาน หัวหน้าหมู่บ้านเองก็เผยรอยยิ้มพึงพอใจออกมาเช่นเดียวกัน
เรื่องนี้ไม่เพียงแต่หมู่บ้านไม่ต้องเสียอะไร แต่ยังจะทำเงินได้อย่างมหาศาล
ป่าและเหมืองร้างหน้าหมู่บ้าน ไม่มีใครในหมู่บ้านไปใช้สอยทำประโยชน์ ทรัพยากรเหล่านั้นที่พวกเขาไม่ได้ต้องการ สามารถแลกเปลี่ยนได้เป็นกำแพงเมือง มันจะยิ่งรับประกันความปลอดภัยให้กับคนในหมู่บ้าน ถือว่าเป็นผลประโยชน์ที่ลงตัว
นอกจากนี้แล้ว อู๋ฝานยังต้องการนำคนมาอยู่ที่หมู่บ้านเพิ่ม มันถือเป็นเรื่องดีสำหรับหมู่บ้านเช่นกัน
ด้วยจำนวนคนที่เพิ่มมากขึ้น อัตราการบริโภคก็ต้องมากขึ้น ชาวบ้านในหมู่บ้านแห่งนี้ล้วนเป็นตัวตนระดับปรมาจารย์กันทั้งสิ้น มีหรือสิ่งที่พวกเขาทำจะเลวร้ายไปได้? เมื่อถึงตอนนั้นการได้ขายของหมุนเวียนสิ่งของและเงินตรา จึงเป็นการทำให้เงินทองเพิ่มพูนขึ้น
ดังนั้นเรื่องนี้จึงถือเป็นผลประโยชน์ที่ลงตัวสำหรับทั้งสองฝ่าย
แน่นอนว่าการสร้างกำแพงเมืองไม่ใช่นึกจะสร้างก็สามารถเสร็จได้ในข้ามคืน ต่อให้อู๋ฝานจะเป็นผู้เล่น ได้รับการดูแลจากระบบเป็นพิเศษ แต่การสร้างกำแพงเมืองก็จำเป็นต้องใช้เวลา
ดังนั้นในตอนนี้จึงยังไม่สามารถเริ่มก่อสร้างกำแพงเมืองได้ จนกว่าแรงงานจะมาถึง ดังนั้นอู๋ฝานจึงมุ่งเน้นไปกับการเพิ่มเลเวลเสียก่อน มีเพียงแค่เลเวลสูงขึ้น พละกำลังจึงจะแข็งแกร่งมากขึ้น ชายหนุ่มกำลังฝันหวานถึงอุปกรณ์เลเวลสามสิบทั้งสองชิ้น
หลังกลับสู่โลกความเป็นจริง นอกจากต้องยุ่งกับงานของร้านอาหาร อู๋ฝานในช่วงบ่ายยังไม่เหลือเวลาให้ไปที่สมาคมยิงธนูซิงเยวี่ย วันนี้เขาต้องเดินทางไปพบเจ้าหย้าหนาน ไม้ที่เขาขนส่งมารอบก่อนนั้นได้ผ่านกระบวนการต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้กำลังถูกลำเลียงนำส่งไปยังโรงงานเฟอร์นิเจอร์
อู๋ฝานเคยบอกเอาไว้ว่าต้องการไปเยี่ยมชมโรงงานเฟอร์นิเจอร์ และมีแผนคิดสอนวิชางานฝีมือที่นั่น แม้เจ้าหย้าหนานจะไม่เชื่อว่าชายหนุ่มจะเป็นมาสเตอร์ด้านงานฝีมือด้วยอายุยี่สิบ ทว่าหากอีกฝ่ายเอ่ยปาก เธอย่อมไม่อาจปฏิเสธการเยี่ยมชมโรงงานเฟอร์นิเจอร์ได้
“ไม้ทั้งหมดถูกนำส่งเรียบร้อยแล้วค่ะ คนงานตอนนี้กำลังเริ่มสร้างตามคำสั่งซื้อที่ได้รับมา สองวันมานี้ฉันได้จ้างคนอีกกลุ่มหนึ่งมาเพิ่มเติม” เจ้าหย้าหนานนำอู๋ฝานไปยังโรงงานเฟอร์นิเจอร์ ขณะเดินเข้าไปด้านในก็อธิบายสถานที่ให้ชายหนุ่มได้ฟังไปด้วย “แต่การจ้างงานค่อนข้างเป็นเรื่องยาก สำหรับผู้ที่มีฝีมือในด้านงานช่าง พวกเขานับได้ว่าเป็นสมบัติของโรงงานเฟอร์นิเจอร์ทั้งหลาย การจะรับคนมีพรสวรรค์ระดับนั้นมาไม่เพียงต้องใช้เวลา ทว่ายังต้องมีค่าใช้จ่ายเสริมที่ค่อนข้างแพงอีกด้วยค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไม่ต้องจ้างช่างฝีมือระดับมาสเตอร์หรอกครับ ใช้ช่างฝีมือเดิมที่โรงงานมีอยู่แต่แรก พวกเราจะฝึกฝนให้พวกเขาเก่งขึ้นเอง” อู๋ฝานตอบรับ “ผมจะรับผิดชอบสอนพวกเขาให้ รับประกันได้เลยว่าจะไม่ด้อยไปกว่าช่างฝีมือระดับมาสเตอร์คนอื่นอย่างแน่นอนครับ”