บทที่ 267 ความพึงพอใจของผู้ปกครองเทศมณฑลกัว
บทที่ 267 ความพึงพอใจของผู้ปกครองเทศมณฑลกัว
“ขอรับนายท่าน!” ทั้งหลี่ว์ปินและลั่วหยางต่างประสานมือตอบรับ
อู๋ฝานมองทางเจิ้งเสี่ยวลิ่วและพรรคพวก “จากข่าวครั้งนี้ หมู่บ้านและเมืองโดยรอบเทศมณฑลชิงหยวนไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว พวกเจ้าเร่งกลับบ้าน นำพาคนในครอบครัวมา พวกเราจะอยู่ที่นี่ และที่แห่งนี้น่าจะปลอดภัยกว่าหมู่บ้านเดิมของพวกเจ้า ไปที่ร้านค้าเพื่อเช่ารถลากโดยเร็ว รีบไปและรีบกลับมา”
เจิ้งเสี่ยวลิ่วและพรรคพวก ต่างก็มีบ้านเกิดเป็นหมู่บ้านและเมืองใต้การปกครองของเทศมณฑลชิงหยวน เรียกได้ว่าไม่มีใครในพวกเขาที่มีบ้านไกลจากเทศมณฑลชิงหยวนเลยด้วยซ้ำ และกองทัพกบฏในเวลานี้ก็กำลังอาละวาดในละแวกเทศมณฑลชิงหยวน เป็นไปได้มากว่าจะบุกโจมตีหมู่บ้านที่ครอบครัวของเจิ้งเสี่ยวลิ่วและพรรคพวกอยู่ ดังนั้นการพาพวกเขามาที่นี่จึงปลอดภัยกว่า
“ขอรับ ขอบพระคุณนายท่านขอรับ” พวกเจิ้งเสี่ยวลิ่วเร่งรีบขอบคุณอู๋ฝาน
อู๋ฝานดูแลพวกเขาอย่างดี ชีวิตความเป็นอยู่ที่หมู่บ้านเร้นลับก็ดี พวกเขาคิดอยากพาครอบครัวมานานแล้ว โดยเฉพาะกับตอนนี้ที่กองทัพกบฏปล้นสะดมหมู่บ้านและเมืองใกล้เคียง พวกเขายิ่งกังวลความปลอดภัยของครอบครัว และตอนนี้เองที่อีกฝ่ายบอกให้พวกเขาไปจัดการในเรื่องที่กำลังเป็นกังวล
อู๋ฝานมองหนิวเอ้ออีกครั้ง อีกฝ่ายเป็นเด็กกำพร้า ไม่มีครอบครัว ดังนั้นครั้งนี้จึงไม่ต้องกลับไปยังหมู่บ้านที่จากมา เขาจึงบอก “หนิวเอ้อ ในบรรดาพวกผู้ลี้ภัยที่อยู่ที่นี่ ให้คัดเลือกคนหนุ่มที่ดูแข็งแรง ให้พวกเขาเข้าร่วมหน่วยรักษาการณ์ ฝึกฝนพวกเขา ใช้วิธีการเดียวกับตอนที่พวกเราฝึกซ้อมในค่ายตอนอยู่เทศมณฑลก่อนหน้านี้ บอกให้พวกเขาทราบว่าใครที่เข้าร่วมหน่วยรักษาการณ์ ก็ไม่ต้องทำงานใช้แรงงานหนักอีก และจะได้รับการดูแลที่ดีกว่าการใช้แรงงานขุดทรัพยากร”
ทว่าต่อให้ไม่มีเรื่องในครั้งนี้เกิดขึ้น อู๋ฝานก็วางแผนเพิ่มหน่วยรักษาการณ์อยู่แล้ว อย่างไรยุคนี้ก็ไม่ได้ปลอดภัย เขาต้องปกป้องหมู่บ้านเร้นลับ หากอาศัยเพียงคนของหน่วยเดิมไม่กี่คน เห็นได้ชัดว่าไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอกับพื้นที่กว้างขวางเช่นนี้ ดังนั้นชายหนุ่มจึงวางแผนขยายหน่วยรักษาการณ์หลังสร้างกำแพงเมืองเสร็จ แต่ตอนนี้เกิดเรื่องกองทัพกบฏขึ้นมา ทำให้ต้องดำเนินแผนการเร็วกว่ากำหนด
ตอนนี้เองที่ทั้งลั่วหยางและหลี่ว์ปินเดินทางกลับมาจากเทศมณฑล พร้อมพาผู้คนกว่าร้อยร่วมทางมาด้วย ในบรรดาพวกเขาเหล่านี้มีคนหนุ่มจำนวนมาก เรียกว่าน่าจะเพียงพอกับการขยับขยายหน่วยรักษาการณ์ หลี่ว์ปินเชื่อว่า ด้วยสภาพความเป็นอยู่ที่อู๋ฝานมอบให้ จะต้องมีคนไม่น้อยที่อยากเข้าร่วมหน่วยรักษาการณ์
“ขอรับนายท่าน!” หนิวเอ้อตอบรับ
อู๋ฝานพยักหน้ารับ กลุ่มคนมีงานต้องจัดการกันแล้ว เขาเองก็ไม่อาจว่างเว้นได้เช่นเดียวกัน
เรื่องของการฝึกฝนเพื่อเพิ่มเลเวล อู๋ฝานคงต้องพับเก็บไปก่อน ตอนนี้คิดเพิ่มเลเวลที่นี่ถือเป็นเรื่องยาก ต่อให้ฝึกฝนแทบคลุ้มคลั่ง ระยะเวลาสั้น ๆ ก็คงเพิ่มได้เพียงหนึ่งหรือว่าสองเลเวล มันไม่มากพอขนาดสังเกตเห็นความแตกต่างของพละกำลังที่เพิ่มขึ้น
เพราะมีเรื่องกองทัพกบฏเข้ามา ทำให้อู๋ฝานไม่กล้าประมาท หมู่บ้านเร้นลับคือรากฐานของเขา ชายหนุ่มจึงไม่ต้องการให้เกิดเรื่องราวใดขึ้นกับที่นี่ ดังนั้นจึงต้องหาทางเพิ่มการป้องกัน ดังนั้นจึงให้หนิวเอ้อไปเพิ่มหน่วยรักษาการณ์
เพียงแต่สำหรับผู้คนที่ไร้อาวุธและชุดเกราะ เห็นได้ชัดว่าไม่มีประสิทธิภาพมากพอ หากจำนวนเล็กน้อย อู๋ฝานยังพอสามารถไหว้วานช่างตีเหล็กซุนได้ ทว่าตอนนี้เขากำลังต้องการอาวุธ เสื้อผ้า และชุดเกราะ รวมถึงของที่จำเป็นต้องใช้เพื่อทำกับดัก จำนวนนั้นไม่ใช่น้อย ดังนั้นเขาจึงต้องพึ่งพาตนเอง แม้ว่าคุณภาพอาจเลวร้ายกว่าที่ช่างตีเหล็กซุนทำได้ แต่มันก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย อีกทั้งมันจะยังช่วยลดค่าใช้จ่าย ตอนนี้ชายหนุ่มกำลังใช้เงินอย่างมหาศาล ทุกที่จำเป็นต้องใช้จ่าย หากไม่ประหยัดที่ตรงไหนสักส่วนก็คงไม่ใช่เรื่องดี
ดังนั้นหลังพวกหนิวเอ้อออกไปกันแล้ว อู๋ฝานจึงเดินไปยังด้านหลังภูเขาเพียงลำพัง เพื่อทำการขุดแร่ที่นั่นออกมา และกลับไปยังร้านตีเหล็ก เพื่อเช่ายืมชุดอุปกรณ์ตีเหล็กจากช่างตีเหล็กซุน พร้อมจัดเตรียมการทำอาวุธ
อู๋ฝานมีวิชาตีเหล็กระดับสูงอยู่แล้ว เมื่อรวมเข้ากับจี้หยกกระเรียนขาว เขาจึงเป็นช่างตีเหล็กระดับมาสเตอร์ หากเทียบเปรียบกับช่างตีเหล็กซุน ก็ต่างกันเพียงแค่หนึ่งระดับ ทว่าหนึ่งระดับดังกล่าว ถ้าเป็นอื่นต่อให้ใช้เวลาชั่วชีวิตก็อาจไม่มีวันข้ามไปได้ แต่สำหรับชายหนุ่มนั้นไม่ใช่ปัญหา การต้องสร้างอาวุธจำนวนมากขึ้นมา ถือเป็นโอกาสดีที่ตนจะได้สะสมค่าประสบการณ์วิชาตีเหล็ก
ภายใต้การจัดแจงงานของอู๋ฝาน หมู่บ้านเร้นลับจึงกำลังก้าวหน้าอย่างรวดเร็วคล้ายมีเข็มทิศชี้นำทาง
ทางด้านเทศมณฑลชิงหยวน ที่ใช้เวลาเดินทางจากหมู่บ้านเร้นลับไม่ถึงหนึ่งวัน ทว่าตอนนี้กลับมีสถานการณ์ที่แตกต่างกันอย่างมหาศาล
แม้ผู้อพยพนอกเทศมณฑลชิงหยวนจะถูกอู๋ฝานให้ลั่วหยางคัดเลือกพาคนไปบ้างแล้ว แต่จำนวนของผู้ลี้ภัยก็ไม่ได้หยุดมากขึ้น กระทั่งว่าเพิ่มขึ้นทีละน้อยซะด้วยซ้ำ ทั้งยังมีเหล่าผู้ลี้ภัยที่กำลังเดินทางมาจากที่ห่างไกล พวกเขาเหล่านี้ล้วนแต่เป็นคนจากสองหมู่บ้านที่ถูกกองทัพกบฏปล้นสะดม พวกเขาที่หลบหนีมายังเทศมณฑลชิงหยวน ก็เพื่อหาสถานที่หลบภัย
แต่พวกเขากลับต้องผิดหวัง หลังมาถึงที่นี่ ไม่เพียงไร้ซึ่งหนทางได้เข้าเมือง ทว่าพวกเขายังต้องทนหิวอดอยากกันอยู่นอกเมือง ผู้ปกครองเทศมณฑลชิงหยวนหาได้ส่งทหารออกมาขับไล่หรือว่ากวาดล้างกองทัพกบฏไม่
ตราบใดที่กองทัพกบฏยังอยู่ พวกเขาก็ไม่กล้าเดินทางกลับหมู่บ้านของตน สำหรับพวกเขาที่ไม่มีกำลังต่อสู้ การกลับไปหมู่บ้านในช่วงนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับการต้องรอคอยความตาย
ทว่าพวกเขาที่สิ้นหวังกลับได้พบว่าหากยังอยู่ที่นี่ก็ไร้ซึ่งความหวังเช่นเดียวกัน มันคือการรอคอยความตายมาเยือน
เพียงแต่พวกเขาไม่ทราบแล้วว่านอกจากที่นี่แล้วจะยังไปหาที่พึ่งใดได้อีก
ภายในสำนักงานปกครองเทศมณฑล ผู้ปกครองเทศมณฑลกัวกำลังคัดลายมือด้วยพู่กันภายในลานสวน ข้างกายมีคนผู้หนึ่งยืนอยู่ อีกฝ่ายคือพ่อบ้านของผู้ปกครองเทศมณฑลกัวที่เคยไปแจ้งและส่งมอบจวนให้แก่อู๋ฝานเมื่อครั้งก่อน รวมถึงบรรดาคนรับใช้ส่วนหนึ่งที่กำลังนำชาและของว่างมา ขณะรอคอยให้ผู้ปกครองเทศมณฑลกัวได้ลิ้มลอง
หลังดื่มชาไปถ้วยหนึ่ง ผู้ปกครองเทศมณฑลกัวก็ลุกขึ้นยืน เก็บพู่กัน และมองมันด้วยความพึงพอใจ พ่อบ้านที่อยู่ข้างกายเขาจึงเอ่ยชมออกมา ว่านายท่านของเขานั้นฝีมือยอดเยี่ยมล้นเหลือ ฝีปากที่เอ่ยคำชมเชยนับว่าดีเยี่ยม เมื่อชื่นชมอยู่นานและไม่มีคำใดให้เอ่ยแล้ว ผู้ปกครองเทศมณฑลกัวจึงเลิกคิ้วขึ้นพร้อมเผยสีหน้ายิ้มแย้มบราวนี่ออนไลน์
“เอาล่ะ เอาล่ะ ไม่ต้องชมกันแล้ว ภาพคัดลายมือนี้ธรรมดานัก ยังไม่คู่ควรให้กล่าวอะไรถึงขนาดนั้น” ผู้ปกครองเทศมณฑลกัวโบกมือตอบด้วยความพึงพอใจ “ตอนนี้บอกสถานการณ์ภายในและภายนอกเมืองให้ข้าทราบ ข้าคือผู้ปกครองเทศมณฑลชิงหยวน เป็นขุนนางที่ทำหน้าที่นี้ตั้งแต่รุ่นบิดามารดา พวกเราต้องทราบสถานการณ์บ้านเมือง จะปล่อยให้ผู้คนกล่าวว่าข้าไม่ทำงานคงไม่ดีนัก”
“นายท่านผู้ปราดเปรื่องถ่อมตัวและคำนึงถึงชีวิตผู้คนทุกวี่วัน ใครกันจะกล้ากล่าวว่านายท่านไม่ทำงานเช่นนั้น? นับเป็นการใส่ร้ายจริง ๆ” พ่อบ้านเร่งตอบ
“พวกคนสายตาแคบสั้นมีไม่เคยหมด” ผู้ปกครองเทศมณฑลกัวตอบรับ เขาค่อนข้างพอใจกับคำพูดของพ่อบ้านไม่น้อย
“ภายใต้การปกครองของนายท่าน เทศมณฑลชิงหยวนในยามค่ำคืนไม่เคยหลับใหล ชีวิตมีแต่ความมั่งคั่ง จะมีสถานที่ใดในอาณาจักรนี้มีการปกครองที่ดีเยี่ยมไปกว่าเทศมณฑลชิงหยวนไปได้?” พ่อบ้านยังคงกล่าวเยินยออย่างต่อเนื่อง
“พูดเกินไปแล้ว มันก็ยังมีสถานที่อื่นที่ดีกว่าที่นี่อีกมาก การปกครองของเมืองหลวงอย่างไรก็ต้องดีกว่าของข้าอยู่แล้ว” ผู้ปกครองเทศมณฑลกัวตอบ
“เพียงเล็กน้อยเท่านั้นขอรับ เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น” พ่อบ้านยังคงกล่าวชม
“อืม” ผู้ปกครองเทศมณฑลกัวพยักหน้ารับ เห็นได้ชัดว่าเห็นด้วยกับคำกล่าวของพ่อบ้าน คนอื่นคิดอย่างไรนั้นเขาไม่สนใจ ผู้ปกครองเทศมณฑลกัวมีความเชื่อว่าตนเองทำงานปกครองและดูแลเทศมณฑลชิงหยวนได้เป็นอย่างดีแล้ว ส่วนสถานการณ์ที่แน่ชัดเป็นอย่างไร กัวจื่อหมิงหาได้ทราบไม่ เพราะเขาไม่เคยลงไปดูความเป็นอยู่ของคนทั่วไปกับตาตนเองแม้สักครั้ง
ในใจของผู้ปกครองเทศมณฑลกัว ตัวเขาคือบัณฑิตคนหนึ่ง พ่อแม่ก็เป็นข้าราชการใหญ่ในเทศมณฑลชิงหยวน เป็นตัวตนมีบรรดาศักดิ์ที่สูงส่งกว่าผู้คนทั่วไป ดังนั้นเขาจึงเว้นระยะห่างจากคนธรรมดา เลือกที่จะไม่เข้าไปใกล้ ไม่เช่นนั้นแล้วอาจทำเขาต้องเสื่อมเสียความสง่างาม