บทที่ 306 โบนัส
บทที่ 306 โบนัส
[ป้ายอัญเชิญ สามารถอัญเชิญนักรบอสูร 10 ตัวและมอนสเตอร์ 10 ตัว (เลเวลของสิ่งอัญเชิญเทียบเท่าเลเวลผู้เล่น +15) และทหารกองทัพกบฏ 10 คน เพื่อมาต่อสู้แทนตัวท่าน โดยท่านสามารถอัญเชิญสิ่งมีชีวิตทั้งสามชนิดโดยพร้อมกัน หรือเลือกประเภทใดประเภทหนึ่งได้ ระยะเวลาใช้งาน 10 นาที ระยะเวลาคูลดาวน์ 2 ชั่วโมง]
หากเทียบกับการผสานครั้งล่าสุด ครั้งนี้ค่อนข้างไม่มีอะไร ป้ายอัญเชิญไม่ได้มีค่าสถานะอะไรเปลี่ยนแปลงไป เพียงแค่เพิ่มความสามารถอัญเชิญกองทัพกบฏออกมา ซึ่งก็แน่นอนว่าเป็นทหารของกองทัพกบฏ
แม้ค่าสถานะของป้ายไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรจนเห็นได้ชัด แต่อู๋ฝานก็เชื่อว่าพละกำลังของสิ่งมีชีวิตอัญเชิญเหล่านี้ จะต้องแข็งแกร่งขึ้นมาบ้างเล็กน้อย ตราบใดที่ภายหน้าเขายังหาป้ายอัญเชิญมาทำการผสานได้เรื่อย ๆ ค่าสถานะของมันจะต้องเพิ่มขึ้นได้อีก!
ระดับเงินย่อมไม่ใช่ขีดจำกัดสูงสุดของป้ายอัญเชิญอย่างแน่นอน!
อู๋ฝานกระทั่งคาดหวังถึงอนาคต ในตอนที่สามารถอัญเชิญกองทัพผสม โดยใช้เพียงแค่ป้ายอัญเชิญหนึ่งป้าย!
หลังสำรวจไอเทมจากร่างของโฉวหย่งเชาว่าครบถ้วนแล้วจริงหรือไม่ เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีอะไรอื่นตกหล่น อู๋ฝานก็เดินกลับไป
เดิมอู๋ฝานวางแผนตรงกลับหมู่บ้านเลย แต่หลังสำรวจร่างไร้ชีวิตของบรรดาทหารกบฏที่อยู่ตามพื้น เขาก็เปลี่ยนใจขึ้นมา
แม้ทหารกองทัพกบฏค่อนข้างยากไร้และข้นแค้น กระทั่งอาวุธก็ไม่มีใช้งาน แต่หากอาศัยหลักการของเกมแล้ว ไม่ว่าจะมีตัวตนเล็กใหญ่อย่างไร เป็นมอนสเตอร์ หรือว่าเป็นขุนพล ก็ไม่มีทางที่โอกาสดร็อปไอเทมจะกลายเป็นศูนย์ ต่อให้เป็นมอนสเตอร์ตัวจ้อย มันก็มีความเป็นไปได้ที่จะดร็อปของดีออกมา เพียงแค่โอกาสต่ำเตี้ยจนแทบไม่มีก็เท่านั้น
ทว่าด้วยจี้หยกกระเรียนขาวที่ช่วยเพิ่มอัตราการดร็อปไอเทม รวมเข้ากับศพจำนวนมากที่กระจัดกระจายอยู่ที่นี่ เขาอาจมีดวงเจอไอเทมสักชิ้นก็เป็นไปได้
“ยังไงก็ว่างอยู่แล้วนี่นะ” อู๋ฝานพึมพำในใจพลางเริ่มตรวจสอบศพไปทีละร่าง
โชคดีที่อู๋ฝานมีสภาพจิตใจแข็งแกร่งกว่าในอดีตอย่างมหาศาล ไม่เช่นนั้นแล้ว ด้วยจำนวนศพมากมายที่ตายด้วยสารพัดของมีคม บางศพขนาดไม่เหลือรูปลักษณ์เดิม เขาคงไม่มีทางอดกลั้นอาการอยากอาเจียนออกมาได้ แต่ตอนนี้สีหน้าท่าทีของเขาก็ยังต้องเหยเกอยู่บ้าง
ไม่มี
ไม่มี
ไม่มีอะไรเลย!
อู๋ฝานที่รื้อค้นศพทั้งหลายอยู่ครึ่งวัน กลับไม่พบเจออะไรสักชิ้น ในใจตอนนี้อดไม่ได้ที่จะต้องสบถด่าเกมนี้อีกครั้ง ที่โอกาสดร็อปของต่ำเกินไป!
“ยังไงก็ว่างจนไม่มีอะไรทำเอง ไม่ว่าจะศพคนพวกนี้หรือมอนสเตอร์ตัวเล็กตัวน้อยก็ไม่มีอะไร ไม่ควรคาดหวังเลยจริง ๆ” อู๋ฝานรำพึงรำพัน
ทว่าขณะอู๋ฝานคิดจะปล่อยวางอยู่นั่นเอง หางตาของเขาก็พลันได้เห็นอะไรบางอย่างที่มีสีเทา มองคร่าว ๆ มันคล้ายจะเป็นชุดลินินสีเทาที่อยู่กับศพ ชายหนุ่มเกือบเข้าใจมันผิดไป เพราะวัตถุสีเทาดังกล่าวเปล่งแสงสีเทาอ่อนจางออกมาเล็กน้อย มันไม่ได้โดดเด่นแทงสายตา หากไม่ใช่เพราะเขาสายตาดี ก็คงมองข้ามมันไปแล้ว
ชุดงั้นหรือ?
อู๋ฝานนึกยินดีในทันที ไม่ว่ามันจะเป็นอุปกรณ์สวมใส่ระดับใด มันก็ดีกว่าไม่ได้รับอะไรกลับมา อย่างน้อยก็คุ้มค่าที่เสียเวลาควานหาอยู่นาน
อู๋ฝานหยิบมันขึ้นมาพบว่าเป็นกระเป๋าผ้าขนาดราวฝ่ามือ หลังใช้วิชาตรวจสอบกับไอเทมดังกล่าว เขาถึงกับต้องชะงักนิ่งงันอยู่กับที่ สุดท้ายก็เผยสีหน้าตื่นเต้นยินดีออกมา
[กระเป๋ามิติ ระดับทอง เพิ่มพื้นที่กระเป๋าหลัง 100 ช่อง (หมายเหตุ สามารถเก็บสิ่งมีชีวิตได้)]
ของรักของข้า!
คำแนะนำของกระเป๋ามิติมีไม่มาก มันไม่อาจเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่อู๋ฝาน แต่ไอเทมชิ้นนี้มีประโยชน์กับเขาไม่น้อยไปกว่าอาวุธระดับทองดำ
ยิ่งเวลาผ่านไปก็ยิ่งได้รับสิ่งของมากขึ้น กระเป๋าหลังสิบช่องของอู๋ฝานไม่พอใช้มานานแล้ว เขาคอยมองหาวิธีขยายกระเป๋าหลังมาตลอด ทว่าค้นหาอยู่นานก็ยังไม่พบแม้เบาะแส เพราะที่นี่ไม่มีผู้เล่นคนอื่น ไม่มีแผนกบริการลูกค้า ชายหนุ่มจึงไม่อาจสอบถามอะไรจากใครได้บราวนี่ออนไลน์
ขณะนี้กลับดร็อปไอเทมที่สามารถขยายพื้นที่กระเป๋าหลังมาชิ้นหนึ่ง จะไม่ให้อู๋ฝานดีใจได้อย่างไร?
อีกทั้งยังมีความสามารถในการกักเก็บสิ่งมีชีวิต เรียกว่ามีประโยชน์กับอู๋ฝานมหาศาล
ในตอนนี้อู๋ฝานรับผิดชอบหน้าที่นำสารพัดวัตถุดิบจากโลกนี้ไปสู่โลกความเป็นจริง ไม่ว่าผักหรือผลไม้ต่างก็ไม่ใช่ปัญหา อย่างไรพวกมันก็ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต กระเป๋าหลังสามารถรองรับได้โดยตรง แต่กับพวกไก่ เป็ด ปลา และสัตว์ทั้งหลาย พวกมันต้องถูกเชือดก่อนจะนำไปสู่โลกความเป็นจริงได้ แม้เขาจะสามารถสังหารพวกมันด้วยมีดเฉือนหั่น ทว่ามันก็เป็นงานที่ต้องใช้เวลา และเขาต้องทำเอง ใครใช้ให้กระเป๋าหลังใบเดิมของเขาไร้ความสามารถเก็บสิ่งมีชีวิตกัน?
ตอนนี้หลังได้รับกระเป๋ามิติมาครอบครอง เรื่องการเชือดสัตว์อะไรนั้น เขาไม่จำเป็นต้องทำอีกต่อไป เรียกได้ว่าจะช่วยประหยัดทั้งเวลาและเรี่ยวแรง
ผลลัพธ์ที่ได้มานี้ ทำให้อู๋ฝานค่อนข้างพึงพอใจกับกระเป๋ามิติไม่น้อย
“นายท่าน? เป็นอะไรหรือไม่เจ้าคะ?” ลั่วเยวี่ยเดินเข้ามาสอบถามด้วยสีหน้าท่าทีเป็นกังวล
ในศึกครั้งก่อน ลั่วเยวี่ยคอยติดตามเคียงข้างอู๋ฝานอยู่ตลอด นางต้องการคุ้มกันความปลอดภัยให้เขา แต่การสู้รบกลับง่ายดายเกินกว่าที่คาดเอาไว้ นางแทบไม่มีโอกาสได้แสดงฝีมือเลยด้วยซ้ำ มีเพียงแค่การบุกครั้งสุดท้าย ที่นางได้มีโอกาสช่วยชายหนุ่มขัดขวางการโจมตีอยู่หลายครั้ง ส่วนที่เหลือนอกจากนั้น อีกฝ่ายก็ไม่ได้เผชิญกับอันตรายใดทั้งสิ้น
ตอนที่อู๋ฝานคิดอยากโจมตีโฉวหย่งเชาโดยใช้วิชาดำดิน เขาหาทางหลบลั่วเยวี่ยออกไป ดังนั้นเด็กหญิงจึงไม่ทราบเรื่องราว สำหรับความตายอย่างกะทันหันของโฉวหย่งเชา ลั่วเยวี่ยก็ยังคงสงสัยเหมือนคนอื่นว่าชายหนุ่มทำอย่างนั้นได้อย่างไร
คนเพียงกลุ่มเดียวที่ได้เห็นอู๋ฝานปรากฏตัวอย่างกะทันหัน คือเหล่าทหารส่วนตัวของโฉวหย่งเชา ขณะที่คนของกองทัพกบฏไม่มีใครได้เห็นชายหนุ่มลงมือแม้แต่น้อย และคนเหล่านั้นก็เข้าร่วมศึกสุดท้ายจนตายหมดสิ้น
ทำให้ไม่มีผู้ทราบเหตุการณ์หลงเหลือแม้แต่คนเดียว
ลั่วเยวี่ยเดินเข้ามาพร้อมเอ่ยถามกับอู๋ฝาน เพราะนางเห็นว่าเขากำลังหยุกหยิกทำอะไรบางอย่างใกล้กับศพทั้งหลาย เดินวนเวียนไปมา ส่วนว่าทำอะไรกันแน่นั้น ทุกคนในหมู่บ้านต่างก็สงสัยเช่นเดียวกัน
บรรดาคนไม่ทราบต่างคิดไปว่าอู๋ฝานมีความชื่นชอบพิเศษส่วนตัว โดยเฉพาะกับตอนที่เดี๋ยวเขาก็เผยท่าทีผิดหวัง แต่ต่อมากลับเผยท่าทียินดี เรียกได้ว่าทำให้คนเข้าใจผิดได้ไม่ยาก
“แค่ก! แค่ก! ไม่มีอะไร” อู๋ฝานตอบรับพร้อมกับหุบยิ้ม สีหน้ากลับไปเป็นปกติ
จากนั้นอู๋ฝานจึงนำลั่วเยวี่ยไปสำรวจศพทั้งหลาย พร้อมกับพบว่าไม่มีอะไรอื่นอีกแล้ว
แม้ลั่วเยวี่ยเป็นผู้หญิง ทั้งยังเยาว์วัย แต่นางที่เห็นศพมากมายกลับไม่เผยท่าทีผิดปกติใดออกมา ในศึกที่เพิ่งผ่านพ้นมานี้ นางยังสังหารคนไปสองคนด้วยมือของตนเอง ความสามารถทางจิตใจของเด็กหญิง เรียกได้ว่ายืนหยัดหนักแน่นเสียยิ่งกว่าคนหนุ่มทั้งหลาย
หลังตรวจสอบศพเหล่านั้นเรียบร้อย อู๋ฝานก็นำลั่วเยวี่ยกลับเข้าหมู่บ้าน ก่อนจะให้บรรดาผู้อพยพออกไปจัดการกับศพเหล่านั้นต่อไป
ศพเหล่านี้จำเป็นต้องรวบรวมและเผาเสียให้สิ้นซาก ไม่เช่นนั้นแล้ว หากปล่อยกองเอาไว้ทางเข้าหมู่บ้าน มันจะส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของคนในหมู่บ้าน บางทีอาจนำมาซึ่งโรคระบาด มันไม่ใช่เรื่องดีแม้แต่น้อย