บทที่ 313 กระตุ้นด้วยคำพูด
บทที่ 313 กระตุ้นด้วยคำพูด
บนสังเวียนในตอนนี้เกิดความเปลี่ยนแปลง คนสองคนยืนอยู่ทางฝั่งซ้ายและฝั่งขวา สายตาจดจ้องกัน ความแตกต่างคือคนทางฝั่งซ้ายดูผ่อนคลาย ราวกับไม่เห็นใครในสายตา ขณะที่คนทางฝั่งขวาในเวลานี้มองคนทางฝั่งซ้ายด้วยสายตาระแวดระวัง
“คนที่อยู่ฝั่งซ้ายคือปาซงจากราชอาณาจักรแห่งช้างครับ” ติงอวิ๋นถือโอกาสแนะนำให้อู๋ฝานทราบ
แท้จริงแล้ว แม้ไม่ต้องให้ติงอวิ๋นออกปาก อู๋ฝานก็พอจะคาดเดาตัวตนของปาซงได้โดยใช้วิชาตรวจสอบ
[ปาซง ยอดฝีมือจากราชอาณาจักรแห่งช้าง ขอบเขตมืดขั้นกลาง ฝึกฝนมวยแห่งราชอาณาจักรช้างตั้งแต่ยังเด็ก จากมวยสู่วิถี จากคนธรรมดาสู่ผู้ฝึกตน มีพรสวรรค์ในการฝึกฝนอันยอดเยี่ยม เป็นคนโหดเหี้ยม ไม่ยึดถือวิธีการ…]
“เป็นยอดฝีมือจริง ๆ!” อู๋ฝานพึมพำในใจหลังได้เห็นคำอธิบายตัวตนของปาซง
ขอบเขตมืดขั้นกลาง พละกำลังย่อมไม่อ่อนด้อย ในบรรดาศัตรูที่อู๋ฝานเคยต่อสู้ด้วย เรียกได้ว่าอยู่แถวหน้าเลยด้วยซ้ำ และตอนนี้ชายหนุ่มเข้าใจแล้วว่าเหตุใดทางคลับถึงต้องหายอดฝีมือมาต่อกรด้วย เมื่อเผชิญหน้ากับปาซงได้ไม่ถึงหนึ่งนาทีคู่ต่อสู้พ่ายแพ้ ทั้งที่นักสู้เหล่านั้นต่างก็แข็งแกร่ง ทว่าพวกเขาแข็งแกร่งแค่ในระดับคนธรรมดา แต่ปาซงเป็นถึงขอบเขตมืดขั้นกลาง หากนำมาเทียบเปรียบกันก็เป็นอะไรที่ไม่อาจเทียบได้
อู๋ฝานลอบชั่งน้ำหนักพละกำลังที่ตนมีในใจ
พละกำลังของเขารวมเข้ากับค่าสถานะโบนัสจากอุปกรณ์สวมใส่ทั้งหลาย เมื่อพิจารณาจากการเทียบอันดับในโลกความเป็นจริง อู๋ฝานตระหนักว่าตนเองตอนนี้ไม่รู้ว่าเทียบได้กับระดับใด
‘ก็น่าจะพอสูสีกับปาซง’ อู๋ฝานเดาอยู่ในใจ
ในการปะทะกับเฟ่ยอวิ๋นครั้งก่อน ที่เป็นยอดฝีมือขอบเขตมืด อู๋ฝานทำอีกฝ่ายบาดเจ็บหนักได้สำเร็จเพราะเป็นฝ่ายชิงลงมือก่อน รวมกับการที่อีกฝ่ายขาดความระวังด้วย ในเมื่อเขาเคยจัดการยอดฝีมือขอบเขตมืดได้สำเร็จ ต่อให้มีปัจจัยอื่นมาเกี่ยวไปบ้าง แต่ชายหนุ่มก็มองว่าพละกำลังของตนเองสมควรเทียบกับคู่ต่อสู้ได้
และตอนนี้เลเวลของเขาสูงกว่าตอนนั้นเรียบร้อยแล้ว ทั้งยังครองทักษะที่มากขึ้น ในด้านความแข็งแกร่งจึงถือว่าไม่มีอะไรให้ต้องสงสัย มันแข็งแกร่งกว่าในอดีตอย่างแน่นอน แต่หากเขาต้องสู้กับปาซงขึ้นมาจริง ๆ ก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะได้
ขณะที่อู๋ฝานกำลังครุ่นคิดว่าระหว่างตนเองกับปาซง ใครที่แข็งแกร่งหรืออ่อนแอกว่า ในขณะนั้นเองการแข่งขันบนสังเวียนก็ดำเนินไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ศักยภาพของปาซงเป็นเหมือนที่ติงอวิ๋นและหวังจื่อหมิงบอกทุกประการ พละกำลังอีกฝ่ายแข็งแกร่ง สามารถบดขยี้คู่ต่อสู้ได้อย่างเหนือกว่า ฝั่งคู่ต่อสู้นั้นก็เห็นได้ว่ามีความเข้าใจในวิชาหมัดมวยพอสมควร ทว่าหากเทียบกับปาซงที่เป็นยอดฝีมือ ก็เรียกว่าไม่ควรนำมาเปรียบ
เมื่อเวลาผ่านไปไม่ทันถึงหนึ่งนาทีด้วยซ้ำ ปาซงก็เอาชนะอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งสภาพของอีกฝ่ายตอนนี้ยังค่อนข้างน่าอนาถ แขนหัก ใบหน้าปูดบวมราวกับหัวหมูถูกทุบ ดวงตาทั้งสองข้างถูกอาการบวมบังมิดจนแทบมองไม่เห็น
“อู๋ฝาน! ถ้ามีความกล้าก็ออกมารับคำท้าของฉัน! ถ้าวันนี้ยังไม่ออกมา ฉันจะอยู่ที่นี่ต่อ และจะเล่นงานทุกคนที่เจอจนพวกมันตาย! แกจำเอาไว้เลยนะว่าความเจ็บปวดของคนพวกนี้เกิดขึ้นก็เพราะแก!” หลังเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ ปาซงก็คำรามเสียงดังมาจากสังเวียน ด้วยภาษาจีนที่สำเนียงค่อนข้างแปลกไปบ้าง
ขณะพูด ปาซงยังเตะใส่ร่างคู่ต่อสู้ที่บาดเจ็บหนักจนล้มลงกับพื้น สุดท้ายร่างนั้นก็กระอักเลือดออกมา พร้อมไถลไปบนสังเวียนไกลกว่าห้าเมตร สุดท้ายก็หล่นจากสังเวียนกระแทกพื้นอย่างรุนแรง อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บหนักอยู่ก่อนแล้ว ตอนนี้จึงหมดสิ้นสติไปแทบจะในทันที
“ปาซงคนนี้ หลังชนะคู่ต่อสู้ได้ก็จะพูดแบบเดิมซ้ำอยู่ตลอดครับ” ติงอวิ๋นอธิบายให้อู๋ฝานทราบ
เห็นได้ชัดว่าปาซงไม่ได้รู้เรื่องที่อู๋ฝานมาที่นี่ แต่ที่ทำไปก็เพราะต้องการให้คนอื่นเกลียดชังอีกฝ่าย จนสุดท้ายเป็นการบีบบังคับให้ชายหนุ่มออกมาตามที่ตัวเองต้องการ
แม้ทราบว่าอีกฝ่ายทำเช่นนี้เพราะต้องการอะไร อู๋ฝานก็ยังอดไม่ได้ที่จะต้องขมวดคิ้ว
พฤติกรรมของปาซงคนนี้นับว่าน่ารังเกียจ อีกฝ่ายเล่นงานคนอื่นเพียงเพราะต้องการสร้างความเกลียดชังให้กับเป้าหมายที่ตนเองต้องการ ถ้าแค่ช่วงเวลาไม่นานก็ไม่เป็นไร แต่เมื่อเกิดขึ้นมาหลายวันแล้ว ไม่ว่าใครก็ตามที่เข้าร่วมการแข่งขันนี้ หรือบรรดาผู้ชมที่มาร่วมรับชม พวกเขาย่อมต้องกล่าวโทษคนที่ปาซงเอ่ยถึง พร้อมกับคิดไปโดยไม่รู้ตัวว่าเรื่องมันเลยเถิดถึงขั้นนี้เป็นความผิดของคนที่ถูกเอ่ยชื่อถึง จนสุดท้ายนำมาซึ่งสถานการณ์เช่นวันนี้
“อู๋ฝาน อย่าผลีผลาม มันจงใจยั่วยุนายให้ออกไปรับหน้า” หวังจื่อหมิงบอกกับอู๋ฝาน
“ผมรู้ครับ” แม้ตอบเช่นนั้น ทว่าอู๋ฝานกลับลุกขึ้นยืน “แต่ว่าถึงจะเป็นแบบนั้น ศึกครั้งนี้ผมคงต้องสู้”
เห็นได้ชัดว่าอู๋ฝานตัดสินใจขึ้นสังเวียนแล้ว
อู๋ฝานตัดสินใจแบบนี้ ไม่ใช่เพราะคำยั่วยุของปาซง แต่เขามองว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับตัวเองจริง ๆ หากปล่อยให้ปาซงโยนความเกลียดชังสร้างอิทธิพลอยู่ที่นี่ต่อไป เมื่อนั้นจะยิ่งมีคนอีกมากร่วงโรยเพราะมือของอีกฝ่าย แม้ชายหนุ่มไม่อยากยอมรับ แต่ที่คนเหล่านั้นเจ็บหนัก ส่วนหนึ่งก็เพราะตนเองจริง ๆบราวนี่ออนไลน์
อีกประเด็นหนึ่งนั้น คือการที่อู๋ฝานไม่ชอบใจที่ได้เห็นปาซงมาอวดดีที่นี่ ไม่ว่าอย่างไรที่นี่ก็คือแผ่นดินจีน หากปล่อยให้คนจากราชอาณาจักรแห่งช้างมาแผลงฤทธิ์ที่นี่นานจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นต่อ? ถ้าเขาไม่มีกำลังพอจัดการเรื่องนี้ ก็คงต้องมองว่าเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ แต่ในเมื่อตนมีกำลังพอจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จ หากยังเลือกเดินถอยกลับไป อู๋ฝานคงรู้สึกผิดอยู่ในใจอย่างยากที่จะให้อภัย
“อู๋ฝาน นายคิดทำจะอะไร?!” หวังจื่อหมิงเห็นอู๋ฝานตอบรับ จึงลุกพรวดขึ้นอย่างแตกตื่น พร้อมยังพยายามห้ามปรามอีกฝ่ายเอาไว้ “นายจะขึ้นสังเวียนไม่ได้!”
“เขาเจาะจงขนาดนี้แล้วนะครับ ถ้าผมไม่ขึ้นไป ก็หมายความว่าผมกลัวไม่ใช่เหรอครับ?” อู๋ฝานตอบรับเสียงเบา
“ถ้านายกลัว มันก็แค่ความกลัว มนุษย์เรานั้นต้องรู้จักยืดหยุ่น จะลดตัวลงไปเล่นกับมันทำไม?” หวังจื่อหมิงตอบกลับ
“ผมเข้าใจความจริงเรื่องนั้นดีครับ” อู๋ฝานตอบรับ “ถ้าผมไม่สามารถเอาชนะเขาได้ ผมก็คงเลือกถอยกลับไปแสร้งว่าที่นี่ไม่ได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แต่ผมสามารถสู้กับเขาได้ ในเมื่อเป็นแบบนั้นแล้ว หากยังเลือกจะหันหลังให้และเดินกลับไป กับคนอื่นเป็นยังไงไม่รู้ แต่สำหรับผมคือคนขี้ขลาดครับ”
กล่าวจบ อู๋ฝานก็มองทางปาซงที่ยังคงโอ้อวดความแข็งแกร่งบนสังเวียน พร้อมเอ่ยต่อ “อีกอย่างผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าตัวเองแข็งแกร่งขนาดไหนแล้ว”บราวนี่ออนไลน์
แม้อู๋ฝานจะสามารถใช้วิชาตรวจสอบได้ แต่เขาก็ไม่เคยเทียบให้แน่ชัดว่าพละกำลังของตนเองในโลกความเป็นจริงเทียบเท่ากับขอบเขตใด ที่ทำได้ก็เพียงแค่คาดเดาคร่าว ๆ ตอนนี้ปาซงถือเป็นตัวทดลองชั้นดี ถ้าใช้อีกฝ่ายเป็นเครื่องมือทดสอบ เขาก็พอจะพิจารณาพละกำลังตัวเองได้
“แต่ว่ามันอันตรายเกินไป นายไม่เห็นสภาพคนเมื่อกี้หรือไง ปาซงลงมือไม่เคยออมแรง ดุร้ายไม่มีใครเกิน นายไม่จำเป็นต้องเอาตัวไปเสี่ยงถึงขนาดนั้น” หวังจื่อหมิงยังคงกังวล
“ไม่ต้องกังวลไปครับ ถ้าผมเอาชนะเขาไม่ได้จริง ๆ ผมก็จะไม่รั้นฝืนทนต่อ แต่จะเลือกยอมแพ้ครับ” อู๋ฝานยิ้มตอบรับ “ผมเพิ่งจะได้มีช่วงเวลาดี ๆ เพราะแบบนั้นจะไม่ทิ้งชีวิตเอาไว้บนสังเวียนอย่างแน่นอนครับ”
อู๋ฝานไม่ใช่คนโง่ แม้จะคิดขึ้นสังเวียนแล้วก็จริง แต่ก็ยังเตรียมพร้อมสำหรับการยอมรับความพ่ายแพ้ด้วยเช่นกัน มันเป็นเหมือนที่เขาเพิ่งพูดไป ตอนนี้เขาเพิ่งได้มีช่วงเวลาดี ๆ ดังนั้นจึงไม่คิดจะสู้แลกเป็นแลกตายกับปาซงบนสังเวียน เพราะโอกาสพิเศษที่ได้รับ เขาจะต้องเติบโตได้อย่างรวดเร็วและแข็งแกร่งยิ่งกว่าอีกฝ่าย ต่อให้ไม่สามารถเอาชนะในตอนนี้ แต่ความเป็นผู้เล่นของเขา จะเป็นข้อได้เปรียบที่จะทำให้ก้าวข้ามอีกฝ่ายได้ในไม่ช้าอย่างแน่นอน