เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย – บทที่ 38 อยากเป็นปลาเค็ม

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

ตอนที่ 38 อยากเป็นปลาเค็ม

​“ช่วงนี้ร้านอาหารป่าของจางต้าเปียวจู่ ๆ ก็มีเนื้อตุ๋นวางขายไม่ใช่หรือ เจ้าไปถามสูตรมาสิ”

ฉือชางไห่สงบสติอารมณ์ลงเล็กน้อยแล้วเอ่ยถามขึ้นมา

อาหารที่หญิงชาวบ้านผู้นี้ทำเป็นอาหารเลิศรสของเซียนหรืออย่างไร เขาไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะหาอาหารที่ดีกว่าของนางไม่เจอ!

ก็แค่ของแปลกใหม่ก็เท่านั้น

โจวเหล่ยไม่กล้าอยู่ที่นี่ต่ออีก จึงรีบออกไปหาจางต้าเปียวทันที ไม่นานโจวเหล่ยก็กลับมา ทว่ากลับมีสีหน้าที่ลำบากใจเป็นอย่างมาก

ฉือชางไห่ลืมตาขึ้นมองเขา “ทำอะไร จางต้าเปียวว่าอย่างไร เขาต้องการเงินเท่าไร?”

โจวเหล่ยส่ายหน้า “จางต้าเปียวบอกว่าสูตรนั้นเขาไม่มี เพราะหญิงชาวบ้านคนนั้นเป็นคนเอามาขายให้ขอรับ ต่อไปเขาจะขายเนื้อตุ๋นกับหญิงชาวบ้านคนนั้นขอรับ”

“อะไรนะ!!!” คราวนี้ฉือชางไห่ทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ ถ้วยชาที่เมื่อครู่ตัดใจไม่ปาทิ้ง เวลานี้กลับแตกกระจายอยู่บนพื้นทันที

“เยี่ยม หลายปีแล้วที่ข้าไม่เคยเจอคนร้ายกาจเช่นนี้” ฉือชางไห่กัดฟันแน่น “เจ้าไปแจ้งที่ว่าการอำเภอทีว่า วันนี้ข้าต้องการเชิญจางจู่ปู้2มากินข้าว”

คำโบราณกล่าวว่า ชาวบ้านไม่ควรเป็นศัตรูกับข้าราชการ ครั้งนี้เขาจะจัดการฮวาเซียงเซียงขั้นเด็ดขาดเสียที แทนที่จะปล่อยให้ภัตตาคารเค่ออวิ๋นไหลคอยเป็นหอกข้างแคร่อยู่แบบนี้ มิสู้ขุดรากถอนโคนไปเลยจะดีกว่า

“วันนี้ขายได้ทั้งหมดเท่านี้ หักค่าวัตถุดิบไปเป็นเงินยี่สิบตำลึง ส่วนอันนี้เป็นรางวัลที่คุณชายคนเมื่อเช้าให้ไว้ ด้านในมีแผ่นทองคำด้วย” ฮวาเซียงเซียงดีดลูกคิดให้ดู จากนั้นก็ยื่นสมุดบัญชีให้นาง “เจ้าลองดูสิว่าตัวเลขนี้ถูกต้องหรือไม่?”

“ไม่ต้องหรอก ข้าเชื่อใจเจ้า” จี้จือฮวนเอ่ยจบ ทางห้องครัวก็เตรียมวัตถุดิบที่นางต้องใช้พรุ่งนี้เสร็จพอดี

“เช่นนั้นข้ากลับก่อนล่ะ”

เมื่อรู้ว่าที่บ้านของจี้จือฮวนยังมีสามีที่นอนไม่ได้สติกับลูกชายคนเล็กอยู่ ฮวาเซียงเซียงก็สงสารจับใจ “ตอนนี้เจ้ามีเงินแล้ว ไม่สู้ซื้อรถม้าสักคัน เวลาไปกลับจะได้สะดวก”

“อืม ไว้ข้าจะลองคิดดู”

ที่สำคัญคือสามารถเอาไว้ส่งอาฉือไปเรียนได้ นางต้องลองศึกษาดูก่อนว่าสำนักศึกษาไหนดีที่สุด

จี้จือฮวนเอาเงินค่าขนมของเด็กทั้งสองใส่ไว้ในถุงเงินเล็ก ๆ สองใบ ก่อนจะแบ่งให้พวกเขา “นี่คือค่าแรงของพวกเจ้าวันนี้”

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อาอินได้รับค่าแรง นางจึงเก็บไว้ในกระเป๋าเล็ก ๆ ของตัวเองอย่างมีความสุข

ส่วนเผยจี้ฉือเดิมไม่อยากจะรับไว้ แต่จี้จือฮวนกลับยัดเข้าไปในอกเสื้อของเขา ก่อนจะลุกขึ้นเรียกจางปาเหลี่ยงมา

จางปาเหลี่ยงไม่ใช่ว่าไม่อยากหนี แต่เขากลัวจี้จือฮวนมาก ความกลัวจากการโดนทุบตีแค่คิดฉี่ก็เกือบราดกางเกงแล้ว

“ค่าแรงของเจ้า”

จางปาเหลี่ยงดวงตาเบิกโพลง มองจี้จือฮวนด้วยสายตาเหลือเชื่อ “ให้ข้าหรือ?”

“ไม่เอาก็แล้วไป” จี้จือฮวนทำท่าจะเอาเงินคืน

จางปาเหลี่ยงจึงรีบแย่งมาทันที ลองคิดดูดี ๆ แล้ว เงินยี่สิบเหวินแม้ว่าจะน้อยไปเสียหน่อย แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย!

“ข้าไม่ชอบเอาเปรียบใคร ในเมื่อช่วยข้าทำงานแล้วก็ต้องได้เงินไม่ใช่หรือ?”

จางปาเหลี่ยงยอมรับว่าสตรีผู้นี้เป็นคนที่พิเศษที่สุดในบรรดาสตรีทั้งหมดที่เขาเคยพบมา

“ตกลง หากเจ้าพูดเช่นนี้ พรุ่งนี้ข้าก็จะมาช่วยเจ้าอีก”

“ไปเถอะ” จี้จือฮวนสืบดูมาแล้ว ว่าจางปาเหลี่ยงไม่ได้เป็นคนเลวร้ายแบบนี้มาตั้งแต่แรก ที่บ้านมีแม่ที่ป่วยเป็นวัณโรค เขาไปทำงานส่งสินค้าที่ท่าเรือก็ถูกคนกลั่นแกล้ง นานวันเข้าจึงทำให้เขากลายเป็นอันธพาลเช่นนี้

หลังจากที่ได้รู้จัก ก็ใช่ว่าจะแก้นิสัยไม่หาย

และในที่สุดสามคนแม่ลูกก็ได้กลับบ้านเสียที แต่ยังต้องไปซื้อของที่จำเป็นบางอย่าง และซื้อหนังสือดี ๆ ให้เผยจี้ฉือก่อน

ระหว่างทางกลับบ้าน หลังจากเผยจี้ฉือคิดไปคิดมา จึงเอ่ยเตือนขึ้นมาว่า “จางปาเหลี่ยงผู้นั้นเป็นพวกนักเลงหัวไม้ แค่ให้เงินก็สามารถทำงานให้คน ๆ นั้นได้แล้ว คนเช่นนี้เชื่อถือไม่ได้”

หลังจากที่จี้จือฮวนรู้ว่าเด็กคนนี้ในอนาคตจะเป็นตัวการใหญ่ที่สุดในนิยายเรื่องนี้ ก็ไม่ได้พูดคุยกับเขาในฐานะเด็กคนหนึ่งอีก

ฟังจากที่เขาพูดแล้ว ก็เหมือนจะเป็นห่วงนางอยู่บ้าง คงกลัวว่านางจะโดนหลอก

จี้จือฮวนจึงเรียบเรียงคำพูดเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยว่า “รู้จักคนต้องใช้สายตา ใช้คนต้องใช้จิตใจ หากคนที่มาพึ่งเจ้าได้ประโยชน์ ก็น่าเชื่อถือกว่าสิ่งที่เรียกว่ามิตรภาพ แต่สิ่งสำคัญที่สุดในการใช้คนก็คือการวางแผน”

นี่คือสิ่งที่นางได้เรียนรู้มาเมื่อต้องเข้าใกล้เป้าหมายในชาติที่แล้ว ตอนที่ทำงานเป็นหน่วยพิเศษ

จี้จือฮวนเอ่ยจบ เผยจี้ฉือก็สะดุ้งขึ้นมา และพิจารณาคำพูดของนาง

ส่วนอาอินกลับฟังไม่รู้เรื่อง นางดึงมือของเผยจี้ฉือพร้อมกับกระซิบแผ่วเบา “ที่ท่านแม่พูดมาหมายความว่าอย่างไรหรือ?”

เผยจี้ฉือส่ายหน้า “ไม่มีอะไร ตอนนี้เจ้ายังเด็กเกินไป”

นางไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องเหล่านี้

อาอินเป็นคนเรียบง่าย และไม่ได้คิดอะไรซับซ้อนเหมือนเผยจี้ฉือ เมื่อได้ยินดังนั้นก็เตะก้อนหินบนพื้นเล่น

ส่วนเผยจี้ฉือกลับรู้สึกโล่งอกขึ้นมาก โดยเฉพาะหลังจากที่ได้เจอท่านหมอจาง เรื่องการตามหาอดีตลูกน้องของท่านพ่อจึงไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอีกต่อไป เพราะเรื่องที่สำคัญกว่าในตอนนี้ก็คือทำให้ร่างกายของท่านพ่อดีขึ้น

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เผยจี้ฉือก็เร่งฝีเท้าขึ้นอีก

ฝีมือการแพทย์ของแม่เลี้ยงคนนี้เก่งกาจมากจริง ๆ ขาของเขาไม่กี่วันก็หายดีแล้ว พูดออกไปเกรงว่าคงไม่มีคนเชื่อเป็นแน่

ตอนที่ทั้งสามคนเดินกลับมาถึงหมู่บ้านตระกูลเฉิน ก็เห็นรถม้าตั้งแต่ไกล ๆ และยังมีม้าตัวเป็น ๆ อีกด้วย

จี้จือฮวนหรี่ตาลง ดูจากลักษณะของรถม้านั่นแล้ว เป็นรถม้าของหย่งหนิงไม่ใช่หรอกหรือ?

ภายในลานบ้านมีเสียงหัวเราะของเด็ก ๆ ดังขึ้น

“อาชิง!” อาอินผลักรั้วเข้าไปเป็นคนแรก ก่อนจะพบว่าองครักษ์ในลานบ้านกำลังนั่งรับลมอยู่ใต้ต้นไม้ องครักษ์เหล่านั้นพอเห็นจี้จือฮวนดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที

ราวกับไม่ได้เห็นคน แต่เห็นอาหารที่เดินได้จานหนึ่ง

อาชิงกำลังชวนหย่งหนิงพับแขนเสื้อและเล่นโคลนกันอยู่

“พี่หญิง” อาชิงวิ่งมาหาอาอินอย่างมีความสุข ก่อนจะชี้ไปที่กองดินในลานบ้านแล้วเอ่ยออกมา “หย่งหนิงพากองทัพมา!”

กองทัพอะไร?

ทั้งสามคนจึงเข้าไปดูใกล้ ๆ ก่อนจะพบว่าเป็นตุ๊กตาที่ทำจากไม้ตัวเล็ก ๆ ยืนกันอย่างเป็นระเบียบ ตุ๊กตาแต่ละตัวยังสวมเสื้อผ้าที่ละเอียดประณีตอีกด้วย ส่วนอาชิงกำลังสร้างเมืองจากดินเหนียวอยู่

อาอินไม่สนใจอะไรพวกนี้ ตอนนี้นางคิดแต่จะหาเงินเท่านั้น!

จึงไม่มีหัวข้อสนทนาอะไรกับเจ้าน้องชายโง่เขลาผู้นี้

“เช่นนั้นข้ากับท่านแม่จะขึ้นไปบนเขาก่อน”

“ข้าไปด้วย” คนที่เอ่ยขึ้นมาคือเผยจี้ฉือ

เขาเป็นผู้ชายที่มีอายุมากที่สุดในบ้านตอนนี้ จะให้น้องสาวไปที่ ๆ อันตรายอย่างบนเขาตลอดเวลาได้อย่างไรกัน?

“เช่นนั้นข้าไปด้วย!” อาชิงพูดตาม อย่างไรซะตอนนี้ในบ้านก็มีคนมากมายอยู่ด้วย จึงไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องไม่มีคนเฝ้าท่านพ่อแล้ว

“เช่นนั้นข้าก็จะไปด้วย!” หย่งหนิงชูมือขึ้นมา

จี้จือฮวนรู้สึกเหนื่อยใจขึ้นมาทันที

ไม่พาพวกเขาไปด้วยนางยังจะได้ของกลับมามากกว่าเสียอีก

“แม่นมเจียง!” หย่งหนิงกลัวว่าจะไม่ได้ไปด้วย จึงจะเข้าไปอ้อนแม่นมเจียงที่นั่งอยู่ตรงนั้น

แม่นมเจียงคิดแค่ว่าพวกเขาจะไปเก็บเห็ดบนภูเขา เพราะเมื่อคืนคุณหนูร้องเพลง ร่มสีแดง ก้านสีขาว อยู่ข้างหูให้นางฟังทั้งคืน

นางฟังจนอยากจะลงไปนอนในโลง แล้วปิดฝาโลงให้แน่นเสียให้รู้แล้วรู้รอด!

“เจ้าค่ะ ๆ ๆ แต่ต้องให้คนตามท่านไปด้วย”

ปีนเขานางคงไม่ไปด้วย เพราะแก่ปูนนี้แล้ว

“ไชโย อาชิงข้าไปด้วยได้แล้ว! หย่งหนิงจับมือที่เปื้อนดินของอาชิงพลางกระโดดไปมา”

อาชิงเองก็กระโดดตามนางไปด้วย “เจ้าก็ได้ไปด้วยกัน ดีจังเลย!”

ความสุขของเด็ก ๆ นั้น จี้จือฮวนคิดว่าอย่างไรซะนางก็คงไม่มีวันเข้าใจ

และนางก็ทำได้เพียงยอมรับชะตากรรมที่ต้องพาเด็ก ๆ เหล่านี้ และองครักษ์ตามขึ้นเขาไปด้วย

เนื่องจากมีคนนอกอยู่ด้วย นางจึงเลี่ยงไม่ไปตักน้ำที่ทะเลสาบน้ำเค็ม เพียงแค่พาพวกเขาไปหาของป่าใกล้ ๆ บนเขาจึงดังก้องไปด้วยเสียงคำถามและคำตอบของเด็กน้อยสองคน จี้จือฮวนจึงรู้สึกเหนื่อยกว่าการตั้งแผงขายของเสียอีก

นางไม่อยากเป็นแม่เลี้ยงคอยเลี้ยงเด็กแล้ว นางอยากเป็นแค่ปลาเค็มตัวหนึ่ง

“ว้าว ตรงนี้มีลูกแมวตัวหนึ่งด้วย”

[1] ปลาเค็ม (咸鱼) หมายถึงคนขี้แพ้ที่อยู่ไปวัน ๆ

[2] จู่ปู้ (主簿) ตำแหน่งเจ้าหน้าที่ดูแลเอกสารและตราประทับในหน่วยงานต่าง ๆ

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

Status: Ongoing
หน่วยสืบราชการลับ—จี้จือฮวนเกิดใหม่เป็นตัวประกอบในนิยายที่ได้แต่งกับเทพสงครามเป็นแม่เลี้ยงของ 3 วายร้ายแต่กลับต้องตายตั้งแต่ต้นเรื่อง ในเมื่อปฏิเสธชะตาไม่ได้ขอแค่ไม่ตายก็จะเล่นบทนี้ให้อลังการกว่าเดิม!จี้จือฮวน–หน่วยสืบสวนราชการลับระดับ S ในโลกล้ำยุค จู่ ๆ ก็ตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองกลายเป็นตัวประกอบหญิงในนิยายที่เคยอ่าน(แต่ไม่จบ) ซึ่งตายตั้งแต่ยังไม่พ้นสามบทแรก! เธอคนนี้แต่งงานกับเผยยวนได้รับสมญานาม ‘เทพสงครามแห่งความตาย’ และเป็นแม่เลี้ยงของเด็กแสบสามคนจี้จือฮวนปฏิเสธชะตากรรมนองเลือด ขอแค่มีชีวิตรอดปลอดภัย อยู่ต่อไปก็พอแต่เรื่องกลับไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะตัวประกอบที่เธอกำลังเป็นอยู่ดันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ลูกเลี้ยงทั้งสามกลายเป็นตัวมากเล่ห์ จอมมารร้าย ซึ่งจะนำพาพวกเขาไปสู่จุดจบอันเศร้าสลดเมื่อทั้งสามโตขึ้น…นั่นก็คือความตายอย่างน่าอนาถในเมื่อเลือกไม่ได้ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ เธอจะเล่นบทนี้ให้อลังการกว่าเดิม!.โชคดีสวรรค์ยังมีตา เธอมีทักษะทุกอย่าง ทั้งงานฝีมือ ทักษะการเพาะปลูกและทำนาที่สามารถหาเงินเพื่อใช้เลี้ยงครอบครัวได้ ยิ่งกว่านั้น เธอมีของดีที่สุด คือมิติพิเศษที่ช่วยให่เธอหยิบยืมอะไรก็ได้จากโลกอนาคตติดตัวมาด้วย!.เอาล่ะ! ในฐานะอดีตสายลับระดับสุดยอด ใครหน้าไหนก็หยามกันไม่ได้! ต่อให้เป็นสวรรค์ก็เถอะ หากคิดจะฆ่าเธอทิ้ง เธอจะชิงสังหารสวรรค์ก่อน!..ต่อมาลูกชายคนโตที่ตั้งแต่เด็กสุดแสนจะเงียบขรึมกลับได้ขึ้นเป็นกษัตริย์! นักรบจอมพลังซึ่งเป็นลูกสาวคนที่สองก็กลายเป็นแม่ทัพหญิงคนแรกที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี ผู้ที่ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใดในใต้หล้า แม้แต่ลูกชายคนเล็กก็กลายเป็นแพทย์หนุ่มผู้เชี่ยวชาญสารพัดพิษ ร่างกายของเขาทนทานต่อพิษทั้งปวงอย่างที่ไม่มีใครเทียบได้..จี้จือฮวนรู้สึกว่าตนเองไร้ประโยชน์ในฐานะสาวงามที่ถูกราชสำนักและประชาชนผลักไสอย่างไร้ความปรานี เธอจึงจำต้องทำให้ตัวเองเป็นสตรีที่น่าเกรงขาม เป็นที่หวาดกลัวต่อราชสำนักและประชาชนเมื่อทุกคนนึกถึง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท