ตอนที่ 43 สร้างบ้านใหม่
วันต่อมา จี้จือฮวนนอนตื่นสายกว่าปกติ ตะวันส่องก้นแล้วเพิ่งจะลืมตาขึ้นมา
“ท่านแม่ตื่นแล้ว”
เด็กน้อยคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้พร้อมเสียงน่ารัก ๆ นี่ไม่ใช่อาชิงน้อยของนางหรอกหรือ?
เมื่อวานนี้นางคุยกับฮวาเซียงเซียงเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ว่าพ่อครัวแม่ครัวของภัตตาคารเค่ออวิ๋นไหลสามารถทำอาหารสูตรของนางได้แล้ว แต่เพื่อป้องกันไม่ให้สูตรลับรั่วไหล แต่ละคนจะมีความเชี่ยวชาญคนละหนึ่งขั้นตอนเท่านั้น ต่อให้หลังจากนี้คน ๆ นั้นจะออกไปทำเอง ก็จะไม่สามารถทำรสชาติดั้งเดิมออกมาได้อย่างแน่นอน
ดังนั้นจี้จือฮวนจึงวางแผนที่จะพักผ่อนอยู่บ้าน เพื่อรักษาสมดุลระหว่างการทำงานและการพักผ่อน เพราะนี่คือหนทางในการรักษาสุขภาพให้แข็งแรง
“เหตุใดเจ้าถึงตื่นเช้าเช่นนี้เล่า” จี้จือฮวนเอ่ยพลางหาวขึ้นมา
อาชิงกะพริบตาปริบ ๆ แล้วเอ่ยขึ้นมา “ไม่เช้าแล้วขอรับ พี่หญิงกับพี่ใหญ่ตื่นตั้งแต่เช้าไปตักน้ำบนภูเขากันแล้ว และสั่งข้าว่าไม่ให้รบกวนท่าน ให้ท่านนอนพักผ่อนให้มาก ๆ หน่อย”
จี้จือฮวนนิ่งไปเล็กน้อย ทั้งสองชาตินางไม่เคยได้รับความเป็นห่วงเช่นนี้มาก่อน จู่ ๆ เมื่อได้รับความเป็นห่วงเป็นใยจากเด็กพวกนี้ ในใจก็เกิดความรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา
“อืม ข้าตื่นแล้ว”
อาชิงรีบวิ่งดุกดิกไปที่ห้องครัวเพื่อตักน้ำอุ่นมาให้นางล้างหน้า
แต่เมื่อจี้จือฮวนลุกขึ้นมาก็พบว่าเผยยวนยังคงจับมือนางเอาไว้อยู่ คราวนี้นางจึงออกแรงดึง จนในที่สุดเขาก็ปล่อยมือ
จี้จือฮวนจ้องเผยยวนพักใหญ่ เมื่อแน่ใจว่าคนผู้นี้ไม่ได้แกล้ง จึงเอ่ยด้วยความสงสัยขึ้นมา “หรือว่าดื่มยาหลิงเฉวียนมากไปจึงเกิดผลตรงกันข้ามอย่างนั้นหรือ?”
แต่อย่างน้อยสถานการณ์ก็กำลังดีขึ้นไม่ใช่หรือ?
จี้จือฮวนล้างหน้าล้างตาเสร็จ ก็กำลังคิดอยู่ว่าวันนี้จะทำอะไรบ้างดี ตอนนี้อาอินทำเกลือได้อย่างชำนาญแล้ว และยังมีเผยจี้ฉือคอยช่วย เช่นนั้นนางทำเครื่องพะโล้ที่เหลือไปด้วยดีกว่า ต่อไปสักสองสามวันค่อยไปเก็บเงินที่ตำบลทีก็พอแล้ว
“พี่สะใภ้เผย!”
จี้จือฮวนหันไปมอง พบว่าเจิ้งต้าเฉียงพาคนกลุ่มหนึ่งมา และคนเหล่านี้ยังเอาสิ่งของพะรุงพะรังมาด้วย
“นี่คือเหล่าเติ้ง เรือนใหญ่ ๆ ในหมู่บ้านใกล้ ๆ นี้เขาก็เป็นคนเป็นสร้างทั้งหมด จึงวางใจในฝีมือได้” เจิ้งต้าเฉียงแนะนำให้จี้จือฮวนได้รู้จักผ่านประตูรั้ว
จี้จือฮวนสะบัดน้ำบนมือออก ก่อนจะเดินมาเปิดประตูรั้วให้พวกเขา เมื่อเห็นท่าทางที่ดูซื่อสัตย์ของเหล่าเติ้ง นางก็พยักหน้าและเอ่ยขึ้นมา “ข้าจะเอาแบบร่างมาให้พวกท่าน พวกท่านลองดูก่อนว่าจะก่อสร้างได้หรือไม่ ส่วนเงินไม่ใช่ปัญหา”
เหล่าเติ้งไม่เคยเห็นภรรยาชาวนาที่ตรงไปตรงมาเช่นนางมาก่อน ที่สำคัญก็คือสตรีผู้นี้มีหน้าตาอัปลักษณ์และน่ากลัวเพียงนั้น แต่เมื่อเจอหน้าผู้คนกลับไม่ได้หลบเลี่ยง และไม่ได้มีความกระดากอายแต่อย่างใด ตรงกันข้ามนางกลับสง่างามและผ่าเผยเป็นอย่างยิ่ง สง่างามกว่าพวกฮูหยินในเมืองเสียด้วยซ้ำ
“เมื่อครู่นางบอกว่าอะไรนะ แบบร่างอย่างนั้นหรือ?” เหล่าเติ้งเข้ามาภายในลานบ้าน คนงานด้านหลังก็เริ่มวัดขนาดกันแล้ว ดูก็รู้ว่าลูกค้าต้องการทุบทิ้งแล้วสร้างใหม่ หรือไม่ก็อาจซ่อมแซมปรับปรุงตามโครงสร้างเดิม
เจิ้งต้าเฉียงวางเครื่องมือของตนเองลง ก่อนจะพยักหน้ารับแล้วเอ่ยขึ้นมา “ใช่ พี่สะใภ้เผยเก่งมากทีเดียว นางร่างแบบเป็น จึงมีความคิดอยู่ในใจแล้ว”
ตอนนี้เจิ้งต้าเฉียงไม่ได้รังเกียจจี้จือฮวนอีกแล้ว เพราะเด็กทั้งสามคนและหลังบ้านนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ราวกับพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อก่อนพี่สะใภ้เผยอาจจะยังคิดไม่ได้ แต่ตอนนี้เมื่อนางคิดได้ก็ดีแล้ว
แต่เหล่าเติ้งกลับไม่คิดเช่นนั้น อย่างไรซะก็เป็นสตรีจะวาดรูปอะไรได้?
ไม่นานจี้จือฮวนก็ออกมา พร้อมกับนำแบบร่างหลายแผ่นออกมาด้วย ก่อนจะเอ่ยขึ้น “พื้นที่บ้านของเราความจริงแล้วไม่ได้เล็กอย่างที่เห็น ที่นี่ทั้งหมดล้วนเป็นของพวกเรา ดังนั้นท่านช่วยทำโครงสร้างบ้านแบบนี้ให้ข้าที”
หลังจากจี้จือฮวนนำภาพวาดแสดงระดับความสูงของบ้าน แต่ละส่วนของบ้าน รวมถึงแผนผังชั้น ที่เป็นไปตามลำดับของการก่อสร้างให้เหล่าเติ้งดูแล้ว นางยังให้เขาช่วยดูระบบท่อระบายน้ำต่าง ๆ ด้วย “ตรงนี้ต้องเก็บน้ำเอาไว้ใช้รดพืชผัก แค่ทำท่อน้ำทิ้งจากห้องน้ำและห้องครัวออกมา ทางที่ดีให้ใช้อิฐปูทางด้านล่าง และอย่าปิดสนิท”
เหล่าเติ้งตาโตขึ้นมาทันที เขาอยู่มาจนอายุปูนนี้ ยังไม่เคยเห็นภาพโครงร่างที่สวยงามเช่นนี้มาก่อน
เส้นตรงนั้นเรียบเหมือนวัดด้วยไม้บรรทัดอย่างไรอย่างนั้น คนบ้านนอกสร้างบ้านใครบ้างที่จะพิถีพิถันขนาดนี้
“ทำได้หรือไม่?” จี้จือฮวนถามด้วยความสงสัย
เหล่าเติ้งตบหน้าอกตัวเอง “ไม่มีปัญหา เพียงแต่นี่อาจจะต้องใช้เงินไม่น้อย”
ไม่ใช่ว่าเขาดูถูกหญิงชาวนาตัวเล็ก ๆ ผู้นี้ แต่ดูจากสภาพที่ทรุดโทรมของบ้านหลังนี้สิ ไม่เห็นมีความจำเป็นจะต้องเอาเงินทั้งหมดที่มีมาสร้างบ้านใหม่ให้ลำบากเลย
“ท่านบอกตัวเลขมาได้เลย” จี้จือฮวนพูดออกมาอย่างสบาย ๆ
เหล่าเติ้งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เลียริมฝีปากของเขาเล็กน้อย “ตามข้อกำหนดของแบบร่างของเจ้า พื้นต้องปูด้วยอิฐ ด้านบนปูด้วยกระเบื้อง อย่างน้อยก็คงไม่ต่ำกว่าแปดสิบตำลึง”
“ไม่มีปัญหา ตกลงตามนี้ ข้าจะให้ท่านก่อนสี่สิบตำลึงเป็นเงินมัดจำ ขอแค่อย่างเดียว ต้องทำให้ดี ทำให้ประณีต ตอนรับงานหากข้าไม่พอใจ ต้องทำใหม่ให้ข้าโดยไม่คิดเงิน หากท่านตกลง พวกเราก็ทำสัญญาประทับลายนิ้วมือกันได้เลย” จี้จือฮวนไม่แม้แต่จะต่อรองราคากับเขาแต่อย่างใด ก็ตอบตกลงทันที
ครอบครัวที่ใจใหญ่เช่นนี้ แม้แต่ในอำเภอก็ยังหาได้ยาก เหล่าเติ้งจึงได้แต่ตกตะลึง
ยังคิดว่าจี้จือฮวนล้อเขาเล่นเสียอีก ทว่าสุดท้ายนางก็เอาเงินมาวางบนมือของเขา เหล่าเติ้งจึงได้สติคืนมา นี่คือเรื่องจริง
ในเมื่อนางตรงไปตรงมาเช่นนี้ เหล่าเติ้งเองก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงอีก “ตกลง ข้ารับรองว่าจะทำให้บ้านของเจ้าดูสว่างไสวและปลอดโปร่ง เช่นนั้นเดี๋ยวข้าจะให้คนไปสั่งอิฐให้เดี๋ยวนี้เลย”
นั่นไม่ใช่ของที่จะสั่งทำได้ง่าย ๆ แต่เพราะเหล่าเติ้งเป็นช่างฝีมืออันดับต้น ๆ ของอำเภอ จึงได้สิทธิ์พิเศษกว่าคนอื่น
จี้จือฮวนจึงพยักหน้าให้ และเห็นคนงานที่เหล่าเติ้งพามาเริ่มทำงานกันแล้ว ตามธรรมเนียมของชนบท ปกติแล้วคนในหมู่บ้านก็จะมาช่วยกันสร้าง แต่หากจ้างคนนอกมาทำก็ต้องดูแลเรื่องอาหารการกินด้วย ทว่าตอนนี้จี้จือฮวนยุ่งมากจึงไม่มีเวลามากพอ ดังนั้นนางจึงได้จ้างท่านป้าหยางให้มาช่วย
เจิ้งต้าเฉียงหลังจากพาคนมาส่งเสร็จแล้ว ก็ได้กลับไปทำเครื่องเรือนตามแบบร่างต่อ แต่ระหว่างทางเจอคนในหมู่บ้านเดียวกัน ทุกคนต่างก็สงสัยว่าบ้านบนเนินเขานั่นเหตุใดถึงมีคนมาหาอีกแล้ว
ช่วงนี้ครอบครัวเผยที่น่าเวทนาได้กลายเป็นที่จับตามองมากที่สุดในหมู่บ้านเฉิน หากมีรถม้าคันใหญ่มา ก็มักจะมีคนเอาไก่เอาเป็ดมาส่ง ไม่รู้ว่าพวกเขาไปเอาเงินมากมายมาจากไหนกัน
เจิ้งต้าเฉียงเอ่ยขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ “ก็สร้างบ้านใหม่น่ะสิ จ้างเหล่าเติ้งเชียวนะ วางมัดจำทีเดียวตั้งสี่สิบตำลึง!”
สี่สิบตำลึง!!!
คนที่ถามได้แต่ตกตะลึง ส่วนคนที่ได้ยินประโยคนี้ต่างก็ไม่เชื่อ จึงรีบไปดูที่บ้านครอบครัวเผยทันที
สุดท้ายเมื่อไปดูแล้ว ก็เห็นเหล่าเติ้งนั่งทำงานอยู่ที่บ้านของครอบครัวเผยจริง ๆ
หลังจากนั้นไม่นานข่าวก็แพร่สะพัดไปทั่วหมู่บ้าน
“ครอบครัวเผยรวยแล้วนะ มีเงินเยอะถึงขนาดสร้างบ้านใหม่ได้ และยังได้ยินมาอีกว่าจะสร้างบ้านหลังใหญ่ด้วยล่ะ”
“จ้างเหล่าเติ้งด้วย จี้จือฮวนนี่เก่งจริง ๆ”
“นางไปที่ตำบลหาเงินได้มากขนาดนั้นเชียวหรือ เหตุใดไม่สอนพวกเราบ้าง?”
“เจ้าเลอะเลือนไปแล้วหรืออย่างไร นางไม่ใช่คนในหมู่บ้านเราเสียหน่อย”
ในหมู่บ้านตระกูลเฉินมีคนต่างถิ่นอาศัยอยู่มาก ตระกูลเฉินนั้นโอ้อวดว่าตัวเองสูงส่ง โดยเฉพาะหัวหน้าหมู่บ้านอย่างเฉินไคชุน เพราะคิดว่าครอบครัวของตัวเองมีถงเซิงอยู่ด้วย คนทั้งหมู่บ้านจึงได้ฝากความหวังไว้ที่เย่าจง เมื่อก่อนแค่ออกจากบ้านก็มักจะมีคนชื่นชมต่าง ๆ นา ๆ ทว่าตอนนี้เป็นอย่างไรเล่า แต่ละคนกลับเอาแต่จับจ้องดูความเคลื่อนไหวของบ้านบนเนินเขาหลังนั้นแทน
มันช่างน่ารำคาญจริง ๆ เฉินไคชุนจึงไม่เดินเล่นต่ออีก ก่อนจะตรงกลับบ้านทันที
เฉินเย่าจงกำลังอ่านหนังสืออยู่ที่บ้าน เมื่อเห็นเฉินไคชุนกลับมาแล้ว ก็เอ่ยถามออกมา “ท่านปู่ มีอะไรหรือขอรับ?”
“ไม่มีอะไร ก็แค่ครอบครัวเผยเล่นลูกไม้ทำเป็นบอกว่าจะสร้างบ้านใหม่ ข้าจะดูสิว่าพวกเขาจะสร้างอะไรได้ เจ้าตั้งใจอ่านหนังสือไปเถอะ เพราะหมู่บ้านตระกูลเฉินของเราต้องพึ่งเจ้าแล้ว อย่างไปสนใจเรื่องเหลวไหลพวกนั้นเลย”
เฉินเย่าจงพยักหน้ารับคำ
ถูกต้อง ต่อให้ครอบครัวเผยจะรวยขึ้น จะมีเงินอย่างไรต่อไปก็ต้องพึ่งเขาอยู่ดี รอเขาสอบเป็นจอหงวนได้ คนในครอบครัวเผยก็ยังต้องก้มหัวเรียกเขาว่านายท่านอยู่ดี หึ!