จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 771-775

ตอนที่ 771-775

บทที่ 771 : หลงเอ๋ออยู่ที่ใด (5)
  ”ไม่จำเป็นเฉินเอ๋อเป็นเด็กรู้จักคิด เขาพิจารณาเองได้”
  เหวินหยุนเฟิงเชิดริมฝีปากขึ้นพลางกล่าวว่า”นอกจากนี้ ทั้งคู่ต่างก็กลัวตี้คัง คงไม่กล้ารบกวนช่วงเวลาดี ๆ ของตี้คังและไป๋หยานหรอก”
  ”ขอรับ”ผู้คุ้มกันตอบด้วยความเคารพ
  *****
  ช่วงเวลาเดียวกันนั้นเองตี้เสี่ยวอวิ๋นและไป๋เสี่ยวเฉินก็ก้าวเข้าไปในลานบ้าน ทั้งคู่มองเห็นร่างที่คุกเข่าอยู่นอกห้องได้อย่างรวดเร็ว พลันก็ต้องขยี้ตาตนเองอย่างไม่อยากเชื่อ
  ”นั่นคือพี่ชายของข้าใช่หรือไม่?”
  ไป๋เสี่ยวเฉินพยักหน้าอย่างงงๆ “เหมือนจะใช่ป๊ะป๋าวายร้ายจริง ๆ ด้วย”
  ”เฉินเอ๋อ”ตี้เสี่ยวอวิ๋นกล่าวพร้อมประกายตาเจ้าเล่ห์ในดวงตากลมโตอันงดงามของนาง นางก้มหัวลง พลางเอ่ยปากขอร้องไป๋เสี่ยวเฉินเบา ๆ
  ”เอ่อ… ” ใบหน้าของไป๋เสี่ยวเฉินยุ่งยู่ยี่ “ไม่ดีนา”
  ท่านอาหญิงที่สวยแต่โง่ของข้าก็มีแผนการดีๆ กับเขาด้วยหรือ ? แต่หากทำเช่นที่นางว่า ป๊ะป๋าวายร้ายจะไม่เชือดนางรึไง
  “จะเป็นไรไปเล่า”ตี้เสี่ยวอวิ๋นกล่าวเบา ๆ “เฉินเอ๋อ เจ้าลองคิดดูสิว่า หากบิดาของเจ้าไม่ไปทำให้สาว ๆ ติดอกติดใจมากมาย กระทั่งพวกนางต้องหาวิธีการมากมายมากำจัดมารดาของเจ้า ครานั้นมารดาของเจ้าก็คงจะไม่โกรธ และหนีออกมาหรอก เวลานั้นมารดาของเจ้าต้องเจ็บปวดอย่างมาก ทว่าตอนนี้นางกลับให้อภัยบิดาของเจ้าได้อย่างง่ายดาย เช่นนั้นก็สมควรเป็นเราที่จะช่วยแก้แค้นแทนมารดาของเจ้า”
  ไป๋เสี่ยวเฉินหันหน้าไปมองใบหน้าที่ยิ้มแย้มของตี้เสี่ยวอวิ๋นเขากระพริบตาเล็กน้อย “ท่านอาหญิง ที่หม่ามี้จากมาในวันนั้น ดูเหมือนว่าอาหญิงก็มีส่วนด้วยนะ … ”
  ใบหน้าของตี้เสี่ยวอวิ๋นแข็งเกร็ง”ก็ข้าไม่รู้เรื่องด้วยนี่ ? นอกจากนี้ บิดาของเฉินเอ๋อ ก็ร้ายกาจจะตาย เราเพียงสอนบทเรียนให้เขานิดหน่อยเท่านั้น”
  ครั้นได้ยินสิ่งนี้ไป๋เสี่ยวเฉินก็เงียบ ภาพใบหน้าซีดขาวในวันนั้นปรากฏขึ้นในใจเขา ทำให้เขาพยักหน้ารับอย่างไม่ตั้งใจ
  ”เอาล่ะเช่นนั้นท่านอาหญิงก็รอข้าที่นี่ ข้าจะไปจัดการเอง”
  มุมปากของตี้เสี่ยวอวิ๋นโค้งเป็นรอยยิ้มเมื่อนางเห็นร่างของไป๋เสี่ยวเฉินผละจากไป นัยน์ตากลมโตสวยงามก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
  ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเสด็จพี่ทำให้นางหวาดกลัวมากครั้งกว่าจำนวนเส้นผมบนหัวของนางเสียอีก เป็นการยากที่จะหาโอกาสเอาคืนดี ๆ เช่นนี้ได้ แบบนี้จะไม่ให้นางแก้แค้นได้อย่างไร ?
  ดังนั้นนัยน์ตากลมโตของนางจึงหรี่ลงเล็กน้อยขณะมองไปที่ร่างของชายที่อยู่เบื้องหน้าของนางตาไม่กระพริบ
  *****
  ในยามนี้ความคิดของตี้คังเต็มไปด้วยวิธีที่จะทำให้ไป๋หยานอภัยให้เขาเช่นนั้นเขาจึงไม่สนใจตี้เสี่ยวอวิ๋นซึ่งอยู่ไม่ห่างไปนัก เสียงคำรามของมังกรดังลั่นไปทั่วลาน ตี้คังกลับมารู้สึกตัว ในช่วงเวลาต่อมาใบหน้าของเขาก็มืดหม่นไม่ต่างกับพายุ
  บนท้องฟ้าบนผืนแผ่นดิน สัตว์อสูรจำนวนนับไม่ถ้วนต่างก็วิ่งกรูกันเข้ามา เหยียบย่ำจนทำให้เกิดหมอกควัน และฝุ่นละอองไปทั่ว
  คนอื่นๆ ในตำหนักเซียนพยับหมอกต่างก็ตกใจกับสัตว์อสูรเหล่านั้น พวกเขารีบเข้ามาที่นั่นอย่างรวดเร็ว
  ทว่า…
  เมื่อพวกสัตว์เหล่านั้นเห็นบุรุษที่อยู่ตรงประตูพวกมันทั้งหมดก็หยุดชะงักลงทันที พวกมันจ้องมองอย่างตกใจราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้เห็น
  โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์อสูรในแดนอสูรต่างก็หวาดกลัว กระทั่งไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้ เพราะกลัวว่าพวกมันจะทำให้บุรุษผู้นั้นเดือดดาล ชั่วครู่หนึ่งทั่วทั้งลานก็เงียบ บรรยากาศแปลก ๆ ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ ในสายตาของสัตว์ทุกตัวในแดนอสูร ศิลปะการต่อสู้อันชาญฉลาด และศักดิ์สิทธิ์ของตี้คังนั้นไม่อาจลืมได้ ทว่ายามนี้ราชาของพวกเขากลับถูกราชินีทำให้ต้องเฝ้าอยู่ข้างนอกประตู ทั้งยังคุกเข่าสำนึกผิดบนกระดานซักผ้าอีกด้วย ?
  นัยน์ตาของตี้คังหรี่ลงเล็กน้อยเขากวาดตามองผู้คน และสัตว์ทุกตัวในลานบ้านอย่างเย็นชา ก่อนจะลุกจากกระดานซักผ้าขึ้นมายืนอย่างช้า ๆ ราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น เขาเอ่ยถามด้วยเสียงต่ำ ๆ ว่า “ผู้ใดใช้ให้พวกเจ้ามา ?”
  ***จบบทหลงเอ๋ออยู่ที่ใด (5)***

บทที่ 772 : หลงเอ๋ออยู่ที่ใด (6)
  พวกสัตว์ตัวสั่นและไม่กล้าส่งเสียงใดๆ ออกมา พวกเขาก้มหัวลงต่ำ เพราะกลัวว่าจะดึงดูดความสนใจของตี้คัง
  ”ตี้เสี่ยวอวิ๋น!” ทันทีที่สายตาของตี้คังกราดมา เขาก็กวาดไปมองใบหน้าที่สวยงามของตี้เสี่ยวอวิ๋นด้วยความโกรธจัด “เจ้ามีคำอธิบายให้ข้าหรือไม่ ?”
  ตี้เสี่ยวอวิ๋นตัวสั่นนางก้าวถอยหลัง “นี่ไม่ใช่การกระทำของข้า เป็นเพราะลูกชายสุดที่รักของท่านพี่เองต่างหาก เขาเป็นผู้ที่เรียกสัตว์อสูรเหล่านี้มารวมตัวกันดูการแสดงดี ๆ ”
  ไป๋เสี่ยวเฉินตกตะลึง
  เขาตกหลุมพรางแล้ว! นี่นางเป็นอาหญิงที่สวยแต่โง่คนนั้นจริง ๆ น่ะหรือ ?
  ”เฉินเอ๋อ!” นัยน์ตาของตี้คังหรี่ลงเล็กน้อย เขากัดฟัน ทว่าจู่ ๆ ประตูพลันถูกเตะเปิดออก ตี้คังรีบคุกเข่าลงบนกระดานซักผ้าทันที รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏบนใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา นัยน์ตาเรียวคมจ้องมองสตรีในอาภรณ์สีแดงที่เดินออกมาจากห้อง
  ”หยานเอ๋อที่สุดเจ้าก็ออกมาพบข้าแล้วกระนั้นหรือ ?”
  ”พวกเจ้ามาทำอะไรกันที่นี่?” ไป๋หยานกวาดตามองกลุ่มผู้ที่มามุงดูการแสดงดี ๆ พลางตวาด
  ”พวกเจ้าออกไปให้พ้นหน้าข้าเดี๋ยวนี้!”
  ทันทีที่ผู้คนและสัตว์อสูรเหล่านั้นได้ยินถ้อยคำของไป๋หยานก็ราวกับได้รับการอภัยโทษ พวกเขาต่างก็วิ่งหนีออกไปอย่างรีบเร่ง
  ครั้นเห็นสถานการณ์เช่นนั้นตี้เสี่ยวอวิ๋นและไป๋เสี่ยวเฉินก็วางแผนที่จะหลบฉากจากไปอย่างเงียบ ๆ ทว่าเสียงก็ดังมาจากด้านหลัง “เจ้าทั้งสองอยู่กับข้า”
  ”พี่สะใภ้…”
  ตี้เสี่ยวอวิ๋นมีสีหน้าแข็งทื่อนางกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “ข้าไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะ”
  ”หม่ามี้ท่านอาหญิงหลอกใช้ข้า” ไป๋เสี่ยวเฉินกระพริบนัยน์ตากลมโตของเขาเล็กน้อย พลางมองไปที่ไป๋หยานอย่างน่าสงสาร
  ไป๋หยานสูดลมหายใจเข้าลึกพลางกล่าวว่า”ข้าจะไม่ปกป้องเจ้าอีกต่อไปแล้ว”
  ”อืมหม่ามี้”
  ”พี่สะใภ้ข้าสัญญาว่า ข้าจะไม่เรียกคนมาดูการแสดงดี ๆ แบบนี้อีกแล้ว”
  พวกเขาทั้งโล่งใจและจากไปอย่างรวดเร็วพร้อมๆ กัน บางทีพวกเขาอาจกลัวว่า ไป๋หยานจะเสียใจที่ปล่อยพวกเขาไปง่าย ๆ ก็เป็นได้
  ไป๋หยานเหลือบมองตี้คังอย่างเย็นชาพลางเลิกคิ้วขึ้น กล่าวว่า “ข้าบอกให้ท่านคุกเข่าตั้งแต่เมื่อไรกัน ? ข้าเพียงให้ท่านออกมาข้างนอกแค่นั้นไม่ใช่รึ ? … ”
  ”เจ้าจะยกโทษให้ข้าได้หรือไม่?” นัยน์ตาของตี้คังนั้นมีเสน่ห์และอบอุ่นราวกับดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงปกคลุมนาง
  หากเจ้าไม่ให้อภัยข้าข้าก็จะไม่ลุก
  ไป๋หยานตัวแข็งชายผู้นี้เจ้าเล่ห์มากขึ้นเรื่อย ๆ
  ”ข้ายกโทษให้ท่านหากแต่ต่อไป ท่านไม่ได้รับอนุญาตให้รบกวนข้าในเวลาเช่นนั้นอีก หาไม่ … ” นางหรี่ตาลงพลันประกายแสงข่มขู่ก็พุ่งเข้ามาในแววตา
  ตี้คังลุกขึ้นยืนเขายกมือขึ้นโอบเอวไป๋หยาน รอยยิ้มของเขาเจ้าเล่ห์ขณะกล่าวว่า “ไม่เช่นนั้น…อะไร ? หากแต่หยานเอ๋อ เรายังไม่เสร็จสิ้นกระบวนการสร้างมนุษย์เลยนะ”
  ไป๋หยานจ้องมองตี้คังเมื่อชายผู้นี้ได้รับการให้อภัยแล้ว เขาก็แสดงธาตุแท้ของตนออกมาทันที
  ”ท่านแน่ใจหรือว่าที่ข้าเตะท่านเมื่อครู่ ท่านจะสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ?”
  ”หยานเอ๋อเจ้าดูถูกข้าเกินไปแล้ว ในฐานะสามีแม้ว่าเจ้าจะเตะข้าอีกสิบครั้ง ข้าก็ยังสามารถเดินหน้าต่อได้”
  ”เช่นนั้นรึ?” ไป๋หยานยิ้มทว่ารอยยิ้มนั้นเย็นชา “เมื่อท่านพูดเช่นนั้น เหตุใดเราถึงไม่ลองดูล่ะ”
  ครั้นเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของหญิงผู้นี้ตี้คังก็รู้สึกถึงกระแสลมเย็นยะเยือกพัดผ่านมา นี่คงสมควรกับคำพูดผิด ๆ ของเขาแล้วสิ
  ”แค่ก”
  ทันใดนั้นก็มีเสียงไอเล็กน้อยดังมาจากด้านหนึ่งไป๋หยานหันไปมอง จากนั้นนางก็เห็นเหวินหยุนเฟิงยืนอยู่ที่ประตู เขายิ้มพลางจ้องมองนาง
  ”ท่านพ่อเหตุใดท่านถึงมาที่นี่ได้ ?”
  “โอ้ข้าเพิ่งได้ยินว่ามีการแสดงดี ๆ ที่นี่ เช่นนั้นข้าจึงมาที่นี่ ทว่าดูเหมือนข้าจะมาสายไปหน่อย”
  ไป๋หยานหันไปมองคนข้างกายซึ่งแน่นอนว่า ในยามนี้ ใบหน้าของตี้คังเปลี่ยนเป็นสีดำเหมือนเถ้าถ่าน
  ***จบบทหลงเอ๋ออยู่ที่ใด (6)***

บทที่ 773 : หลงเอ๋ออยู่ที่ใด (7)
  ที่สุดนางก็รู้แล้วว่าไป๋เสี่ยวเฉินเรียกสัตว์อสูรและผู้คนมาที่นี่เพื่อการใด ?
  พวกเจ้าคิดจะทำให้ตี้คังเป็นตัวตลกเลยเรียกพวกเขาให้มาดูการแสดงดี ๆ ใช่หรือไม่ ?
  “ท่านพ่ออย่าไปฟังเรื่องไร้สาระของคนพวกนั้นเลยมีการแสดงดี ๆ ที่ไหนกัน ?” ไป๋หยานหยิกมือของตี้คังพลางเตือนเขาด้วยสายตา
  หลังจากทำเช่นนั้นแล้วนางก็ต้องการที่จะเอามือของนางออกจากฝ่ามือของเขา ทว่าเขากลับจับไว้แน่น ทั้งไม่ยอมปล่อยมือของนาง
  เหวินหยุนเฟิงทำราวกับว่าเขาไม่เห็นการกระทำของคนทั้งสอง พลางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “แท้จริงแล้วยังมีอีกเรื่องที่ข้ามาหาเจ้า … ”
  ”มีเรื่องใดหรือ?” ไป๋หยานเอ่ยถาม
  ”เด็กหญิงน้อยที่เจ้าขอให้ข้าตามหานั้นข้าได้เบาะแสมาเล็กน้อย เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมามีคนเห็นมังกรในเขาเม่ยซาน มังกรตัวนั้นสามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ ทั้งร่างมนุษย์ของนางคล้ายกับเด็กหญิงตัวน้อยที่เจ้าอธิบายมา ข้าสงสัยว่านางอาจจะเป็นผู้ที่เจ้ากำลังตามหา… ”
  แววตาของไป๋หยานพลันสดใส”เขาเม่ยซาน อยู่ที่ใด”
  ”ไม่ไกลจากที่นี่นักข้าสามารถส่งคนนำทางเจ้าไปได้”
  “ไม่จำเป็นหรอกท่านพ่อเพียงบอกข้าว่าจะไปได้อย่างไร ? ข้าจะไปกับเฉินเอ๋อ ฝากตี้เสี่ยวอวิ๋นให้ท่านพ่อช่วยดูแลนางสักสองสามวันก็แล้วกัน”
  เหวินหยุนเฟิงวาดมุมปากของเขาโค้งลงครั้นเขานึกถึงนิสัยใจคอที่น่าหวาดกลัว ทั้งน่าสยดสยองของตี้เสี่ยวอวิ๋นแล้ว เขาก็รีบเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าช่วยพาแม่นางตี้ไปกับเจ้าด้วยจะได้หรือไม่ ? ส่วนเฉินเอ๋อทิ้งไว้ที่นี่ … ”
  หากเจ้าปล่อยตี้เสี่ยวอวิ๋นไว้ข้าเกรงว่าภายในสองสามวันนี้ ตำหนักเซียนพยับหมอกคงได้ถูกนางทำลายลงเป็นแน่
  ”ไม่ดีกว่าเราจะรีบกลับมาโดยเร็ว หากเราพาเสี่ยวอวิ๋นไปพร้อมเราด้วย ข้าเกรงว่า เราจะไม่สามารถกลับมาได้ภายในสองสามวันนี้”
  แน่นอนว่าไป๋หยานไม่ได้รับรู้ถึงความรันทดในหัวใจของเหวินหยุนเฟิงเช่นนั้นนางจึงไม่เห็นด้วยกับคำขอของเขา
  ครั้นเหวินหยุนเฟิงใคร่ครวญแล้วเขาก็ไม่คัดค้านอีกต่อไป “เอาละ แต่เจ้าควรกลับมาโดยเร็วที่สุด เจ้าต้องกลับมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้นะ !” ประโยคนี้เขาพูดซ้ำถึงสองครั้ง ทั้งยังย้ำคำว่าเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ นั่นทำให้ไป๋หยานสงสัยเล็กน้อย ทว่าเสียดายที่นางไม่ได้คิดอะไรมาก นางหันไปมองตี้คังพลางกล่าวว่า “เราจะออกเดินทางในคืนนี้ และออกหาหลงเอ๋อให้พบโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ข้าจะได้สบายใจเสียที”
  ”ตกลง”
  สำหรับคำขอของไป๋หยานนั้นตี้คังย่อมจะไม่ปฏิเสธ แม้จะไม่พอใจนัก เขารู้ว่ามังกรตัวนั้นมีความหมายมากสำหรับไป๋หยาน
  ”ท่านพ่อฝากดูแลชิงอี้แทนข้าด้วย นอกจากนี้รบกวนท่านหาสมุนไพรในการปรุงยาให้ข้าโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ข้าต้องใช้รักษาชิงอี้” ไป๋หยานคิด ก่อนจะหันไปทางเหวินหยุนเฟิง พลางเอ่ยขอ
  บาดแผลของชิงอี้ไม่สามารถจะล่าช้าไปมากกว่านี้ได้แล้วเมื่อนางกลับมาพร้อมหลงเอ๋อ นางจะต้องปรุงยารักษาชิงอี้ทันที
  ”ไม่ต้องกังวลสมุนไพรที่เจ้าต้องการขาดอีกเพียงตัวเดียวเท่านั้น พ่อส่งคนออกค้นหาแล้ว พ่อแน่ใจว่าคงจะมีข่าวดีในเร็ว ๆ นี้” เหวินหยุนเฟิงยิ้ม
  เป็นเรื่องยากที่บุตรสาวจะขอร้องอะไรเขาเขาจะไม่พยายามเต็มที่ได้อย่างไร ?
  ไป๋หยานไม่กล่าวคำใดอีกนางหายใจเข้าช้า ๆ “เช่นนั้นก็ไปกันเถิด … ”
  *****
  เขาเม่ยซานนั้นอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองหากคนที่อยู่ระดับซุ่นเจี่ยจะสามารถไปถึงได้ภายในวันเดียว
  ในยามนี้เขาเม่ยซานเต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมากผู้คุ้มกันของสำนักแห่งหนึ่งกำลังขับไล่คนอื่น ๆ บนเขาเม่ยซาน
  ”เขาเม่ยซานนี้เป็นเขตปกครองของสำนักมังกรฟ้าของเราคนอื่นออกไปซะ หาไม่อย่าโทษว่าพวกข้าไม่เกรงใจ !”
  ”คนของสำนักมังกรฟ้าช่างโอหังนัก! ผู้ใดบ้างไม่รู้ว่ามีคนเผ่ามังกรในเขาเม่ยซาน ? เรามาที่นี่เพื่อรับมังกร ที่เจ้าขับไล่เราออกไปเช่นนี้ เจ้าต้องการที่จะครองเด็กหญิงมังกรนั่นใช่หรือไม่ ?” ครั้นเห็นพฤติกรรมกดขี่ข่มเหงของคนสำนักมังกรฟ้า ชายผู้นั้นก็พูดออกมาด้วยความโกรธ
  ในตำหนักเซียนพยับหมอกแม้จะมีคนเคยบอกว่ามีเผ่ามังกรอาศัยอยู่ แต่ก็ไม่มีผู้ใดรู้ว่าคนของเผ่ามังกรนั้นอยู่ที่ใด และเมื่อเวลาผ่านไป ผู้คนก็ไม่เชื่อว่ามีคนของเผ่ามังกรอยู่จริง
  ***จบบทหลงเอ๋ออยู่ที่ใด (7)***

บทที่ 774 : หลงเอ๋ออยู่ที่ใด (8)
  แต่ไม่กี่วันที่ผ่านมามีคนเห็นมังกรในเขาเม่ยซานดูเหมือนว่ามังกรตัวนั้นจะบาดเจ็บ ทั้งกำลังค่อย ๆ ฟื้นตัว เพื่อเงินแล้ว คนที่พบเห็นจึงขายข่าวการมีตัวตนของมังกรให้กับสำนักต่าง ๆ ในตำหนักเซียนพยับหมอก เช่นนั้นจึงมีสำนักต่าง ๆ จำนวนนับไม่ถ้วนมายังเขาเม่ยซาน
  ”ฮ่าฮ่า ฮ่า !” คนของสำนักมังกรฟ้าหัวเราะออกมา พลางมองชายที่อยู่เบื้องหน้าอย่างเย้ยหยัน “เจ้าก็แค่คนตัวเล็ก ๆ กล้ามาปล้นคนที่สำนักมังกรฟ้าของเรากระนั้นหรือ ? เมื่อไม่นานมานี้ท่านผู้นำสำนักมังกรฟ้าของเราเพิ่งทะลวงเข้าสู่ระดับจุนเจี่ย ผู้ใดกล้ามาเทียบกับสำนักมังกรฟ้าของเรา หรือว่าเจ้ากล้า ?”
  พวกเขาทั้งหมดเงียบไปครู่หนึ่งพลันแก้มของพวกเขาก็แดงขึ้นด้วยความโกรธ ทว่าพวกเขาก็กล่าวคำใดไม่ออก
  ”ขอบอกตามตรงเจ้าสำนักมังกรฟ้าของเราได้ไปที่เขาเม่ยซานแล้ว เขาจะไปปราบมังกรตัวนั้นก่อน แต่หากเจ้ายังขืนที่จะบุกเข้ามาก็อย่าได้นึกเสียใจภายหลังล่ะ ออกไปเสีย”
  ”เช่นนั้นเจ้าก็ไม่ควรผูกขาดเด็กหญิงมังกรนั่นไว้!” คนที่พูดก่อนหน้านี้ยังไม่เต็มใจนัก หากเขาสามารถได้มังกรตัวนั้นมา แน่นอนว่าเขาจะทำให้สำนักของเขามีอำนาจขึ้นไปอีกระดับ
  ทว่า
  ผู้นำของสำนักมังกรฟ้านั้นทรงพลังจริงๆ กระทั่งพวกเขาไม่อาจเทียบเคียงได้
  ผู้คุ้มกันของสำนักมังกรฟ้าต้องการที่จะกล่าวเสียดสีต่อไปทว่าทันใดนั้นก็มีเสียงน่าประหลาดใจดังขึ้น “ดูเหมือนว่าตอนนี้ จะมีใครบางคนเพิ่งเข้าเขาเม่ยซานมาอีก”
  ”ว่าไงนะ?” ผู้คุ้มกันโกรธมาก เขาเอ่ยกล่าวด้วยความโกรธ “ผู้ใดกันที่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งของสำนักมังกรฟ้าของเรา”
  หากให้ท่านเจ้าสำนักรู้ว่าเขาไม่อาจห้ามคนอื่นได้เขาเกรงว่าท่านเจ้าสำนักคงจะไม่ปล่อยเขาไว้เป็นแน่ !
  เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ผู้คุ้มกันก็สบถออกมาเขามองไปเบื้องหน้า เขาเม่ยซาน ทั้งเขาพลันเงียบสงบ
  บรรยากาศยามนี้งดงามเมื่อสมาชิกทั้งสามคนในครอบครัวที่ล้วนสวยงามเหมาะเจาะราวกับจิตรกรรมฝาผนัง จู่ ๆ ก็เดินเข้ามาสู่สายตาทุกคน
  สตรีในอาภรณ์สีแดงแลดูเจิดจ้างดงามในมือของนางจับจูงเด็กชายตัวน้อยแสนน่ารัก นัยน์ตาของเด็กชายตัวน้อยนั้นไร้เดียงสา บริสุทธิ์ และนุ่มนวลราวกับซาลาเปานุ่ม ๆ
  บุรุษที่ยืนอยู่ข้างกายสตรีที่แสนสวยผู้นั้นเล่าก็แสนมีเสน่ห์รอยยิ้มและนัยน์ตาของเขาราวกับจะข่มผู้คนทั้งโลก เรือนผมสีเงินของเขากำลังพลิ้วสะบัด ภายใต้แสงอาทิตย์ทุกการเคลื่อนไหวของเขานั้นช่างทรงพลัง
  ผู้คุ้มกันตะลึงงันไปชั่วครู่หนึ่งก่อนจะกลับมารู้สึกตัว เขาเอ่ยกล่าวด้วยความโกรธ “พวกเจ้าทั้งสามหยุดก่อน !”
  สมาชิกในครอบครัวทั้งสามคนต่างก็ไม่สนใจเขายังคงเดินลึกเข้าไปในเขาเม่ยซาน
  ”เจ้ารู้หรือไม่ว่าสำนักมังกรฟ้าเป็นใคร? เจ้าต้องการปล้นคนจากสำนักมังกรฟ้ากระนั้นหรือ ? ไม่รู้หรือว่ามังกรทั้งหมดในโลกนี้ควรจะเป็นข้ารับใช้ของสำนักมังกรฟ้า”
  ผู้คุ้มกันตัวสั่นระริกเขากลัวแรงกดดันอันน่ากลัวของสองสามีภรรยาคู่นั้น ชั่วขณะเขาไม่กล้าแม้แต่จะก้าวขาออกมา เขาทำได้เพียงพยายามข่มขู่คนทั้งสองด้วยชื่อเสียงของสำนักมังกรฟ้าเท่านั้น
  คนที่เหลือต่างก็ตกใจเมื่อเห็นพฤติกรรมของสมาชิกทั้งสามในครอบครัวนี้เพราะสำหรับพวกเขานั้น แม้จะไม่ต้องการยอมรับความพ่ายแพ้ แต่เมื่ออีกฝ่ายคือสำนักมังกรฟ้า พวกเขาก็ไม่อาจต่อต้านอะไรได้
  “สามคนนี้ไม่กลัวตายหรือไร? เราก็เพียงพูดต่อล้อต่อเถียงกับพวกสำนักมังกรฟ้า หากแต่ก็ไม่กล้าก้าวเข้าสู่เขาเม่ยชานหรอก”
  ”ข้าเคยได้ยินมาว่าเหตุที่สำนักมังกรฟ้าได้ชื่อนี้ก็เพราะจ้าวมังกรฟ้าคือมังกรที่เจ้าสำนักคนแรกเคยปราบ และทำให้มังกรเทียนหลงตัวนั้นเป็นข้ารับใช้ของสำนัก เช่นนั้นสำนักมังกรฟ้าจึงโด่งดังมาจนถึงทุกวันนี้”
  เสียงของคนผู้นั้นดังเข้าไปในหูของผู้คุ้มกันสำนักมังกรฟ้าทำให้สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความพึงพอใจ
  จริงรึ?
  ข้ากลัวว่าแม้แต่คนของสำนักมังกรฟ้าเองก็ยังไม่รู้ความหมายที่แท้จริงของชื่อนี้เลย
  เมื่อหลายร้อยปีก่อนมีจ้าวมังกรฟ้าชื่อ หลงเทียนจากเผ่ามังกรอยู่จริง ทว่าหลงเทียน ไม่ใช่ข้ารับใช้ของสำนักมังกรฟ้า หากแต่เป็นเจ้านายและแท้จริงแล้ว เจ้าสำนักมังกรฟ้าต่างหากที่เป็นผู้รับใช้จ้าวมังกรฟ้าเทียนหลง !
  ***จบบทหลงเอ๋ออยู่ที่ใด (8)***

บทที่ 775 : ผู้นำเผ่ามังกรแห่งแดนอสูร (1)
  น่าเสียดายที่จ้าวมังกรฟ้า…หลงเทียนหายตัวไปจากโลกมนุษย์นี้นานแล้ว ทั้งเขาก็ไม่เคยปรากฏตัวขึ้นมาอีกเลย
  เพื่อไม่ให้คนรุ่นต่อไปรู้ว่าเขาพ่ายแพ้ต่อมังกรปรมาจารย์เจ้าสำนักมังกรฟ้าก็เปลี่ยนประวัติศาสตร์เสียใหม่ โดยเขาวางตนเองไว้ในตำแหน่งสูงสุดแทนที่จ้าวมังกร
  เช่นนั้นแม้แต่คนของสำนักมังกรฟ้าเองก็ยังไม่ทราบประวัติที่แท้จริง
  เมื่อผู้คุ้มกันของสำนักมังกรฟ้าเห็นว่าสมาชิกทั้งสามในครอบครัวนี้ไม่สนใจเขาเขาก็โกรธ เขายกเท้าขึ้นเตะกิ่งไม้กิ่งหนึ่งบนพื้นดินขึ้นไปในอากาศ เพื่อโจมตีคนทั้งสามที่อยู่เบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว
  อย่างไรก็ตามในขณะที่กิ่งไม้ใกล้จะถึงตัวคนทั้งสามนั้น กิ่งไม้พลันหยุด ตั้งตรงอยู่บนอากาศที่ว่างเปล่า จากนั้นก็หมุนกลับพุ่งเข้าใส่ผู้คุ้มกันทันที
  ผู้คุ้มกันถอยกลับอย่างหวาดหวั่นอย่างไรก็ตาม ความรวดเร็วของเขาไม่อาจเทียบได้กับกิ่งไม้นั่น กิ่งไม้จึงไม่ต่างจากดาบแหลมที่แทงทะลุร่างของเขา
  ณบริเวณตีนเขาที่เงียบสงัด ทุกคนต่างก็ตกตะลึง เมื่อพวกเขากลับมารู้สึกตัว สมาชิกทั้งสามของครอบครัวนั้นก็หายลับตาไปแล้ว ราวกับพวกเขาไม่เคยปรากฏกายที่นี่มาก่อน
  *****
  ณยอดเขาเม่ยซาน เล่งชิงชางขมวดคิ้วมองกลุ่มคนที่อยู่โดยรอบอย่างเย็นชา
  ”อะไรกัน? สำนักเซี่ยเทียนกับสำนักเฟยเยี่ยก็ต้องการแย่งชิงนางกับข้ากระนั้นรึ ?
  “ท่านเล่ง”เซี่ยเปาเจ้าสำนักเซี่ยวเทียนเยาะเย้ย “พวกเจ้า สำนักมังกรฟ้าเองต้องการมังกรตัวนี้ ก็แล้วเหตุใดพวกเราสำนักเซี่ยเทียนจะต้องการนางบ้างไม่ได้เล่า ? อย่างที่รู้ ๆ กัน ตอนนี้จำนวนสัตว์อสูร และสัตว์ประหลาดต่างก็มีจำนวนน้อยลงเรื่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเผ่ามังกร ตอนนี้เราก็ได้พบมันแล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะยอมแพ้ให้แก่เจ้า”
  ”พูดได้ไม่เลว”
  ครั้นได้ยินสิ่งนี้มู่ชิงแห่งสำนักเฟยเยี่ยก็ยิ้ม “ที่ท่านเซี่ยกล่าวมาไม่ผิด ไม่ใช่เพียงท่านเล่งที่สนใจมังกรตัวนี้ ใคร ๆ ต่างก็สนใจสัตว์อสูรที่ทรงพลังเช่นนี้ด้วยกันทั้งนั้น หากให้คนในโลกรับรู้ พวกเขาต่างก็ต้องตกตะลึงกันทั้งนั้น”
  ครั้นได้ยินถ้อยคำของคนทั้งสองแววตาของเล่งชิงชางก็ยิ่งเย็นชา เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ประกายแสงเย็นเยือกเปล่งออกจากดวงตา
  ”ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะลืมต้นกำเนิดของสำนักมังกรฟ้าของเราไปเสียแล้ว สัตว์อสูรเผ่ามังกรทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นของสำนักมังกรฟ้าของเรา หากเจ้าต้องการปล้นสำนักมังกรฟ้า เจ้าอาจไม่มีความสามารถพอ”
  สายตาของเขาค่อยๆ หันไปจับจ้องมองเด็กสาวตัวน้อยที่นอนอยู่บนพื้น
  รูปลักษณ์ของเด็กหญิงตัวน้อยน่ารักมากนางควรมีนัยน์ตากลมโตที่ไร้เดียงสา ทว่าตอนนี้นัยน์ตาของนางกลับเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ขณะจ้องมองคนเหล่านี้
  หัวใจของนางเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองนางกัดริมฝีปากสีชมพูแน่นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บ ใบหน้าของนางภายใต้แสงอาทิตย์จึงแลดูซีดเล็กน้อย
  ”แม่หนูน้อย”
  เมื่อเปรียบเทียบกับเสียงแข็งกร้าวเมื่อครู่นี้น้ำเสียงของเล้งชิงชางยามหันมาพูดกับเด็กหญิงตัวน้อยนี้กลับมีความอ่อนโยนกว่ามาก “คนเลวพวกนี้จะทำร้ายเจ้า เพียงเจ้ายอมตามข้ากลับไปที่สำนักมังกรฟ้า เจ้าจะได้รับการดูแลปกป้องอย่างดี”
  ”ข้าไม่เชื่อมนุษย์!” เด็กหญิงตัวน้อย สะบัดหน้าไปอีกทางพลางกล่าว
  ”แม่หนูน้อยไม่ต้องกังวล สำนักมังกรฟ้าของเรานั้นดีต่อสัตว์อสูรเสมอตราบใดที่เจ้าติดตามข้า ข้าจะไม่ให้ผู้ใดมาทำร้ายเจ้าได้อีก”
  ”จริงๆ นะ ?” อาจเป็นเพราะเด็กหญิงตัวน้อยยังเด็กมาก ในที่สุดนางก็หันกลับมาฟังคำพูดของเล่งชิงชาง นางมองเขาพลางเอ่ยถามราวกับว่านางกำลังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “เช่นนั้นเจ้าช่วยข้าหาคนหน่อยจะได้หรือไม่ ?”
  “ผู้ใดรึ?” ใจของเล่งชิงชางรู้สึกมีความสุข หากแต่เขาก็พยายามระงับไว้ ขณะเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน
  ”นางชื่อไป๋หยาน”
  ผู้ที่เด็กหญิงขอให้เขาหาตัวให้นั้นมีชื่อว่าไป๋หยาน การที่นางขอให้มนุษย์ตามหาไป๋หยาน เพราะนางคิดว่าน่าจะหาหญิงผู้นั้นได้เร็วขึ้น
  ***จบบทผู้นำเผ่ามังกรแห่งแดนอสูร (1)***

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

นางกลับชาติมาเกิดเป็นทายาทในตระกูลขุนนางจีนที่ทรงเกียรติ ทว่าในเวลานั้นนางไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากต้องคว้าตัวชายสักคนมาปลดปล่อยความทรมานที่กำลังพุ่งถึงจุดที่ไม่สามารถอดทนได้

ไม่คาดคิดไม่เพียงแต่นางต้องถูกพร่าพรหมจรรย์อย่างไม่ตั้งใจคาเตียง นางยังต้องอุ้มท้องทั้งที่ไม่ได้แต่งงานอีกด้วย

มิหนำซ้ำ…ลูกที่นางอุ้มท้องมาถึงสิบเดือนกลับกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ ที่ร้องเรียกนางว่า “หม่ามี้” ตั้งแต่เกิด โชคดีที่ลูกของนางเลี้ยงง่าย และหวงแม่มาก

ในโลกนี้ย่อมมีทั้งคนดี และคนชั่วมากมายให้ผจญ หม่ามี้กับบุตรชายคู่นี้จึงต้องร่วมมือกันทำลายล้างศัตรู ไหนจะพวกญาติ ๆ ที่ชอบสบประมาทดูหมิ่นพวกเขาอีกล่ะ คนพวกนี้จะต้องได้รับผลกรรมให้สาสมกับสิ่งที่พวกมันกระทำกับพวกเขาสองแม่ลูก

แต่ทว่า จุ๊ ๆ วันหนึ่งป๊ะป๋าจิ้งจอกก็ปรากฏตัวขึ้น ไม่เพียงแต่คิดจะลักพาตัวจิ้งจอกน้อยเท่านั้น ทว่าเขายังคิดจะชิงหม่ามี้ของเจ้าจิ้งจอกน้อยอีกด้วย ชะช้า ป๊ะป๋าผู้โง่เขลากล้าดียังไง ? จะทำอะไรไม่ถามไม่ไถ่ความเห็นของจิ้งจอกน้อยสักคำ…

จิ้งจอกน้อยเท้าสะเอวพลางกล่าวว่า “ท่านอยากเป็นป๊ะป๋าของข้ากระนั้นรึ ? เช่นนั้นก็ต้องจ่ายค่าลงทะเบียนมา แล้วก็เดินไปต่อแถวหลัง ๆ โน่น เอ่อ หม่ามี้… ท่านลุงหวังที่อยู่บ้านถัดไปนั่นมีฐานะมั่งคั่งมาก ข้าว่าท่านควรไปเป็นลูกสะใภ้เขาจะดีกว่านะ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท