เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย – บทที่ 53 สุนัขกัดกัน

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

ตอนที่ 53 สุนัขกัดกัน

ถึงขั้นนี้แล้วยังจะปากแข็งอีก

จี้จือฮวนข่มอารมณ์เอาไว้ ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์ “ความอดทนของข้ามีจำกัด เจ้าแต่งเรื่องต่อสิ”

แต่งเกินจริงเท่าใด อีกเดี๋ยวข้าก็จะให้เจ้าตายอย่างน่าอนาถเท่านั้น

ฉีเทียนชางเวลานี้ก็อินกับบทบาทในละครสมมุติที่ตัวเองแต่งขึ้น เมื่อเห็นแววตาจริงจังของจี้จือฮวน เขาก็คิดว่าบางทีสตรีผู้นี้อาจจะเห็นใจสงสารเขาขึ้นมาก็เป็นได้ อย่างน้อยนางก็เคยรักเขาอยู่ช่วงหนึ่ง?

สตรีนี้หนา ปลอบโยนสักหน่อยเดี๋ยวก็ปล่อยผ่านแล้วไม่ใช่หรือ?

ฉีเทียนชางสะอึกสะอื้นอยู่ครู่หนึ่ง “ฮวนฮวน ข้ารู้ว่าช่วงที่ผ่านมาเจ้าลำบากเพียงใด และข้าก็คิดถึงเจ้าจริง ๆ นะ แต่ไม่อยากทำให้เจ้าโมโห จึงทำได้เพียงแอบมาดูเจ้าตอนกลางคืน ข้าเป็นคนเช่นไรเจ้ายังไม่รู้อีกอย่างนั้นหรือ ข้าเป็นคนที่รักเจ้าที่สุดอย่างไรเล่า”

อวี๋ซิ่วเหลียนได้ฟังก็กัดฟันจนปวดไปหมด ก่อนจะดิ้นด้วยความสะอิดสะเอียน “ฉีเทียนชาง เจ้าคนหน้าไม่อาย เจ้าบอกว่าในใจคิดถึงเพียงแต่ข้าไม่ใช่หรือ?!”

สุนัขกัดกันเร็วเพียงนี้เชียว อย่างน้อยพวกเจ้าก็ควรจะมีความรู้สึกที่มั่นคงต่อกันสักนิดสิ

ฉีเทียนชางเวลานี้ไหนเลยจะสนใจอวี๋ซิ่วเหลียนอีก “ฮวนฮวน เจ้าอย่าไปฟังนางพูดจาเหลวไหล เจ้าต้องเชื่อข้านะ เมื่อคืนนี้ข้ายังฝันถึงเจ้าอยู่เลย”

คำพูดนี้หากเป็นเผยจี้ฉือในเมื่อก่อนได้ฟัง แม้แต่หนังตาก็คงไม่กระตุก แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน แม่เลี้ยงของเขาให้ชีวิตใหม่กับบ้านหลังนี้ จะปล่อยให้คนสกปรกชั้นต่ำเช่นฉีเทียนชางมาพูดจาว่าร้ายได้อย่างไร อีกอย่างเจ้าหัวขโมยนี่ คงเห็นว่าบ้านเขามีเงินแล้วจึงคิดที่จะมาหลอกเอาเงินชัด ๆ!

“ในเมื่อเขาไม่ยอมพูดความจริง อาอิน ไปเอาอุปกรณ์เย็บผ้าที่ท่านป้าหยางทิ้งเอาไว้จากที่ปักผ้าวันนี้มาที ข้าจะดูสิว่าเขาจะปากแข็งได้สักแค่ไหนกัน”

ในตระกูลใหญ่ การจะทรมานคน ๆ หนึ่งจนตาย โดยไม่ทำลายกล้ามเนื้อและกระดูกของเขานั้นมีวิธีตั้งมากมาย

อาอินพยักหน้ารับคำ และเปิดประตูห้องครัวออกไป ฉีเทียนชางสั่นสะท้านไปทั้งตัว เขามองจี้จือฮวนอย่างอ้อนวอน “ฮวนฮวน เจ้าทนทำลงไปได้อย่างไร ข้าคือพี่เทียนชางของเจ้านะ เมื่อก่อนเจ้าชอบเดินตามหลังข้าเป็นที่สุด และชอบให้ข้าท่องกลอนให้เจ้าฟังมิใช่หรือ?”

แม้เห็นจี้จือฮวนไม่หวั่นไหว แต่ฉีเทียนชางก็ยังคงพยายามต่อไป “พวกเราตกลงกันเอาไว้แล้วไม่ใช่หรือ รอสอบจอหงวนได้แล้ว ข้าจะมาขอเจ้า ภายภาคหน้าพวกเราจะได้อยู่เคียงคู่กัน”

อวี๋ซิ่วเหลียนฟังแล้วก็หัวเราะออกมา “ถุย อย่างเจ้าน่ะหรือจะสอบจอหงวน ไอ้ของที่อยู่ในเป้ากางเกงของเจ้าเกรงว่าคงหนักไม่ถึงสองชั่งกระมัง จะอยู่เคียงคู่กันอย่างนั้นหรือ ข้าว่าพวกเจ้ามันหญิงร้ายชายชั่วชัด ๆ ยังไม่ปล่อยข้าอีก ข้าจะไปฟ้องหัวหน้าหมู่บ้านเดี๋ยวนี้”

ขอเพียงเป็นบุรุษ หากมีใครมาบอกว่าตนเองไม่สมกับเป็นชายชาตรี ต่อให้จะเป็นขันที ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องให้อีกฝ่ายได้เห็นดี

แล้วก็เป็นจริงดังคาด ฉีเทียนชางได้ฟังก็โมโหขึ้นมา “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไรของเจ้า ข้าพูดกับฮวนฮวนอยู่ เกี่ยวอะไรกับสตรีชั่วช้าเช่นเจ้าด้วย”

“ได้ เจ้ากล้าเรียกข้าว่าสตรีชั่วช้าอย่างนั้นหรือ? ฉีเทียนชาง เจ้าเอาเงินข้าไปเท่าไร ถ้าคืนนี้เจ้าไม่คายออกมาให้หมด ข้าจะลากพวกเจ้าไปตายด้วยกัน!” อวี๋ซิ่วเหลียนที่ทนเก็บความคับข้องใจมาตลอดทั้งวัน ตอนนี้จึงได้โวยวายขึ้นมาโดยไม่สนใจอะไรอีก

น่าเสียดายที่ทั้งสองคนถูกมัดหันหลังชนกัน ต่อให้จะด่ากันจนน้ำลายกระเด็น ก็ไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้แม้แต่ปลายก้อย

ไม่นานอาอินก็กลับมา ในมือถือสว่านเจาะรองเท้าเอาไว้ “เข็มปักผ้าเล็กเกินไป พวกเขาหนังหนาเพียงนั้น ข้าคิดว่าใช้สิ่งนี้น่าจะดีกว่า!”

ฉีเทียนชางมองสว่านเจาะรองเท้าที่ยาวเท่ากับแขนเด็กทารก ก็ตัวสั่นงันงกขึ้นมา “ฮวนฮวน ฮวนฮวนเจ้าจะทำเช่นนี้กับข้าไม่ได้นะ!”

จี้จือฮวนมองไปที่วายร้ายตัวน้อยทั้งสองคนที่มีสีหน้านิ่งเฉย ก็พลันรู้สึกว่าเส้นทางการเลี้ยงลูก ๆ ของตนนั้นยังอีกยาวไกลนัก

ดูท่าต่อไปต้องห้ามทำร้ายคนต่อหน้าเด็ก ๆ เสียแล้ว

จี้จือฮวนเปิดไฟฉายอีกครั้ง ก่อนจะรับสว่านในมือของอาอินมา “พวกเจ้าออกไปก่อน”

อาอินหันหน้าไป “ข้าอยากฟังด้วย”

“เวลาทรมานคน เด็กไม่ควรดู” จี้จือฮวนพาวายร้ายน้อยทั้งสองกลับไปที่ห้องใหญ่ จากนั้นก็ปิดประตูลง

อาอินไม่ยอมแพ้ยังคิดที่จะไปแอบดู แต่เผยจี้ฉือกลับดึงนางเอาไว้เสียก่อน “เป็นเด็กผู้หญิงจะไปดูเรื่องพวกนั้นทำไมกัน”

อาอินได้แต่คิด เหตุใดพวกท่านต้องมองข้าว่าเป็นเด็กด้วย ข้าโตกว่าอาชิงตั้งเยอะ เรื่องแค่นี้น่ะหรือ ทำให้ข้าตกใจไม่ได้หรอก

เผยจี้ฉือฟังความเคลื่อนไหวทางห้องครัวอยู่เงียบ ๆ ในใจก็คิดว่า หากนางชอบเด็กที่เชื่อฟัง เช่นนั้นวันหน้าเขาก็จะเป็นเด็กที่เชื่อฟังนางขึ้นอีกสักหน่อย นางจะได้ไม่ต้องคอยเป็นกังวลอีก

ฉีเทียนชางเห็นจี้จือฮวนถือสว่านค่อย ๆ เข้ามาใกล้ สายตาก็เผยให้เห็นถึงความหวาดกลัวอย่างที่สุด

“ฮวนฮวน…เจ้าอย่าหุนหันพลันแล่นนะ สว่านยาวเช่นนี้อาจตายได้เลยนะ!”

“ไม่หรอก ฝีมือของข้าดีมาก ไม่มีทางทำให้เจ้าตายในคราเดียวหรอก” จี้จือฮวนควงสว่านเจาะรองเท้าเล่น ก่อนจะพิจารณาพวกเขาสองคนและเอ่ยขึ้นมา “เริ่มจากใครก่อนดี?”

“จี้จือฮวน เจ้ากล้าทำข้าอย่างนั้นหรือ เจ้าคิดว่าตัวเอง โอ๊ย!” ใบหน้าของอวี๋ซิ่วเหลียนถูกตบอย่างแรง นางเงยหน้าขึ้นอีกครั้งคิดที่จะด่าต่อ แต่ขากลับเจ็บขึ้นมาทันที คราวนี้นางเพิ่งจะอ้าปากก็เจ็บจนร้องไม่ออก

จี้จือฮวนใช้สว่านเจาะรองเท้าแทงเข้าไปที่ต้นขาของอวี๋ซิ่วเหลียนอย่างแรง อวี๋ซิ่วเหลียนใช้อำนาจบาตรใหญ่ในบ้านจนเคยตัว เคยเจ็บตัวเช่นนี้ที่ไหนกัน หลังจากเสียงเงียบไปครู่หนึ่ง เสียงร้องโหยหวนราวกับหมูโดนเชือดก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง จี้จือฮวนจึงเอามืออุดปากนางเอาไว้ให้เสียงนั้นดังอยู่แค่ในลำคอ

จากนั้นจี้จือฮวนก็ตบที่หัวของนางอย่างแรง จนผมเผ้าของนางยุ่งเหยิงไปหมด “ร้องเบา ๆ หน่อย ถ้าทำให้อาชิงของข้าตื่นขึ้นมาล่ะก็ เจ้าชดใช้ไม่ไหวแน่”

อวี๋ซิ่วเหลียนรีบกัดริมฝีปากเอาไว้ด้วยความตกใจ ตอนนั้นเองที่นางเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าจี้จือฮวนผู้นี้ลงมือได้โหดเหี้ยมเพียงใด ไม่มีความปรานีเลยแม้แต่น้อย นางเสียสติไปแล้วหรืออย่างไรถึงได้ตั้งตัวเป็นศัตรูกับจี้จือฮวน

ฉีเทียนชางเองก็มองด้วยความตกตะลึง ก่อนหน้านี้แม้เขาจะเคยถูกจี้จือฮวนทุบตีมาก่อน แต่ก็ไม่เคยถูกแทงเช่นนี้นี่นา เพียงพริบตาเขาก็ไร้เรี่ยวแรงทันที โดยเฉพาะตอนที่จี้จือฮวนส่องไฟฉายมาทางเขาอีกครั้ง ฉีเทียนชางก็รีบเอ่ยออกมา “ข้ายอมพูดแล้ว เจ้าอย่าแทงข้าเลยนะ”

จี้จือฮวนเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ “ต้องแบบนี้สิ ต้องให้ข้าใจร้าย ต้องเจ็บตัวกันก่อนถึงจะยอมพูด แบบนั้นไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไรเลย หากข้านอนหลับไม่เต็มอิ่ม อารมณ์ก็จะรุนแรงมาก”

ฉีเทียนชางพยักหน้าหงึก ๆ “ข้าเชื่อแล้ว ๆ คืนนี้ที่ข้ามาก็เพื่อต้องการขโมยเงิน ข้าเห็นครอบครัวพวกเจ้าสร้างบ้านใหม่ เจ้าต้องมีเงินแน่นอน ดังนั้นข้าจึงอยากจะมาขโมย เป็นเช่นนี้จริง ๆ ไม่มีอย่างอื่นแล้ว”

จี้จือฮวนเองก็คาดเดาเอาไว้แล้ว นางมองไปทางอวี๋ซิ่วเหลียน “แล้วนางเล่า?”

“นางตามข้ามา บอกว่าจะช่วยข้า ฮวาฮวาที่อยู่ที่ประตูเดิมจะเห่า แต่เพราะเห็นนางมันจึงไม่เห่า”

จี้จือฮวนเข้าใจแล้ว มิน่าเล่าฉีเทียนชางจึงเข้ามาได้อย่างเงียบเชียบนัก

อวี๋ซิ่วเหลียนเห็นฉีเทียนชางขายตัวเองจริง ๆ จึงหันไปจะกัดหูเขา จี้จือฮวนเองก็ไม่ได้ห้าม และปล่อยให้อวี๋ซิ่วเหลียนและฉีเทียนชางสู้กัน

“ไสหัวไปซะ เจ้ามันนางแพศยา อยู่ห่าง ๆ ข้าหน่อย”

“หากข้าเป็นนางแพศยา ฉีเทียนชาง เจ้าคิดว่าตัวเองสะอาดนักหรืออย่างไร ตอนที่เจ้ามาเกี้ยวข้า ตอนใช้เงินของข้า เจ้าพูดว่าอย่างไร บอกว่าเพื่อข้าแล้วต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟเจ้าก็จะไม่ปฏิเสธ!”

“คำพูดที่ผู้ชายพูดบนเตียงเจ้าก็เชื่ออย่างนั้นหรือ? ลับหลังข้าเจ้ามีผู้ชายอีกกี่คนก็ไม่รู้ ผู้หญิงที่เอาผู้ชายไม่เลือกเช่นเจ้า ข้ายอมนอนด้วยก็นับว่าเป็นบุญของเจ้าแล้ว!”

จี้จือฮวนคิดไม่ถึงว่า ฉีเทียนชางจะเป็นชู้กับอวี๋ซิ่วเหลียนด้วย นางพยักหน้าน้อย ๆ รู้แล้วว่าเรื่องนี้ควรจะจัดการเช่นไรดี

ปึก! หัวของทั้งสองคนกระแทกกันอย่างแรง ก่อนจะสลบไปพร้อม ๆ กัน

จี้จือฮวนเปิดประตูห้องครัวออกมา จากนั้นก็ปรบมือแล้วพูดว่า “อาอิน ออกมาแบกของเร็ว”

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

Status: Ongoing
หน่วยสืบราชการลับ—จี้จือฮวนเกิดใหม่เป็นตัวประกอบในนิยายที่ได้แต่งกับเทพสงครามเป็นแม่เลี้ยงของ 3 วายร้ายแต่กลับต้องตายตั้งแต่ต้นเรื่อง ในเมื่อปฏิเสธชะตาไม่ได้ขอแค่ไม่ตายก็จะเล่นบทนี้ให้อลังการกว่าเดิม!จี้จือฮวน–หน่วยสืบสวนราชการลับระดับ S ในโลกล้ำยุค จู่ ๆ ก็ตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองกลายเป็นตัวประกอบหญิงในนิยายที่เคยอ่าน(แต่ไม่จบ) ซึ่งตายตั้งแต่ยังไม่พ้นสามบทแรก! เธอคนนี้แต่งงานกับเผยยวนได้รับสมญานาม ‘เทพสงครามแห่งความตาย’ และเป็นแม่เลี้ยงของเด็กแสบสามคนจี้จือฮวนปฏิเสธชะตากรรมนองเลือด ขอแค่มีชีวิตรอดปลอดภัย อยู่ต่อไปก็พอแต่เรื่องกลับไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะตัวประกอบที่เธอกำลังเป็นอยู่ดันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ลูกเลี้ยงทั้งสามกลายเป็นตัวมากเล่ห์ จอมมารร้าย ซึ่งจะนำพาพวกเขาไปสู่จุดจบอันเศร้าสลดเมื่อทั้งสามโตขึ้น…นั่นก็คือความตายอย่างน่าอนาถในเมื่อเลือกไม่ได้ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ เธอจะเล่นบทนี้ให้อลังการกว่าเดิม!.โชคดีสวรรค์ยังมีตา เธอมีทักษะทุกอย่าง ทั้งงานฝีมือ ทักษะการเพาะปลูกและทำนาที่สามารถหาเงินเพื่อใช้เลี้ยงครอบครัวได้ ยิ่งกว่านั้น เธอมีของดีที่สุด คือมิติพิเศษที่ช่วยให่เธอหยิบยืมอะไรก็ได้จากโลกอนาคตติดตัวมาด้วย!.เอาล่ะ! ในฐานะอดีตสายลับระดับสุดยอด ใครหน้าไหนก็หยามกันไม่ได้! ต่อให้เป็นสวรรค์ก็เถอะ หากคิดจะฆ่าเธอทิ้ง เธอจะชิงสังหารสวรรค์ก่อน!..ต่อมาลูกชายคนโตที่ตั้งแต่เด็กสุดแสนจะเงียบขรึมกลับได้ขึ้นเป็นกษัตริย์! นักรบจอมพลังซึ่งเป็นลูกสาวคนที่สองก็กลายเป็นแม่ทัพหญิงคนแรกที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี ผู้ที่ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใดในใต้หล้า แม้แต่ลูกชายคนเล็กก็กลายเป็นแพทย์หนุ่มผู้เชี่ยวชาญสารพัดพิษ ร่างกายของเขาทนทานต่อพิษทั้งปวงอย่างที่ไม่มีใครเทียบได้..จี้จือฮวนรู้สึกว่าตนเองไร้ประโยชน์ในฐานะสาวงามที่ถูกราชสำนักและประชาชนผลักไสอย่างไร้ความปรานี เธอจึงจำต้องทำให้ตัวเองเป็นสตรีที่น่าเกรงขาม เป็นที่หวาดกลัวต่อราชสำนักและประชาชนเมื่อทุกคนนึกถึง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท