เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย – บทที่ 56 ยกเทียบเชิญนั้นให้เย่าจง

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

ตอนที่ 56 ยกเทียบเชิญนั้นให้เย่าจง

เพราะคนที่ต้องการกราบหลินเซวียเหวินเป็นอาจารย์นั้น อย่าว่าแต่ในตำบลฉาซู่เลย แม้แต่มณฑลอื่นก็มีมากมาย ในนั้นยังมีอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงอีกจำนวนไม่น้อย แต่เด็กหนุ่มตรงหน้าผู้นี้โผล่มาจากที่ใดก็ไม่รู้ ความรู้ความสามารถเป็นเช่นไรก็ยังไม่รู้ ส่วนคุณธรรมนั้น…

ในสายตาของคนรับใช้ก็ไม่ค่อยจะสักเท่าไร มีอย่างที่ไหนบังคับฝืนใจคนอื่น ลากคนมาเพื่อจะกราบเป็นอาจารย์ให้ได้ นี่จะต่างอะไรกับพวกโจรกัน!

คนรับใช้พูดในสิ่งที่ตัวเองต้องการพูดไปแล้ว และใบหน้าของหลินเซวียเหวินในเวลานี้แม้แต่รอยยิ้มก็ไม่มีเหลือแล้ว ทว่าเฉินไคชุนก็ยังคงดึงดัน “เย่าจงเป็นเด็กที่ดีที่สุดในหมู่บ้านของเรา แม้แต่อาจารย์ของสำนักศึกษายังบอกว่าเขามีความสามารถ หากท่านไม่รับเขาไว้ท่านจะเสียใจได้นะ”

เฉินไคชุนทำสีหน้าราวกับจะบอกว่าข้าให้โอกาสเจ้าแล้วนะ เจ้าอย่ามาทำเป็นเพิกเฉยเช่นนี้

หลินเซวียเหวินโมโหจนอกแทบจะแตกตายเพราะเขาแล้วจริงๆ

ใครอยากได้กันเล่า!

กลับเป็นเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลที่เห็นเฉินไคชุนยิ่งพูดก็ยิ่งไปกันใหญ่ จึงรีบออกมาไกล่เกลี่ย “ไม่ทราบว่าวันนี้ท่านอาจารย์ใหญ่มาหาจี้จือฮวนมีเรื่องอะไรอย่างนั้นหรือ นางเป็นคนในหมู่บ้านของเรา บ้านของนางอยู่บนเนินเขาโน่นขอรับ”

หลินเซวียเหวินเมื่อเห็นว่าในที่สุดก็มีคนพูดจารู้เรื่องแล้ว สีหน้าของเขาก็อ่อนลง “คืออย่างนี้ พอดีว่าก่อนหน้านี้อาจารย์ของข้าป่วยจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่ได้แม่นางจี้ยื่นมือเข้ามาช่วย ที่ข้ามาในครั้งนี้ก็เพราะตั้งใจจะเอาของขวัญมาขอบคุณนาง และอีกเรื่องก็คือจะเอาเทียบเชิญเข้าเรียนมาให้ลูกของนางด้วย”

เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลต่างก็ตกตะลึง เฉินเย่าจงของหมู่บ้านตระกูลเฉินของพวกเขายังไม่ได้เทียบเชิญเข้าเรียน กลับเป็นเจ้าคนแซ่อื่นนั่นที่ได้ไปอย่างนั้นหรือ!

“จี้จือฮวนเป็นคนช่วยไว้ อาจารย์ใหญ่ ท่านไม่ได้พูดผิดใช่หรือไม่?”

“ไม่ผิดแน่นอน ข้าเห็นมากับตาของตัวเอง” หลินเซวียเหวินอยากจะไปบ้านของจี้จือฮวนเสียเดี๋ยวนี้

เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลต่างก็มองหน้ากัน ก่อนจะมีคนเอ่ยขึ้นมา “แต่วันนี้จี้จือฮวนพาลูก ๆ ทั้งสามคนออกไปข้างนอกแล้ว ในบ้านจึงมีเหลือแค่คนงานที่นางจ้างมาทำงานให้ กับสามีที่นอนไม่ได้สติคนหนึ่ง”

หลินเซวียเหวินคิดไม่ถึงว่าทั้ง ๆ ที่ตนมาเช้าขนาดนี้ก็ยังจะคลาดกับนางอีก

“หรือไม่ท่านอาจารย์ใหญ่ก็เอาของทิ้งไว้ที่นี่ พวกเราจะเอาไปให้จี้จือฮวนเองก็คงเหมือนกัน”

หลินเซวียเหวินคิดไปคิดมา ในสำนักศึกษายังมีอีกหลายเรื่องที่รอให้เขาไปจัดการ หากอยู่รอจี้จือฮวนที่นี่ก็ไม่รู้ว่าต้องรอไปถึงเมื่อไร “ก็ได้ รอลูกของนางมาเข้าเรียนแล้ว ข้าค่อยขอบคุณนางด้วยตัวเองอีกที”

เฉินไคชุนรีบลุกขึ้นยืน “เช่นนั้นเย่าจงของพวกเรา…”

หลินเซวียเหวินจึงตอบกลับไปทันที “หากข้าจำไม่ผิดล่ะก็ ก่อนหน้านี้สำนักศึกษาของเราก็ได้ส่งคนมาที่หมู่บ้านตระกูลเฉิน เพื่อให้เด็ก ๆ ทำข้อสอบแล้ว พวกเราจะทำการคัดเลือกอีกที ถึงเวลาจะมีคนมาแจ้งเอง หัวหน้าหมู่บ้านไม่ต้องกังวล”

ความหมายที่แฝงไว้ในคำพูดก็คือหากเฉินเย่าจงมีความสามารถ อาศัยความรู้ความสามารถของตัวเอง ก็จะสามารถเข้าสำนักศึกษาได้ ส่วนเรื่องกราบเขาเป็นอาจารย์…ลืมไปเสียดีกว่า

เฉินเย่าจงสีหน้าย่ำแย่ลงไปทุกที แววตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

หลินเซวียเหวินเมื่อพูดชัดเจนแล้ว จึงมอบเทียบเชิญเข้าเรียนให้เหล่าผู้อาวุโสของตระกูล “เช่นนั้นก็ต้องรบกวนทุกท่านแล้ว”

“ได้ ๆ ๆ ท่านอาจารย์ใหญ่วางใจเถอะ”

เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลพากันไปส่งหลินเซวียเหวินที่ทางเข้าหมู่บ้าน และมองดูเขาจากไป

เฉินไคชุนและเฉินเย่าจงตามมาทางด้านหลัง สีหน้ากลับไร้ซึ่งวี่แววของความยินดี เหล่าชาวบ้านรอจนกระทั่งรถม้าจากไปไกลแล้ว จึงได้เข้ามารุมถามอย่างมีความสุข “เย่าจง จะไปสำนักศึกษาชิงอวิ๋นเมื่อใดอย่างนั้นหรือ?!”

“นั่นสิ เจ้าก้าวหน้าแล้วอย่าลืมพวกเราล่ะ”

ทันใดนั้นปู่หลานครอบครัวเฉินก็รู้สึกอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี เมื่อกลับมาถึงบ้าน ผู้หญิงในบ้านก็กำลังมุงดูของขวัญที่หลินเซวียเหวินเอามา

“โอ้โห ขนมนี่ทำออกมาได้ประณีตสวยงามจริง ๆ ผ้านี่ก็เนื้อดี เอาทำกระโปรงให้ข้าเถอะ”

“ดูนี่สิ นี่ยังมีโสมหายากต้นหนึ่งด้วย แล้วสิ่งนี้คืออะไร โอ้โห นี่มันชุดเครื่องเขียนนี่นา ดูก็รู้ว่าเป็นของดี”

หยวนซื่อภรรยาของเฉินไคชุนกำลังหมุนไปรอบ ๆ อย่างมีความสุข อาหญิงของเฉินเย่าจง เฉินหลันหลัน ก็หอบผ้าสีสันสวยงามหลายพับออกมา แต่เมื่อเห็นว่าเหล่าผู้อาวุโสก็อยู่ด้วย จึงได้ถอยหลังไปเงียบ ๆ

เฉินไคชุนขมวดคิ้วมุ่น “ใครอนุญาตให้พวกเจ้าแตะต้องของพวกนี้ เอาไปเก็บที่เดิม!”

เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลยังอยู่ ต่อให้อยากรู้ก็ไม่ใช่ตอนนี้

แต่เมื่อของอยู่ในมือแล้ว เฉินหลันหลันไหนเลยจะยอม “นี่ให้พวกเราไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”

เมื่อครู่พวกผู้หญิงไม่สามารถเข้าไปด้านในด้วยได้ คนของครอบครัวเฉินไหนเลยจะรู้ว่าสำนักศึกษาชิงอวิ๋นไม่ได้มาเพราะเฉินเย่าจง จึงคิดว่าเป็นของขวัญของครอบครัวตัวเอง

เฉินไคชุนจึงตะคอกออกมา “เจ้าคนสายตาตื้นเขิน นั่นไม่ใช่ของบ้านเรา วางลงซะ”

เฉินหลันหลันถูกหยวนซื่อตามใจมาตั้งแต่เด็ก เคยถูกคนต่อว่าเช่นนี้ที่ไหนกัน นางจึงวางผ้าลงบนโต๊ะ แล้ววิ่งร้องไห้กลับห้องไปทันที

หยวนซื่อก็ไม่สะดวกที่จะอยู่ต่ออีก นางอยากถามเฉินไคชุนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทว่านางเข้าไปไม่ได้จึงเปิดม่านและเข้าไปที่ห้องด้านหลังเพื่อแอบฟังแทน

เฉินไคชุนนั่งลง เฉินเย่าจงมองเทียบเชิญเข้าเรียนบนโต๊ะด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลก็ไม่มีใครพูดอะไร

“ข้าคิดว่าปล่อยให้เป็นเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด หมู่บ้านของเราฝากความหวังไว้กับเย่าจง เขาจะไม่ได้เข้าสำนักศึกษาชิงอวิ๋นได้อย่างไรกันขอรับ?” เฉินไคชุนเห็นพวกเขานิ่งเงียบ จึงเอ่ยออกมา

“เช่นนั้นเจ้าจะทำเช่นไร?”

“ให้ครอบครัวเผยยกชื่อนั้นให้เย่าจง เย่าจงต่างหากที่เป็นบัณฑิตตัวจริง ลูกชายของครอบครัวเผยไปแล้วก็มีแต่เสียของเปล่า ๆ เขาอ่านหนังสือออกด้วยหรือ?” เฉินไคชุนบอกสิ่งที่ตัวเองคิดออกมา

“แต่อาจารย์ใหญ่มาที่นี่ด้วยตัวเอง…แล้วก็เห็นเย่าจง…”

ผู้อาวุโสอีกท่านกลับเห็นด้วยกับความคิดของเฉินไคชุน “ถูกต้อง พวกเราต่างหากที่เป็นครอบครัวเดียวกัน ครอบครัวเผยอย่างไรเสียก็เป็นคนแซ่อื่น นอกจากพวกเขาจะยอมเปลี่ยนแซ่”

“นั่นก็ไม่ได้ เลือดของพวกเขาก็ยังเป็นคนแซ่เผยอยู่ดีไม่ใช่หรือ ภายภาคหน้าหากพวกเขาไปได้ดี จะยังจำพวกเราได้อีกอย่างนั้นหรือ เย่าจงต่างหากที่มีสายเลือดของเรา”

“ใช่แล้ว สำนักศึกษาชิงอวิ๋นมีคนตั้งมากมาย ใช่ว่าอาจารย์ใหญ่จะจำศิษย์ทุกคนได้เสียหน่อย?”

“เช่นนั้นก็ควรจะบอกครอบครัวเผย…สักหน่อยหรือไม่?”

เฉินไคชุนเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “บอกทำไมกัน เทียบเชิญเข้าเรียนมีเพียงแผ่นเดียวนะขอรับ ผู้อาวุโส พวกท่านอย่าได้คิดเหลวไหลเป็นอันขาด จะเอาอนาคตของหมู่บ้านเราไปให้คนต่างแซ่หรือขอรับ”

แค่คำว่าต่างแซ่ ก็ทำให้เหล่าผู้อาวุโสที่รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ถูกต้อง ต่างก็หุบปากลงทันที

ใช่แล้ว ไม่ถูกต้อง

“เอาล่ะ เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ เย่าจงนำเทียบเชิญเข้าเรียนไปที่สำนักศึกษาชิงอวิ๋น ส่วนของขวัญก็เอาไปให้ครอบครัวเผยซะ”

คนทั้งกลุ่มต่างก็ตกลงกันแล้ว ตามความคิดเห็นของพวกเขา เฉินเย่าจงเหมาะสมกว่าเผยจี้ฉือ ส่วนอนาคตของเผยจี้ฉือใครจะสนใจกัน?

เพราะเย่าจงจะได้เป็นจอหงวนเชียวนะ

เฉินเย่าจงที่นั่งอยู่ทั้งรู้สึกกังวลและทำตัวไม่ถูก ทว่าไม่นานความสุขก็พุ่งขึ้นมากลบความรู้สึกก่อนหน้านี้ไปจนหมด

ใช่แล้ว เผยจี้ฉือโชคดีแล้วจะมีประโยชน์อันใด ต่อให้แม่ของเขาจะช่วยอาจารย์ของสำนักศึกษาเอาไว้ แต่สุดท้ายคนที่ได้เข้าเรียนก็ยังเป็นเขาอยู่ดี สำนักศึกษาใหญ่เพียงนั้น เขาไม่เชื่อหรอกว่าอาจารย์ใหญ่จะจำได้หมดทุกคน!

ถึงเวลาหากเขาประสบความสำเร็จ อาจารย์ใหญ่ก็ต้องเป็นเหมือนเหล่าผู้อาวุโส ยอมรับเขาโดยไม่มีเงื่อนไข และยกของดี ๆ ให้เขาเพียงผู้เดียว

นี่ต่างหากคือชีวิตที่ยอดเยี่ยมของข้า เฉินเย่าจง

ต่อไปหากเขาก้าวหน้าแล้ว ค่อยชดเชยให้เผยจี้ฉือก็ยังได้ ยกที่ดินให้เขาสักสองสามผืนก็พอแล้ว และเขาเองก็ใจกว้างพอ

เหล่าผู้อาวุโสคุยกันจบแล้วก็แยกย้ายกลับไป ตอนนี้พวกเขาก็นับว่าสบายใจได้แล้ว

“เย่าจงเอ๋ย เจ้าต้องตั้งใจเรียนให้ดี อนาคตของหมู่บ้านตระกูลเฉินขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว”

เฉินเย่าจงยกยิ้มขึ้นมา “ขอรับ”

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

Status: Ongoing
หน่วยสืบราชการลับ—จี้จือฮวนเกิดใหม่เป็นตัวประกอบในนิยายที่ได้แต่งกับเทพสงครามเป็นแม่เลี้ยงของ 3 วายร้ายแต่กลับต้องตายตั้งแต่ต้นเรื่อง ในเมื่อปฏิเสธชะตาไม่ได้ขอแค่ไม่ตายก็จะเล่นบทนี้ให้อลังการกว่าเดิม!จี้จือฮวน–หน่วยสืบสวนราชการลับระดับ S ในโลกล้ำยุค จู่ ๆ ก็ตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองกลายเป็นตัวประกอบหญิงในนิยายที่เคยอ่าน(แต่ไม่จบ) ซึ่งตายตั้งแต่ยังไม่พ้นสามบทแรก! เธอคนนี้แต่งงานกับเผยยวนได้รับสมญานาม ‘เทพสงครามแห่งความตาย’ และเป็นแม่เลี้ยงของเด็กแสบสามคนจี้จือฮวนปฏิเสธชะตากรรมนองเลือด ขอแค่มีชีวิตรอดปลอดภัย อยู่ต่อไปก็พอแต่เรื่องกลับไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะตัวประกอบที่เธอกำลังเป็นอยู่ดันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ลูกเลี้ยงทั้งสามกลายเป็นตัวมากเล่ห์ จอมมารร้าย ซึ่งจะนำพาพวกเขาไปสู่จุดจบอันเศร้าสลดเมื่อทั้งสามโตขึ้น…นั่นก็คือความตายอย่างน่าอนาถในเมื่อเลือกไม่ได้ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ เธอจะเล่นบทนี้ให้อลังการกว่าเดิม!.โชคดีสวรรค์ยังมีตา เธอมีทักษะทุกอย่าง ทั้งงานฝีมือ ทักษะการเพาะปลูกและทำนาที่สามารถหาเงินเพื่อใช้เลี้ยงครอบครัวได้ ยิ่งกว่านั้น เธอมีของดีที่สุด คือมิติพิเศษที่ช่วยให่เธอหยิบยืมอะไรก็ได้จากโลกอนาคตติดตัวมาด้วย!.เอาล่ะ! ในฐานะอดีตสายลับระดับสุดยอด ใครหน้าไหนก็หยามกันไม่ได้! ต่อให้เป็นสวรรค์ก็เถอะ หากคิดจะฆ่าเธอทิ้ง เธอจะชิงสังหารสวรรค์ก่อน!..ต่อมาลูกชายคนโตที่ตั้งแต่เด็กสุดแสนจะเงียบขรึมกลับได้ขึ้นเป็นกษัตริย์! นักรบจอมพลังซึ่งเป็นลูกสาวคนที่สองก็กลายเป็นแม่ทัพหญิงคนแรกที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี ผู้ที่ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใดในใต้หล้า แม้แต่ลูกชายคนเล็กก็กลายเป็นแพทย์หนุ่มผู้เชี่ยวชาญสารพัดพิษ ร่างกายของเขาทนทานต่อพิษทั้งปวงอย่างที่ไม่มีใครเทียบได้..จี้จือฮวนรู้สึกว่าตนเองไร้ประโยชน์ในฐานะสาวงามที่ถูกราชสำนักและประชาชนผลักไสอย่างไร้ความปรานี เธอจึงจำต้องทำให้ตัวเองเป็นสตรีที่น่าเกรงขาม เป็นที่หวาดกลัวต่อราชสำนักและประชาชนเมื่อทุกคนนึกถึง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท