ตอนที่ 58 ซื้อจ้านอิ่ง
ชายร่างกำยำสองสามคนของตลาดม้าเดินถือมีดเข้าไปหาจ้านอิ่งแล้ว อาอินไม่รอให้จี้จือฮวนได้สติ ก็รีบพุ่งตัวเข้าไปทันที “อย่าฆ่าจ้านอิ่ง!”
นางปกป้องมันโดยสัญชาตญาณ เช่นเดียวกับจ้านอิ่งตอนที่อยู่ในสนามรบตอนนั้น ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเผยยวน โดยใช้ร่างกายบุกฝ่าสนามรบเพื่อเผยยวน
“อาอิน!”
โชคดีที่การปรากฏตัวของอาอิน ทำให้คนของตลาดม้าต่างก็หยุดมือลง
“เด็กที่ไหนกัน?”
“ลูกสาวใครกัน เหตุใดถึงวิ่งเข้ามาในที่ที่อันตรายเช่นนี้ได้?”
จ้านอิ่งที่เมื่อครู่ยังคลุ้มคลั่งอยู่นั้น จู่ ๆ ก็กลับเงียบสงบลง มันจ้องมองเด็กหญิงตัวน้อยตรงหน้าเขม็ง เหมือนพยายามมองหาเงาหรือกลิ่นที่คุ้นเคยจากกายของนาง
“อันตราย รีบอุ้มเด็กออกไป” มีคนจะมาอุ้มอาอินออกไป แต่จู่ ๆ จ้านอิ่งก็คลุ้มคลั่งขึ้นมาอีกครั้ง มันใช้ร่างกายกระแทกคนที่เข้าใกล้มัน สายบังเหียนที่คอของมันรัดแน่นจนเป็นรอยช้ำ ดวงตาสีแดงฉานฉาบด้วยจิตสังหารที่รุนแรง
ขณะที่ทุกคนกำลังตึงเครียดกันอยู่นั้น จี้จือฮวนก็รีบอุ้มอาอินมาจากอ้อมแขนของคนในตลาดม้า “อย่าเข้าใกล้มัน และอย่าทำร้ายมัน!”
นางยื่นมือออกไปปกป้องอาอินเอาไว้ทางด้านหลัง เมื่อเผชิญหน้ากับจ้านอิ่งที่คลุ้มคลั่ง จี้จือฮวนก็สั่งให้คนของตลาดม้าถอยออกไป
“จ้านอิ่ง”
แทบจะทันทีที่คนของตลาดม้าถอยออกไปแล้ว เผยจี้ฉือก็เป็นฝ่ายเดินเข้าไปหามัน
จ้านอิ่งเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ แต่ทันทีที่มันเห็นเผยจี้ฉือ มันก็จ้องมองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ ก่อนจะมองไปทางอาอินอีกครั้ง
ในที่สุดมันก็สงบลง คราวนี้ไม่มีคนมารบกวนอีก พร้อมกันนั้นพวกเขาก็สัมผัสได้ว่าม้าตัวนี้มีบางอย่างที่แปลกไป
เผยจี้ฉือยื่นมือออกไป น้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย แต่คำที่เอ่ยออกมากลับชัดเจน “จ้านอิ่ง มานี่มา”
คนของตลาดม้าต่างก็มองหน้ากัน ม้าตัวนี้พยศยิ่งนัก ฝึกทุกวันก็ไม่เห็นมันจะเชื่อฟัง มันจะยอมฟังเด็กคนหนึ่งจริง ๆ หรือ?
ทว่าในตอนนั้นเอง ภาพที่ทุกคนคิดไม่ถึงก็เกิดขึ้น!
ม้าป่าที่พยศ แม้ตายก็ไม่ยอมก้มหัวให้ใคร กลับค่อย ๆ ก้มหัวลง และเข้าใกล้เด็กคนนั้นอย่างระมัดระวัง ใช้จมูกดมกลิ่นของเขาเบา ๆ แล้วหลับตาลง ราวกับว่ามันเจอบ้านแล้ว ก่อนจะโน้มตัวลงหาฝ่ามือของเขาอย่างสนิทสนม ราวกับต้องการการปลอบโยนเล็ก ๆ น้อย ๆ
เผยจี้ฉือกอดคอของจ้านอิ่งเอาไว้ พร้อมกับลูบหัวของมันเบา ๆ “จ้านอิ่ง จ้านอิ่งเด็กดี เจ้าตามหามาถึงที่นี่เลยหรือ”
อาอินเองก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป นางจึงเข้าไปอยู่ข้าง ๆ พี่ชาย
คนของตลาดม้าต่างก็มองด้วยความตกตะลึง
นี่มัน…ม้าตัวนี้ไม่ใช่ม้าป่าอย่างนั้นหรือ และตอนนี้ยังได้เจอกับคนในครอบครัวของมันอีกด้วย?
เสี่ยวเฉวียนเองก็มองด้วยความตกตะลึง “แม่นางจี้…เอ่อ”
ทันใดนั้นจี้จือฮวนก็นึกขึ้นได้ว่าในโลกเดิมนั้น นางเองก็มีม้าอยู่ตัวหนึ่ง เป็นลูกม้าแข่งตัวเมีย ไม่รู้ว่านางทะลุมิติเข้ามาในนิยายเช่นนี้จะมีคนดูแลเอลิซาเบธหรือไม่
“ข้าจะซื้อม้าตัวนี้ บอกราคามาได้เลย” จี้จือฮวนเอ่ย
ในเมื่อม้าตัวนี้ตกมาอยู่ในตลาดม้าเช่นนี้แล้ว ไหนเลยคนดูแลจะยอมยกให้เปล่า ๆ เพียงเพราะเจ้ารู้จักกับม้า
คนของตลาดม้าต่างก็มองหน้ากัน ราคาของม้าป่านี้ยากที่จะกำหนดได้ เพราะต่อให้มันจะพยศและอาจทำคนตายได้ แต่มันก็ถือว่าเป็นม้าที่ดีที่สุดตัวหนึ่ง แค่ร่างกายของมันก็แตกต่างจากม้าลากทั่วไปแล้ว
แต่หากจะบอกว่ามันเป็นม้าที่ดีแล้วเหตุใดถึงไม่ได้ไปอยู่ที่ค่ายทหารเล่า นั่นก็เป็นเพราะมันพยศไม่ใช่หรือ เดิมทีได้มันมาอยู่ในมือก็คิดว่าคงจบเห่แล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะได้เจอคนที่รู้จักมันมาก่อนและต้องการจะซื้อมันคืน คนของตลาดม้ากลัวว่าพวกจี้จือฮวนจะหนีไปเสียก่อน ดังนั้นจึงรีบไปตามเถ้าแก่มา
ไม่นานเถ้าแก่ก็มาถึง พิจารณาจี้จือฮวนสักครู่ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา “แม่นางจะซื้อรถม้า กับซื้อม้าตัวนี้อย่างนั้นหรือ?”
“ถูกต้อง และข้าต้องการเดี๋ยวนี้”
ม้าตัวนั้นผอมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกแล้ว ยากนักกว่าจะมีลูกค้าสนใจ เสี่ยวเฉวียนจึงพูดขึ้นมา “ขายไปในราคาที่ถูกหน่อยก็แล้วกันขอรับ รวมรถม้าด้วยก็ห้าสิบตำลึง”
เถ้าแก่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง อย่างไรเสียก็ดีกว่าเสียเปล่า “ตกลง แต่ม้าตัวนี้ถ้าขายออกไปแล้ว จะเอากลับมาขอเงินคืนไม่ได้แล้วนะ”
“ตกลง” จี้จือฮวนไม่พูดอะไรมากและไม่ต่อรองราคาด้วย นางหวังว่าหากเถ้าแก่คนนี้รู้ว่าได้ขายรถม้าพร้อมราชาม้าศึกที่มีชื่อเสียงให้นางในราคาห้าสิบตำลึง ภายหน้าจะไม่มาร้องไห้เสียใจแทนหรอกนะ
เผยจี้ฉือสบตากับอาอิน และพิงข้างกายของจ้านอิ่งพร้อมกับเอ่ยขึ้นเบา ๆ “จ้านอิ่ง พวกเรากลับบ้านกันได้แล้ว ท่านพ่อเห็นเจ้าแล้วจะต้องดีใจมากแน่ ๆ!”
เมื่อจ่ายเงินและประทับลายนิ้วมือเสร็จเรียบร้อยแล้ว คนของตลาดม้าก็ช่วยสวมรถม้าและอานม้าบนตัวของจ้านอิ่ง
เมื่อเห็นมันเชื่อฟังอย่างดี ปากก็พึมพำขึ้นมา “เจ้าว่าม้านี่จำหน้าคนได้ด้วยอย่างนั้นหรือ ช่างแปลกดีแท้ ปกติแค่แตะมันนิด ๆ หน่อย ๆ ก็แทบจะเตะพวกเราตายอยู่แล้ว ตอนนี้กลับเชื่อฟังอย่างกับอะไรดี”
“คงพูดได้แค่ว่ามันไร้วาสนากับพวกเรา หวังว่าต่อไปหากไปอยู่ที่บ้านของแม่นางจี้แล้ว นางจะสามารถเลี้ยงดูให้มันอ้วนพีขึ้นมาได้ บอกตามตรง ทั้งชีวิตนี้ข้ายังไม่เคยเห็นม้าที่มีสรีระดีเช่นนี้มาก่อน”
คนที่รักม้าก็มักจะทะนุถนอมม้า ไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้เจอเจ้าของที่ดีอีกแล้ว
เผยจี้ฉือคอยอยู่ข้าง ๆ มันตลอดเวลา อาอินเองก็ไปเอาอาหารมาป้อนให้จ้านอิ่งเหมือนตอนเด็ก ๆ
เผยยวนมักจะแบกอาอินเอาไว้บนบ่า หรือไม่ก็จูงมือเล็ก ๆ ของนางไปที่คอกม้าเพื่อดูม้า ส่วนอาฉือก็จะคอยติดตามไปด้วยทุกครั้ง
จี้จือฮวนไม่ได้เข้าไปรบกวนพวกเขา รอจนกระทั่งเสี่ยวเฉวียนบอกว่าจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงได้ให้เด็กทั้งสามคนขึ้นรถ ส่วนนางก็ลองขับรถม้าดู
เสี่ยวเฉวียนไม่วางใจ “หรือไม่ข้าขี่ม้าไปส่งพวกท่านกลับหมู่บ้านก่อน แล้วข้าค่อยกลับมาเองดีหรือไม่?”
คนที่ขับรถม้าไม่เป็นอาจเกิดอุบัติเหตุได้
ทว่าเขาเพิ่งจะพูดจบจ้านอิ่งก็ออกเดินเอง โดยไม่ต้องให้คนสั่งแต่อย่างใด ทั้งมั่นคงและแข็งแรง เมื่อไปถึงประตูยังรู้จักเลี้ยวเองอีกด้วย ก่อนจะออกไปจากตลาดม้า
เสี่ยวเฉวียน “…”
ที่แท้ก็ไม่อยากอยู่ที่ตลาดม้าของเราต่อนี่เอง ถึงกับเดินออกไปเองโดยที่ไม่ต้องมีใครบังคับ
จี้จือฮวนเดิมนั่งอยู่ข้างนอกเพื่อคอยดึงบังเหียน สุดท้ายกลับพบว่าม้าตัวนี้เป็นม้าที่สั่งงานได้ด้วยเสียง เผยจี้ฉือนั่งข้าง ๆ นางก่อนจะวางมือบนแอกหน้ารถ และคอยบอกทางให้กับจ้านอิ่งอย่างใจเย็น
“ตรงไปข้างหน้า ผ่านซุ้มประตูไปแล้วก็เดินไปตามทางได้เลย”
“…” จี้จือฮวนเหมือนได้เปิดหูเปิดตาจริง ๆ
แต่โชคดีที่ตอนนี้พวกเขาออกมาจากตำบลแล้ว จี้จือฮวนจึงเอ่ยถามขึ้นมา “จ้านอิ่งคงเป็นม้าศึกของพ่อเจ้ากระมัง?”
เผยจี้ฉือมองจี้จือฮวนเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้ารับ “อืม มันเป็นสหายรักของท่านพ่อข้า มันเป็นม้าศึกที่ดีที่สุด ในสนามรบมันองอาจห้าวหาญเหมือนกับท่านพ่อของข้าไม่มีผิด”
บอกตามตรงว่านี่เป็นครั้งแรกที่จี้จือฮวนได้เห็นสีหน้าชื่นชมของเผยจี้ฉือ เห็นได้ชัดว่าเขาภูมิใจในตัวเผยยวนมากจริง ๆ เจ้าของร่างเดิมทำร้ายเด็ก ๆ เหล่านี้ยังไม่เท่าไร แต่การที่นางทำร้ายเผยยวน ด่าทอเขาว่าเป็นเศษขยะที่ไร้ชีวิต คิดว่านั่นน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ตัวร้ายผู้นี้เกิดแรงจูงใจในการฆ่า
“มันได้รับบาดเจ็บมา จำเป็นต้องพักสักระยะ”
เผยจี้ฉือถามด้วยความกังวล “สามารถรักษาให้หายได้หรือไม่?”
“ได้อยู่แล้ว กลับไปข้าจะทำแผลให้มัน จากนั้นก็จะทำคอกม้าที่กว้างขวางและสะดวกสบายให้มันด้วย ให้มันคอยอยู่เป็นเพื่อนพวกเจ้า”
เผยจี้ฉือถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก “ขอบคุณมาก ขอบคุณที่เจ้าทำสิ่งเหล่านี้ให้พวกเรา”
เจ้าไม่ใช่จี้จือฮวน เจ้าสามารถจากพวกเราไปได้ทุกเมื่อ แต่เจ้าก็ยังเลือกที่จะอยู่ต่อ ทำเรื่องต่าง ๆ มากมายโดยที่ความจริงแล้วไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้าเลย
จี้จือฮวนลูบผมของเขาเบา ๆ “อายุยังน้อยแต่ทำท่าทางราวกับคนแก่ไปได้ ระวังต่อไปจะไม่มีสตรีมาชอบเจ้านะ”
เผยจี้ฉือเบือนหน้าหนีด้วยความขัดเขิน หูของเขาแดงก่ำ ใครอยากให้สตรีมาชอบกัน เขา…มีงานใหญ่ต้องทำ ความแค้นของครอบครัวที่ยังไม่ได้สะสาง จะคิดถึงเรื่องความรักระหว่างชายหญิงได้อย่างไร?
.
.
.