บทที่ 90 จี้จือฮวนเป็นอาจารย์
ฮวาเซียงเซียงได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น “ตรวจสอบบัญชี ตรวจสอบบัญชีอะไรกัน?”
เสี่ยวเอ้อเช็ดเหงื่อที่หน้าผากทีหนึ่ง “ข้าเองก็ไม่ทราบขอรับ พวกเขาอยู่ด้านล่าง ลูกค้าหนีกลับไปไม่น้อยแล้วขอรับ”
“นี่เรียกว่ามาก่อความวุ่นวายชัด ๆ ข้าไม่ใช่คนร้าย พวกเขาทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน” ฮวาเซียงเซียงถลกแขนเสื้อขึ้น ก่อนจะลงไปจัดการเรื่องที่ด้านล่าง
จี้จือฮวนรับรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง จึงตามลงไปด้วย
“หัวหน้าสายตรวจหง ลมอะไรพัดท่านมาที่นี่ได้?” ฮวาเซียงเซียงสะบัดผ้าเช็ดหน้าไปมา จากนั้นก็ตะโกนบอกลูกค้าที่มาต่อแถวกินข้าว “ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ ทุกท่านเชิญกินดื่มกันตามสบาย เป็นเรื่องปกติเจ้าค่ะ”
พวกชาวบ้านจึงได้วางใจ
ฮวาเซียงเซียงลูบปอยผม พลางชำเลืองมองหัวหน้าสายตรวจหง
หัวหน้าสายตรวจหงกระแอมเล็กน้อย “ก็ไม่มีอะไร ตามกฎแล้วร้านของเจ้ากิจการดีเพียงนี้จะต้องจ่ายภาษีเป็นสองเท่า ดังนั้นข้าจึงมาตรวจสอบบัญชีและการจ่ายภาษี”
ฮวาเซียงเซียงมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปในทันที “กฎที่ไหนกัน?”
หัวหน้าสายตรวจหงเลิกคิ้วขึ้น “ข้าเองก็มาเก็บเงินตามคำสั่งของจางจู่ปู้ หากเถ้าแก่เนี้ยฮวาไม่ยินยอม เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่ศาลาว่าการเป็นอย่างไร?”
ฮวาเซียงเซียงหัวเราะออกมา “เจ้าคิดว่าข้ากลัวอย่างนั้นหรือ ได้ ไปก็ไป นำไปสิ!”
นางสะบัดผ้าเช็ดหน้า บิดไหล่กำลังจะเดินไป แต่หัวหน้าสายตรวจหงกลับเอ่ยขึ้นมาอีกครั้งอย่างช้า ๆ “เถ้าแก่เนี้ยฮวาไม่ต้องรีบ ยังมีอีกคนที่ต้องตามข้าไปด้วย”
ฮวาเซียงเซียงหันไปถลึงตาใส่ “ผู้ใด?”
“จี้จือฮวน จุ้ยเซียนจวี่ฟ้องร้องว่าจี้จือฮวนขโมยสูตรซุปหมาล่าของร้านพวกเขาไป” หัวหน้าสายตรวจหงหยิบโซ่เหล็กออกมา พร้อมกับมองไปยังจี้จือฮวนที่เพิ่งเดินลงบันไดมา พลางเอ่ยขึ้น “คิดว่าแม่นางผู้นี้คงจะเป็นแม่นางจี้กระมัง?”
จี้จือฮวนรู้ดีว่าฉือชางไห่คงไม่ยอมจบง่าย ๆ วันนี้ไม่ช้าก็เร็วต้องมาถึง
ดังนั้นนางจึงไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร
กลับเป็นเผยจี้ฉือที่จับมือของจี้จือฮวนเอาไว้แน่นทันที “ท่านแม่”
“ไม่ต้องกลัว” จี้จือฮวนเอ่ยปลอบ
ฮวาเซียงเซียงขวางจี้จือฮวนเอาไว้ราวกับแม่ไก่ที่พองขนอย่างไรอย่างนั้น “เจ้าพวกสุนัขรับใช้ ฉือชางไห่อิจฉาที่กิจการของข้ารุ่งเรืองใช่หรือไม่ ใครขโมยสูตรของเขากัน!”
หัวหน้าสายตรวจหงเลียริมฝีปาก “เถ้าแก่เนี้ยฮวา เจ้ามาโวยวายใส่ข้าก็ไม่มีประโยชน์อันใด ไม่สู้ตามข้าไปจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าลูกน้องของข้ารังแกสตรีก็แล้วกัน”
จี้จือฮวนกดบ่าของฮวาเซียงเซียงเอาไว้ พลางมองไปทางหัวหน้าสายตรวจหงและเอ่ยขึ้นว่า “ข้าไปกับพวกเจ้าก็ได้ แต่อีกเดี๋ยวพวกเจ้าอย่าเสียใจก็แล้วกัน”
หัวหน้าสายตรวจหงหัวเราะเสียงเย็น “คำพูดนี้เก็บเอาไว้ให้ตัวเจ้าเองเถอะ”
เมื่อทางการเอาตัวฮวาเซียงเซียงกับจี้จือฮวนไป บรรดาลูกค้าย่อมพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ คนที่ฉือชางไห่เตรียมเอาไว้ก็พุ่งตัวเข้ามาร่วมวงวิพากษณ์วิจารณ์ด้วยเช่นกัน
“พวกเจ้ายังไม่รู้ใช่หรือไม่ สูตรซุปหมาล่านี่และยังมีเสี่ยวหลงเปาอะไรนั่นอีก จี้จือฮวนล้วนขโมยสูตรลับจากพ่อครัวฉุยของจุ้ยเซียนจวี่มาทั้งนั้น”
“ช่างต่ำช้าไร้ยางอายจริง ๆ”
กลุ่มคนต่างวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างดุเดือด จากนั้นก็มีคนลุกขึ้นมา ซึ่งเป็นลูกค้าประจำของจี้จือฮวน
“พวกเจ้าเป็นขุนนางที่บังคับใช้กฎหมายหรืออย่างไร ที่ว่าการตัดสินคดีแล้วอย่างนั้นหรือ? พวกเจ้าถึงได้กล้าวิพากษ์วิจารณ์เช่นนี้ คนที่มีลิ้นแค่กินก็แยกออกแล้ว ว่าพ่อครัวฉุยไม่มีทางทำอาหารอร่อยเช่นนี้ได้!”
เมื่อมีคนหนึ่งลุกขึ้นมาพูดความจริง คนต่อไปก็ย่อมไม่กลัวที่จะพูดสนับสนุน
“ถูกต้อง รสชาติไม่เหมือนกันเลย”
“มีเหตุผลอะไรที่คนทำอาหารอร่อยต้องไปขโมยสูตรที่ไม่อร่อยด้วย บ้าหรือเปล่า?”
ยิ่งไปกว่านั้นทุกคนต่างก็รู้แก่ใจดีว่าจุ้ยเซียนจวี่มีนิสัยเช่นไร เพียงแค่ทุกคนไม่กล้าล่วงเกินฉือชางไห่ก็เท่านั้น แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะชิมและแยกไม่ออกว่าอันไหนอร่อยหรือไม่อร่อย
“พวกเราตามไปดูที่ที่ว่าการกันเถอะ!”
“ใช่แล้ว ไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ทุกคนวางตะเกียบลงและไปจ่ายเงิน ก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ที่ว่าการ อย่าคิดที่จะใส่ความคนดี ๆ เด็ดขาด ภัตตาคารที่ทั้งอร่อยทั้งถูกเช่นนี้ หากถูกปิด มิเท่ากับจุ้ยเซียนจวี่จะกลายเป็นใหญ่เพียงเจ้าเดียวหรอกหรือ?
อีกอย่างปากของพวกเขาก็คุ้นชินกับของอร่อยแล้ว หากกลับไปกินของจุ้ยเซียนจวี่อีกก็คงกินไม่ลงแล้ว
กินอย่างไรก็กินไม่ได้อีก
เสี่ยวเอ้อของร้านเห็นเถ้าแก่เนี้ยถูกคนพาตัวไป ย่อมต้องร้อนใจมากเป็นธรรมดา ตอนนี้เมื่อเห็นลูกค้าทั้งหมดออกจากร้านไป ทุกคนก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป แม้แต่พ่อครัวแม่ครัวก็ยังตามไปดูด้วย!
ขณะเตรียมที่จะปิดร้าน รถม้าคันหนึ่งก็หยุดลง จางหยวนเฉียวชะโงกหน้าออกมา พลางตะโกนถาม “แม่นางจี้อยู่หรือไม่ คนที่บ้านบอกว่านางเข้ามาที่ตำบล”
เสี่ยวเอ้อเล่าจึงเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง จางหยวนเฉียวก็สบถออกมาทันที ก่อนจะรีบตามไปที่ที่ว่าการ
จี้จือฮวนคิดไม่ถึงว่าการมาที่ว่าการครั้งที่สองนี้ จะเป็นเรื่องของตัวเอง
ฮวาเซียงเซียงไม่ใช่คนที่จะหลอกได้ง่าย ๆ ทันทีที่มาถึงก็เอ่ยขึ้นทันที “หัวหน้าสายตรวจหง ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าเจ้ากับจางจู่ปู้เป็นพวกเดียวกัน เรื่องวันนี้ ในเมื่อจะสอบสวนพวกเรา เช่นนั้นก็ต้องให้ท่านนายอำเภอมาร่วมฟังด้วย ข้าจะดูสิว่ามีกฎหมายข้อใดบอกว่ากิจการดีแล้วต้องจ่ายภาษีเพิ่ม”
หัวหน้าสายตรวจหงหัวเราะเสียงเย็น “นายอำเภอเจียงยุ่งอยู่ เขาใช่คนที่เจ้าอยากเจอก็จะได้เจออย่างนั้นหรือ เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้แค่จางจู่ปู้ก็สามารถจัดการได้แล้ว”
ฮวาเซียงเซียงหรี่ตาลง ดูท่าคงจะรับเงินจากฉือชางไห่มาไม่น้อย ไม่อย่างนั้นคงไม่กล้าพูดอย่างไร้มโนสำนึกได้ถึงเพียงนี้!
ตั้งแต่เข้ามาจี้จือฮวนก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ถูกต้อง เนื่องจากหัวหน้าสายตรวจหงไม่คิดที่จะเปิดศาล แต่กลับเรียกหัวหน้าสายตรวจอีกคนให้มาพานางไปเข้าคุกทันที
เผยจี้ฉือกลับกางแขนขวางหัวหน้าสายตรวจหงเอาไว้ราวกับลูกหมาป่าตัวหนึ่ง “หัวหน้าสายตรวจอย่างเจ้าทำงานกันเช่นไร และใครบอกเจ้าว่าสามารถจับคนเข้าคุกส่งเดชได้ เจ้าจะจับกุมในข้อหาอะไร สอบสวนคดีแล้วหรือไม่ หลักฐานอยู่ที่ใด พยานหลักฐานเจ้ามีอะไรบ้าง?”
หัวหน้าสายตรวจหงคิดไม่ถึงว่าเด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ ตรงหน้าจะถามเขาอย่างเป็นหลักเป็นการเช่นนี้
“ข้าเป็นหัวหน้าสายตรวจ การจะตัดสินคดีอย่างไรนั้น จะมีความรู้สู้เด็กอย่างเจ้าไม่ได้หรือ?”
จี้จือฮวนดึงเผยจี้ฉือมาไว้ทางด้านหลังทันที พลางจ้องหน้าหัวหน้าสายตรวจหงและเอ่ยขึ้นมา “อย่ามาตะโกนใส่ลูกชายข้า หากเขาตกใจขึ้นมา ข้ากลัวว่าชีวิตเจ้าทั้งชีวิตก็คงจะชดใช้ไม่ไหว”
หัวหน้าสายตรวจหงหัวเราะออกมาเบา ๆ “คำขู่พวกนี้ข้าได้ยินมาเยอะแล้ว อย่างพวกเจ้าเรียกว่าอะไรนะ ดิ้นรนครั้งสุดท้ายก่อนตายอย่างนั้นหรือ เข้ามาในที่ของข้าแล้ว ยังจะวางท่าใส่ข้าอีก เด็ก ๆ เอาตัวไป”
หัวหน้าสายตรวจหงสั่งการเสร็จ เจ้าหน้าที่สองสามคนที่อยู่ทางด้านหลังก็เดินเข้ามา
พวกเขารู้ว่านี่เป็นคำสั่งของจางจู่ปู้ ถึงเวลานายท่านฉือยังจะจ่ายเงินให้พวกเขาด้วย
ขณะที่จี้จือฮวนเตรียมที่จะลงมือจัดการพวกสุนัขเหล่านี้ ที่หน้าประตูที่ว่าการจู่ ๆ ก็มีเจ้าหน้าที่ตะโกนขึ้นมา “นายท่านเฉียวมาแล้ว!”
หัวหน้าสายตรวจหงย่อมรู้จักเฉียวเจิ้งถงอยู่แล้ว นั่นเป็นคนที่แม้แต่ท่านจือโจว1เมื่อเห็นก็ยังต้องโค้งคำนับให้และเรียกว่าอาจารย์ ไม่ใช่คนที่พวกเขาจะสามารถล่วงเกินได้
หัวหน้าสายตรวจหงถลึงตาใส่จี้จือฮวน “เจ้ารอข้าก่อนเถอะ อีกประเดี๋ยวข้าจะกลับมาจัดการเจ้า”
ส่วนบรรดาชาวบ้านที่กำลังมุ่งหน้ามาที่ว่าการ ก็ได้เห็นรถม้าของตระกูลเฉียวจอดอยู่ที่ประตูของที่ว่าการ และมีคนลงมาจากรถม้าหลายคน มีทั้งอาจารย์ใหญ่ของสำนักศึกษาชิงอวิ๋น มีนายท่านเฉียว และยังมีท่านหมอจางแห่งโรงยาฮุ่ยหมินอีกด้วย
หัวหน้าสายตรวจหงออกไปถึงก็เอ่ยอย่างหน้าด้าน ๆ ออกมา “โอ๊ะ วันนี้ไม่ทราบว่าลมอะไรหอบทุกท่านมาถึงที่นี่ได้ขอรับ!”
จางหยวนเฉียวไม่ว่างจะคุยกับเขา เขาผลักหัวหน้าสายตรวจหงที่ยืนบังออกทันที พร้อมกับตะโกนขึ้นมา “มีคนที่ต้องรีบไปช่วยชีวิตรออยู่ แม่นางจี้ที่ถูกพวกเจ้าพามาอยู่ด้านในหรือไม่!”
หัวหน้าสายตรวจหงนิ่งงัน จี้จือฮวน มาหาจี้จือฮวนทำไมกัน?
ด้านใน เมื่อจี้จือฮวนได้ยินเสียงก็เดินออกมา “มีอะไรอย่างนั้นหรือ?”
จางหยวนเฉียวเช็ดหน้าเช็ดตาพลางเอ่ยขึ้นมา “อาจารย์ ท่านรีบไปดูอาการคนไข้ก่อนเถอะ ต้องรบกวนท่านแล้ว เรื่องที่นี่ปล่อยให้พวกเราจัดการเอง”
หัวหน้าสายตรวจหงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ได้ยินอย่างชัดเจน อาจารย์อย่างนั้นหรือ อาจารย์ของท่านหมอจางเป็นผู้ใดกัน สตรีผู้นี้อย่างนั้นหรือ!?
[1] จือโจว (知州) หมายถึงขุนนางที่มีตำแหน่งเป็นเจ้าเมืองระดับโจว