บทที่ 91 ทายาทหมอเทวดา
วันนี้จี้จือฮวนเอากล่องยาน้อยใส่ไว้ในช่องว่างมิติ เมื่อได้ยินดังนั้นก็รีบเอ่ยขึ้นมาทันที “คนไข้อยู่ที่ใด?”
“บนรถม้าด้านหลัง” จางหยวนเฉียวรีบบอกทางให้กับจี้จือฮวน
จี้จือฮวนจึงส่งเผยจี้ฉือให้หลินเซวียเหวินช่วยดูแล และกำลังจะขึ้นไปบนรถม้าเพื่อตรวจคนไข้ด้วยตัวเอง แต่ขณะที่นางกำลังจะขึ้นไปบนรถม้านั้น ก็มีรถม้าอีกคันเข้ามาจอด โดยมีสตรีนางหนึ่งลงมาจากรถม้า นางสวมชุดสีขาวราวกับเทพธิดา ท่าทางดูสูงส่งไม่น้อย
ทว่าชาวบ้านในตำบลฉาซู่ไม่เคยเห็นสตรีที่แต่งกายเช่นนี้มาก่อน จึงอดไม่ได้ที่จะจ้องมองนาง
สตรีผู้นั้นเอ่ยเสียงเย็นออกมา “ท่านหมอจาง ท่านพาคนไข้ออกมาโดยพลการ ได้รับความยินยอมจากข้าแล้วหรือไม่?”
จางหยวนเฉียวขี้เกียจแม้แต่จะมองหน้านาง “เจ้ารักษาไม่ได้ยังไม่ยอมให้คนอื่นรักษาอีกอย่างนั้นหรือ หากคนไข้เป็นอะไรไปเจ้าจะรับผิดชอบใช่หรือไม่?”
จี้จือฮวนขึ้นไปบนรถม้าทันที ผู้ติดตามของสตรีชุดขาวคิดที่จะขัดขวาง แต่ถูกจี้จือฮวนเหวี่ยงออกจนล้มลงไปกับพื้น
สตรีชุดขาวขมวดคิ้ว จ้องการแต่งกายของจี้จือฮวน ไหนว่าฝีมือการรักษาของจางหยวนเฉียวผู้นี้ไม่เลวอย่างไรเล่า สุดท้ายกลับจะให้หญิงชาวบ้านคนหนึ่งมารักษา ดีไม่ดีอาจจะใช้วิธีสวดมนต์ร่ายคาถาอะไรก็ได้ เช่นนี้ยังจะเชื่อได้อีกอย่างนั้นหรือ?
“ข้าไม่สามารถให้สาวชาวบ้านคนหนึ่งขึ้นไปได้ เพราะนี่เท่ากับเป็นการเหยียดหยามข้า เด็ก ๆ ลากตัวนางผู้นั้นลงมา”
จางหยวนเฉียวได้ยินดังนั้นก็โมโหเป็นอย่างมาก กำลังจะด่าทอสตรีชุดขาว แต่จู่ ๆ ในรถม้าก็มีเสียงดังขึ้นมา
“นายท่าน นายท่านฟื้นแล้ว!” คนรับใช้ชราคนหนึ่งรูดม่านที่หน้าต่างของรถม้า ออก ชายชราร้องไห้จนน้ำหูน้ำตาไหลพราก พลางเอ่ยออกมา “ฟื้นแล้ว คนฟื้นแล้ว เป็นหมอเทวดาจริง ๆ”
จี้จือฮวนเก็บยาอะดรีนาลีนลงกล่องยาน้อย ชายชราที่อยู่ในรถม้าเมื่อครู่นี้มีอาการหัวใจหยุดเต้นกะทันหัน หากไม่ใช่เพราะจางหยวนเฉียวพามาได้ทันเวลา ต่อให้เทพต้าหลัวลงมาเองก็คงไม่สามารถช่วยเขาได้
สตรีชุดขาวเห็นได้ชัดว่าคิดไม่ถึงที่ว่าชายชราในรถม้าจะสามารถถูกช่วยชีวิตเอาไว้ได้ นางจึงค้านขึ้นมาทันที “เป็นไปไม่ได้!”
คนรับใช้ชราได้ยินดังนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าก็แข็งค้างทันที ตอนนี้นายท่านไม่เป็นอะไรแล้ว เขาเองก็ไม่จำเป็นจะต้องสนใจสตรีผู้นี้อีก เขาจึงลงมาจากรถม้าก่อนจะหรี่ตาลงและเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าไร้ฝีมือทางการแพทย์เอง จึงคิดว่าคนอื่นจะไม่สามารถรักษาได้เหมือนเจ้าอย่างนั้นหรือ หุบปากอัปมงคลของเจ้าไปซะ หากนายท่านของเราเป็นอะไรขึ้นมา ข้าเกรงว่าหัวที่วางอยู่บนบ่าของเจ้าคงจะไม่พอให้ตัด!”
“เจ้า!”
จางหยวนเฉียวรีบเข้าไปดูอาการของคนไข้ ก่อนผลักสตรีผู้นั้นออกไป ปากก็เอ่ยเยาะเย้ยถากถางไปด้วย “ตระกูลหมอเทวดาอย่างนั้นหรือ ลู่อวิ๋นเซียงกลับบ้านไปแล้วก็ส่องกระจกดูสักหน่อยเถอะว่าพวกเจ้าคู่ควรหรือไม่!”
เวลานี้บรรดาชาวบ้านต่างก็กำลังตกใจเรื่องที่แม่นางจี้มีทักษะทางการแพทย์อยู่ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะได้ยินคำว่าตระกูลหมอเทวดา
หรือว่าจะเป็นตระกูลลู่ในตำนาน ได้ยินมาว่าบรรพบุรุษของตระกูลลู่มีหมอเทวดาท่านหนึ่ง และยังเป็นผู้ที่เก่งกาจอย่างมาก ดังนั้นตระกูลลู่จึงกลายเป็นตัวแทนของหมอเทวดา ในเมื่อเป็นทายาทของตระกูลหมอเทวดา เช่นนั้นเหตุใดฝีมือการรักษายังสู้แม่นางจี้ไม่ได้กัน คงไม่ใช่เป็นพวกที่หลอกลวงคนหรอกกระมัง
จางหยวนเฉียวเข้ามาในรถม้า จี้จือฮวนก็เอ่ยขึ้นมา “ท่านเป็นโรคหัวใจ ควรใส่ใจร่างกายให้มาก มิฉะนั้นเมื่ออาการกำเริบจะเป็นอันตรายมาก ส่วนยานี่ ท่านเอากลับไปกิน แล้วให้คนมารับยาที่ข้าเดือนละครั้ง น่าจะช่วยให้อาการของท่านคงที่ได้”
ชายชราที่เพิ่งจะฟื้นขึ้นมา จ้องหน้าจี้จือฮวนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม “ขอบคุณแม่นางที่ช่วยเหลือ”
จี้จือฮวนพยักหน้าให้ “ไม่ต้องเกรงใจ เพราะข้าเก็บเงินค่ารักษา”
จางหยวนเฉียว “…”
อาจารย์ ท่านไม่เห็นจำเป็นจะต้องเป็นคนตรง ๆ ขนาดนี้เลย ท่านลองดูลู่อวิ๋นเซียงข้างนอกนั่นสิ ไม่มีฝีมือทางการแพทย์ แต่วางท่าเป็นเทพธิดาที่เก่งกาจเสียใหญ่โต
ทว่าเมื่อชายชราได้ยินดังนั้นกลับไม่ได้รู้สึกไม่พอใจแต่อย่างใด “ได้ ข้าจะจ่ายค่าตอบแทนเพื่อเป็นการขอบคุณแม่นางอย่างงามแน่นอน”
เมื่อได้รับคำยืนยัน จี้จือฮวนก็พยักหน้าให้ด้วยความพอใจ “มีคนฟ้องร้องข้า ข้าต้องขอตัวไปจัดการธุระก่อน”
ชายชราขมวดคิ้วและพยุงตัวขึ้น “ไม่ทราบว่าข้าสามารถช่วยได้หรือไม่?”
จี้จือฮวนมองกลับไปด้วยความสงสัย ราวกับจะถามว่า ท่านเป็นใครกัน?
จางหยวนเฉียวจึงกระแอมเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยด้วยความนอบน้อมขึ้นมา “อาจารย์ ท่านนี้คือท่านกั๋วกง”
อ่อ เป็นกั๋วกงอีกคนแล้วสินะ ไม่รู้ว่ามีอำนาจหรือไม่?
เห็นได้ชัดว่าท่านกั๋วกงไม่อยากให้ผู้มีพระคุณของตัวเองถูกรังแก เขาจึงลงมาจากรถม้า พ่อบ้านจูที่กำลังด่าลู่อวิ๋นเซียงเห็นดังนั้น ก็ดีใจจนน้ำตาเกือบไหลออกมา!
สวรรค์ ในที่สุดก็ตามหาหมอที่เชื่อถือได้เจอเสียที!
เพราะหลายปีมานี้ทุกครั้งที่อาการของท่านกั๋วกงกำเริบ ก็เกือบจะไม่รอดทุกครั้ง ต่อให้ไม่ตายก็ต้องนอนอยู่บนเตียงเป็นครึ่งเดือน ไหนเลยจะยืนขึ้นได้ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะดีขึ้นเช่นนี้
แม้ว่าสีหน้าของถังกั๋วกงจะยังคงไม่สู้ดีนัก แต่เขาก็รู้สึกว่าร่างกายของตนเองไม่ได้แย่เหมือนก่อนหน้านี้ จึงยังสามารถเคลื่อนไหวเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้
หัวหน้าสายตรวจหงไม่รู้จักถังกั๋วกงมาก่อน แต่การที่เห็นจี้จือฮวนรู้จักคนมากมายเช่นนี้ เขาก็เริ่มสังหรณ์ใจไม่ดีเสียแล้ว
กลัวอะไรก็ได้เจออย่างนั้นจริง ๆ จี้จือฮวนเดินมาตรงหน้าหัวหน้าสายตรวจหง “จะโบยไม่ใช่หรือ ไปสิ”
สีหน้าของหัวหน้าสายตรวจหงย่ำแย่เสียยิ่งกว่ากินอึ แม่นาง ไม่สู้เจ้าตีข้าเสียยังดีกว่า ข้าไหนเลยจะกล้าทำ เจ้าคือคนที่ช่วยชีวิตท่านกั๋วกงเอาไว้เชียวนะ
“ไม่…ไม่ต้องแล้วล่ะ ข้าว่าคงเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดกันเท่านั้น”
สีหน้าของจี้จือฮวนเรียบนิ่งไม่ได้บ่งบอกอารมณ์ใด ๆ “ไม่ได้ ข้ามาถึงที่นี่แล้ว เรื่องวันนี้หากไม่มีข้อสรุป ค่าแรงข้าที่ขาดไปเจ้าชดใช้ไม่ไหวหรอก”
เอ่ยจบนางก็เดินเข้าประตูที่ว่าการไปเอง
หลินเซวียเหวินและเฉียวเจิ้งถงเองก็อยากรู้ ว่าแม่นางจี้ทำอะไรผิดกันแน่ ดังนั้นจึงตามเข้าไปด้วย
ถังกั๋วกงเองก็ย่อมไม่สามารถทนเห็นผู้มีพระคุณเกิดเรื่องได้ จึงตามเข้าไปในที่ว่าการด้วย โดยมีพ่อบ้านจูและองครักษ์ช่วยประคอง
ในที่สุดเรื่องสำคัญที่พวกชาวบ้านรอก็มาถึงแล้ว ใครยังจะสนใจทายาทตระกูลหมอเทวดาอะไรนั่นอีก ตามไปดูเรื่องสนุกย่อมสำคัญกว่า
ลู่อวิ๋นเซียงโมโหจนสั่นเทาไปทั้งตัว สาวใช้ข้างกายอย่างอู๋จิงจึงเดินเข้ามาและเอ่ยขึ้น “คุณหนู พวกเราจะตามเข้าไปหรือไม่เจ้าคะ?”
ลู่อวิ๋นเซียงหรี่ตาลง “ไปดูอะไร ก็แค่สาวชาวบ้านคนหนึ่ง ใช้วิชาหมอชาวบ้านอะไรบางอย่างรักษาคนก็เท่านั้น ใครจะไปรู้ อาจเป็นอาการดีขึ้นก่อนจะตายก็ได้ สักวันพวกเขาจะต้องเสียใจ ไปได้แล้ว!”
ฮวาเซียงเซียงรอจนหมดความอดทนมาตั้งนานแล้ว เมื่อเห็นจี้จือฮวนกลับมาและยังพาคนมาด้วยมากมาย ก็ตะคอกใส่หัวหน้าสายตรวจหงทันที “พวกเจ้าจะเอาอย่างไร ต่อให้เป็นขุนนางก็ต้องทำตามกฎหมายของต้าจิ้น วันนี้หากไม่อธิบายมาให้รู้เรื่อง ข้าไม่ยอมจบง่าย ๆ แน่!”
หากฮวาเซียงเซียงเป็นพวกที่อ่อนแอ ก็คงไม่เป็นศัตรูกับฉือชางไห่มานานเพียงนี้แน่
หัวหน้าสายตรวจหงรู้ดีว่าวันนี้ตนเองเจอตอเข้าแล้ว จึงนึกเสียใจจนอยากตายไปซะ ก่อนจะให้คนรีบไปเชิญจางจู่ปู้มา อีกทั้งวันนี้นายอำเภอเองก็กำลังเดินทางกลับมาแล้ว หวังว่าคงจะไม่โชคร้ายมาเจอเข้าหรอกนะ
ฮวาเซียงเซียงเห็นหัวหน้าสายตรวจหงที่หยิ่งจองหองเงียบเป็นเป่าสาก ก็หัวเราะเสียงเย็นและเอ่ยขึ้นมา “ทำไม พูดไม่ออกแล้วหรือ?”
หัวหน้าสายตรวจหงกลืนน้ำลายลงคอ “เอ่อ…รอจางจู่ปู้มาค่อยว่ากันเถอะ”
“โอ้โห ในที่สุดเขาก็อยู่แล้วอย่างนั้นหรือ ทุกคนดูไว้นะ ที่บอกว่าที่ว่าการมีไว้เพื่อช่วยเหลือชาวบ้าน แต่ข้าว่าที่พวกเจ้าทำกันอยู่คือการเป็นศัตรูกับชาวบ้านมากกว่า!” ฮวาเซียงเซียงเอ่ยจบ หัวหน้าสายตรวจหงก็แทบอยากจะหายตัวไปจากตรงนั้น
จางหยวนเฉียวขมวดคิ้วแล้วเอ่ยขึ้นมา “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เถ้าแก่เนี้ยฮวา ท่านพูดมาได้เลย พวกเราจะรับฟังท่านเอง”
ฮวาเซียงเซียงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดออกมาทันที นางพูดจาชัดถ้อยชัดคำความคิดความอ่านว่องไว ทำให้ทุกคนที่ฟังต่างก็ขมวดคิ้วไปตาม ๆ กัน
เฉียวเจิ้งถงลุกขึ้นยืนด้วยความโมโห “ในเมื่อจุ้ยเซียนจวี่ฟ้องร้องว่าแม่นางจี้ขโมยสูตร เช่นนั้นคนของจุ้ยเซียนจวี่เหตุใดถึงไม่มาเล่า มีสิทธิ์อะไรที่จะไม่มาสอบสวน ไม่สอบถามความเป็นมาเป็นไปก็จะจับคนขังคุก หัวหน้าสายตรวจหงเจ้าทำงานประสาอะไรของเจ้ากัน หรือว่าไปรับเงินของใครมา?”