บทที่ 114 เอาตัวไปให้หมด
หยวนซื่อยังคงร้องห่มร้องไห้อยู่ แต่สายตรวจบางคนกลับจำจี้จือฮวนได้ จึงส่งสายตาให้กัน
คนที่เป็นหัวหน้าคำนับให้กับจี้จือฮวน “แม่นางจี้ ที่แท้เป็นท่านเองหรือขอรับ เช่นนั้นต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันแน่นอน”
นายอำเภอเจียงกำชับเอาไว้แล้วว่า แม่นางจี้ผู้นี้เป็นผู้มีพระคุณของถังกั๋วกง พวกเขาไม่ใช่คนโง่ จุดจบของหัวหน้าสายตรวจหงก็มีให้เห็นเต็มสองตา มีตัวอย่างให้เห็นแล้ว พวกเขาไหนเลยจะกล้ามีปัญหากับแม่นางจี้
หยวนซื่อตกตะลึงทันที
เจ้า…เจ้าหน้าที่เหตุใดถึงเข้าข้างจี้จือฮวนเช่นนี้เล่า?
นางบอกไปแล้วว่าจี้จือฮวนตีเย่าจงของพวกเขา จนทำให้มือของท่านถงเซิงหัก นี่ยังไม่ร้ายแรงอีกอย่างนั้นหรือ!
จี้จือฮวนเองก็คิดไม่ถึงว่าสายตรวจเหล่านี้จะเกรงใจนางมากเพียงนี้ นางเลิกคิ้วมองไปทางหยวนซื่อ ก่อนจะเอ่ยพลางยกยิ้มขึ้นมา “ต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดอยู่แล้ว ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเหตุใดคนครอบครัวเฉินถึงได้ตามรังควานข้าไม่เลิกเสียที”
หยวนซื่อโมโหจนแทบเป็นบ้า แต่ก็ไม่กล้าทำอะไรจี้จือฮวน ทำได้เพียงเอ่ยกับเจ้าหน้าที่พร้อมกับร้องไห้คร่ำครวญ “ท่านเจ้าหน้าที่ พวกท่านไปดูที่บ้านของข้าก็จะรู้เองว่าจี้จือฮวนผู้นี้ไม่ใช่คนดีอะไร นางกำลังหลอกพวกท่านอยู่นะเจ้าคะ”
คนในหมู่บ้านตระกูลเฉินทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว
“เจ้ายังไม่จบอีกอย่างนั้นหรือ ดูท่าการไปอยู่ในถ้ำโทรม ๆ ก็ยังทำให้พวกเจ้าสำนึกผิดไม่ได้อยู่ดีสินะ”
“ท่านเจ้าหน้าที่ พวกท่านอย่าไปฟังนางพูดจาเหลวไหล ความจริงคนของครอบครัวเฉินต่างหากที่เป็นฝ่ายรังแกสะใภ้ตระกูลเผยกับลูก ๆ ทั้งสามมาโดยตลอด”
“ถูกต้อง พวกเราเป็นพยานได้ขอรับ”
ความจริงแล้วพวกเจ้าหน้าที่กลับไม่ได้คิดมากแม้แต่น้อย เพราะไม่ว่าจี้จือฮวนจะเป็นฝ่ายผิดหรือไม่ พวกเขาสามารถล่วงเกินผู้มีพระคุณของถังกั๋วกงได้อย่างนั้นหรือ? ยิ่งไปกว่านั้นชาวบ้านมากมายล้วนเข้าข้างแม่นางจี้ เห็นได้ชัดว่าคนที่มีปัญหาก็คือคนครอบครัวเฉิน
ทั้ง ๆ ที่เป็นหมู่บ้านตระกูลเฉิน แถมแม่นางจี้ก็ไม่ใช่คนของที่นี่ เหตุใดชาวบ้านต้องเข้าข้างคนต่างถิ่นด้วย เพียงเท่านี้ก็รู้ดีอยู่แก่ใจแล้วมิใช่หรือ เห็นพวกเขาโง่นักหรืออย่างไร?
“แม่นางจี้ คนผู้นี้ใส่ร้ายท่าน ท่านคิดจะจัดการเช่นไรขอรับ?”
จี้จือฮวนดูก็รู้ว่าคนพวกนี้ต้องการประจบเอาใจนาง ในเมื่อไม่กระทบกับผลประโยชน์ นางต้องสนใจความเป็นความตายของคนครอบครัวเฉินไปทำไมกัน?
“ความจริงแล้วข้าก็ไม่ได้อะไรหรอก เพียงแต่ชาวบ้านในหมู่บ้านตระกูลเฉินต่างก็เป็นคนซื่อสัตย์ แต่เมื่อมีคนพวกนี้โผล่มา หากเรื่องแพร่ออกไปแล้วมีคนรู้ว่าภายใต้การดูแลของนายอำเภอเจียงยังมีคนที่ชั่วร้ายเช่นนี้อยู่ อาจจะเป็นอุปสรรคต่อการเลื่อนขั้นของนายอำเภอเจียงได้”
คนอื่นไม่รู้แต่คนที่ทำงานในที่ว่าการจะไม่รู้ได้อย่างไร ว่านายอำเภอเจียงให้ความสำคัญกับการเลื่อนตำแหน่งมากเพียงใด นับตั้งแต่เกิดเรื่องของฉือชางไห่กับจางจู่ปู้ ทุกคนต่างก็ต้องอยู่กันอย่างอกสั่นขวัญแขวน กลัวว่าหากมีคนทำผิดพลาดขึ้นมาแล้วจะถูกนายอำเภอจับไปตบเอาได้
เมื่อจี้จือฮวนเอ่ยเตือนเช่นนี้ เหล่าเจ้าหน้าที่ก็ได้สติขึ้นมาทันที “แม่นางจี้พูดได้ถูกต้องแล้ว ข้าจะนำตัวคนครอบครัวเฉินกลับไปที่ที่ทำการเดี๋ยวนี้ และให้ท่านนายอำเภอจัดการ จะไม่ให้พวกเขามารบกวนความสงบของท่านอีกขอรับ”
หยวนซื่อได้ยินดังนั้นก็หมุนตัวเตรียมที่จะหนี จี้จือฮวนผู้นี้รู้จักกับเจ้าหน้าที่ของที่ว่าการด้วยอย่างนั้นหรือ นี่ใช่คนที่พวกเขาจะมีเรื่องด้วยได้ที่ไหนกัน?
แต่แขนขาของหยวนซื่อกลับไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาดื้อ ๆ จะหนีไปที่ใดได้ วิ่งไปได้ไม่ไกลก็ถูกเจ้าหน้าที่ไล่ตามทัน จึงล้มลงที่ข้างทางทันที
“ฆ่าคนแล้ว จะฆ่าคนแล้ว!”
…
ทางด้านครอบครัวเฉิน ลูกชายทั้งสามคนของหยวนซื่อเวลานี้ได้ไปยืมเงินกลับมาแล้ว เมื่อเห็นเฉินเย่าจงนอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้น มือทั้งสองข้างถูกตีจนหัก เฉินไคชุนเองก็หมดลมไปแล้ว พวกเขาจึงได้แบกเฉินเย่าจงมาหาหยวนซื่อ
ระหว่างทางเห็นเฉินหลันหลันและหวังกุ้ยฟางถูกมัดโยนทิ้งไว้อยู่ในแม่น้ำ พวกเขาต่างก็ตกตะลึงทันที
พวกนางทั้งสองคนถูกมัดมือมัดเท้าด้วยเชือกฟาง และถูกโยนลงไปในแม่น้ำสายเล็ก ๆ เวลานี้ทำได้เพียงเงยหน้าขึ้นและอ้าปากพะงาบ ๆ เพื่อหายใจและไม่ให้จมน้ำตาย เมื่อเห็นพวกเขาก็ร้องขอความช่วยเหลือทันที
“ท่านพี่ รีบช่วยข้าที!” เฉินหลันหลันสำลักน้ำไปหลายอึก กว่าจะฝืนร้องออกมาได้
พวกผู้ชายในครอบครัวเฉินต่างก็รีบลงไปช่วยพวกนางขึ้นมา และเมื่อได้ยินว่าลูกสาวคนรองของครอบครัวเผยเป็นคนทำ ทั้งหมดจึงมาหาด้วยท่าทีดุดัน
บังเอิญพบหยวนซื่อที่กำลังถูกเจ้าหน้าที่ทางการหามไปพอดี
“ท่านเจ้าหน้าที่ พวกท่านทำอันใดกัน พวกเราต่างหากที่เป็นเจ้าทุกข์”
เฉินหลันหลันกับหวังกุ้ยฟางเปียกโชกไปทั้งตัว ราวกับพรายน้ำที่ขึ้นมาจากขุมนรก ใบหน้าขาวซีดนั้นจ้องมาที่อาอินเขม็ง “ท่านเจ้าหน้าที่ พวกเขาปล่อยให้ลูกสาวเที่ยวไปฆ่าคนนะเจ้าคะ ทั้งยังทำร้ายท่านถงเซิงของครอบครัวเราด้วย นี่เท่ากับบีบให้พวกเราไปตายอยู่นะเจ้าคะ”
เฉินเย่าจงเป็นความหวังสุดท้ายของครอบครัวเฉิน ทุกคนทนลำบากก็เพื่อส่งเขาเรียน คนครอบครัวเผยจะรังแกกันเกินไปแล้ว!
จี้จือฮวนได้ยินดังนั้นก็หันไปมองอาอิน ที่ผ่านมานางเป็นคนตรง ๆ และนางก็โกหกไม่เป็น เมื่อถูกจี้จือฮวนมองด้วยสายตาคาดคั้นเช่นนั้น ใบหน้าของอาอินก็แดงก่ำขึ้นมาทันที
แต่นางไม่คิดเสียใจแม้แต่น้อย หากคนครอบครัวเฉินด่าคนในครอบครัวนางอีกครั้ง นางก็จะตีพวกเขาเหมือนเดิม
ขณะที่อาอินกำลังกังวลว่าจี้จือฮวนอาจจะไม่สนใจตัวเองอีก ก็ได้ยินเสียงนางเอ่ยขึ้นมา
“ถูกอาอินตีอย่างนั้นหรือ? พวกเจ้าสองคนตัวโตออกปานนี้ ไม่รวมหัวกันรังแกอาอินของเราก็นับว่าไม่เลวแล้ว เจ้าจะโกหกอะไรก็ให้มันสมเหตุสมผลหน่อยไม่ได้หรืออย่างไร?”
ท่านป้ากอดอาอินเอาไว้แน่น ก่อนจะดึงผ้าเช็ดหน้าออกมา และเริ่มแสดงทันที “นั่นน่ะสิ กลางวันแสก ๆ มาใส่ร้ายลูกสาวบ้านเราเช่นนี้ พวกเจ้าสองคนยังมีหัวใจอยู่หรือไม่ เด็กอายุห้าขวบจะทำอะไรพวกเจ้าได้ ดีไม่ดีอาจเป็นพวกเจ้าที่อาศัยตอนนางอยู่คนเดียว คิดจะลอบทำร้ายนางล่ะสิไม่ว่า”
ถูกท่านป้าเดาถูกเช่นนี้ เฉินหลันหลันที่เป็นคนไม่มีสมอง ได้ยินดังนั้นก็รีบแย้งขึ้นมาทันที “ถุย พวกเราคิดจะผลักนางลงไปในน้ำ แต่นางก็หลบทันไม่ใช่หรือ พวกเราจะทำอะไรนางได้?”
บรรดาชาวบ้านได้ยินดังนั้นต่างก็มองด้วยสีหน้าดูแคลน “อ้อ!!! สารภาพออกมาแล้ว หน้าไม่อายจริง ๆ เด็กเล็กเช่นนี้ยังจะกล้ารังแกอีก ท่านเจ้าหน้าที่ พวกเขาจะฆ่าคนขอรับ!”
“พวกเราฆ่าคนอย่างนั้นหรือ? เหตุใดพวกเจ้าไม่ดูบ้างว่าเย่าจงของเราถูกชายหญิงสุนัขคู่นี้ทุบตีจนมีสภาพเช่นไรบ้าง!”
เผยยวนหรี่ตาลง ดูท่าคนครอบครัวเฉินคงเก็บไว้ไม่ได้อีกแม้แต่คนเดียว
ขณะที่เผยยวนเตรียมที่จะลอบลงมือนั้น จี้จือฮวนก็เอ่ยขึ้นมาอย่างช้า ๆ “เจ้าจะพูดอะไรก็หัดใช้สมองเสียบ้าง สามีข้าอ่อนแอจนไม่สามารถดูแลตัวเองได้ กินข้าวยังต้องให้คนป้อน พวกเจ้าหกล้มมือหักเองแล้วคิดจะมารีดไถเงินอย่างนั้นหรือ ฝันไปเถอะ”
เผยยวนอดที่จะยกมุมปากขึ้นมาไม่ได้ นาง…เรียกเขาว่าสามี
ช่างไพเราะยิ่งนัก
เจ้าหน้าที่ได้ยินดังนั้นก็รีบเอ่ยขอโทษจี้จือฮวนครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะจับตัวคนในครอบครัวเฉินออกไปจากหมู่บ้าน พวกชาวบ้านต่างก็เข้ามาช่วยกันหิ้วคนลงไปจากเนินเขา
ท่านป้าหยางวางไม้กวาดลงแล้วเอ่ยขึ้นมา “ข้าให้ตาเฒ่าที่บ้านตามไปที่ที่ว่าการด้วย ให้เขาไปรายงานเรื่องที่ครอบครัวของเฉินไคชุนเคยทำเอาไว้ วันหน้าพวกเขาจะได้ไม่กล้าโผล่หน้ามาอีก”
“ลำบากท่านป้าแล้ว”
“ลำบากอะไรกัน เจ้ารีบไปพักผ่อนเถอะ” ท่านป้าหยางโบกมือให้ ก่อนจะรีบกลับบ้านไปตามเฉินฉือทันที
พวกเหล่าเติ้งก็กลับไปทำงานต่อ ส่วนอาอินกลับหลบอยู่ด้านหลังท่านป้าด้วยความกระวนกระวาย รู้สึกกลัวเล็กน้อย เผยยวนก็เช่นกัน สองพ่อลูกต่างก็กำลังรอดูปฏิกิริยาจากจี้จือฮวนอยู่
จี้จือฮวนเอามือลูบคางเล็กน้อย ทันใดนั้นก็หันหน้ามา
อาอินตกใจจนสะอึกขึ้นมา
“พวกเจ้าว่าบ่ายนี้กินวุ้นมู่เหลียนดีหรือไม่?”
???
จี้จือฮวนปรบมือหนึ่งที “ข้าจ้องผลตีนตุ๊กแกที่กำแพงบ้านท่านย่าหวังมาหลายคราแล้ว ข้าว่าจะไปขอซื้อจากนางหน่อย พวกเจ้ารอข้าอยู่ที่บ้านนะ ตอนบ่ายข้าจะทำของอร่อยให้พวกเจ้ากิน”
อาอิน “…”
เผยยวน “…”
จี้จือฮวนหยิบตะกร้าไม้ไผ่ใบเล็กขึ้นมา “รีบไปลองเสื้อผ้ารองเท้าที่ข้าซื้อมาให้พวกเจ้าเถอะ ถ้าไม่พอดีตัวพรุ่งนี้ข้าจะเอาไปเปลี่ยนให้ใหม่”
“อืม…”
เฮ้อ โชคดีที่รอดตัวไปได้