บทที่ 118 หนอนสีดำลึกลับ
ถังหมิงได้ยินดังนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที “มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือขอรับ แม่นางลู่ช่วยบอกผู้น้อยทีว่าสาวชาวบ้านผู้นั้นนามว่าอะไร บ้านอยู่ที่ใด ข้าจะได้ไปคิดบัญชีกับนางได้ขอรับ”
ลู่อวิ๋นเซียงแสร้งทำเป็นระอาใจ “ข้าวนไปวนมาอยู่ที่นี่มานานแล้วก็ยังสืบไม่พบ วันนั้นนางสวมผ้าปิดหน้าข้ามองไม่ชัดจริง ๆ แต่ดูแล้วอายุน่าจะยังไม่มากนัก มีฝีมือการแพทย์สูงส่งอะไรกัน แต่ในเมื่อถังกั๋วกงเชื่อใจนาง ข้าก็ทำได้เพียงตรวจสอบอย่างลับ ๆ และคืนความบริสุทธิ์ให้ตัวเอง”
ถังหมิงหรี่ตาลง “ได้ขอรับ ข้าจะไม่ให้แม่นางลู่ต้องแบกรับความอยุติธรรมเปล่า ๆ เช่นนี้แน่ ข้าจะให้สาวชาวบ้านผู้นั้นชดใช้ให้ท่านเองขอรับ”
ลู่อวิ๋นเซียงยกยิ้มขึ้น “พวกที่ใช้วิธีการไม่ชอบเพื่อให้ได้มาซึ่งชื่อเสียงเกียรติยศเช่นนี้ ปล่อยไปข้ากลัวว่าจะมีคนถูกหลอกมากกว่านี้ จริงหรือไม่เจ้าคะ?”
ถังหมิงพยักหน้ารับหงึก ๆ “แม่นางลู่พูดได้ถูกต้องแล้วขอรับ รอหาตัวพบแล้วข้าจะสังหารทิ้งทันทีเลยขอรับ”
เขาสั่งคนที่อยู่ด้านหลัง “ครั้งนี้ข้าจ่ายเงินไปค่อนข้างมากจึงได้สมบัติชิ้นหนึ่งมา ขอแม่นางลู่รับไว้ด้วยขอรับ”
ลู่อวิ๋นเซียงดวงตาเป็นประกายขึ้นมา “ข้าจะรับไว้ได้อย่างไรกัน”
“แม่นางลู่อย่าได้เกรงใจไปเลยขอรับ ฝีมือการแพทย์ของท่านย่อมสูงส่งกว่า” ถังหมิงรับกล่องมาจากมือขององครักษ์ด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็เปิดเอาขวดลายครามใบเล็กที่อยู่ด้านในออกมา “ในนี้คือยาพิษที่หายาก ได้ยินมาว่าแม่นางลู่กำลังศึกษาด้านการใช้พิษต้านพิษ ดังนั้นข้าจึงตั้งใจซื้อมามอบให้แก่แม่นางลู่ขอรับ”
สิ่งที่ถังหมิงไม่รู้ก็คือ ลู่อวิ๋นเซียงเมื่ออยู่รวมกับคนในตระกูลแล้วหาได้มีฝีมืออะไรไม่ และยากที่จะก้าวหน้าในด้านการแพทย์ ดังนั้นนางจึงเลือกศึกษาพิษแทน แต่พิษที่ร้ายแรงในใต้หล้านี้หายาก นางจึงต้องเดินทางไปยังตระกูลใหญ่ต่าง ๆ และตีสนิทกับพวกเขา อาศัยชื่อเสียงของตระกูลเหล่านั้นจึงได้พิษมาเล็กน้อย
ตอนนี้ถังหมิงนำสิ่งนี้มามอบให้ถึงมือ หากลู่อวิ๋นเซียงปฏิเสธก็แปลกแล้ว
“ในเมื่อคุณชายถังพูดเช่นนี้ หากอวิ๋นเซียงปฏิเสธก็จะเป็นการไม่ให้เกียรติคุณชายถัง เช่นนั้นอวิ๋นเซียงขอขอบคุณคุณชายมากนะเจ้าคะ”
ลู่อวิ๋นเซียงเอ่ยพร้อมกับรับกล่องผ้าแพรมาเปิดดู ข้างในเป็นขวดลายครามสีเขียวอมฟ้าขนาดเล็กใบหนึ่ง นางแทบจะรอไม่ไหวเพราะอยากรู้ว่าในนั้นเป็นพิษอะไร ดังนั้นนางจึงสวมผ้าคลุมหน้าและเปิดฝาขวดออกเล็กน้อย ทันใดนั้นก็มีหนอนสีดำตัวหนึ่งพุ่งออกมา กัดลู่อวิ๋นเซียงไปหนึ่งที ก่อนจะหายไป
“กรี๊ด!!!” ลู่อวิ๋นเซียงกรีดร้องออกมา ถังหมิงจึงรีบเอ่ยถามทันที “แม่นางลู่ ท่านเป็นอะไรหรือไม่ขอรับ”
หนอนเมื่อครู่มีขนาดเล็กและว่องไวมาก ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ จึงไม่ทันสังเกตเห็นและคิดว่าลู่อวิ๋นเซียงถูกพิษเข้าเสียแล้ว ทว่าขวดลายครามนั้นกลับว่างเปล่า มีพิษอะไรที่ไหนกัน?
เสียงกรีดร้องของลู่อวิ๋นเซียงดึงดูดความสนใจจากห้องที่อยู่ถัดไป ทำให้จางหยวนเฉียวส่งเสียงจิ๊ปากออกมา
เขาเพิ่งเตรียมจะกราบอาจารย์อย่างเป็นทางการ ไก่ป่าตัวไหนดันมาขันกัน!
ลู่อวิ๋นเซียงปิดตาเอาไว้ข้างหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้นมา “เมื่อครู่มีหนอนกัดข้า นั่นต้องไม่ใช่หนอนธรรมดาแน่”
ดวงตาของนางเวลานี้เจ็บปวดเป็นอย่างมาก ลู่อวิ๋นเซียงจึงหยิบยาที่ตัวเองปรุงออกมาและยัดเข้าปากไปหนึ่งเม็ด ก่อนจะสั่งให้อู๋จิงไปตักน้ำมาให้ตนเองล้างตา
ถังหมิงมองไปที่ขวดยาด้วยความประหลาดใจ นี่เป็นยาพิษชั้นดีชัด ๆ จะมีหนอนอยู่ในนั้นได้อย่างไรกัน?
หนอนนั่นไม่ถูกพิษจนตายหรอกหรือ?
เดิมลู่อวิ๋นเซียงคิดจะล้างตา ทว่าสุดท้ายเพิ่งจะแตะโดนน้ำ ดวงตาก็รู้สึกแสบร้อนขึ้นมา เจ็บจนนางต้องร้องออกมาอีกครั้ง
ลู่อวิ๋นเซียงทนไม่ไหวแล้ว นางคว้าตัวถังหมิงเอาไว้แล้วเอ่ยขึ้นมา “คุณชายถัง ท่านรีบไปตามหมอมาให้ข้าทีเจ้าค่ะ”
ถังหมิงกลัวว่าลูกน้องจะทำงานไม่เรียบร้อย และจะกลายเป็นการล่วงเกินลู่อวิ๋นเซียงอีกครั้ง เขาจึงกล่าวว่า “ข้าจะไปตามด้วยตัวเอง แม่นางลู่ช่วยรอก่อนนะขอรับ”
ถังหมิงเปิดประตูห้องส่วนตัวออก และรีบพุ่งตัวลงไปชั้นล่างทันที
การกราบอาจารย์ของจางหยวนเฉียวถูกขัดอีกครั้ง!
พระโพธิสัตว์เดินดินจะพิโรธแล้ว จางหยวนเฉียววางจอกเหล้าลงแล้วเดินไปดูที่ห้องข้าง ๆ ทันที “นี่ พวกเจ้าประสาทหรืออย่างไรกัน กลางวันแสก ๆ ร้องโวยวายอะไรกัน คนอื่นจะกินข้าวได้อย่างไร!”
ลู่อวิ๋นเซียงกำลังเจ็บปวดจนจะทนไม่ไหวแล้ว ทว่าดวงตาอีกข้างที่ยังใช้งานได้ เมื่อเห็นว่าเป็นจางหยวนเฉียวก็ยื่นมือออกไป พร้อมกับเอ่ยขึ้น “ท่านหมอจาง ท่านรีบมาดูตาให้ข้าที”
จางหยวนเฉียวสูดลมหายใจเข้าหนึ่งที “เหตุใดถึงเป็นเจ้าได้”
นี่มันคนของตระกูลหมอเทวดาที่อยู่ข้างกายถังกั๋วกง ที่วัน ๆ เอาแต่ทำเป็นวางท่า หน้าตึง ราวกับคนเป็นหนี้นางสามร้อยตำลึงก็ไม่ปานคนนั้นมิใช่หรือ?
สรุปก็คือจางหยวนเฉียวเห็นว่านางนั้นน่ารำคาญเป็นอย่างมาก
หากไม่ใช่เพราะวันนั้นนางดื้อดึงที่จะฝังเข็มให้ถังกั๋วกง ทั้งยังฝังผิดที่ด้วยล่ะก็ ถังกั๋วกงก็คงไม่เกือบตายเช่นนั้นหรอก ยังดีที่เขามีไหวพริบตามหาอาจารย์ได้ทัน
แต่ว่าจางหยวนเฉียวเป็นหมอ ไม่สามารถทนเห็นคนกำลังจะตายแล้วไม่ช่วยเหลือได้ เขาจึงเข้าไปหานางและเอ่ยขึ้นมา “เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ?”
ห้องส่วนตัวอีกด้านหนึ่ง จี้จือฮวนคีบเค้กข้าวเหนียวของโปรดให้อาชิง ทว่าอาชิงกลับเห็นหนอนสีดำตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่งเกาะอยู่บนเค้กข้าวเหนียวนั่น
ดวงตาดำขลับของอาชิงจ้องไปที่หนอนตัวนั้น ก่อนยื่นมือเล็ก ๆ ออกไปคิดที่จะตบมันให้ตาย
หนอนตัวเล็กนั้นกลับพุ่งเข้ามา เมื่ออาชิงอ้าปากก็กลืนมันลงไปทันที
“โอ๊ะ! ถุย ๆ ๆ ๆ ๆ!!!” เด็กน้อยร้อนใจขึ้นมาทันที มือน้อย ๆ ถูปากไปมา “ท่านแม่ เมื่อครู่ข้ากินหนอนเข้าไปด้วยขอรับ”
“เช่นนั้นก็ช่วยไม่ได้แล้วล่ะ น่าจะเป็นหนอนธรรมดา เจ้าดื่มน้ำตามสักหน่อยก็แล้วกัน”
เมื่อได้ยินท่านแม่เอ่ยเช่นนี้ อาชิงก็ลูบท้องน้อย ๆ เริ่มรู้สึกไม่สบายท้องขึ้นมา ก้นน้อย ๆ บิดไปบิดมา ก่อนจะกล่าวตาใสว่า “เช่นนั้นข้าจะกินให้มากหน่อย คืนนี้จะได้อึมันออกมา!”
“กินข้าวอยู่นะ” อาฉือหยิบเค้กข้าวเหนียวอุดปากของน้องชายด้วยความรังเกียจ
ด้านนอก จางหยวนเฉียวเอ่ยขึ้นอย่างจนปัญญา “ตาของเจ้าถูกพิษ ข้าช่วยไม่ได้หรอก”
“ถูกพิษ?” ต้องเป็นหนอนตัวเมื่อครู่เป็นแน่! ลู่อวิ๋นเซียงโมโหเป็นอย่างมาก นางไม่สามารถสูญเสียดวงตาข้างใดข้างหนึ่งไปได้ เช่นนี้นางก็กลายเป็นมังกรตาเดียวน่ะสิ จะไม่ถูกคนหัวเราะเยาะจนตายหรอกหรือ!
ความจริงแล้วจางหยวนเฉียวไม่อยากไปรบกวนจี้จือฮวน แต่ว่าจี้จือฮวนเห็นเขาไม่กลับมาเสียที จึงได้ตามมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“อาจารย์ ลู่อวิ๋นเซียงผู้นี้ถูกพิษที่ดวงตาเข้าเสียแล้ว”
ลู่อวิ๋นเซียงคิดว่าจางหยวนเฉียวจะขอให้จี้จือฮวนช่วยรักษาให้ตัวเอง
นางจึงตะคอกออกมาทันที “ข้าไม่ต้องการให้นางมายุ่ง แค่สาวชาวบ้านคนหนึ่งจะไปรู้อะไร ข้ายอมตาบอดเสียยังดีกว่า”
จางหยวนเฉียวกลอกตามองบน เขาแค่จะบอกจี้จือฮวนให้กลับไปกินข้าวก่อน และจะหาคนพาลู่อวิ๋นเซียงไปส่งที่โรงยาแล้วจะกลับมาก็เท่านั้น
สุดท้ายกลับเป็นนางที่รนหาที่ตายเอง
“เช่นนั้นเจ้าก็อยู่ไปก็แล้วกัน อย่างไรเสียเจ้าก็มีสาวใช้อยู่ด้วยแล้วนี่นา ข้าจะกลับไปกินข้าวต่อ” จางหยวนเฉียวเอ่ยทิ้งท้ายหนึ่งประโยค ก่อนจะตามจี้จือฮวนกลับไปยังห้องข้าง ๆ
ลู่อวิ๋นเซียงหงุดหงิดยิ่งนัก!
สาวชาวบ้านนั่นควรจะรักษาให้นางไม่ใช่หรือ! เหตุใดถึงไม่มองนางแม้แต่น้อยและจากไปทันทีเช่นนี้กัน!
ผ่านไปไม่นาน ห้องข้าง ๆ ก็มีเสียงหัวเราะของพวกเด็ก ๆ กับเสียงกราบอาจารย์ของจางหยวนเฉียวดังขึ้น
ลู่อวิ๋นเซียงหายใจหอบกระชั้น พิษเกือบจะแล่นเข้าสู่หัวใจแล้ว
อู๋จิงครุ่นคิดสักพัก ก็เอ่ยขึ้นมาอย่างร้อนรน “คุณหนู ใบหน้าครึ่งหนึ่งของท่านบวมเห่อขึ้นมาแล้วเจ้าค่ะ หรือไม่…”
“หุบปาก ข้าจะเชื่อใจสาวชาวบ้านคนหนึ่งได้อย่างไร เมื่อครู่ข้ากินยาถอนพิษไปแล้ว ข้าจะต้องไม่เป็นอะไร!” ลู่อวิ๋นเซียงยังคงไม่ยอมลดทิฐิ
โชคดีที่ถังหมิงกลับมาทันเวลา เขาไปตามหมอจากโรงยามา แต่น่าเสียดายจางหยวนเฉียวคือหมอที่ดีที่สุดของตำบลฉาซู่แล้ว เขาบอกว่าช่วยไม่ได้ ดังนั้นหมอคนอื่นก็ย่อมช่วยไม่ได้เช่นกัน
“หากไม่ได้ผลจริง ๆ ดวงตาข้างนี้คงทำได้เพียงเอาออก ไม่อย่างนั้นมีโอกาสสูงที่จะเป็นอันตรายแก่ชีวิตขอรับ” ท่านหมอมองสีหน้าเขียวคล้ำของลู่อวิ๋นเซียง พลางเอ่ยขึ้นมาเบา ๆ
“ไม่ ข้าจะควักลูกตาออกได้อย่างไร คุณชายถัง คุณชายถังรีบพาข้ากลับไปที่เมืองหลวงเร็วเข้า” เพราะการที่จวนกั๋วกงจะเชิญหมอหลวงมาสักคนก็คงไม่ใช่เรื่องยากอะไร