บทที่ 122 สิ่งที่ใช้ถอนพิษที่แข็งแกร่งที่สุด
เลอะเทอะอันใดกัน เขาไป๋จิ่นปรมาจารย์พิษที่มีอนาคตมากที่สุดของสำนักพิษ ใครอยากจะย้ายมาอยู่ที่หมู่บ้านตระกูลเฉินอะไรนี่กัน
ไป๋จิ่นสะบัดหมูเหยี่ยวล่าเหยื่อออกไป ก่อนจะมองไปทางจี้จือฮวน
“เจ้าคือแม่ของเด็กคนนี้อย่างนั้นหรือ? เจ้าเป็นคนถอนพิษงูของข้าอย่างนั้นหรือ?”
เผยยวนจ้องหน้าไป๋จิ่น ตระกูลไป๋…หรือว่าเขาคือคนที่หลงใหลในพิษของตระกูลไป๋ผู้นั้น แล้วเขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน?
จี้จือฮวนเช็ดเหงื่อบนใบหน้าให้กับอาชิง ก่อนจะปรายตามองไป๋จิ่น “ใช่”
เพียงคำพูดเย็นชาเพียงคำเดียว ไป๋จิ่นก็หรี่ตาลงทันที
สตรีผู้นี้ต้องไม่ใช่สาวชาวบ้านทั่วไปอย่างแน่นอน
“เจ้าเป็นคนของตระกูลหมอเทวดาอย่างนั้นหรือ?” สิ่งที่ไป๋จิ่นสงสัยเป็นอย่างแรกคือเรื่องนี้
จี้จือฮวนส่ายหน้า “ไม่ใช่ อีกอย่างข้าจะไม่ประลองกับเจ้า”
ไป๋จิ่นขมวดคิ้ว “เพราะเหตุใด!”
นางมีสิทธิ์อะไรมาปฏิเสธไม่อยากประลองกับเขากัน นางรู้หรือไม่ว่าทั้งใต้หล้ามีคนมากมายเพียงใดที่อยากจะประลองกับเขา!
จี้จือฮวนแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ท่าทางนั้นดูสูงส่งจนยากจะคาดเดา
ไป๋จิ่นเองก็เริ่มหายใจแรงขึ้น
“เพราะถึงเวลาทำมื้อเย็นแล้ว เจ้า…ไม่มีค่าพอให้ข้าเสียเวลาด้วย” จี้จือฮวนเอ่ยจบ ไป๋จิ่นก็ราวกับถูกพิษโจมตีเข้าที่หัวใจ! นี่มันเหตุผลบ้าบออันใดกัน!
จี้จือฮวนไม่มองหน้าเขาอีก ก่อนจะหันไปจูงมืออาชิง “กลับบ้านได้แล้ว”
คำพูดนี้นางบอกกับเผยยวน ดังนั้นเผยยวนจึงเดินตามหลังนางไปเงียบ ๆ ราวกับตัวเองเป็นภรรยาตัวน้อย
ขณะที่เดินผ่านไป๋จิ่น ผู้ชายทั้งสองคนก็สบตากันเล็กน้อย
ไป๋จิ่นรู้สึกประหลาดใจขึ้นมา ก่อนจะเดินตามไปติด ๆ
เจ้าหน้าที่หิ้วตัวฉีเทียนชางไป โดยตั้งใจว่าจะเอาไปขายให้ได้ราคางาม ๆ ที่โรงงานเสียหน่อย แม่นางจี้บอกแล้วว่าเจ้าสุนัขตัวนี้ยังติดเงินนางอยู่ ดังนั้นชีวิตที่เหลืออยู่ก็ให้ทำงานใช้หนี้ไปก็แล้วกัน
ส่วนเฉินเย่าจงผู้นั้น ก็ต้องไปรับโทษจำคุกที่ที่ว่าการ
อาชิงเดินตามจี้จือฮวนไปอย่างเชื่อฟัง และหันกลับมายิ้มให้เผยยวนเป็นระยะ
ทั้งครอบครัวเดินไปตามคันนา พร้อมกับรู้สึกว่าชีวิตตอนนี้สงบสุขไม่น้อย
หากว่าข้างหลังไม่มีชายชุดขาวที่กำลังทะเลาะกับนกอยู่ตามมาก็คงดี…
“ก่อนหน้านี้เจ้าถูกพิษโลหิต เจ้าถอนพิษได้อย่างไร!”
ไป๋จิ่นเอ่ยเพียงเท่านั้น ทั้งสามคนก็ชะงักฝีเท้าลงทันที
จี้จือฮวนหรี่ตาลงมองเขา “เจ้ารู้อย่างนั้นหรือว่าเขาเคยถูกพิษมาก่อน?”
ในที่สุดก็มีคนเห็นค่าไป๋จิ่นแล้ว เขาจึงเชิดคางขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “แน่นอนอยู่แล้ว เพราะข้าเป็น…”
“พูดภาษาคน”
“อ่อ” ไป๋จิ่นถูจมูกไปมาอย่างหงุดหงิด “ข้ามาจากสำนักพิษ ที่ที่พวกเราอยู่กัน คนที่เก่งกว่าข้านั้นมีไม่ถึงสามคน พิษโลหิตเป็นยาพิษที่ศิษย์ทรยศคนหนึ่งร่วมมือกับสำนักกู่หลอมขึ้นมาหลังหนีออกจากสำนักไป หากถูกพิษนี้เข้าต้องให้สำนักกู่ช่วยเรื่องยาถอนพิษด้วย ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้ สรุปก็คือทั้งใต้หล้านี้เท่ากับว่าไม่มียาถอนพิษ ดังนั้น เจ้าทำได้เช่นไรกันแน่?”
ดวงตาของเผยยวนพลันเย็นชาขึ้นมา เซี่ยฉงฟางดูท่าคงไม่อยากให้เขามีชีวิตอยู่ต่อจริง ๆ
“พูดไปเจ้าก็ไม่เข้าใจหรอก” จี้จือฮวนจะเอายาหลิงเฉวียนออกมาให้เขาศึกษาอย่างนั้นหรือ ไม่มีทาง
ไม่อย่างนั้นแล้วนางที่มีดัชนีทองคำเช่นนี้จะไปมีประโยชน์อันใด ใครจะสนใจว่าเขาอยู่สำนักพิษอะไรนั่นกัน คิดจะทำร้ายคนที่อยู่ในปกครองของนาง ก็ต้องถามว่ายาหลิงเฉวียนยอมหรือไม่
หากยาหลิงเฉวียนพูดได้ก็คงกล่าวว่า ข้าไม่ได้พูดสักประโยคเดียวเลยนะ
ไป๋จิ่นโมโหเป็นอย่างมาก เขากัดฟันพลางเอ่ยออกมา “หากเจ้ายอมประลองกับข้า ข้าจะช่วยสืบให้ว่าใครกันแน่ที่ทำร้ายเขา!”
นี่เป็นหมากตัวสุดท้ายของเขาแล้ว
เผยยวนจึงหันไปเอ่ย “ไม่ต้องหรอก เพราะข้ารู้ว่าเป็นใคร”
เอ๊ะ! ครอบครัวนี้ผิดปกติทั้งครอบครัวเลยอย่างนั้นหรือ?
“ข้าคือไป๋จิ่น พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าชื่อนี้หากอยู่ภายนอก มีคนอยากพบข้ามากเพียงใด!” ไป๋จิ่นออกอาการตีโพยตีพายเล็กน้อย
จี้จือฮวนชะงักฝีเท้าลง “เจ้าใช่คนที่เข้าไปในสระพิษตอนอายุสามขวบแต่ไม่ตาย และมีชีวิตรอดออกมาจากถ้ำพิษตอนอายุสิบหกผู้นั้นใช่หรือไม่?”
ที่จี้จือฮวนพูดถึงคือส่วนหนึ่งในนิยาย อาชิงในตอนนั้นอายุสิบแปดแล้ว ทว่าสุดท้ายเขากลับต้องตายด้วยน้ำมือของหัวหน้าที่อยู่เบื้องหลังนางเอกของเรื่องอย่างไป๋จิ่น
แม้จะกลายเป็นราชาพิษ แต่หลังจากตายไปก็ไม่เหลือแม้แต่เถ้ากระดูก ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะไป๋จิ่น
เมื่อครู่ตอนแรกที่ฟังนางยังไม่ทันเอะใจ
ไป๋จิ่นตกตะลึงทันที เรื่องเหล่านี้แม้แต่แม่ของเขาก็ยังไม่รู้ แล้วสตรีผู้นี้รู้ได้อย่างไรกัน?
จี้จือฮวนเห็นปฏิกิริยาของเขาก็รู้ว่าตนเดาถูกแล้ว
“ข้าจะประลองกับเจ้าก็ได้ แต่ข้ามีเงื่อนไขข้อหนึ่ง ข้าต้องการให้เจ้าสอนทุกอย่างที่เจ้าได้เรียนรู้มาตลอดชีวิตนี้ให้ลูกชายข้า”
ในเมื่อเขาเป็นคนที่จะฆ่าอาชิงและช่วยจี้หมิงซูในภายภาคหน้า เช่นนั้นจี้จือฮวนก็จะไม่ปล่อยเขาไป
ไม่เพียงเท่านั้นยังจะให้อาชิงเรียนรู้จากเขาทั้งหมดด้วย และที่สำคัญต้องเก่งกว่าเขา!
ไป๋จิ่นอยากทดสอบความสามารถของสตรีผู้นี้มากจริง ๆ เมื่อมองไปที่อาชิงที่มองมาอย่างงง ๆ
เจ้าเด็กคนนี้มีราชาร้อยกู่อยู่ในตัว แต่หากเรียกเขาว่าอาจารย์ล่ะก็…เช่นนั้นคนของสำนักกู่จะไม่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟหรอกหรือ?
ดังนั้นไป๋จิ่นจึงลังเลเล็กน้อยเท่านั้น แต่ไม่นานเขาก็พยักหน้าและเอ่ยอย่างเย่อหยิ่งออกมา “ได้…”
เพิ่งจะเอ่ยจบจี้จือฮวนก็ดีดนิ้วไปทางสันเขาอีกด้านหนึ่ง และเอ่ยกับเจ้าหน้าที่ที่ลากฉีเทียนชางกับเฉินเย่าจงมา “สองคนนี้ให้ข้ายืมตัวสักครู่คงไม่เป็นไรกระมัง และขอให้พี่ชายขึ้นไปบนเนินเขาด้วยกัน แค่ชั่วเวลาจิบชาเท่านั้น ไม่ล่าช้าแน่นอนเจ้าค่ะ”
เจ้าหน้าที่ย่อมไม่ขัดแต่อย่างใด “ได้ขอรับ”
ฉีเทียนชางกับเฉินเย่าจง “…”
พวกเขาตอบตกลงแล้วอย่างนั้นหรือ!?
หลังจากนั้นพวกเหล่าเติ้งที่เตรียมตัวจะกลับบ้าน ก็เห็นเจ้าเด็กที่ลักพาตัวอาชิงไป ลากฉีเทียนชางและเฉินเย่าจงเข้าไปในห้องเก็บฟืน ก่อนที่จี้จือฮวนจะตามมา
ไม่นานนักในนั้นก็มีเสียงร้องโหยหวนดังออกมา
“โอ๊ยยย ให้ข้าตาย ให้ข้าตาย!!!”
“ไม่ ให้ข้าตายก่อน!”
พริบตาต่อมาเสียงก็เงียบหายไป
พวกเหล่าเติ้งนั้นเคยชินแล้ว แต่พวกเจ้าหน้าที่กลับตัวสั่นเทาขึ้นมาทันที ก่อนจะหันไปมองเผยยวนด้วยสีหน้าเห็นใจ
แม่นางจี้ผู้นี้ช่างน่ากลัวจริง ๆ นี่มันเสือที่กินคนได้ชัด ๆ สามีนางจะไม่ถูกทุบตีจนตายในหมัดเดียวหรอกหรือ
ทว่าเมื่อพวกเขามองไปยังเผยยวน กลับเห็นว่าเขามีสีหน้าภูมิใจ ราวกับจะอวดว่าภรรยาของเขาร้ายกาจมากเพียงใดอย่างไรอย่างนั้น
ผ่านไปไม่นาน ประตูห้องเก็บฟืนก็เปิดออก จี้จือฮวนปัดกระโปรงด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนจะเอ่ยขึ้นมา “เอาคนไปได้แล้ว”
เหล่าเจ้าหน้าที่จึงเข้าไปเพื่อจะลากคนออกมา ทว่าเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในห้องก็ไม่คิดที่จะอยู่ต่ออีก เพียงพริบตาก็วิ่งหนีจนไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว
จี้จือฮวนกำลังจะบอกให้พวกเขาอยู่กินน้ำชาสักหน่อย และต้องการถามพวกเขาว่าต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง จึงจะได้รับสิทธิ์ในการทำทะเลสาบเกลือ
“อาชิง เจ้าเข้าไปกราบอาจารย์เถอะ”
เผยยวนปรายตามองเข้าไปในห้องเล็กน้อย ก่อนจะพบว่าฉีเทียนชางกับเฉินเย่าจงได้ตายไปแล้ว ไป๋จิ่นบีบยาเม็ดเล็ก ๆ เม็ดหนึ่งด้วยใบหน้าเหลือเชื่อ เขาส่ายหน้าไปมา ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เข้าใจเลยสักนิด
อาชิงเอียงคอเล็กน้อย “กราบอาจารย์ไม่ต้องกินเลี้ยงหรือขอรับ เงินค่าขนมของข้ายังไม่พอที่จะเลี้ยงข้าวอาจารย์เลยนะขอรับ”
เขากุมถุงเงินน้อยของตัวเองแน่น!
“ไม่ต้อง อาจารย์เจ้าแพ้แล้ว ก็ไม่ต้องจัดงานเลี้ยง”
อาชิงพยักหน้ารับ ก่อนจะวิ่งดุกดิกไปตรงหน้าไป๋จิ่น และโขกศีรษะให้เขาสามครั้ง “ท่านอาจารย์ อาชิงขอคารวะอาจารย์ขอรับ”
ไป๋จิ่นประคองเด็กน้อยขึ้นมา และเอ่ยกับจี้จือฮวนด้วยท่าทางสับสน “พิษบนใบหน้าของเจ้า แม้วิธีที่เจ้าใช้อยู่จะทำให้พิษค่อย ๆ หายไปได้ แต่ข้ามีวิธีที่เร็วกว่านั้น เจ้าอยากลองดูหรือไม่?”
จี้จือฮวนไม่สนใจว่าใบหน้านี้จะกลับมาดูดีหรือไม่ แต่นางแค่อยากเปิดหน้าขายของ หากหน้าตาน่าเกลียดก็คงทำการค้าได้ลำบาก
“ทำอย่างไร?”
ไป๋จิ่นอุ้มอาชิงขึ้นมา จับมือข้างหนึ่งของเขาแตะไปที่ใบหน้าของจี้จือฮวน
ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นในทันที จุดพิษที่เดิมเป็นสีเขียวเหมือนกับมีบางอย่างดูดซับเอาไว้ ก็เคลื่อนไหวไปตามปลายนิ้วของอาชิง ก่อนจะไหลไปที่ใบหูของนางอย่างช้า ๆ
ไป๋จิ่นจึงใช้มีดพกอันเล็กกรีดที่ใบหูของจี้จือฮวนอย่างรวดเร็ว จากนั้นเลือดสีดำเข้มก็หยดลงบนพื้นในทันที
และใบหน้าของจี้จือฮวนก็ไม่มีรอยสีเขียวนั่นอีกต่อไปแล้ว เหลือเพียงสะเก็ดแผลเล็ก ๆ ตรงที่เคยเกิดหนองเท่านั้น อีกสองวันก็คงจะหลุดออกหมดแล้ว
ไป๋จิ่นเก็บมีดด้วยความพึงพอใจ วิธีถอนพิษและดูดพิษที่ดีที่สุดในใต้หล้า ก็คือเด็กน้อยที่สามารถวิ่งได้กระโดดได้ผู้นี้ การรับศิษย์คนนี้ไม่นับว่าขาดทุนแล้ว!
ดวงตากลมโตของอาชิงเบิกโพลง “ว้าว ท่านแม่ ท่านสวยจังเลยขอรับ!”