บทที่ 168 มาหาเรื่องโดนตีถึงที่
“หยุดก่อน!” พวกท่านป้าหยางที่อยู่ด้านหลังเอ่ยขึ้น
อีและเอ้อร์รีบวิ่งเข้ามา ท่านป้าหยางจึงชะโงกศีรษะออกมาและเอ่ยขึ้น “อี เอ้อร์ พวกเจ้าไปถามนายท่านที พวกเราไปซื้อเสื้อผ้าที่ร้านตัดเสื้อฝั่งตรงข้ามสักหน่อยได้หรือไม่ ให้พวกเราสวมชุดเช่นนี้เข้าเมืองดูไม่งามเลย”
อีและเอ้อร์พยักหน้ารับคำ ก่อนจะรีบไปบอกกับไท่ซ่างหวง ท่านป้าจึงพยักหน้าและเอ่ยขึ้นมา “ไหน ๆ ก็มาแล้ว ซื้อเถอะ ไม่เสียเวลานักหรอก”
นางก็ลงไปช่วยพวกเขาเลือกด้วย
คนกลุ่มหนึ่งจึงหยุดที่หน้าประตูร้านตัดเสื้อ เตรียมจะซื้อเสื้อผ้าที่ดูเรียบร้อยให้ทุกคน ไท่ซ่างหวงไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ ดังนั้นจึงให้จางตงไหลลงไปกับพวกเขาแทน
พวกท่านป้าหยางเคยมาร้านดี ๆ เช่นนี้ที่ไหนกัน เมื่อเข้ามาก็ไม่รู้ว่าจะวางมือวางไม้ไว้ที่ใด ทั้งหมดจึงทำได้เพียงเดินตามหลังท่านป้าไป
ท่านป้าส่งเสียงกระแอมเล็กน้อย “เถ้าแก่ มีเสื้อผ้าชุดที่เหมาะ ๆ บ้างหรือไม่ เอาที่ดูสะอาดสะอ้าน เรียบร้อย ดูดีก็พอ”
ซื้อหรูหราเกินไป ใช้เงินมากเพียงนั้น พวกเขาก็ใส่แค่ไม่กี่ครั้ง สิ้นเปลืองเปล่า ๆ
มีท่านป้าคอยกำกับ พวกท่านป้าหยางก็มีความกล้าขึ้นมา
เถ้าแก่คนนั้นเดิมไม่อยากจะต้อนรับ ทว่าเมื่อเห็นท่านป้าแม้นางจะสวมชุดผ้าป่านเนื้อหยาบ แต่ก็ไม่สามารถปิดบังท่าทางสง่างามของนางได้ ดังนั้นจึงเดาว่าคงเป็นฮูหยินที่ร่ำรวยของตระกูลใดตระกูลหนึ่งเป็นแน่
เมื่อดูผิวพรรณ ก็เห็นได้ชัดว่าได้รับการบำรุงให้ขาวกว่าผู้หญิงทั่วไป มือนั่นก็ไม่ใช่มือที่หยาบกระด้าง เถ้าแก่จึงตัดสินใจได้ทันที
จากนั้นเถ้าแก่ก็ให้คนในร้านไปนำเสื้อผ้าที่ทำไว้สำหรับหญิงรับใช้และสาวใช้ของตระกูลที่ร่ำรวยออกมา
เสื้อผ้าเหล่านั้นล้วนทำจากผ้าที่เพิ่งถักทอใหม่ ๆ เนื้อดี สีสันเรียบ ๆ แต่ก็ยังดูดี อีกทั้งไม่ต้องกลัวว่าทำงานแล้วจะเสียหาย
ท่านป้าเห็นแล้วก็พอใจอย่างมาก เมื่อเห็นนางพยักหน้า พวกฟางจวิ่นเหมยก็รีบเลือกกันอย่างมีความสุข
“ตัวนี้สวย เจ้าสวมชุดนี้สิสวยดี”
“ข้าว่าตัวนี้เหมาะกับผิวของเจ้า”
จางตงไหลก็พาเด็กทั้งสามคนลงมาด้วย นั่งรถม้ามาตลอดทาง อึดอัดจะแย่อยู่แล้ว เผยจี้ฉือจึงยืนสูดอากาศอยู่ที่หน้าประตูร้าน
บังเอิญถูกคนจากภัตตาคารฝั่งตรงข้ามเห็นเข้าพอดี
จมูกของซูหงเจิ้นครั้งก่อนถูกอาอินชกจนหัก จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่หายดี ใบหน้ายังมีผ้าพันอยู่ เขาดึงสตรีที่อยู่ข้าง ๆ แล้วเอ่ยฟ้องขึ้นมา “ท่านแม่ เจ้าเด็กคนนั้นแหละขอรับ มันก็คือเผยจี้ฉือที่ใส่ร้ายข้า!”
สตรีที่นั่งข้าง ๆ คือแม่ของซูหงเจิ้น น้าของจี้หมิงซู ซูไป๋ซื่อ
ตอนนั้นพี่สาวของตัวเองสามารถไต่เต้าจากสาวใช้ขึ้นไปเป็นอนุได้ ทั้งยังให้กำเนิดจี้หมิงซูที่เก่งกาจเช่นนี้ อาศัยอำนาจจากจวนจี้กั๋วกง บัดนี้ตระกูลซูที่อยู่ทางบ้านเกิดก็นับว่ามีหน้ามีตา จึงหยิ่งผยองจนเคยตัว
ครั้งนี้ลูกชายถูกคนกลั่นแกล้งในสำนักศึกษาชิงอวิ๋น ซูไป๋ซื่อจึงคิดจะใช้เส้นสายในเมืองหลวง ให้ลูกชายได้เข้าสำนักศึกษาในเมืองหลวง
แต่ใครจะไปคิดว่าเพิ่งจะมาพักกินข้าวเช้าที่ภัตตาคาร ก็เจอกับตัวการที่ทำให้ลูกชายของนางได้รับบาดเจ็บและถูกสำนักศึกษาไล่ออกพอดี
ซูไป๋ซื่อหรี่ตาลงและเอ่ยขึ้นมา “ไป พาคนลงไป วันนี้แม่จะล้างแค้นให้เจ้าเอง”
ครั้งนี้ซูหงเจิ้นมีหลักยึดแล้ว อีกเดี๋ยวเขาจะหักแขนหักขาของเผยจี้ฉือซะ ดูสิว่ายังจะกล้าใส่ร้ายเขาอีกหรือไม่!
ซูไป๋ซื่อเดินมาจากฝั่งตรงข้ามด้วยท่าทางเกรี้ยวกราด แต่เผยจี้ฉือเข้าไปในร้านแล้ว เนื่องจากพวกท่านป้ายืนกรานจะซื้อเสื้อผ้าให้เขาให้ได้
เผยจี้ฉือเองก็รู้สึกจนปัญญา อีกทั้งตอนนี้เขาก็มีเสื้อผ้าพอที่จะใส่แล้ว
ทันทีที่ซูไป๋ซื่อเข้ามาก็เห็นผู้หญิงบ้านนอกกลุ่มหนึ่ง เลือกแล้วเลือกอีกราวกับว่าไม่เคยเห็นโลกมาก่อน
นางจึงหัวเราะเสียงเย็นขึ้นมาทันที “ช่างเปิดหูเปิดตาจริง ๆ ในเมืองหลวงยังมีครอบครัวตกอับที่ไม่เคยเห็นโลกมาก่อนเช่นนี้อีกหรือ ทำให้ร้านเหม็นเน่าไปหมดแล้ว”
บรรยากาศที่มีความสุขเมื่อครู่ถูกพัดหายไป ทุกคนจึงมองไปที่ซูไป๋ซื่อที่เข้ามาด้วยความสงสัยว่านางกำลังด่าพวกเขาอยู่ใช่หรือไม่
ซูไป๋ซื่อกลอกตามองบน ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างจองหอง “เถ้าแก่ ยังไม่ไล่พวกนางออกไปให้ข้าอีกหรือ? มีปัญญาซื้อเศษผ้าที่นี่ได้ด้วยหรือ?”
พวกท่านป้าหยางหน้าแดงก่ำด้วยความอาย ผ้าในมือก็ไม่กล้าจับอีก
ท่านป้าเห็นดังนั้น ก็จับมือที่เตรียมจะวางของของพวกนางเอาไว้
ท่านป้าหยางดึงนางแล้วส่ายหน้าไปมา “ดูก็รู้ว่าเป็นคนใหญ่คนโต พวกเรามีเรื่องด้วยไม่ได้นะ”
บางครั้งไม่ใช่ว่าพวกเขายินยอมให้คนดูถูกเหยียดหยาม แต่เพราะอำนาจบังคับให้คนต้องก้มหัว คนทั่วไปจะมีความสามารถและความกล้าอะไรไปต่อกรด้วย
ท่านป้าไม่คิดเช่นนั้น นางเป็นองค์หญิงใหญ่เชียวนะ ต้องกลัวสตรีชั่วผู้นี้ด้วยอย่างนั้นหรือ! พูดออกไปจะทำให้ตาเฒ่าที่อยู่บนรถม้าขายหน้าน่ะสิไม่ว่า!
ซูไป๋ซื่อคิดว่าสิ่งที่ตัวเองพูดทำให้พวกเขาตื่นตระหนก ดังนั้นจึงลูบปิ่นระย้าของตัวเองอย่างได้ใจ และพูดขึ้นมาอีก “เช่นนี้ก็ถูกแล้ว คนประเภทใดก็ควรอยู่ในที่ประเภทนั้น นั่นเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว คนชั้นต่ำก็คือคนชั้นต่ำ คนสูงศักดิ์ก็คือคนสูงศักดิ์ อย่าคิดจะแตะต้องของที่ไม่ใช่ของตัวเอง ดังนั้นวันนี้พวกเจ้าควรขอโทษลูกข้าซะดี ๆ ข้าต้องการมือของเจ้าเด็กนั่นแค่คู่เดียว แล้วข้าจะปล่อยพวกเจ้าไป”
อาอินและอาชิงก็มองไปยังซูหงเจิ้นที่หลบอยู่ด้านหลังซูไป๋ซื่อ และกำลังยิ้มอย่างได้ใจให้พวกเขา
มือเล็ก ๆ ของอาอินกำหมัดแน่น กระดูกลั่นกรอบแกรบ คราวนี้นางจะหักคอเขาซะ
เถ้าแก่พอจะมองออกแล้ว นางมาเพื่อหาเรื่องอย่างนั้นสินะ??
เขากำลังจะบอกว่าร้านเขาเป็นร้านเล็ก ๆ หากจะล้างแค้นให้ออกไปคุยกันให้รู้เรื่อง อย่ามาทำให้ร้านเขาลำบากไปด้วย ทันใดนั้นก็รู้สึกว่ามีลมกรรโชกแรงพัดมาปะทะใบหน้า พลันนั้นเถ้าแก่ก็เห็นว่าหญิงชราที่เป็นหัวหน้ากลุ่มคนเมื่อครู่ได้เข้าไปตบหน้าของซูไป๋ซื่อแล้ว ทำให้เครื่องประดับที่เคยประดับอยู่เต็มศีรษะของนางหล่นเกลื่อนกลาดไปหมด
พวกท่านป้าหยางสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่
จางตงไหลพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ดูเหมือนว่าองค์หญิงใหญ่แม้จะอายุปูนนี้แล้ว แต่แขนขาก็ยังว่องไวอยู่ ดูท่าทางและการเคลื่อนไหวตอนลงมือนั่นสิ คล่องแคล่วและเป็นอิสระเพียงใด สมแล้วที่เป็นองค์หญิงใหญ่
“เจ้ากล้า…”
องค์หญิงใหญ่จับซูไป๋ซื่อกดลงกับพื้นด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “คนชั้นต่ำก็ควรอยู่ในที่ที่คนชั้นต่ำควรอยู่ เจ้าวิ่งมาคุยโวอะไรต่อหน้าคนสูงศักดิ์กัน?”
ซูหงเจิ้นตกตะลึง ครอบครัวเผยผิดปกติกันทั้งครอบครัวหรืออย่างไร?
“มัวอึ้งอยู่ทำไม ยังไม่รีบจัดการอีก!”
จางตงไหลปัดมือพร้อมรอยยิ้ม ยอดฝีมือที่อยู่ด้านหลังต่างก็พุ่งเข้ามาโดยพร้อมเพรียงกัน คนข้างในยังไม่ทันได้วางท่าก็ถูกจับโยนออกมาทีละคนเสียแล้ว
ส่วนซูหงเจิ้นนั้นถูกอาอินจับโยนออกมา แต่เนื่องจากอาอินออกแรงทุ่มมากเกินไป เขาจึงปลิวไปกระแทกธรณีประตูหินของภัตตาคารฝั่งตรงข้ามดัง ปัง! ก่อนจะสลบไปทันที
อาอินปัดมือไปมา ก่อนจะหันกลับไปด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
“พวกเจ้า…พวกเจ้ากล้าลงไม้ลงมืออย่างนั้นหรือ! ข้าเป็นญาติกับจวนจี้กั๋วกงนะ พวกเจ้าช่างกล้าดียิ่งนัก”
จวนจี้กั๋วกง จวนจี้กั๋วกงอีกแล้ว
จางตงไหลยังคงยกยิ้มเช่นเดิม “ตีต่อไป ตีให้หนัก”
มีคนไม่ยอมแพ้ “พวกเจ้าอาศัยคนมากรังแก…”
“เก่งจริงเจ้าก็ชกกลับสิ อาศัยอำนาจรังแกคนอื่นได้ทำไมจะไม่ทำ มีแค่พวกเจ้าที่เส้นใหญ่หรืออย่างไร!” ฟางจวิ่นเหมยเถียงกลับไป เกือบทำให้คนผู้นั้นหงายหลังด้วยความโมโห
ซูไป๋ซื่อถูกองค์หญิงใหญ่ตบจนหน้าบวมเห่อ ก่อนจะให้จางตงไหลพาคนเหล่านี้ไปส่งที่จิงจ้าวฝู่ข้อหาก่อความไม่สงบในเมืองหลวงและรบกวนไท่ซ่างหวง ชีวิตที่เหลืออย่าคิดว่าจะได้ออกมาอีกเลย
จางตงไหลพาพวกองค์หญิงใหญ่กลับเข้าไปที่ร้านเสื้อผ้า ทุกคนเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ดูงดงามและเรียบร้อยแล้ว จากนั้นจึงได้ออกเดินทางไปตามหาฮวนฮวนและเผยจื่อต่อ
ไป๋จิ่นเห็นลูกศิษย์ตัวน้อยล้วงหาของในกระเป๋าสะพายหลังอยู่นาน ก็ไม่เห็นว่าเขาจะล้วงเอาอะไรออกมา จึงอดไม่ได้ที่จะถามออกไป “หาอะไรหรือ?”
อาชิงกะพริบตาปริบ ๆ แล้วเอ่ยขึ้นมา “ข้าให้แมลงพิษน้อยที่เพิ่งฝึกเสร็จเมื่อสองวันก่อนกับพวกเขาไปแล้ว ข้ากำลังดูอยู่ว่ามีของเหลืออยู่อีกหรือไม่ขอรับ!”
ไป๋จิ่น …เจ้าเด็กนี่ชั่วร้ายมาตั้งแต่เกิดใช่หรือไม่?