บทที่ 178 เดินทางกลับบ้าน ฮ่องเต้พิโรธ
ไท่ซ่างหวงอายุมากแล้ว ทนเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ไหว จึงถอนหายใจออกมาแล้วเอ่ยขึ้น “จางตงไหล”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ไปเตือนทางกรมพระคลังด้วย ว่าเงินที่ทางฝั่งบ้านเดิมของอี๋เหนียงผู้นั้นเอาไปก็ต้องเอาคืนกลับมาด้วย ถึงเวลาให้ส่งคนมารับแล้วค่อยหาวิธีว่าจะหักเงินจากใคร เผยจื่อของพวกเรายังต้องเลี้ยงดูกองทัพอีก แม้จะลำบากเพียงใดก็ไม่สามารถให้เด็ก ๆ ลำบากได้”
เซี่ยเจิน เจ้าเด็กบ้านั่นต้องคิดมาแล้ว ให้กองกำลังที่ตนเองไว้ใจดูแลทหารเกราะเหล็ก ท้องพระคลังของตัวเองก็ไม่ต้องออกเงิน และยังสามารถทำให้ตระกูลเหล่านั้นต้องสู้กันเอง เพื่อดูว่าใครได้ประโยชน์จากฮ่องเต้มากกว่ากัน
เป็นฮ่องเต้อาจไม่ได้เรื่องสักเท่าไร แต่ความคิดชั่วร้ายกลับมีเต็มหัวไปหมด
ไท่ซ่างหวงโมโหตัวเองที่ตอนนั้นตาบอด เหตุใดถึงพอใจเจ้าเด็กนั่นได้
เขาคิดดีแล้ว เซี่ยเจินต้องยกตำแหน่งให้อาฉือ ระหว่างนั้นจะยกให้ใครไม่ได้ทั้งนั้น
จางตงไหลเมื่อได้ยินเขาทอดถอนใจ ก็เข้าใจเจตนาของไท่ซ่างหวงได้ทันที ว่าเขาต้องการปูทางทุกอย่างให้พระราชนัดดาให้เรียบร้อยก่อนที่เขาจะสิ้นลม
พระราชนัดดามีเผยยวนคอยหนุนหลัง นั่นคือความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ดังนั้นเผยยวนจะล้มไม่ได้เด็ดขาด เขาต้องปกป้องบ้านเมืองเพื่อพระราชนัดดาไปอีกนาน
“ขอเพียงไท่ซ่างหวงต้องการ มีอะไรยากกันพ่ะย่ะค่ะ? กองทัพทหารเกราะเหล็กทำเพื่อบ้านเมืองและราษฎรมามาก ให้พวกเขาเลี้ยงแล้วจะเป็นอะไรไป”
ชายชราสองคนกำลังหาวิธีว่าทำอย่างไรถึงจะเอาเงินจากฮ่องเต้ และพวกหน้าโง่คนอื่นมาเลี้ยงกองทัพดี
ส่วนท่านป้าหยางก็กำลังยกหีบออกมาจากด้านใน ไท่ซ่างหวงเห็นว่ากำลังขาดคนอยู่ จึงรีบตะโกนขึ้นมา “รีบมาเร็ว เอาของไปให้หมด”
ระหว่างทางที่มาเหล่ากองทัพทหารเกราะเหล็กย่อมได้ยินแม้แต่เรื่องชั่ว ๆ ของจวนจี้กั๋วกง และรู้สึกขอบคุณที่จี้จือฮวนช่วยเหลือท่านแม่ทัพ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่พูดพร่ำทำเพลงรีบลงมาจากหลังม้าทันที และเข้าไปในจวนจี้กั๋วกงโดยพร้อมเพรียงกัน พลังของกองทัพนั้นเรียกได้ว่าน่าทึ่ง
แต่กองทัพที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีนั้นกลับยิ่งน่ากลัวกว่า
คนของจวนจี้กั๋วกงได้แต่มองดูพวกเขารื้อหลังคาออก แม้แต่ไม้แกะสลักบนคานก็ไม่เว้น
ไท่ซ่างหวงตะโกนขึ้นมา “อย่ารื้อจนพังล่ะ บ้านนั่นกลับไปยังสามารถประกอบได้อีก”
โครงสร้างมีทั้งแบบใช้ร่องและเดือย ซึ่งต้องใช้กำลังคนจำนวนมากในการประกอบและแยกชิ้นส่วน แต่สิ่งที่ตอนนี้ไม่ขาดเลยก็คือกำลังคน
ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม จวนจี้กั๋วกงที่ใหญ่โต แม้แต่ไก่ เป็ด ห่านในครัวก็ถูกขนออกไปจนหมด ต้นสนเก่าแก่ในสวนก็ยังถูกขุดมาทั้งราก เหลือแต่พื้นที่ว่างเปล่า
คนของจวนจี้กั๋วกงไร้ซึ่งอารมณ์ร่วมใด ๆ ไปนานแล้ว แม้แต่จะร้องไห้ก็ร้องไม่ออกอีกแล้ว
จวนที่ถูกรื้อไปจนหมด ยิ่งดูตกต่ำอย่างเห็นได้ชัด
พวกเขาเริ่มโทษกันไปมา
“รู้เช่นนี้ตอนนั้นก็ไม่ควรไปรังแกจี้จือฮวน”
“เจ้ารังแกนางน้อยกว่าใครหรืออย่างไร? พูดตอนนี้จะมีประโยชน์อะไรอีก? สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้อย่างนั้นหรือ?”
“ได้ไม่ได้ อย่างไรซะก็สายเกินไปแล้ว”
ขณะที่พวกเขากำลังเถียงกันอยู่นั้น ก็เห็นเด็กผู้หญิงที่อยู่ข้างกายจี้จือฮวนคนนั้นวิ่งตึงตังกลับมา ก่อนจะยกสิงโตหินหน้าประตูไป
คนของจวนจี้กั๋วกง “…”
นี่ใช่เด็กจริงหรือ?
นี่เท่ากับไม่เหลืออะไรแล้วจริง ๆ ต่อให้โจรบุกมาก็ยังใจดีกว่าพวกเขาเสียอีก
แน่นอนว่าไท่ซ่างหวงก็ไม่ได้ปล่อยพวกเขาไป และสั่งให้คนล่ามโซ่พวกเขาทั้งหมดไว้ข้างหลัง บอกว่าหากสั่งให้ไปเก็บมูลสัตว์ที่หมู่บ้านพวกเขาก็ต้องไป อย่าคิดว่าจะหนีไปได้เด็ดขาด
กองทัพขนาดใหญ่มาด้วยความรวดเร็วและจากไปด้วยความรวดเร็ว เพียงพริบตาจวนจี้กั๋วกงทั้งคนทั้งจวนก็เหลือเพียงความว่างเปล่า แม้แต่ป้ายชื่อก็ถูกทำลายจนแตกอยู่ที่ประตู
…
ตำหนักฉินเจิ้ง
ฮ่องเต้เซี่ยเจินมองฎีกาที่เจียงหนานส่งมา “คนของกรมพระคลังเล่า? เหตุใดถึงยังไม่จัดสรรเงินสร้างเขื่อนอีก?”
แปลกจริง ๆ ให้คนไปเรียกคนของกรมพระคลัง ไปเรียกนานเพียงนี้ก็ยังไม่ทราบข่าว ทุกคนกำลังรออยู่นะ
เจียงเต๋อไปที่กรมพระคลังมาสามสี่ครั้งแล้ว และครั้งนี้เขาก็บังเอิญเจอกับคนของจิงจ้าวฝู่และศาลต้าหลี่ระหว่างทาง
สองวันมานี้เจียงเต๋อเห็นพวกเขาก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที แต่อาศัยตอนที่พวกเขายังไม่เข้าไปแอบถามเบา ๆ ว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก? หาหย่งกวานโหวเจอหรือไม่?”
คนของจิงจ้าวฝู่รู้สึกยากจะอธิบาย “ข้าคิดว่า…บอกว่าเจอแล้ว ก็ไม่สามารถบอกได้ จะบอกว่ายังไม่เจอ แต่ก็ยังได้ยินข่าว”
คนของศาลต้าหลี่เองก็กลืนน้ำลายลงคอแล้วเอ่ยขึ้นมา “ทั้งยัง…หาได้ง่ายมากอีกด้วย แต่ตอนนี้คาดว่าคงหาไม่ได้ง่าย ๆ แล้ว”
เจียงเต๋อ ”???”
เช่นนั้นสรุปว่าหาเจอหรือไม่เจอกันแน่
ด้านในมีเสียงตะโกนของฮ่องเต้เซี่ยเจินดังขึ้น เจียงเต๋อจึงรีบเข้าไปก่อน เขาก้มศีรษะและรีบเดินไปตรงหน้าฮ่องเต้เซี่ยเจิน “ฝ่าบาท กระหม่อมไปที่กรมพระคลังด้วยตัวเองมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ ทว่าคนของกรมพระคลังไม่มีใครอยู่เลย แม้แต่อาลักษณ์ก็ไม่อยู่พ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้เซี่ยเจินรู้สึกราวกับเห็นผีจริง ๆ ในเวลานี้ คนของกรมพระคลังกลับไม่มีใครอยู่แม้แต่คนเดียว! คิดจะก่อกบฏกันหรืออย่างไร!
แต่ละคนล้วนเลียนแบบเผยยวน! เขายังจะเป็นฮ่องเต้ไปทำไมอีก
“คนเล่า?”
เวลานี้คนของจิงจ้าวฝู่และศาลต้าหลี่ก็ได้เข้ามาแล้ว เมื่อได้ยินคำว่ากรมพระคลัง หลังจากมองหน้ากันเล็กน้อย พวกเขาก็คุกเข่าลงโดยพร้อมเพรียง
“ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”
“รอก่อน เจ้าบอกข้าให้ชัดเจนก่อน คนของกรมพระคลังไปที่ใด” ฮ่องเต้เซี่ยเจินสั่งให้พวกเขาหุบปาก ดวงตาจ้องเขม็งไปที่เจียงเต๋อ
เจียงเต๋อไม่รู้จริง ๆ และได้ให้คนออกไปตามหาแล้ว
“ฝ่าบาท…” คนของศาลต้าหลี่อยากจะเอ่ยแทรก
ฮ่องเต้เซี่ยเจินจึงเอ่ยอย่างหมดความอดทน “ข้าบอกแล้วว่าอย่าเพิ่งพูด!”
คนจากศาลต้าหลี่ “…”
ในตอนนั้นเองก็มีคนพุ่งเข้ามา เป็นคนที่ส่งออกไปตามหาเผยยวนไม่ใช่หรือ?
“ฝ่าบาท แย่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท! กองทัพทหารเกราะเหล็กหนีไปหมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ! พวกเขายังพาไท่ซ่างหวงหนีไปด้วยพ่ะย่ะค่ะ! ไม่เพียงเท่านั้นยังรื้อจวนจี้กั๋วกงด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
ฮ่องเต้เซี่ยเจินรู้สึกเหมือนตัวเองเกิดภาพหลอนขึ้น ตอนนี้เหตุใดถึงฟังสิ่งที่คนมารายงานไม่รู้เรื่องกัน
“เจ้าว่าอะไรนะ?” ในน้ำเสียงของฮ่องเต้เซี่ยเจินยังสื่อว่าเหลวไหลอีกด้วย
กองทัพทหารเกราะเหล็กของเผยยวนทั้งหมดถูกแบ่งออกไปแล้ว นายร้อยนายพันใครที่พูดมากคนที่ฆ่าได้ก็ฆ่าไปแล้ว ไม่ก็ถูกส่งไปทำงานแบกหาม คนที่ยังมีชีวิตรอดจึงเหลือไม่กี่คนเท่านั้น
ความหมายที่พวกเขาต้องการจะบอกตอนนี้ก็คือ ทหารที่เร่ร่อนเหล่านั้นออกไปตามหาเผยยวนเอง?
เป็นไปได้อย่างไร เป็นไปได้อย่างไรกัน…
รอยยิ้มบนใบหน้าของฮ่องเต้เซี่ยเจินแข็งค้างขึ้นมาทันที เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ หนึ่งครั้ง “เกิดอะไรขึ้นกับไท่ซ่างหวง? เหตุใดเขาถึงไปข้องเกี่ยวกับเผยยวนได้? วันนี้หากเจ้าไม่พูดมาให้ชัดเจน ข้าจะตัดหัวเจ้าซะ!”
“ไท่ซ่างหวงอยู่กับเผยยวนมาตลอดพ่ะย่ะค่ะ! ส่วนกองทัพทหารเกราะเหล็ก…ตั้งแต่พวกเขาได้ยินข่าวว่าเผยยวนกลับมา ก็หนีไปหมดเลยพ่ะย่ะค่ะ บางส่วนก็ลุกฮือปะทะกับทหารในค่ายแล้วฝ่าออกไป จากนั้นพวกเขาก็ไปที่จวนจี้กั๋วกงกันพ่ะย่ะค่ะ และไท่ซ่างหวงก็ได้รับสั่งให้พวกเขารื้อจวนจี้กั๋วกงทั้งหมด พร้อมทั้งพาตัวคนไปด้วย อีกอย่างขุนนางของกรมพระคลังก็อยู่ที่นั่นด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้เซี่ยเจินเลียริมฝีปาก ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา “ดี ดี ดี” จากนั้นก็ปาฎีกาบนโต๊ะทิ้ง “เหตุใดถึงเพิ่งมารายงานข้าตอนนี้ พวกเจ้าตายกันไปหมดแล้วหรืออย่างไร!”
ทั้งตำหนักฉินเจิ้งจึงไม่มีใครกล้าส่งเสียง พวกเขาเองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน
คนจากศาลต้าหลี่กับจิงจ้าวฝู่มองหน้ากัน เมื่อครู่พวกเราอยากพูด แต่ท่านก็ไม่ให้พวกเราพูดนี่นา
“มัวคุกเข่ากันอยู่ทำไม! ไปตรวจสอบให้ข้าเดี๋ยวนี้! ว่าพวกเขาไปที่ใด คนมากมายเพียงนั้นจะหายไปในอากาศได้หรืออย่างไรกัน! ปล่อยให้เผยยวนจับตัวไท่ซ่างหวงไปได้ พวกเจ้าสมควรตายไปซะ!!”
หัวใจของทุกคนกระตุกวูบ ฝ่าบาทประกาศกร้าวเช่นนี้ว่าเผยยวนจับตัวไท่ซ่างหวงไป เช่นนั้นต้องถูกลงโทษ และต้องส่งทหารไปปราบ
ดูท่าราชสำนักคงจะวุ่นวายอีกแล้ว