บทที่ 313 บ้านข้ามัธยัสถ์มาก
ทั้งหมดไม่สะดวกออกทางประตูใหญ่ของโรงน้ำชา จึงทำได้เพียงออกทางประตูหลัง
เมื่อสบกับสายตาที่ไม่เป็นมิตรของเจ้าของร้านและเสี่ยวเอ้อ เซียวเย่เจ๋อก็รีบหยิบตั๋วเงินออกมาเพื่อจ่ายเป็นค่าชดเชย
รถม้าคันเดิมได้ใช้ประโยชน์พอดี เซียวหรงหรงมองดูบรรยากาศแปลก ๆ ของพวกเขา “ท่านพี่”
“ขึ้นไปบนรถม้าก่อน” เซียวเย่เจ๋อสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ
“แม่นางเซียว ข้าประคองเจ้าเอง” จี้จือฮวนยื่นมือออกไป
เซียวหรงหรงใบหน้าแดงเรื่อลามไปจนถึงใบหู “รบกวนคุณชายจี้แล้ว”
จี้จือฮวนประคองแขนของเซียวหรงหรงเบา ๆ ยิ่งทำให้เซียวหรงหรงรู้สึกว่าเขาช่างเป็นสุภาพบุรุษยิ่งนัก
อีกด้านหนึ่ง จี้จือฮวนมองไปทางฮวาเซียงเซียงแล้วเอ่ยขึ้นมา “ขึ้นไปเถอะ”
แก้มของฮวาเซียงเซียงพองขึ้นด้วยความโกรธ เหมือนปลาปักเป้าตัวเป็น ๆ ก่อนจะขยับขาพร้อมกันกับเซียวเย่เจ๋อ
ทั้งคู่ผงะไปครู่หนึ่ง เซียวเย่เจ๋อชักเท้ากลับไปก่อน พลางเอ่ยอย่างประดักประเดิดขึ้นมา “เจ้าขึ้นไปก่อน”
“หึ!” ฮวาเซียงเซียงขึ้นไปบนรถม้าด้วยความโมโห เซียวหรงหรงกำลังจะถามว่าแค่พวกเขาสองคนหรือ? โชคดีที่จี้จือฮวนก็ตามขึ้นมาด้วย ดังนั้นบรรยากาศในรถม้าจึงไม่ได้อึดอัดถึงเพียงนั้น
เซียวหรงหรงไม่รู้ว่าควรเอ่ยปากเช่นไร จึงเลือกที่จะเอ่ยขึ้นมาว่า “เสื้อผ้าของคุณชายฮวาต้องสำคัญมากเป็นแน่ พี่ชายของข้าก็มีเสื้อผ้าราคาแพงที่สั่งตัดเป็นพิเศษมากมาย ถ้าคุณชายฮวาไม่รังเกียจสามารถไปเลือกได้ตามใจชอบ เขาไม่ใช่คนตระหนี่หรอกเจ้าค่ะ”
ตระกูลเซียวไม่ใช่คนตระหนี่
ฮวาเซียงเซียงสูดลมหายใจเข้า ก่อนจะฉีกยิ้มออกมา “ไม่ใช่เรื่องเสื้อผ้าหรอก”
เป็นเรื่องของนาง! เป็นเรื่องความบริสุทธิ์! ของฮวาเซียงเซียง!!!
จี้จือฮวนคิดว่าหากหัวเราะออกมาตอนนี้จะเป็นการไร้น้ำใจเกินไป จึงกลั้นเอาไว้และไม่พูดอะไร
เซียวเย่เจ๋อกัดฟันพลางมองไปยังที่นั่งทั้งสองด้าน ก่อนจะเลือกไปข้าง ๆ น้องสาวของตัวเองอย่างเงียบ ๆ “พวกเจ้ามาเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อใด เหตุใดไม่ส่งข่าวบอกกันบ้าง จดหมายของข้าได้รับแล้วหรือยัง?”
แน่นอนว่าฮวาเซียงเซียงไม่สนใจเขา
เซียวเย่เจ๋อจึงรู้สึกหดหู่ใจ นี่ดูไม่เหมือนการกลับมาพบกันอย่างที่เขาคิดเอาไว้
จี้จือฮวนจึงเอ่ยขึ้น “ก็จะมาเปิดร้านอย่างไรเล่า เจ้าเป็นคนเร่งพวกเราเองไม่ใช่หรือ มาถึงแต่ยังไม่ทันได้บอกเจ้าก็เท่านั้น”
ถ้าได้ยินประโยคนี้ก่อน เซียวเย่เจ๋อจะต้องมีความสุขอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้เมื่อมองไปที่ฮวาเซียงเซียง เขาก็ไม่กล้าแม้แต่จะผายลมแล้ว
“หย่งหนิงใกล้จะเลิกเรียนแล้ว นางกำลังบ่นคิดถึงพวกเจ้าอยู่พอดี”
ดูก็รู้ว่าหาเรื่องคุย
“ไม่สู้ไปนั่งที่จวนข้าก่อนดีหรือไม่? ที่จวนไม่มีผู้ใหญ่อยู่ จึงไม่มีแขกมานานแล้ว”
จี้จือฮวนได้ยินชื่อหย่งหนิงก็มีท่าทีอ่อนลง “ข้าเอาน้ำตาลปั้นมาฝากนางด้วย”
เซียวหรงหรงฟังพวกเขาคุยกันเงียบ ๆ ผ่านไปสักพักก็เริ่มสังเกตเห็นว่าพี่ชายของนางดูเหมือนจะกลัวคุณชายจี้อย่างไรอย่างนั้น? ท่านพี่นิสัยเสียเพียงนี้กลัวคนอื่นด้วยอย่างนั้นหรือ? นางจึงอดไม่ได้ที่จะเลื่อมใสคุณชายจี้มากยิ่งขึ้น
ตระกูลเซียวร่ำรวยมากจริง ๆ ทันทีที่พวกเขามาถึงประตูจวน ก็รู้สึกได้ถึงการตกแต่งที่หรูหรา แม้แต่แจกันตรงทางเข้าก็ยังใหญ่กว่าบ้านคนธรรมดาหลายเท่า
“เซียวผิง รีบให้คนไปเตรียมสุรากับอาหารมา พวกเราไปคุยกันข้างในเถอะ” เมื่อกลับมาถึงจวนในที่สุดเซียวเย่เจ๋อก็มีความมั่นใจขึ้นมาเล็กน้อย ด้านหนึ่งก็ลอบพิจารณาฮวาเซียงเซียง พลางเดินนำไปด้วย
เซียวหรงหรงเดินเคียงข้างจี้จือฮวน สาวใช้ของนางก็รีบเข้ามาด้วยความร้อนใจ “คุณหนู ท่านไปที่ใดมาเจ้าคะ พวกเราร้อนใจกันแทบแย่”
เซียวหรงหรงดึงนางมา “ข้าไม่เป็นไร”
จากนั้นก็ปรายตามองไปทางจี้จือฮวน ก่อนจะเอ่ยเสียงหวานขึ้นมา “และยังดีมากด้วย”
สาวใช้ “???”
เซียวหรงหรงกลัวว่าจี้จือฮวนจะไม่รู้ทาง จึงอธิบายให้นางฟัง “อันที่จริงจวนเราไม่ได้ตกแต่งใหม่มานานแล้ว ท่านพี่ชอบเลี้ยงนกเหยี่ยวล่าเหยื่อ ส่วนข้าชอบจัดงานเลี้ยง ดังนั้นจึงไม่ได้ดูโบราณเหมือนจวนอื่น ๆ ปกติแล้วครอบครัวเรากินดื่มกันมัธยัสถ์มาก”
จี้จือฮวนมองดูเต่าที่โผล่หัวออกมาจากโอ่งน้ำใต้กำแพงบ้าน ก็เลิกคิ้วขึ้นแล้วถามขึ้นมา “สีทองแวววับบนหลังของเต่านั่นคืออะไรหรือ?”
เซียวหรงหรงมุมปากกระตุก “เต่านี่ครอบครัวของเราเลี้ยงมายี่สิบถึงสามสิบปีแล้ว ท่านปู่ข้าทำเสื้อกั๊กให้มันใส่เจ้าค่ะ”
อืม เสื้อกั๊กทองคำบริสุทธิ์ สมกับที่เป็นตระกูลเซียวผู้มัธยัสถ์
เสี่ยวลิ่วจื่อกับอาอู๋ก็กำลังพิจารณาอยู่เช่นกัน
“นี่คงเป็นจวนอู่อันโหวกระมัง?”
“เหตุใดถึงดูเหมือนกับรองหัวหน้าปี่เซียะผู้กลืนเงินของเราไม่มีผิด ที่ใดก็ล้วนมีแต่ทองคำวิบวับไปหมด”
“เฮ้อ ก็คนเขามีเงินอย่างไรเล่า”
“เช่นนั้นจะสามารถแต่งเข้ากองเรือของเราหรือไม่?”
ความบริสุทธิ์ของฮวาเซียงเซียงอยู่ในมือของเจ้าเด็กนั่นแล้ว
เมื่อคิดได้ดังนั้น ดวงตาที่ทั้งสองคนมองไปยังเซียวเย่เจ๋อก็ยิ่งเต็มไปด้วยการจับผิด
วิชาตัวเบาพอใช้ได้ แต่วรยุทธ์ดูไม่เท่าไร ส่วนฐานะครอบครัว…ก็พอแข่งขันกับกลุ่มกองเรือของพวกเขาได้ หากแต่งงานกันก็ถือเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่ง
แต่เพราะเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งจึงยากจะตกลงได้ไม่ใช่หรือ?
เมื่อมองดูหน้าว่าที่ท่านเขยในอนาคตอีกที…ไม่ได้หน้าตาดีเท่าสามีของแม่นางจี้ แต่ก็ไม่นับว่าแย่
ส่วนเรื่องชาติตระกูลถือว่ามีชื่อเสียงกว่ากองเรือของพวกเขา แต่หากไม่ได้มาเป็นเขยกองเรือเราก็ไม่ได้เสียดายเสียหน่อย!
ลองดูรูปร่างนั่น ฝึกอีกสักหน่อยก็คงพอใช้ได้ ยังคู่ควรกับคำว่าองอาจห้าวหาญอยู่บ้าง หากยืนเคียงคู่กับคุณหนูใหญ่ก็นับว่าไม่เลว
สองพี่น้องยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่า เจ้าสารเลวเซียวเย่เจ๋อได้เปรียบไปเต็ม ๆ อีกทั้งเกิดเรื่องกับคุณหนูใหญ่ต่อหน้าต่อตาพวกเขา หากกลับไปจะไม่ถูกท่านหัวหน้าใหญ่ถลกหนังหรอกหรือ?
เมื่อคิดได้ดังนั้นก็รู้สึกไม่สบายตัวเป็นอย่างมาก นี่ไม่เท่ากับจบเห่แล้วหรอกหรือ!
เซียวเย่เจ๋อรู้สึกเย็นวาบที่ท้ายทอย ราวกับมีคนใช้สายตาแหลมคมเชือดเฉือนเขาอยู่ จึงชำเลืองมองสีหน้าของฮวาเซียงเซียง “เอ่อ เซียงเซียง”
“เรียกชื่อเต็ม เราไม่ได้สนิทกันเพียงนั้น!” ฮวาเซียงเซียงตอกกลับไปด้วยความโมโห
เซียวเย่เจ๋อเลียริมฝีปาก ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้นาง “เมื่อครู่…ข้าเองก็ไม่ได้ตั้งใจ ข้าคิดว่าเป็นโจรโรคจิต อีกทั้งเจ้าก็ยังสวมชุดผู้ชายด้วย การที่ข้าดูไม่ออกว่าเป็นเจ้าก็สมเหตุสมผลแล้วไม่ใช่หรือ เสื้อผ้าพวกนี้ข้าก็ไม่ได้ตั้งใจจะกระชากนะ”
“หุบปาก!” ฮวาเซียงเซียงได้ยินเขาพูดเรื่องเสื้อก็ทนไม่ไหว
จึงเดินไปทางห้องโถงด้วยความโมโห ทันใดนั้นเซียวเย่เจ๋อก็ยื่นแขนข้างหนึ่งออกมาขวางหน้านางแล้วเอ่ยขึ้นมา “ไปทางนี้”
“หึ ไม่ต้องให้เจ้าบอกหรอก!” ฮวาเซียงเซียงเดินไปข้างหน้าด้วยความโมโห จี้จือฮวนถอนหายใจออกมา การปฏิวัติยังไม่สำเร็จ สหายยังต้องพยายามต่อไป
“พวกเจ้าสองคนคุยกันให้รู้เรื่องก่อนดีหรือไม่ ข้าจะไปเดินเล่นรอบจวนของเจ้ารอ? ไม่อย่างนั้นพวกเจ้าพูดไปฮึดฮัดไป จะคุยเรื่องการค้ากันได้อย่างไร”
เซียวเย่เจ๋อก็คิดจะหาโอกาสพูดกับฮวาเซียงเซียงให้ชัดเจนเหมือนกัน “เช่นนั้นก็ได้ ให้หรงหรงพาเจ้าไปเดินเล่นก่อน ข้าเห็นนางชอบเจ้ามาก น้อยนักที่นางจะสนิทสนมกับคนอื่นเช่นนี้”
ปกติแล้วเซียวหรงหรงเป็นคนหยิ่งทะนงจะตายไป อย่าว่าแต่ช่วยแนะนำเรื่องการแต่งบ้านให้คนอื่นเลย แค่คนที่ทำให้นางกระตือรือร้นเช่นจี้จือฮวนนั้นก็มีไม่มากนัก
“ได้ ข้าเห็นว่าน้องสาวเจ้าก็นิสัยดีใช้ได้ เจ้าไปเถอะ”
เซียวเย่เจ๋อรีบเดินตามฮวาเซียงเซียงไป พวกเสี่ยวลิ่วจื่อเห็นดังนั้นก็คิดจะตามไปด้วย จี้จือฮวนจึงขวางเอาไว้ “จะตามไปทำไมกัน อย่าทำให้คุณหนูใหญ่ของพวกเจ้าเสียเรื่อง”
หากฮวาเซียงเซียงไม่พอใจ คงให้คนตัดแขนเซียวเย่เจ๋อไปนานแล้ว จะโมโหเช่นนี้หรือ
เสี่ยวลิ่วจื่อรู้สึกประหลาดใจ จี้จือฮวนจึงปัดมือไปมา “ตามข้าไปเดินเล่นในสวนเถอะ”
นางหันไปยิ้มให้กับเซียวหรงหรง “แม่นางเซียว รบกวนแล้ว”
เซียวหรงหรงส่ายหน้าคอแทบหัก ก่อนจะเอ่ยด้วยความเขินอาย “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ คนกันเองทั้งนั้น คุณชายจี้เชิญตามข้ามาเจ้าค่ะ”
เสี่ยวลิ่วจื่อตัวสั่นขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยกับอาอู๋ “เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่า…แม่นางเซียวผู้นี้มีบางอย่างแปลก ๆ กับแม่นางจี้ของเราเลยล่ะ?”
.
.