บทที่ 331 เจ้ามีอะไรที่พิเศษ
ราตรีที่เงียบสงัด ภายใต้สายฝนที่โปรยปรายจนมองอะไรไม่ชัด เทพเจ้าสายฟ้าเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ บางครั้งก็มีสายฟ้าฟาดลงมาท่ามกลางความมืด สายลมเย็น ๆ ผสมกับละอองฝนกระทบใบหน้าก่อนจะไหลลงมาตามคอเสื้อ
เนื่องจากตอนที่ออกเดินทางเจอสภาพอากาศที่ไม่ค่อยดีนัก จึงทำให้ล่าช้าอยู่ที่ประตูเมือง จนถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังหาที่พักไม่ได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงเข็นเกวียนต่อไป ทว่าเส้นทางกลับเต็มไปด้วยดินโคลน ก้าวไปหนึ่งก้าวก็เจอหลุมหนึ่งหลุม หากยังไม่มีถ้ำให้บังลมบังฝนอีก เกรงว่าพรุ่งนี้คงจะล้มป่วยกันหลายคน
คบไฟไม่สามารถส่องสว่างได้อีกต่อไป ทุกคนจึงรู้สึกกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก คนที่ส่งออกไปสำรวจเส้นทางข้างหน้าก็ยังไม่กลับมา
จนกระทั่งเสียงกระดิ่งค่อย ๆ ดังขึ้น ทุกคนก็ยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“เจ้าได้ยินเสียงอะไรหรือไม่?”
“ไม่มีนี่ ได้ยินแต่เสียงฝนบัดซบนี่แหละ” เสียงฝนกระทบใบไม้ชวนให้รู้สึกอึดอัดยิ่งนัก หากตอนนี้มีเตียงอุ่น ๆ อยู่ล่ะก็ รับรองว่าพวกเขาจะรีบมุดเข้าไปทันที
คนผู้นั้นพึมพำอะไรบางอย่างออกมา พร้อมคิดว่าตนเองได้ยินจริง ๆ
แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครสนใจ จนกระทั่งเสียงกระดิ่งดังขึ้นเรื่อย ๆ ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนไม่อาจมองข้ามได้อีก จากนั้นทุกคนจึงได้หันไปมองสตรีที่นั่งอยู่บนกิ่งไม้เป็นตาเดียว
นางสวมกระโปรงผ้าป่านสีครามธรรมดา ที่มีลวดลายเรียบง่าย ด้านบนประดับด้วยกระดิ่งเงินชั้นหนึ่งที่พลิ้วไหวจนเกิดเสียงไปตามสายลม แม้แต่ร่มเหล็กที่นางกางก็ประดับด้วยโซ่เงิน เท้าเล็ก ๆ นั้นแกว่งไปตามยอดไม้เบา ๆ
ดึกดื่นเช่นนี้กลับมีสตรีผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้น ทุกคนต่างก็มองหน้ากันด้วยความตกตะลึง
“แม่นาง ดึกดื่นป่านนี้ เจ้าขึ้นไปนั่งที่สูง ๆ ทำไมกัน?”
เยว่พั่วหลัวกำลังเล่นผมที่ถักเปียของตัวเองอยู่ ได้ยินดังนั้นนางก็เชิดคางขึ้นแล้วเอ่ยออกมา “ข้าพนันกับคน ๆ หนึ่งเอาไว้”
“พนันอะไร?”
“พนันว่าใครจะจับเชลยได้มากกว่ากัน”
“เชลย? ที่นี่มีเชลยที่ใดกัน?”
ดูท่าคงเป็นสตรีที่เสียสติเป็นแน่ เพราะเสื้อผ้าที่นางสวมใส่หากเอาไปขายคงได้เงินไม่น้อย น่าเสียดายจริง ๆ ไม่รู้ว่าคนในครอบครัวไปอยู่ที่ใดกัน
เยว่พั่วหลัวยกยิ้มมุมปาก สะบัดมือเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหัวแล้วพูดขึ้นมา “ก็พวกเจ้าอย่างไรเล่า~”
ทันทีที่สิ้นเสียงของนาง สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไป เยว่พั่วหลัวถือร่มและพุ่งลงมาหาพวกเขา “น่าเสียดายที่พวกเจ้ามีคนน้อยเกินไป! ไม่อย่างนั้นคืนนี้ข้าต้องชนะเจ้าหน้าขาวนั่นแน่นอน”
ครึ่งชั่วยามต่อมา…
“อือ ๆ ๆ ๆ ๆ!!!”
เยว่พั่วหลัวเตะเชลยใหม่ที่ยังขัดขืนไปอีกหนึ่งที ก่อนจะมองดูคนของไป๋จิ่นที่นอนกันระเกะระกะ แล้วส่งเสียงชิชะออกมา “เจ้ารู้จักศิลปะบ้างหรือไม่?”
ไป๋จิ่นปรายตามองเชลยที่นางจัดอย่างเป็นระเบียบตาม ก็สะบัดเชือกมัดผมสีแดง จอนผมที่หยิกงอจึงสะบัดตามไปด้วย “ความสามารถมีน้อย แถมทำแต่เรื่องไร้สาระ หลีกไป”
เยว่พั่วหลัวเดินตามหลังของเขาไป เสียงทะเลาะกันต่อให้พวกเขาออกไปไกลแล้วก็ยังสามารถได้ยินอยู่ ไม่นานก็เห็นพัดหนึ่งอันกับร่มหนึ่งคันกำลังสู้กันอยู่กลางอากาศ
บรรดาทหารที่ซื่อ ๆ ของกองทัพทหารเกราะเหล็กก็เริ่มนับสิ่งของที่ยึดกลับมาได้
“แม่เจ้า ได้มาไม่น้อยเลย นี่เพียงพอให้ค่ายทหารของเรากินดื่มได้กว่าสองปีเลยนะ! เจ้าพวกหนอนราชสำนัก!”
“อย่าให้โดนความชื้นล่ะ พวกนี้ล้วนเป็นเสบียงช่วยเหลือ อย่าให้เสียเปล่าแม้แต่เม็ดเดียว”
“ทางพวกเราราบรื่นดี ไม่รู้ว่าทางฮูหยินจะเป็นเช่นไรบ้าง”บราวนี่ออนไลน์
“วางใจเถอะ อย่างฮูหยินยังจะมีปัญหาอะไรได้ ท่านแม่ทัพมีภรรยาที่ดีเช่นนี้ ถือเป็นความโชคดีในความโชคร้ายจริง ๆ”
…
จี้จือฮวนที่กำลังมีคนเป็นห่วงอยู่นั้น เวลานี้ก็เพิ่งสกัดคนไปสามกลุ่ม พลางจับพวกเขาทั้งหมดมาแขวนอยู่ใต้ต้นไม้และให้ตากน้ำฝนอยู่อย่างนั้น ทั้งยังจุดไฟในวัดร้างเพื่อทำอาหารอร่อย ๆ ให้กับทุกคนกินอยู่
“ฝนบ้านี่ไม่ยอมหยุดจริง ๆ” ได้ยินพวกเขาบ่น จี้จือฮวนจึงออกไปดู “เอาล่ะ ของกินย่างเสร็จแล้ว ระวังเรื่องการลาดตระเวนและเปลี่ยนกะด้วย พรุ่งนี้พวกเรายังต้องยุ่งกันอีก พักผ่อนให้เต็มที่ อย่าป่วยเสียล่ะ”
“ขอรับ แล้วฮูหยินเล่าขอรับ?”
“ข้านอนไม่หลับ จะไปดูเสียหน่อยว่ากับดักที่วางเอาไว้ถูกฝนชะล้างไปแล้วหรือไม่ พวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”
จี้จือฮวนสวมเสื้อกันฝนที่ทำจากฟางก่อนออกไป เดินไปตามทางที่เฉอะแฉะท่ามกลางสายฝน
ด้านในสวมชุดต่อสู้ที่กันไฟ กันน้ำ และกันระเบิดเอาไว้ ใส่เสื้อกันฝนทับก็ไม่นับว่าลำบากอะไร หลังจากนางตรวจสอบกับดักทั้งหมดแล้ว จึงได้ไปหลบฝนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่
โชคดีที่พอผ่านไปครึ่งคืนฝนก็หยุดไปพักหนึ่ง จี้จือฮวนเองก็ไม่รีบร้อนที่จะกลับไป นางนั่งอยู่บนก้อนหินใต้ต้นไม้และหลับตาลงเพื่อพักผ่อน
ประสาทสัมผัสในตอนกลางคืนจะไวเป็นพิเศษ อย่างเช่นในตอนนี้
“ท่านตามข้ามาตลอดทางแล้ว แต่กลับไม่ลงมือเพราะอะไรหรือเจ้าคะ?”
จี้จือฮวนรู้แค่ว่าตนเองได้พบกับยอดฝีมือเข้าให้แล้ว และเป็นคนที่เหนือกว่าหานฉีอย่างมาก แม้เผยยวนจะบอกกับนางว่าพลังภายในสามารถทำให้คนเดินโดยไม่มีเสียงใด ๆ ได้ เมื่อมียอดฝีมือเข้ามาใกล้ก็จะทำให้ไม่สามารถสังเกตเห็นได้
แต่เป็นเพราะสัมผัสที่หกของสตรี จึงทำให้จี้จือฮวนรับรู้ได้ว่ามีคนแอบมองอยู่
แม้ว่าปกตินางจะเป็นคนหวาดระแวง แต่ความรู้สึกของนางก็ไม่เคยโกหก
เมื่อจี้จือฮวนเอ่ยประโยคนี้ออกมา ก็มีลมแรงพัดมาจากฝั่งตรงข้าม ชายผู้นั้นเอามือไพล่หลัง ชุดสีดำปลิวไสว ดาบโค้งเหล็กแดงที่สะพายอยู่ข้างหลังเขาดูชั่วร้ายและแปลกประหลาด ขณะที่เขาโรยตัวลงมาอย่างช้า ๆ ผมสีเงินราวกับแสงจันทร์ก็สยายไปตามลม แต่ใบหน้านั้นกลับหล่อเหลาราวกับเทพเซียนบนสวรรค์ ท่าทางเย็นชาและหยิ่งยโส
แม้จะรูปงามแต่กลับเย็นชายิ่ง
หลังจากลมแรงพัดผ่านใบหน้าของเขาไป ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ อีก
จี้จือฮวนแน่ใจว่าในนิยายไม่ได้เขียนเอาไว้ว่ามีตัวประกอบใดที่มีหน้าตาและวิธีการปรากฏตัวเช่นนี้
แต่นางรู้สึกว่าเขาดูหล่อเหลาไม่น้อย
ความเงียบที่ยาวนานปกคลุมระหว่างพวกเขาทั้งสองคน ผ่านไปพักใหญ่จี้จือฮวนจึงล้วงเอาแป้งอบที่ใกล้จะเย็นชืดของตัวเองออกมาจากอกเสื้อและเริ่มกินมัน
ชายผู้นั้นจึงได้มองมาที่นาง สายตาคู่นั้นดูหาเรื่องเป็นอย่างมาก ตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่มีส่วนใดที่เขามองข้ามเลย และบางครั้งก็ขมวดคิ้วไปด้วย
จี้จือฮวนเองก็ไม่รีบร้อน และรอเขาพูด
ความจริงแล้วหากพิจารณาดูดี ๆ เขาดูไม่แก่เลย แต่ในสมัยโบราณก็ไม่นับว่าหนุ่ม ดูเหมือนอายุจะสามสิบกว่าแล้ว
“อร่อยหรือไม่?” ชายผู้นั้นเอ่ยถาม
จี้จือฮวนพบว่าน้ำเสียงของเขาช่างเข้ากับใบหน้า ไพเราะน่าฟังยิ่งนัก
“พอใช้ได้ เจ้าอยากสู้อย่างไร? แต่ข้าคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า” นางแบมือออก
“เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าจริง ๆ นั่นแหละ ดังนั้นเจ้าจึงนั่งรอความตายอยู่ที่นี่อย่างนั้นหรือ?”
จี้จือฮวนส่ายหน้า “ข้าย่อมมีวิธีหนีเอาตัวรอด แต่เหตุใดข้าต้องรีบร้อนด้วย”
นางยังมีช่องว่างมิติอยู่ ต่อให้วรยุทธ์ของเขาจะแข็งแกร่ง แต่สามารถเข้ามาในช่องว่างมิติได้หรือไม่
“แค่ฉลาดแกมโกงก็เท่านั้น เจ้ายังอ่อนหัดเกินไป”
“…สรุปเจ้าจะสู้หรือไม่ ตามข้ามานานเพียงนี้ คงไม่ใช่แค่มาบอกข้าว่าข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าหรอกกระมัง?” จี้จือฮวนคิดไปคิดมา หรือว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัวแล้ว จึงส่งยอดฝีมือมาฆ่านาง?
“ข้าไม่ฆ่าเจ้าหรอก” ชายผู้นั้นสะบัดแขนเสื้อ หากไม่ใช่เพราะไอพลังบนกายของเขารุนแรงเป็นอย่างมาก จี้จือฮวนยังมีความคิดที่จะชื่นชมชายหนุ่มรูปงามผู้นี้อยู่บ้าง
“เช่นนั้นเจ้าคิดจะทำอะไร?”
“ข้ากำลังพิจารณาว่าเจ้ามีอะไรที่พิเศษกันแน่”
จี้จือฮวนเลิกคิ้วขึ้น “จากนั้นเล่า?”
“บอกได้เพียงว่าเป็นคนที่ติดอยู่กับความรัก แต่ละคนมีสิ่งที่ทำให้คนไม่เข้าใจกระมัง”
จี้จือฮวนหยุดเคี้ยว ก่อนจะหรี่ตาลงแล้วเอ่ยออกมา “เจ้าเป็น…ใครกันแน่?”
ชายผู้นั้นราวกับประหลาดใจอย่างมากที่จี้จือฮวนเพิ่งจะมาถามคำถามนี้กับเขา
“เจียงจือหวย”
.
.