บทที่ 363 ทำชั่วได้ชั่ว
คดีวางยาพิษในเมืองหลวงครั้งนี้ร้ายแรงมาก ไม่เพียงแต่สร้างความไม่พอใจแก่ราษฎรเท่านั้น เสิ่นฉางซานยังมาตะโกนตำหนิที่หน้าประตูวังหลวงอีกด้วย
ฮ่องเต้เซี่ยเจินไปต้อนรับเขาที่หน้าประตูวังด้วยพระองค์เอง แต่เสิ่นฉางซานก็หาได้ไว้หน้าแต่อย่างใดไม่ หากเป็นคนธรรมดาฮ่องเต้เซี่ยเจินก็คงไม่ต้องลดตัวเพียงนี้ ทว่านับตั้งแต่ก่อตั้งราชวงศ์ต้าจิ้นมา ก็ยังไม่เคยมีฮ่องเต้พระองค์ใดกล้าไล่ผู้ที่มาทัดทานออกไป
เสิ่นฉางซานต้องการให้ฮ่องเต้เซี่ยเจินอธิบายเรื่องราวทั้งหมด ครั้งนี้เขาไม่สามารถปล่อยฮ่องเต้เซี่ยเจินไปได้อีกแล้ว และไม่ได้มีเพียงเสิ่นฉางซานเท่านั้น แต่ยังมีเหล่าผู้ตรวจการที่ล้วนต้องการให้ฮ่องเต้เซี่ยเจินตรวจสอบองค์ชายรองและองค์ชายสามอีกด้วย
คราวนี้ชื่อเสียงของราชวงศ์นับว่าป่นปี้อย่างแท้จริง
นับตั้งแต่เจียงเช่อเกิดเรื่องขึ้น ตอนกลางคืนฮ่องเต้เซี่ยเจินก็นอนไม่หลับอีก จึงจับขันทีและนางในข้างกายที่น่าสงสัยทั้งหมดมาสอบสวน เขารู้สึกว่ามีหนอนบ่อนไส้อยู่ทุกที่ ใคร ๆ ต่างก็อยากจะแย่งชิงบัลลังก์ของเขา
อย่างไรก็ตามองค์ชายสามและเต๋อเฟยเวลานี้ก็ยิ่งกลายเป็นหนามยอกอกในสายตาของเขา เต๋อเฟยร้องไห้อ้อนวอนขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้เซี่ยเจินในวังหลวงทั้งวันทั้งคืน และเขียนจดหมายอธิบายต่าง ๆ นานา ทว่าเขากลับไม่อ่านเลยแม้แต่ฉบับเดียว
จนกระทั่งเรื่องลุกลามขึ้นมา ไท่ซ่างหวงจึงสั่งให้ผู้บัญชาการศาลต้าหลี่นำเอกสารลงชื่อและประทับลายนิ้วมือว่าตระกูลเมิ่งสมรู้ร่วมคิดกับองค์ชายสามเพื่อลักลอบขายข้าวเช่นไรมาวางต่อหน้าเขา องค์ชายสามจึงถูกปลดเป็นสามัญชนทันที รอทางหลูโจวตรวจสอบคดีจนชัดเจนแล้วค่อยตัดสินลงโทษอีกที
ตระกูลเมิ่งถูกยึดทรัพย์และประหารทั้งตระกูล เต๋อเฟยถูกจับเข้าตำหนักเย็นและประทานผ้าขาว
ส่วนองค์ชายรองเนื่องจากมือและเท้าใช้การไม่ได้ จึงสั่งให้คนคอยจับตามองตลอดเวลาเพื่อรอดูกันต่อไป
ตอนที่เต๋อเฟยเห็นเจียงเต๋อประคองถาดเข้ามาก็คาดเดาได้ทันที นางหลบไปอยู่ในมุมของตำหนักอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ข้าจะเข้าเฝ้าฝ่าบาท ข้าจะเข้าเฝ้าฝ่าบาท!”
เจียงเต๋อถอนหายใจออกมา “พระนาง เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ท่านรีบทำตามเถอะพ่ะย่ะค่ะ”
เต๋อเฟยคร่ำครวญออกมา “ข้าถูกใส่ร้าย ตระกูลเมิ่งถูกใส่ร้าย!”
เจียงเต๋อเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “ท่านถูกใส่ร้ายหรือไม่กระหม่อมก็ไม่สามารถบอกได้ ดังนั้นอย่าเสียเวลาทั้งสองฝ่ายเลยนะพ่ะย่ะค่ะ
หากท่านเลือกไม่ถูก กระหม่อมจะเลือกให้ท่านเองพ่ะย่ะค่ะ”
ไม่ว่าอย่างไรองค์ชายสามก็ถูกปลดแล้ว เฮ้อ เต๋อเฟยกับหายกุ้ยเฟยสู้กันมาตั้งหลายปี คิดไม่ถึงว่าทั้งสองคนจะต้องมาตายตามกันไปเช่นนี้ ผู้ชนะคนสุดท้ายกลับเป็นซูเฟยไปได้
ขณะที่เจียงเต๋อสั่งให้คนกดตัวเต๋อเฟยเอาไว้ และกรอกเหล้าพิษให้กับนาง หลี่ฮองเฮาก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านนอกตำหนัก
เจียงเต๋อจึงเลิกคิ้วขึ้น หลังกลับมาจากหมู่บ้านตระกูลเฉินเขาก็ไม่กล้าประมาทฮองเฮาที่ปิดปากเงียบมาหลายปีผู้นี้อีก
“ถวายบังคมฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ”
แน่นอนว่าหลี่ฮองเฮาไม่ชอบสุนัขข้างกายของเซี่ยเจิน นางจึงเดินผ่านและไปหยุดอยู่ตรงหน้าเต๋อเฟยทันที มองดูใบหน้าที่ชราลงอย่างรวดเร็วเนื่องจากความทรมานทางจิตใจในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ก็ได้แต่ถอนหายใจอยู่ภายในอก ตอนนั้นที่อวี้เอ๋อร์ถูกคนเหล่านี้ทำร้ายจนตาย สภาพของนางก็ไม่ได้ดีไปกว่าเต๋อเฟยเท่าใดนัก
“เรื่องวังหลังปล่อยให้ข้าจัดการเองเถอะ”
อย่างไรเสียเต๋อเฟยก็ต้องตายอยู่แล้ว หากว่าซื้อน้ำใจของหลี่ฮองเฮาได้ ก็ไม่เป็นอะไร
เจียงเต๋อจึงให้คนวางของไว้ทันที “ฮองเฮาตรัสได้ถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะรออยู่ด้านนอก หากฮองเฮาทรงจัดการเรียบร้อยแล้ว กระหม่อมค่อยเข้ามาใหม่นะพ่ะย่ะค่ะ”
หากพระสนมในวังตายต้องแน่ใจว่าตายจริงหรือไม่ เรื่องนี้เจียงเต๋อต้องจัดการเพื่อที่จะไม่มีใครมาว่าอะไรทีหลังได้
หลี่ฮองเฮาไม่ได้มองเขา รอจนกระทั่งเจียงเต๋อลากคนรับใช้ทั้งหมดในตำหนักเต๋อเฟยออกไปแล้ว ในตำหนักที่กว้างใหญ่นี้จึงราวกับว่าเหลือเพียงพวกนางเท่านั้น
ซู่ซินยืนอยู่ด้านหลังของเต๋อเฟย เพื่อป้องกันนางจะทำร้ายหลี่ฮองเฮา
“เฮอะ…ฮ่า ๆ ๆ เจ้ามาเพื่อหัวเราะเยาะข้าอย่างนั้นหรือ? ฮองเฮา ข้าเคารพเจ้ามาตลอด เจ้าไม่จำเป็นต้องใจร้อนเพียงนี้ก็ได้”
หลี่ฮองเฮาจ้องมองนาง “นับตั้งแต่อวี้เอ๋อร์ตายไป สิ่งที่ข้าฝันถึงทุกคืนวันก็คือสภาพน่าอนาถรูปแบบต่าง ๆ ของพวกเจ้า ข้าจะไม่ร้อนใจได้อย่างไรกัน ในเมื่อเจ้าจะตาย ข้าก็ต้องมาส่งเจ้าเดินทางเป็นครั้งสุดท้ายอยู่แล้ว”
เต๋อเฟยจ้องนางเขม็ง “อดีตองค์รัชทายาทหาเรื่องใส่ตัวเอง!”
“ใช่หรือไม่ ในใจเจ้ารู้ดี บัดนี้เพียงแค่วงล้อแห่งกรรมมาถึงแล้วก็เท่านั้น”
มือทั้งสองของเต๋อเฟยกำหมัดแน่นจนปลอกเล็บจิกเข้าเนื้อ เจ็บจนหัวใจของนางหลั่งเลือดออกมา ตระกูลหลี่เสื่อมถอย เช่นเดียวกับตระกูลเมิ่งในตอนนี้ เต๋อเฟยไหนเลยจะคิดว่าเรื่องราวจะเลวร้ายลงจนตอนนี้ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว
“ต่อให้เจ้าจะแก้แค้น ตำแหน่งองค์รัชทายาทก็ไม่มีทางเป็นของเซี่ยอวี้ของเจ้าอีกแล้ว เจ้าเป็นภรรยาเอกแล้วอย่างไรเล่า หากไม่ใช่ตระกูลเมิ่งของเรา ก็ยังมีซูเฟยอยู่ดี”
หลี่ฮองเฮาก้มตัวลง มุมปากยกยิ้มขึ้น ใบหน้าที่สงบนิ่งเผยความงามของสาวงามอันดับหนึ่งของวังหลังในอดีตออกมาอีกครั้ง
ความงดงามและสูงส่งที่ทำให้สนมในวังทั้งหลายต่างหมดสิ้นความงามบราวนี่ออนไลน์
“อีกไม่นานข้าจะส่งซูเฟยลงไปอยู่เป็นเพื่อนเจ้าเอง เจ้ากำลังสงสัยอยู่ใช่หรือไม่ ว่าตัวเองเดินหมากตัวใดผิดไปกันแน่?”
เต๋อเฟยจ้องนางเขม็ง “ไหนลองว่ามาสิ”
“ด้านหลังข้าคือไท่ซ่างหวง องค์หญิงใหญ่ และยังมีกองทัพทหารเกราะเหล็กของเผยยวน อวี้เอ๋อร์ไม่อยู่แล้ว ทว่าอาฉือลูกชายของเขายังอยู่ ลูกชายสารเลวของเจ้ากับซูเฟยคู่ควรจะนั่งบนบัลลังก์อย่างนั้นหรือ? อาศัยแค่จิตใจที่เน่าเฟะ ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาอย่างนั้นหรือ? เจ้าอาจจะยอมรับได้ แต่สวรรค์กลับไม่สามารถทนมองได้”
เต๋อเฟยดวงตาเบิกโพลง “แผนการของพวกเรา พวกเจ้าเป็นคนทำลายอย่างนั้นหรือ?”
“หากตระกูลเมิ่งของพวกเจ้าไม่โง่ จะถูกลูกผู้ดีคนหนึ่งหลอกใช้อยู่ในกำมือได้อย่างไรกัน? เต๋อเฟย เจ้าไปก่อนเถอะ ไม่นานคนเหล่านั้นจะตามลงไปอยู่เป็นเพื่อนเจ้าเอง”
“เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ? เซวียนเอ๋อร์ของข้าไม่ใช่เชื้อพระวงศ์อย่างนั้นหรือ? ไท่ซ่างหวงเหตุใดถึงได้ลำเอียงเช่นนี้”
“ผิด การเก็บพวกเจ้าเอาไว้ต่างหาก ถึงเป็นการเหยียบย่ำราษฎร!”
เต๋อเฟยส่ายหน้า น้ำตาไหลลงมาตามหางตา “เป็นแค่ลมปากเท่านั้น ฮ่องเต้องค์ใดบ้างที่ขึ้นครองราชย์โดยเบื้องหลังไม่หลั่งเลือดราวกับแม่น้ำ องค์ชายองค์ใดบ้างที่บริสุทธิ์!? เซวียนเอ๋อร์ของข้าแพ้เซี่ยอวี้ของเจ้าตรงที่ใดกัน? เพราะเขามาเกิดในท้องของข้าถึงได้กลายเป็นลูกอนุ หลี่หมิงอวี้ ตอนนั้นข้าก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเจ้า! ข้าจะเต็มใจได้อย่างไรกัน!”
“เต็มใจหรือไม่เต็มใจเจ้าก็ต้องชดใช้ ที่วันนี้ข้ามาก็เพื่อส่งพวกเจ้าแม่ลูกเป็นครั้งสุดท้าย น่าเสียดายที่เหล้าขององค์ชายสามถ้วยนั้น ยังต้องรอคดีเขื่อนหลูโจวตรวจสอบเสร็จสิ้นจึงจะถูกส่งไป คงต้องให้เจ้าไปก่อนแล้ว”
เต๋อเฟยส่ายหน้าไปมา ก่อนจะหัวเราะอย่างขมขื่น “ฮ่า ๆ ๆ ๆ สุดท้ายคนที่มาส่งข้าเป็นครั้งสุดท้ายกลับเป็นเจ้า”
“แน่นอน วันที่ข้าเสียลูกชายไป เป็นเจ้าที่พูดกรอกหูข้าว่าไฟที่ตำหนักบูรพาโหมกระหน่ำเพียงใด เถ้ากระดูกขององค์รัชทายาทมีกี่กำมือ ละเอียดถึงเพียงนั้น ข้าจำได้ดี ไม่อาจลืมได้ทั้งยามหลับและยามตื่น” หลี่ฮองเฮามองของที่วางอยู่บนโต๊ะ “เจ้าสามารถเลือกวิธีการตายได้ ก็นับว่าใจดีกับเจ้าเกินไปแล้ว”
เต๋อเฟยกัดริมฝีปาก “การตายของเซี่ยอวี้เจ้าโทษพวกเราแล้วจะมีประโยชน์อันใด คนที่อยากให้เขาตายที่สุดไม่ใช่พวกเรา เจ้ากล้าปลงพระชนม์ฝ่าบาทอย่างนั้นหรือ?”
หลี่ฮองเฮาชักมือกลับ สีหน้าเรียบนิ่ง “ทำไมจะทำไม่ได้?”
“เจ้าบ้าไปแล้ว เจ้าบ้าไปแล้วจริง ๆ”
“ซู่ซิน ส่งเต๋อเฟยได้”
เต๋อเฟยตกตะลึง จากนั้นก็ลุกขึ้นและวิ่งไปที่ประตู ทว่าซู่ซินกลับกดนางให้คุกเข่าลงบนพื้น “เต๋อเฟย ท่านอยู่นิ่ง ๆ จะดีกว่า ตอนจากไปก็จะได้ไปสบายหน่อยนะเพคะ”
เอ่ยจบซู่ซินก็ดึงผ้าสีขาวจากบนถาด พันรอบลำคอของเต๋อเฟยหนึ่งรอบ แล้วโยนไปบนคานของตำหนัก เต๋อเฟยยังคงดิ้นรนอยู่ที่เดิม แต่กลับถูกผ้าขาวนั่นแขวนเอาไว้แล้ว นางดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ผ้าสีขาวที่ซู่ซินผูกไว้อย่างแน่นหนาจะหลุดลงมาง่าย ๆ ได้อย่างไร
จนกระทั่งเต๋อเฟยเบิกตาโพลง จ้องมองหลี่ฮองเฮาด้วยสีหน้าถมึงทึง ในที่สุดก็หมดลมอย่างไม่เต็มใจ หลี่ฮองเฮาจึงลุกขึ้นยืน และเปล่งเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ
.