บทที่ 14 ไม่ทานอะไรเหรอ
ในตอนนั้นเองโทรศัพท์ของเฉินโม่ก็ดังขึ้น เฉินโม่เห็นว่าคนที่โทรมาจ้าวจื่อหาว เพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาวิทยาลัย
“ฮัลโหล”
เสียงกวนๆ ของจ้าวจื่อหาวดังออกมาจากโทรศัพท์ “เฉินโม่ นายนี่จริงๆ เลย ได้อันดับหนึ่งในการแข่งขันออกแบบเกมเลยเหรอ มันน่าอายมากหรือไงที่จะไม่บอกเรื่องนี้กับเพื่อนอย่างฉันน่ะ!”
เฉินโม่หัวเราะ “ฉันเพิ่งหาที่พักได้อีกอย่างมีหลายเรื่องที่ต้องจัดการแล้วนายรู้เรื่องนี้ได้ยังไง”
จ้าวจื่อหาวพูด “ยังมีหน้ามาถามว่าฉันรู้ได้ยังไง นายดังแล้วนะ! วิดิโอที่นายโต้เถียงกับกรรมการ ถูกอัปโหลดบนอินเทอร์เน็ตแล้ว!”
เฉินโม่พูดไม่ออก “หือ”
จ้าวจื่อหาวพูด “นายดูเองแล้วกัน จริงสิ ตอนเย็นว่างไหม พวกเราสามคนไม่ได้รวมตัวกันเลยตั้งแต่เรียนจบ ตอนนี้นายได้สถานะนักออกแบบเกมมาแล้ว แถมยังได้ Experience Store มาแบบฟรีๆ อีก นี่ไม่คิดจะเลี้ยงพวกเรา หน่อยเหรอ”
เฉินโม่หัวเราะ “โอเค เลี้ยงก็ได้ ถ้าอย่างนั้นนายโทรหาหลินม่าวด้วยแล้วกัน”
จ้าวจื่อหาวพูด “ได้ งั้นเอาตามนี้ ฉันจะไปรับหลินม่าวแล้วตรงไปที่ Experience Store ของนาย จากนั้นค่อยมาตกลงกันว่าจะกินอะไร สี่โมงเย็นเจอกัน”
เฉินโม่พูด “โอเค แล้วเจอกัน”
ในความทรงจำของโลกคู่ขนาน สมัยที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยเฉินโม่มีเพื่อนที่สนิทมากๆ อยู่สองคน พวกเขาทั้งสามคนไม่ได้เรียนวิชาเอกเดียวกัน แต่พวกเขาทั้งหมดเข้าสู่อุตสาหกรรมเกม
จ้าวจื่อหาวเป็นทายาทเศรษฐี ครอบครัวของเขาดูเหมือนจะมีกิจการที่สืบทอดกันมานาน เฉินโม่เองก็ไม่รู้สถานการณ์แน่ชัด รู้แค่ว่าเพื่อนคนนี้ไม่ขาดแคลนเงินหรอก
จ้าวจื่อหาวไม่ใช่นักออกแบบเกม แต่เขาเปิดสตูดิโอเป็นของตัวเองและก่อตั้งสมาคมเกมขึ้นมา อีกทั้งยังรวมไปถึง Game Boosting[1] Gold farming[2] และโปรโมตช่องทางเกม เป็นต้น
บริษัทนี้ไม่ถือว่าใหญ่ แต่ค่าจ้างพนักงานไม่ได้ต่ำเลย พวกเขาทั้งหมดเป็นนักเล่นเกมที่ดี ส่วนใครเล่นเกมไม่ดี จะไม่ได้รับค่าจ้าง
โดยทั่วไปแล้วพนักงานเหล่านี้สามารถถูกมองว่าเล่นเกมเป็นเพื่อนจ้าวจื่อหาว ส่วนงานอื่นๆ เป็นแค่หน้าที่เสริม ไม่มีใครสนใจว่าบริษัทจะสูญเสียเงินหรือไม่ซึ่งจ้าวจื่อหาวเองก็ทำเพื่อความสนุกเท่านั้น
ก่อนหน้านี้เฉินโม่ได้ยินว่าจ้าวจื่อหาวตั้งใจจะเปิดคลับ แต่การลงทุนนั้นสูงเกินไป ดังนั้นเขาจึงยังไม่ได้ตัดสินใจ
จ้าวจื่อหาวคนนี้ไม่ใช่คนวางมาดอะไร เขาไม่เหมือนทายาทเศรษฐีที่มีแนวคิดสืบทอดต่อกันมา เขาใช้เวลาทั้งหมดคิดเกี่ยวกับการเล่นเกม ตอนเรียนในมหาวิทยาลัยเขามักจะไปที่ร้านอินเทอร์เน็ตกับเฉินโม่ จนหลินม่าวเพื่อนสนิทอีกคนมักเรียกติดตลกว่า ‘กายเป็นทายาทเศรษฐี แต่ใจเป็นผู้ชายธรรมดา’
ส่วนเพื่อนสนิทอีกคนอย่างหลินม่าวเป็นนักออกแบบเกมเช่นเดียวกับเฉินโม่ เขาได้รับคุณสมบัติของนักออก
แบบเกมระดับ D แทบจะทันทีหลังจากสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย ตอนนี้เขากำลังมุ่งพัฒนาเกมอิสระของตนเอง
ในบรรดาสามคนนี้ เฉินโม่เรียนวิชาเอกวรรณกรรม จ้าวจื่อหาวเรียนวิชาเอกการเงิน มีเพียงหลินม่าวเท่านั้นที่ จบเอกการออกแบบเกม พวกเขาสามคนรู้จักกันตอนปีหนึ่งในชมรมเกม และมีความสัมพันธ์ที่ดีเสมอมา
พวกเขายังเป็นหนึ่งในเพื่อนที่ดีไม่กี่คนของเฉินโม่ในโลกนี้
…………………………
ตอนเที่ยง เฉินโม่เดินไปสำรวจละแวกนั้นเพื่อทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมรอบๆ Experience Store แล้วเขาก็พบร้านอาหารเล็กๆ จึงเดินเข้าไปสั่งข้าวกล่อง เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอ่านข่าว
แน่นอนว่าการแข่งขันออกแบบเกมได้รับการรายงานจากสื่อหลายสำนัก และมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็น จำนวนไม่น้อย
‘สิ้นสุดการแข่งขันออกแบบเกม ใครจะได้เงินรางวัลสามแสนหยวนและ Experience Store’
‘นกวิเศษชนะการแข่งขันออกแบบเกม!’
‘ผู้เล่นภาคสนาม : รู้สึกว่าเป็นเกมที่ไม่เหมาะสมที่สุดในประวัติศาสตร์’
‘เวลาเล่นเกม 350 ชั่วโมงกับผู้ชม 700 คน เกมนี้เป็นพิษ!’
‘คำวิจารณ์ของกรรมการ : นี่ถือว่าเป็นเกมได้ไหม’
‘ผู้ออกแบบเกม flappybird : กรรมการไม่มีวิจารณญาณที่เป็นกลาง’
‘ผู้ก่อตั้ง Hengyou.com ชื่นชมเกมนี้มาก’
เฉินโม่กดเข้าไปอ่านข่าวและเหตุการณ์ในวันแข่งขันก็ผุดขึ้นมา ดูเหมือนสื่อพวกนี้มุ่งเน้นไปที่การโต้เถียง ระหว่างเขากับฉื่อหัวเจ๋อ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องการใช้สิ่งนี้เป็นตัวตลกเพื่อจุดประเด็นร้อนในหัวข้อนี้
นอกจากนี้ยังมีวิดีโอในช่วงแสดงความคิดเห็นของฉื่อหัวเจ๋อ และการแสดงความคิดเห็นในช่วงสุดท้ายของเฉินโม่ ซึ่งถูกเล่นซ้ำหลายครั้งจนได้รับความนิยมสูงมาก
เฉินโม่ไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ สำหรับเขาแล้วการที่สื่อพวกนี้ช่วยปลุกความนิยมเขาก็เป็นเรื่องที่ดี ยิ่งผู้เล่นรู้จักเขามากเท่าไหร่ ต้นทุนในการทำให้เกิดลูกค้ายิ่งต่ำแถมยังช่วยประหยัดค่าโฆษณาได้เยอะเลย
ในยุคสมัยนี้มีคำศัพท์ที่เรียกว่า Attention Economy[3] ซึ่งใช้ได้กับอุตสาหกรรมเกมด้วย
ยิ่งมีข้อมูลมากเท่าใดความสนใจของผู้ใช้ก็ยิ่งมีค่ามากเท่านั้น สำหรับสองเกมที่เหมือนกัน ไม่มีใครสังเกตเห็นเกมหนึ่งในขณะที่อีกเกมหนึ่งได้รับการพูดถึงอย่างถึงพริกถึงขิงตั้งแต่ก่อนวางจำหน่าย ดังนั้นแม้ว่าคุณภาพของเกมหลังจะไม่ดีเท่า แต่รายได้จะสูงขึ้นกว่าอีกเกมมาก
หากคุณมีกลุ่มแฟนคลับห้าพันคนและแฟนคลับกลุ่มนั้นเชื่อฟังคุณ เช่นนั้นคุณสามารถพึ่งพากลุ่มแฟนคลับนี้ เลี้ยงดูตัวเองได้ ไม่ว่าจะผ่านร้านค้าใน Taobao ช่องทางเกมหรือวิธีการสร้างรายได้อื่นๆ คุณล้วนสามารถทำได้
ในตอนนั้นเฉินโม่สังเกตเห็นว่าสื่อเกมสำนักหนึ่งเผยแพร่บทสัมภาษณ์พิเศษของฉือหัวเจ๋อ
บนหน้าจอนั้นสีหน้าของฉื่อหัวเจ๋อดูไม่ได้เขาพูดกับกล้องว่า “สิ่งที่ผมบอกกับผู้เข้าแข่งขันเฉินโม่นั้น เป็นการเตือนในฐานะคนที่เคยมีประสบการณ์ ผลกลับกลายเป็นว่าผมดูแคลนเขามันน่าตลกจริงๆ”
“ผมยังคงมองในมุมเดิม อุตสาหกรรมเกมเป็นอุตสาหกรรมที่ต้องใช้ความจริงใจและการสั่งสมประสบการณ์ ผู้เข้าแข่งขันเฉินโม่จะไม่สามารถเดินไปได้ไกล ผมคิดว่าเกมต่อไปของเขาจะขายไม่เกินหนึ่งแสนชุดในเดือนแรก”
เฉินโม่หัวเราะ ฉื่อหัวเจ๋อคนนี้ดื้อรั้นจริงๆ ไม่ว่าเขาจะถูกรังแกอย่างไร เขาก็ไม่มีวันยอมรับความพ่ายแพ้
เฉินโม่เปิดแอปพลิเคชัน Weibo เงียบๆ
Weibo ของเขาผ่านการตรวจสอบชื่อจริงแล้ว หลังจากได้เป็นนักออกแบบเกมระดับ D และชนะการแข่งขัน การออกแบบเกม ข้อมูลทั้งหมดก็ได้รับการแก้ไข
เฉินโม่รีทวีตบทสัมภาษณ์โดยตรงบน Weibo จากนั้นเพิ่มความคิดเห็นไปว่า ‘ไม่ทานอะไรหน่อยเหรอ’ จากนั้นก็แท็กบัญชีทางการของสื่อเกมหลายสำนัก
อยากสร้างปัญหากับผมนักใช่ไหม ได้ ผมจะอยู่กับคุณจนจบเลย!
หลังจากนั้นไม่นาน Weibo ของเฉินโม่ก็ฮอตขึ้นมา!
เมื่อบัญชีทางการของสื่อเกมหลายสำนักเห็นว่าเฉินโม่ตอบข้อความกลับก็เหมือนได้กลิ่น ‘สร้างข่าวใหญ่’ ก็ต่างกดรีทวีต!
เว็บไซต์เกม เว็บไซต์Tianji Wechat Game Channel…แม้แต่ผู้บริหารจาก Dichao Entertainment ก็ยังกดรีทวีต!
เมื่อเกิดความโกลาหลเช่นนี้ผู้เล่นจำนวนมากสังเกตเห็น Weibo ของเฉินโม่!
“เฉินโม่? ใช่ผู้ชนะการแข่งขันการออกแบบเกมรึเปล่า”
“เป็นคนนี้เหรอ”
“ต้องใช่แน่ๆ เห็นไหมว่าได้รับการยืนยันตัวตนแล้ว”
“เชี่ยเอ๊ย นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย ต้องหมกมุ่นอยู่กับเรื่องนี้จนจบเหรอ”
“คนนี้ดูบุคลิกดีนะ ฉันชื่นชมคุณ!”
“ประโยคที่เขาเขียนมาหมายความว่ายังไง เขาต้องการให้ฉื่อหัวเจ๋อกินอะไร”
“…คนชั้นบนน่ะ เน็ตอืดหรือไงกัน” ผู้เล่นเหล่านั้นต่างแสดงความคิดเห็นในโพสต์ของเฉินโม่โดยตรง
‘ไม่ทานอะไรหน่อยเหรอ’ ที่เฉินโม่พูดถึงที่จริงแล้วหมายถึง meme อย่างหนึ่ง เพราะผู้คนมักจะคาดเดา บนอินเทอร์เน็ต จากนั้นเพื่อสร้างมุขตลกพวกเขามักจะเพิ่มประโยคเช่น ‘ไม่กิน-ี้นะ’ หรือ ’ไม่ให้ฉันก็กินเม้าท์แล้ว’ เป็นต้น ของที่กินมีเยอะแยะมากมายหลากหลายไม่ซ้ำมีทั้งของพิลึกกึกกือ ดังนั้นเมื่อเจอโพสต์ที่คล้ายๆ กันนี้ก็จะมีชาวเน็ต หลายคน ตอบกลับมาว่า ‘ไม่ทานอะไรหน่อยเหรอ’
ความหมายจากประโยคของเฉินโม่นั้นชัดเจนมาก “ฉื่อหัวเจ๋อ คุณบอกว่าเกมต่อไปของผมจะขายได้ไม่เกิน หนึ่งแสนชุดในเดือนแรก แล้วถ้าเกินล่ะ คุณจะไม่รับผิดชอบอะไรหน่อยเหรอ”
ในไม่ช้าการรีทวีตและการตอบกลับบน Weibo นี้ก็เริ่มพุ่งสูงขึ้นเป็นหนึ่งร้อย สามร้อย ห้าร้อย!
ยิ่งไปกว่านั้นชาวเน็ตที่กระตือรือร้นยังคงช่วยแท็กฉื่อหัวเจ๋อในโพสต์นั้นอีกด้วย เหมือนกำลังเฝ้ารอความคึกคัก แล้วยังพยายามทำให้เรื่องเป็นประเด็นขึ้น
เฉินโม่ใจเย็นกว่าฉื่อหัวเจ๋อมากดังนั้นเขาจึงไม่เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ อันที่จริงเฉินโม่ไม่ได้ไม่พอใจการสร้างกระแส ถ้ากระแสนั้นทำให้เขาสามารถดึงความสนใจไปที่เกมถัดไปของเขาได้ ทำไมเขาจะไม่ทำล่ะ
ในไม่ช้าฉื่อหัวเจ๋อก็ตอบว่า ‘น่าเบื่อ!’
เฉินโม่หัวเราะฉื่อหัวเจ๋อไม่กล้าเดิมพันจริงๆ ความคิดเห็นบน Weibo นั้นผู้ชมต่างถอนหายใจ แต่ก็ยังมีคนต้องการจุดไฟต่อด้วยการปลุกปั่นให้ฉื่อหัวเจ๋อเดิมพันกับเฉินโม่จะกินแป้นพิมพ์หรือเม้าท์อะไรก็ได้
ฉื่อหัวเจ๋อแสร้งทำเป็นเฉยและไม่ตอบกลับอีกเลย เฉินโม่หัวเราะแล้วเก็บโทรศัพท์
สำหรับเขาแล้วนี่มันก็แค่ความสุขเล็กๆ น้อยๆ ดังนั้นเขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจ
…………………………………..
[1] Game Boosting : การรับจ้างเล่นเกมเพื่อเคลียร์ด่านหรือเอาไอเทม
[2] Gold farming : พฤติกรรมของการเล่นเกมออนไลน์ RPG เพื่อนำเงินที่ทำได้จากในเกมออกไปขายให้คนอื่นเพื่อได้เงินจริงกลับมา ซึ่งตามหลักความเป็นจริงนั่นคือการทำผิดกฎของผุ้ให้บริการเกมและค่ายเกมต่างๆ อย่างร้ายแรง
[3] Attention Economy : ระบบเศรษกิจที่ต้องทำทุกวิถีทางดึงความสนใจของคนให้สนใจสิ่งเหล่านั้น