บทที่ 66 คนโชคไม่ดีปรับปรุงตัวเอง
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า และวันปล่อยเกม ‘Guardian of the Holy Spring’ และ ‘My Name is MT’ ก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
หลายวันมานี้ชิวปินรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เพราะแอนิเมชัน ‘My Name is MT’ ที่ปล่อยออกมานานได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น
มีผู้ชมติดตามอนิเมะมากขึ้นเรื่อยๆ เนื้อหาของจักรวาล Azeroth ก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ยังมีผู้เล่นพูดคุยกันในฟอรัมมากขึ้นเรื่อยๆ อีก แฟนอาร์ตและคนที่สนใจใน Azeroth ก็เริ่มปรากฏขึ้นเช่นกัน
แม้ว่าอนิเมะเรื่องนี้จะยังห่างไกลจากอนิเมะยอดฮิตในโลกคู่ขนาน แต่ก็เป็นภัยคุกคามต่อชิวปินเพราะ ‘Guardian of the Holy Spring’ ไม่ได้รับการสนับสนุนเป็นพิเศษเช่นนี้
ช่องทางของ Dichao Entertainment นั้นทรงพลัง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกเกมที่พวกเขาผลักดันจะได้รับความนิยม ชิวปินจึงกังวลเล็กน้อยว่าเขาจะทำให้เรื่องนี้ยุ่งเหยิง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากดูเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับโลกของ Azeroth แล้ว ความสงสัยของชิวปินก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีก
โลกทัศน์นี้ยิ่งใหญ่เกินไป!
ตัวละครสองฝั่ง หลากหลายเผ่าพันธุ์และเรื่องราวเบื้องหลังที่น่าทึ่ง! ไม่ต้องพูดถึงเมืองใหญ่ สถานที่สำคัญ และตัวละครจากแอนิเมชันนับสิบ ซึ่งสมบูรณ์กว่าเกม ‘Guardian of the Holy Spring’ มาก!
เฉินโม่คิดจะสร้างเกมอะไรกันแน่ เขาสามารถเอาทั้งหมดนี้มาทำซ้ำได้เหรอ
ชิวปินไม่อยากจะเชื่อว่าอีกฝ่ายจะสามารถสร้างฉากเหล่านี้ขึ้นมาใหม่ในเกมมือถือได้ เหตุผลแรกคือเฉินโม่เป็นเพียงนักออกแบบเกมระดับ C และผลงานก่อนหน้านี้ของเขาเป็นเกมทั่วไปทั้งหมด เขาไม่มีความสามารถเพียงพอ เหตุผลที่สองคือ ด้วยเวลาเพียงสี่เดือน แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำหลายสิ่งหลายอย่างเหล่านี้!
ถึงเฉินโม่จะเริ่มพัฒนาโปรเจ็กต์ใหม่ทันทีหลังจากที่เปิดตัว ‘Plants vs. Zombies’ แต่เวลาก็ยังไม่เพียงพอ
ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าเฉินโม่จะทำมันได้สำเร็จ แล้วเวลาทดสอบล่ะ เวลาสำหรับรับข้อคิดเห็นและปรับปรุงแก้ไขล่ะ หากเกมมีปัญหามากมายหลังจากเปิดตัว นั่นไม่เป็นการรนหาที่ตายหรอกหรือไง
ตอนนี้ชิวปินสับสนไปหมดแล้ว
ในความคิดของเขา ถ้าเฉินโม่ต้องการเอาชนะ เขาจะต้องสร้างเกมที่มีคุณภาพเหนือกว่า ‘Plants vs. Zombies’ และเมื่อพิจารณาจากสิ่งที่เฉินโม่มีอยู่แล้ว ทั้งทำแอนิเมชันและเว็บไซต์ เขาจะเหลือเวลาเท่าไรในการพัฒนาเกมนี้
ชิวปินสามารถแก้ไข ‘Guardian of the Holy Spring’ ได้ตลอดเวลา ต้องรอเกมปล่อยตัวออกมาเท่านั้นที่จะบอกได้ว่าใครจะชนะเดิมพัน
………………………………..
หลายวันมานี้เหวินหลิงเวยมีความสุขมาก แต่เจี่ยเผิงไม่มีความสุขเลย
ในช่วงการทดสอบเกม ‘My Name is MT’ เฉินโม่มอบ 8,000 Runestones ให้กับทุกคนในทุกๆ วัน ทำให้พวกเขาจั่วสิบครั้งติดต่อกันจนมือไม้อ่อน
นอกจากนี้ยังมีเติมเงินรางวัลทุกวันตามอันดับการแข่งขัน
ต้องเข้าใจว่าเป็นการเติมเงิน ไม่ใช่ของขวัญจากระบบ นั่นหมายความว่าระดับ VIP ของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
นี่คือการทดสอบความแตกต่างในความสามารถในการต่อสู้ของ VIP ระดับสูงกับ VIP ระดับกลาง-ล่างเพื่อดูว่าตรงกับความคาดหวังหรือไม่ รวมทั้งความคิดเห็นของ VIP ระดับต่างๆ ตรงกับสิ่งที่เฉินโม่คิดไว้หรือเปล่า
ท้ายที่สุด ในสถานการณ์ที่เงินเท่ากัน ทักษะการจับคู่การ์ดและเรื่องของโชคจะสะท้อนออกมา
เหวินหลิงเวยทดลองใช้กลยุทธ์ต่างๆ มากที่สุด และโชคในการจั่วสิบครั้งของเธอดีมากจนครองตำแหน่งสูงสุดในเวทีตลอดปี
ในทางกลับกัน ความโชคร้ายของเจี่ยเผิงเริ่มแสดงออกมา ในการจั่วสิบครั้งเขามักจะจั่วการ์ดมอนสเตอร์สีม่วง และค่าใช้จ่ายในการจั่วการ์ดตัวละครสีม่วงนั้นสูงกว่าการ์ดอื่นๆ มากจนเขาแทบสิ้นหวัง
ตอนนี้ในการประลอง เจี่ยเผิงถูกเหวินหลิงเวยครอบงำจนหมดสิ้น
ถ้าไม่ใช่เพราะเฉินโม่แจก Runestone ทุกวัน เขาคงทนไม่ไหวจนออกจากเกมไปแล้ว
เจี่ยเผิงบ่นกับเฉินโม่ครั้งแล้วครั้งเล่าว่าเกมนี้แย่มากสำหรับคนที่โชคร้ายเช่นตัวเขาเอง และกำลังจะเลิกเล่น
เฉินโม่อยากตอบกลับเขาไปว่า “สหาย นายเคยได้ยินเรื่องอนเมียวจิไหม”
แต่พอดูสถานการณ์ตกต่ำของเจี่ยเผิงแล้ว เฉินโม่เกือบจะคิดว่าตนเขียนอัตราความน่าจะเป็นผิดจนต้องตรวจสอบอัตราการได้รับไอเท็มของการ์ดต่างๆ หลายครั้ง
และผลจากการตรวจสอบคืออัตราการจั่วรางวัลของเจี่ยเผิงนั้นต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่เฉินโม่ตั้งเอาไว้มาก บอกได้คำเดียวว่าน่าจะเกิดจากที่โชคของเขากำลังแสดงออกมาอย่างแน่นอน…
เฉินโม่ได้แต่ถอนหายใจ เงินไม่สามารถเปลี่ยนชะตากรรมได้!
เกมจะเปิดตัวในอีกสองวัน เฉินโม่ได้ปรับค่าของเกมหลายครั้งรวมถึงระดับความยากของด่าน ประสบการณ์การอัปเกรด ค่าตัวเลขของการ์ด สิทธิประโยชน์ระดับ VIP และอื่นๆ โดยพื้นฐานแล้วได้ปรับเป็นไปตามมาตรฐานที่สมบูรณ์แบบของเขา
การอุ่นเครื่องของแอนิเมชันก็ใกล้เคียงกัน แม้ว่ามันจะไม่ได้รับความนิยมเหมือนในชีวิตก่อน แต่จากการประมาณการของเฉินโม่ มันสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ของเกมมือถือ ‘My Name is MT’ ได้อย่างแน่นอน
นี่ก็มากเกินพอสำหรับเฉินโม่แล้ว
รอให้เกมเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ข้อมูลการทดสอบจะถูกล้าง เหวินหลิงเวยและคนอื่นๆ จำเป็นต้องเริ่มต้นที่จุดเดียวกับผู้เล่นคนอื่นๆ
ถึงอย่างนั้นเจี่ยเผิงยังคงคร่ำครวญผ่านดันเจี้ยน
เหวินหลิงเวยชื่นชมกลยุทธ์ของตนเองพลางพูดกับเจี่ยเผิงว่า “ไม่ต้องดิ้นรนหรอก ไฟล์จะถูกลบในวันมะรืนนี้ ตอนนี้นายผ่านดันเจี้ยนไปจะมีประโยชน์อะไร”
เจี่ยเผิงพูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นมอง “จะยืนหยัดจนวินาทีสุดท้าย!”
เหวินหลิงเวย “…”
ตอนนี้เหวินหลิงเวยและคนอื่นๆ กำลังคุยกันเกี่ยวกับการเริ่มต้นที่เร็วที่สุดและกลยุทธ์ใดที่ดีที่สุด มีเพียงเจี่ยเผิงที่ยังคงสู้ต่อโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
กล่าวได้ว่าคนที่โชคร้ายทุ่มเทมากกว่าคนอื่น
ทันใดนั้น เจี่ยเผิงลุกขึ้นจากที่นั่งของเขาและพูดอย่างดีใจว่า “ฉันได้การ์ดสีม่วงแล้ว! ได้การ์ดสีม่วงแล้ว!”
ฉางซิ่วหย่าเดินเข้ามาหา “งั้นเหรอ ยินดีด้วย! ในที่สุดก็ได้การ์ดสีม่วงสักที!”
เหวินหลิงเวยพูด “โอ้ แม้แต่คนที่โชคไม่ดีอย่างนายก็สามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาได้เหรอเนี่ย”
เฉินโม่ตบไหล่เจี่ยเผิง “เยี่ยมมาก แม้ว่านายจะเป็นคนสุดท้ายที่ได้การ์ดสีม่วง แต่ยังไงก็ยินดีด้วย”
เจี่ยเผิงพูดอย่างตื่นเต้น “ฉันต้องการแคปหน้าจอ! แคปหน้าจอเพื่อเป็นที่ระลึก!”
ทุกคนมีสีหน้าเห็นอกเห็นใจ
ด่านพิเศษบางด่านมีโอกาสได้การ์ดมอนสเตอร์สีม่วง แม้ว่าโอกาสจะค่อนข้างน้อย แต่เฉินโม่ตั้งไว้ที่ 0.5%
เดิมทีการตั้งค่านี้เป็นการตั้งค่าที่โชคดีมาก โดยหลักแล้วจะทำให้ผู้เล่นประหลาดใจ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทุกคนไม่รู้ก็คือนี่เป็นเปอร์เซ็นต์ปลอมที่เฉินโม่ตั้งขึ้น
แม้ว่าโอกาสพื้นฐานจะอยู่ที่ 0.5% แต่เฉินโม่มีการตั้งค่าเพิ่มเติมสำหรับเรื่องนี้ตามเวลาที่ผู้เล่นสร้างบัญชีความน่าจะเป็นจะเพิ่มขึ้น 3% ของทุกวัน
หลังจากได้การ์ดสีม่วงใบแรกความน่าจะเป็นจะกลับมาเป็น 0.5% และหากไม่ได้การ์ดสีม่วงเป็นเวลานาน ความน่าจะเป็นจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง แต่สูงสุดจะไม่เกิน 5%
การออกแบบนี้มีจุดประสงค์หลักเพื่อให้ผู้เล่นส่วนใหญ่ได้สัมผัสกับความสุขในการได้การ์ดสีม่วง ในขณะเดียวกันก็ไม่ทำให้ค่าของการ์ดสีม่วงลดลง
กล่าวอีกนัยหนึ่ง โอกาสที่เจี่ยเผิงจะได้รับการ์ดสีม่วงน่าจะมีมากกว่า 80%…
คนอื่นๆ ได้รับการ์ดสีม่วงไปเมื่อสองสัปดาห์ก่อนในขณะที่เจี่ยเผิงเพิ่งได้มันในตอนนี้ จากมุมมองของเฉินโม่ สิ่งนี้สามารถอธิบายได้ว่าเป็น ‘ปาฏิหาริย์’ เท่านั้น
“ถ้าฉันตัดสินใจสร้างเกม ‘Onmyoji’ ในอนาคต ควรบอกให้เจี่ยเผิงรู้ดีไหม…”
เฉินโม่เริ่มพิจารณาปัญหานี้อย่างจริงจัง
………………………………