บทที่ 961 : ตระกูลหูรนหาที่ตาย (2)
“เจ้านาย…ครั้งหน้าหากข้าพบสมบัติดีๆ ข้าจะให้สิ่งที่ราชินีไม่ต้องการแก่ท่านบ้างนะ อย่าโกรธเลย” เสี่ยวโม่ดึงแขนเสื้อของโม่หลี่ชาง พลางกล่าวอย่างน่าสมเพช
เขาไม่พูดแบบนี้เสียยังจะดีกว่าเพราะหลังจากได้ยินถ้อยคำดังกล่าวแล้ว โม่หลี่ชางก็ยิ่งเสียใจหนักกว่าเดิม
แน่นอนว่าหลังจากเสี่ยวโม่ได้พบเสี่ยวหลงเอ๋อแล้ว เสี่ยวโม่ก็ไม่ใช่หมูน้อยสัตว์เลี้ยงของเขาอีกต่อไป แม้ว่าเสี่ยวโม่จะหาสมบัติให้เขา แต่ก็เป็นเพียงทิ้งสิ่งที่ไม่มีประโยชน์สำหรับหยานหยานเท่านั้น …
เขาจะรู้สึกอย่างไรเมื่อต้องกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่จำเป็นสำหรับสัตว์เลี้ยงตัวน้อยตัวนี้แล้ว?
โม่หลี่ชางมองเสี่ยวโม่อย่างโศกเศร้า”เสี่ยวโม่…ข้าคิดว่าเจ้าควรจะเป็นสัตว์เลี้ยงของหยานหยานมากกว่า”
”ก็ดี”
แววตาของเสี่ยวโม่สว่างไสวขึ้นท่าทางของเขาก็แลดูตื่นเต้นมาก โดยเขาไม่ทันสังเกตเห็นความเศร้าในใจของโม่หลี่ชางเลย
หากเขาเป็นสัตว์เลี้ยงของราชินีเขาก็จะสามารถติดตามพี่หลงเอ๋อได้ ทั้งยังปกป้องนางได้อย่างใกล้ชิด
”เจ้านายท่านรักข้ามากที่สุด ท่านย่อมรู้ดีว่าข้าคิดอะไรอยู่ … ”
”…”
โม่หลี่ชางกล่าวคำใดไม่ออก
เขาเศร้ามากเศร้าจนไม่รู้จะลบจากใจได้อย่างไร ?
เสี่ยวโม่…ไม่ทันสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปของโม่หลี่ชางเขาหันไปมองเสี่ยวหลงเอ๋อ ใบหน้าน่ารัก เรียบง่าย ขาวใส และอวบอ้วนของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
”พี่หลงเอ๋อเจ้านายของข้าไม่ต้องการข้าแล้ว จากนี้ไปข้าจะเป็นสัตว์เลี้ยงของพี่ และท่านแม่ของพี่ด้วย”
มุมปากของเสี่ยวหลงเอ๋ององุ้ม”ข้าไม่ต้องการ”
”ทำไมล่ะ?”
“ข้าเกลียดหมู”
เปรี๊ยะๆ !
ชั่วขณะนี้เสี่ยวโม่ดูเหมือนจะได้ยินเสียงความปวดร้าวในหัวใจที่แตกสลายกลายเป็นเศษเสี้ยวนับไม่ถ้วน ภายใต้ถ้อยคำของเสี่ยวหลงเอ๋อ
เสี่ยวโม่หันหน้าไปมองโม่หลี่ชางที่ยืนอยู่ข้างหลังด้วยสายตาน่าสงสารเขาดูเหมือนลูกสุนัขที่ถูกทิ้งอย่างน่ารันทด
”เจ้านาย…นางไม่ต้องการข้าข้าขอกลับสู่อ้อมกอดของท่านนะ”
ทว่า…
โม่หลี่ชางอกหักไปแล้วแทนที่จะปลอบใจเจ้าตัวน้อยนี้เหมือนแต่ก่อน เขากลับหาที่นั่งลงข้าง ๆ และเข้าสมาธิ เขาปฏิบัติกับเสี่ยวโม่ราวกับอากาศธาตุ …
เวลาก็เหมือนสายน้ำแป๊บ ๆ ก็ผ่านไปหนึ่งเดือนกว่าราวพริบตา
ณคฤหาสน์บ้านสกุลหู ภายใต้ร่มเงาไม้ หูเหม่ยถือมีดแกะสลักไว้ในมือ นางแกะสลักจี้หยกในมืออย่างระแวดระวัง
”คุณหนู”หูฉีเดินไปหยุดอยู่ข้างกายหูเหม่ยตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ได้ ทว่าเมื่อนางเห็นจี้หยกในมือของนายหญิง นางก็ประหลาดใจ “จี้หยกนี่มัน…ไม่ใช่ของที่หญิงผู้นั้นนำมาในวันนั้นหรอกหรือเจ้าคะ ?”
หูเหม่ยยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย”ใช่…ข้าเห็นว่าจี้หยกในวันนั้นดูดีมาก เช่นนั้นข้าจึงวางแผนแกะสลักมัน ตอนนี้มันก็เสร็จแล้ว”
นางแขวนจี้หยกไว้ที่กระโปรงของนางพลางค่อยๆ ลุกขึ้นจากใต้ต้นไม้ พร้อมกับรอยยิ้มในดวงตาที่เปี่ยมเสน่ห์ของนาง
”หูฉี…เราออกไปเที่ยวกันเถอะ”
“เจ้าค่ะคุณหนู”
หูฉีรีบก้าวเข้าไปช่วยพยุงแขนของหูเหม่ยพานางเดินออกไปข้างนอกบ้าน
ในขณะนี้…เมื่อเทียบกับความเงียบสงบของบ้านสกุลหูแล้วเผ่าสัตว์อสูรทั้งหมดที่อยู่ใกล้กับเมืองชายแดนกลับกำลังวุ่นวาย
สาเหตุก็ไม่ใช่อื่นใดหากแต่เป็นเพราะเมื่อไม่นานมานี้ ราชาได้สั่งคนส่งจดหมายมาให้พวกเขาเฝ้าจับตาเบาะแสของราชินี ทว่าน่าเสียดายที่พวกเขาค้นหามาเป็นเดือนแล้ว ก็ยังไม่มีผู้ใดพบราชินีเลย
เช่นนั้นพวกสัตว์อสูรต่างๆ หล่านั้นจึงวิตกกังวลอย่างยิ่ง หากราชินีพบกับอันตรายในเมืองชายแดนแห่งนี้ องค์ราชาจะไม่มีวันอภัยให้พวกมันเป็นแน่
ภายในป่าเขาที่ไม่ไกลจากเมืองชายแดนนักเผ่าอินทรีมาประจำการอยู่ที่นี่ ทว่าอย่างไรก็ตาม การค้นหาเผ่าอินทรีที่ตั้งรกรากในป่าแห่งนี้ก็ยากมาก
ภายในห้องโถงชายวัยกลางคนกำลังรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ ทันใดนั้นเองผู้คุ้มกันนกอินทรีก็เดินผ่านประตูเข้ามา เขาคุกเข่าลงกับพื้นด้วยความเคารพ
บทที่ 962 : ตระกูลหูรนหาที่ตาย (3)
”หัวหน้าเผ่าผู้น้อยได้ส่งทหารคุ้มกันทั้งหมดของเผ่าอินทรีออกไปแล้ว ทว่ายังไม่พบมนุษย์ที่ถือจี้หยกนั่นเลย”
ไม่พบกระนั้นรึ?
หยูเซี่ยง…หัวหน้าเผ่าอินทรีขมวดคิ้วพลางใช้นิ้วเคาะพื้นโต๊ะเบา ๆ “เจ้าหาทั่วเมืองชายแดนทั้งหมดแล้วหรือยัง ?”
”เรียนหัวหน้าเผ่าผู้น้อยได้สอบถามพวกมนุษย์ในเมืองชายแดนอย่างลับ ๆ ทว่าพวกเขาก็ยังไม่พบราชินีเลย เราควรแจ้งพวกนั้นให้ทราบไว้หรือไม่ ?เผื่อราชินีอาจจะมาเยือนเผ่าอินทรีของเราก็เป็นได้ ?”
ในเมืองชายแดนนี้เผ่าสัตว์อสูรอื่น ๆ จะปกปิดตัวตน มีเพียงเผ่าจิ้งจอก เท่านั้นที่สร้างหลักปักฐานในเมืองชายแดนแห่งนี้อย่างมั่นคง
เช่นนั้นหากราชินีต้องการความช่วยเหลือจริงๆ นางอาจจะหาพวกเขาไม่พบ
“ไม่”หยูเซี่ยงครุ่นคิดเพียงครู่จากนั้นก็ส่ายศีรษะ “หากคนแดนสวรรค์รู้ถึงตัวตนของราชินี พวกเขาก็อาจหาทางจับตัวราชินี เพื่อข่มขู่องค์ราชา เช่นนั้นเราจึงทำได้เพียงตามหาราชินีอย่างลับ ๆ ทั้งเราก็ไม่อาจปล่อยให้คนเหล่านั้นรู้จักตัวตนที่แท้จริงของนาง”
คิ้วที่ขมวดของหยูเซี่ยงพลันคลายออก”เอาล่ะ ข้าจะออกไปตามหาพร้อมเจ้าด้วย ตราบใดที่ราชินียังอยู่ในเมืองนี้ เราจะต้องพบพระนางอย่างแน่นอน”
เขาค่อยๆ ลุกขึ้นยืนจากพื้น ความแน่วแน่ฉายผ่านดวงตาของเขา
ในความเป็นจริงเผ่าพันธุ์สัตว์อสูรต่าง ๆ กำลังต่อสู้แข่งขันกันอย่างดุเดือดทุกคนต้องการเข้าเฝ้าราชินี เพื่อเอาหน้ากับตี้คัง เช่นนั้นหยูเซี่ยงจึงกังวลในเรื่องนี้มาก
เขาต้องหานางให้พบก่อนเผ่าอื่นหากเขาได้รับความโปรดปรานจากราชินี บางทีในวันหน้าสถานะของเผ่าอินทรีอาจจะเพิ่มสูงขึ้น
“ขอรับท่านหัวหน้าเผ่า”
ผู้คุ้มกันป้องหมัดด้วยความเคารพก่อนจะลุกขึ้นยืน
”ไปกันเถอะ”
หยูเซี่ยงเดินไปทางด้านนอกเขาสะบัดแขนเสื้อ พลันร่างของเขาก็กลายเป็นสายฟ้าพุ่งไปที่เมืองชายแดน
ผู้คุ้มกันก็ติดตามเขาไปไม่ห่าง
เมืองชายแดนแห่งนี้มีชีวิตชีวาเป็นอย่างมากเพียงเพราะมนุษย์ และสัตว์อสูรมีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก จึงมักมีการต่อสู้กันบ้างเป็นบางครั้งคราว
เช่นนั้นเมืองชายแดนโดยรวมจึงแลดูทรุดโทรมมาก
”เอ๊ะ?”
จู่ๆ หยูเซี่ยงที่กวาดตามองโดยรอบพลันหยุด
เขาจ้องมองเรือนร่างที่มีเสน่ห์เบื้องหน้าสายตาของเขาค่อย ๆ กวาดลงไปมองจี้หยกในมือหูเหม่ย
ที่ด้านบนของจี้หยกจิ้งจอกเงินนั้นเหมือนของจริงที่เขาเคยเห็น …
”หัวหน้าเผ่านี่… นี่คือจี้หยกของพระราชินีใช่หรือไม่ ?” ผู้คุ้มกันตื่นเต้น กระทั่งลำคอตีบตัน นัยน์ตาของเขาเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น
ประกายแสงวาบผ่านแววตาของหยูเซี่ยง”เท่าที่ข้ารู้ ราชินีเป็นมนุษย์ แต่หญิงผู้นั้นมาจากเผ่าจิ้งจอก”
เหตุใดเผ่าจิ้งจอกถึงได้พกจี้หยกราชินีไว้กับตัว?
“ท่านต้องการให้ข้าลงไปเชิญนางมาหรือไม่?” ผู้คุ้มกันเอ่ยถามอย่างกระตือรือร้น
“ไม่…ข้าจัดการทุกอย่างเอง”
นัยน์ตาของหยูเซี่ยงหรี่ลงเล็กน้อยนางจิ้งจอกตัวนี้เกี่ยวข้องอะไรกับราชินีกระนั้นหรือ ? ทว่าราชินีไม่ควรให้จี้หยกนี้แก่ผู้อื่นนี่นา
เช่นนั้น…เขาต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น?
ในเวลาเดียวกันนี้หูเหม่ยก็กำลังซื้อผงปัดแก้มหน้าแผงลอยแววตาของนางเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ใบหน้างามราวกับดอกท้อบานมีเสน่ห์และตรึงใจ
ครั้นหูเหม่ยจ่ายเงินเสร็จนางก็หันกลับมา ทันใดนั้นถนนเบื้องหน้าของนางก็ถูกปิดกั้น นางเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ จึงพบว่าผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหน้านางก็คือชายวัยกลางคนที่มีคิ้วสวยราวกับกิ่งหลิว ซึ่งยามนี้คิ้วของเขากำลังขมวดแน่น
”ท่านมีธุระอันใด?”
”คุณหนูหูข้าไม่ได้พบเจ้ามานานแล้ว” หยูเซี่ยงยิ้ม “ไม่รู้ว่าบิดาของเจ้าสบายดีหรือไม่ ?”
หูเหม่ยตกตะลึงนางขมวดคิ้ว ครุ่นคิดสักพัก ก่อนที่จะนึกตัวตนของชายผู้นี้ออก ใบหน้าแห่งความภาคภูมิใจของนางจางลงเล็กน้อยพร้อมกับรอยยิ้มบาง ๆ
บทที่ 963 : ตระกูลหูรนหาที่ตาย (4)
“ที่แท้ก็เป็นหัวหน้าเผ่าอินทรี เมื่อครู่ข้าจำไม่ได้ ท่านกำลังตามหาท่านพ่อของข้าใช่หรือไม่ ?”
”ไม่…ไม่…ไม่…ไม่ข้าเพียงอยากถามคุณหนูว่าจี้หยกที่เอวของเจ้าได้มาจากที่ใด ?” หยูเซี่ยงเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม
หูเหม่ยตกตะลึงความรู้สึกแปลก ๆ แวบขึ้นในใจ นางกำจี้หยกแน่นพร้อมกับแววตาระแวดระวัง
“นี่คือ…จี้หยกของข้า”
“บางทีคุณหนูหูอาจจะไม่รู้จักสัญลักษณ์จิ้งจอกเงินในอาณาจักรอสูรของเราดี?” หยูเซี่ยงเม้มปาก ใบหน้าของเขาไม่อาจมองเห็นอารมณ์ใด ๆ “จิ้งจอกเงินถือเป็นสัญลักษณ์ของราชวงศ์ ในแดนอสูรเรา ผู้ที่ใช้ตราจิ้งจอกเงินได้มีเพียง องค์ราชา องค์หญิง และองค์ชายน้อยเท่านั้น เช่นนั้นข้าจึงรู้สึกแปลก ๆ เมื่อเห็นจิ้งจอกเงินบนจี้หยกของเจ้า”
สาเหตุที่หยูเซี่ยงแน่ใจว่าจี้หยกยังคงอยู่ในมือของราชินีก็เป็นเพราะจิ้งจอกเงินบนจี้หยกเช่นนี้ คนเผ่าจิ้งจอกไม่มีผู้ใดกล้าใช้จิ้งจอกเงินเช่นนี้เป็นลวดลายของตนแน่
หัวใจของหูเหม่ยสั่นระรัวนางรู้สึกเสียใจเล็กน้อย หากนางรู้ว่า นางจะได้พบกับสัตว์อสูรอื่นในเมืองชายแดนแห่งนี้ นางคงจะไม่นำจี้หยกติดตัวมาด้วยเป็นแน่
เดิมทีนางคิดมาตลอดว่าคงจะไม่มีสัตว์อสูรอื่นออกมาเดินเล่นอยู่ในเมืองชายแดนยกเว้นเผ่าจิ้งจอก เพราะเมื่อสัตว์อสูรออกมาก็มีแต่จะมี่เรื่อง และต่อสู้กับมนุษย์เท่านั้น
ไม่รู้ว่าลมอะไรหอบหยูเซี่ยงมาถึงเมืองชายแดนกระทั่งมาพบนางเข้าจนได้
“ท่านลุงหยู…ที่บอกข้าเรื่องจิ้งจอกเงินสลักบนจี้หยกคงจะหมายความว่าจี้หยกนี้ไม่ใช่ของข้าแล้วผู้ใดเป็นคนตัดสินว่า ข้าไม่สามารถแกะสลักจิ้งจอกเงินได้ ข้าภักดีต่อองค์ราชา ไม่น่าแปลกใจที่ข้าจะใช้ภาพเหมือนของพระองค์มาแกะสลักจี้หยก”
ในครั้งนั้นนางเคยอธิบายเรื่องจี้หยกนี้ให้กับหูไป่เว่ย โชคดีที่หูไป่เว่ยเชื่อนาง ทำให้นางไม่ต้องหาข้อแก้ตัวมากมายนัก
”เช่นนั้นหรือ? น่าเสียดาย … ” หยูเซี่ยงถอนหายใจแสร้งทำเป็นสงสาร เขากล่าวว่า “ไม่นานมานี้ ราชาเคยตกอยู่ในอันตราย บังเอิญพระองค์ได้รับการช่วยเหลือจากใครบางคนที่ผ่านทางมา อย่างไรก็ตามในครั้งนั้นองค์ราชาได้รับบาดเจ็บสาหัส พระองค์จึงไม่สามารถบอกได้ว่าคนผู้นั้นเป็นใคร พระองค์เพียงให้จี้หยกที่ทรงพกติดตัวมาแก่นาง ข้าคิดว่าเจ้าเป็นผู้ช่วยชีวิตพระองค์ไว้เสียอีก…”
ครั้นเห็นหยูเซี่ยงกำลังกล่าวคำโป้ปดโดยไม่กระพริบตาผู้คุ้มกันที่อยู่ข้างหลังก็ถึงกับอึ้ง เขามองหัวหน้าเผ่าของตน ไม่เข้าใจว่าเหตุใดนายเขาถึงต้องโกหก
หูเหม่ยยืนอึ้งนางกำจี้หยกไว้ในมือแน่น หรุบตาลงเล็กน้อยประกายแสงวาบส่องผ่านดวงตาของนาง
เพียงชั่วอึดใจนางก็เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยแววตาของสุนัขจิ้งจอก พลางเม้มริมฝีปาก แสดงท่าทางเหมือนอยากจะกล่าว แต่ก็พยายามระงับไว้
“หลานสาวเจ้าบอกลุงเถิดว่า เจ้ามีเรื่องใด ? อย่าเก็บกลั้นไว้เลย”
การแสดงออกของหยูเซี่ยงนั้นแลดูเป็นผู้ใหญ่ใจดีมากราวกับเห็นหูเหม่ยเป็นหลานสาวของเขาจริง ๆ
“ท่านลุงหยูแท้ที่จริงข้าเองก็ไม่ต้องการปิดบังท่าน คือในวันนั้น … ” แววตาของหูเหม่ยแลดูว้าวุ่น หลังจากนั้น นางก็ถอนหายใจเอ่ยกล่าวว่า “วันนั้นเป็นข้าที่ช่วยองค์ราชาไว้เอง หากแต่ข้าไม่ได้ต้องการให้พระองค์ตอบแทนข้าแต่อย่างใด ข้าไม่ต้องการเอ่ยอ้างอะไร ทว่าเมื่อลุงหยูเห็นข้าเป็นดั่งหลานสาว ข้าก็ไม่ต้องการปิดบังเรื่องนี้กับท่าน ข้าขอร้อง ท่านลุงหยูอย่าบอกองค์ราชา … ”
หูเหม่ยสะกดอารมณ์ของนางให้ผ่อนคลายลงแววตาของนางเต็มไปด้วยอาการราวคนสิ้นหวัง “ตอนนั้น…พี่สาวของข้าทำเรื่องผิดพลาดใหญ่หลวง การที่องค์ราชาลงโทษตระกูลหูของเราก็สมควรแล้ว ทั้งข้าก็ไม่มีหน้าจะไปพบพระองค์อีก”
”หลานสาวไม่ต้องเป็นกังวลลุงจะไม่บอกองค์ราชาหรอก” หยูเซี่ยงหัวเราะหึ ๆ พลางตบบ่าหูเหม่ย
หูเหม่ยตะลึงนางก็พูดไปงั้น ๆ เอง นี่เขาจะไม่บอกองค์ราชาจริง ๆ หรือ ?
ความตั้งใจเดิมของนางคือการไต่เต้าด้วยเกียรติที่ได้ช่วยชีวิตองค์ราชา ทว่าหยูเซี่ยงทำไมถึงโง่เพียงนี้นะ ?
แม้ว่าแววตาของหูเหม่ยจะแสดงความร้อนรนแต่เพียงเล็กน้อยทว่าหยูเซี่ยงก็ยังคงมองเห็นได้อย่างชัดเจน เขาเม้มปากยังคงนิ่งเงียบ
บทที่ 964 : ตระกูลหูรนหาที่ตาย (5)
“หลานสาวเจ้าช่วยส่งจี้หยกนั่นมาให้ข้าดูหน่อยจะได้หรือไม่ ?”
หูเหม่ยกลับมารู้สึกตัวนางตอบรับ พลางถอดจี้หยกออก วางลงบนมือของหยูเซี่ยง
หยูเซี่ยงส่งพลังฉีแท้เข้าไปในจี้หยกท้องฟ้ายังคงเงียบสงบเฉกเช่นเดิม การแสดงออกของเขาเปลี่ยนไปจากตอนแรกที่เฉยเมยกลายเป็นเคร่งขรึม
จี้หยกนี่… เป็นของปลอม !
“หลานสาวเจ้าเก็บจี้หยกนี้ไว้ก่อน ลุงมีบางอย่างต้องทำ ลุงขอตัวก่อน” หยูเซี่ยงยื่นจี้หยกคืนให้แก่หูเหม่ย พลางหันช้า ๆ เดินจากไป
หูเหม่ยหรี่ตาลงเล็กน้อยขณะจ้องมองร่างที่กำลังจากไปของหยูเซี่ยง พร้อมกับยิ้มเยาะเย้ย “ไม่คาดคิดเลยว่า หญิงผู้นั้นจะมีโอกาสดีถึงเพียงนี้ นางเป็นคนช่วยราชาของแดนอสูรเรา การที่นางช่วยพระองค์ นางอาจไม่รู้จักตัวตนแท้จริงของพระองค์ก็เป็นได้ หาไม่นางคงตามติดองค์ราชาไปนานแล้ว”
“คุณหนู…หากเราปลอมเป็นหญิงผู้นั้นแล้วเกิดหญิงผู้นั้นนำจี้หยกออกมายืนยันล่ะ เพราะนางก็มีจี้หยกด้วยเช่นกัน… ”
“กลัวมากเกินไปไหม?” หูเหม่ยเยาะเย้ย “หญิงผู้นั้นเข้าไปในภูเขาอสูร นางอาจจะไม่รอดชีวิตแล้ว คนของเผ่าปักษาเกลียดมนุษย์จะตาย แม้ว่านางจะรอดชีวิตมาได้ ข้าก็คงกลายเป็นพระสนมขององค์ราชาไปแล้ว เจ้าก็กำจัดนางเสียก่อนที่นางจะได้พบองค์ราชาสิ !”
“แต่คุณหนูไม่ได้บอกหัวหน้าเผ่าอินทรีหรือว่าห้ามไม่ให้เขากราบทูลเรื่องนี้กับองค์ราชา ?” หูฉีเอ่ยถามอย่างเกรงใจ
”นังโง่! คนของเผ่าอินทรีนั้นทะเยอทะยานมาโดยตลอด หยูเซี่ยงมีรึจะยอมละทิ้งโอกาสดี ๆ เช่นนี้ เขาต้องการหาชื่อเสียงให้แก่ตนเอง เขาจะต้องรายงานต่อองค์ราชาเป็นแน่ นอกจากนี้ ต่อให้ไม่มีเผ่าอินทรีก็ยังมีคนจากเผ่าอื่น ไม่ช้าก็เร็วพระราชาจะต้องมารับข้าเข้าวัง”
หูเหม่ยยิ้มรอยยิ้มนี้เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ นางมองไปตามทิศทางที่หยูเซี่ยงหายลับตาไป ก่อนจะหันกลับไปทางบ้านสกุลหู
ในเวลาเดียวกันหยูเซี่ยงก็หยุด เขาหันกลับไปมองทางด้านหลัง เมื่อเห็นว่าหูเหม่ยไม่ได้ตามมา เขาก็ออกคำสั่งเบา ๆ
“ส่งคนสักสองสามคนไปเฝ้าจับตาเผ่าจิ้งจอกโดยเฉพาะหูเหม่ยคนนี้ข้าจะรายงานเรื่องนี้ให้องค์ราชาทราบ”
”หัวหน้าเผ่า…จี้หยกนั่น…? ” ผู้คุ้มกันเอ่ยถามอย่างงงงวย
ก่อนที่เขาจะทันกล่าวจบหยูเซี่ยงก็ขัดจังหวะขึ้น
“จี้หยกนั่นเป็นของปลอม”
“ของปลอม?” ผู้คุมกันสะดุ้ง “เราเข้าใจผิดไปหรือไม่ บางทีคุณหนูหูผู้นี้อาจจะรักพระราชามากไปก็เป็นได้ ? … ”
”แม้ว่าจี้หยกของนางจะเป็นของปลอมทว่านางก็ต้องเคยเห็นของจริง หาไม่นางคงจะไม่สามารถแกะสลักจี้หยกโดยเก็บรายละเอียดได้มากถึงเพียงนี้”
ผู้คุ้มกันตกตะลึงเขาใช้เวลานานกว่าจะกลับมามีสติ ก่อนจะเอ่ยถามอย่างระมัดระวังว่า “ให้ผู้น้อยไปจับกุมตัวหูเหม่ยมาสอบสวนจะดีหรือไม่ ?”
”ไม่จำเป็น”หยูเซี่ยงส่ายศีรษะ “เหตุที่หูเหม่ยกล้าปลอมจี้หยกอย่างไม่เกรงใจผู้ใดนั้น อาจเป็นเพราะราชินีได้พบกับอันตรายบางอย่าง แม้ว่านางจะถูกสอบสวน ทว่านางก็คงไม่ยอมรับ เช่นนั้นย่อมเป็นการดีกว่า หากจะถวายรายงานต่อองค์ราชา”
เผ่าจิ้งจอกนี่ช่างกล้าหาญชาญชัยเสียจริงกล้ารังแกแม้กระทั่งราชินี หากองค์ราชาทรงล่วงรู้เรื่องนี้ อย่าว่าแต่ชีวิตที่เคยผกผันในครั้งก่อนเลย ข้าเกรงว่าชีวิตที่มีอยู่ในปัจจุบันก็อาจจะไม่สามารถรักษาไว้ได้
ในเมื่อเผ่าจิ้งจอกรนหาที่ตายเขาก็ไม่จำเป็นต้องเตือนคนพวกนั้น
”ไปกันเถอะข้าต้องเขียนจดหมายถึงองค์ราชาทันที”
แววตาของหยูเซี่ยงพลันเคร่งขรึม”นอกจากนี้ ให้เพิ่มกำลังออกค้นหาราชินี ต้องหาราชินีให้พบให้จงได้”
มีพันธะสัญญาระหว่างราชาและราชินีเช่นนั้น … หากราชินีสิ้นพระชนม์ ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่องค์ราชาจะไม่ทรงทราบ นั่นเป็นการพิสูจน์ทางอ้อมว่า ราชินียังคงมีพระชนม์ชีพอยู่ !
ตราบใดที่ราชินียังมีพระชนม์ชีพอยู่องค์ราชาก็จะไม่พิโรธพวกเขา
บทที่ 965 : ไป๋หยานกลับมาอีกครั้ง (1)
ณภูเขาอสูร
ภายในถ้ำบนยอดเขามีพลังระเบิดดังออกมา เสียงระเบิดดังลั่นออกมาจากภายในถ้ำ
สายตาของเสี่ยวหลงเอ๋อและคนอื่น ๆ ถูกดึงดูดไปทางที่มีเสียงระเบิด หลังจากนั้นไม่นานสตรีในอาภรณ์สีแดงก็เดินออกมาจากถ้ำอย่างแช่มช้า
นางสวยมากสวยไร้ที่ติราวกับเดินออกมาจากภาพวาด เรือนผมดำสลวยราวผ้าไหมล้อลม โม่หลี่ชางตะลึงงันไปชั่วขณะ เขาไม่อาจละสายตาจากสตรีที่น่าทึ่งผู้นี้ …
”เจ้านาย”
เสี่ยวโม่จับมือของเขาเขย่าเบะปากเอ่ยกล่าวอย่างหงุดหงิด “ท่านจ้องมองราชินีเช่นนี้ ตาเฒ่าที่อยู่ข้าง ๆ ท่านกำลังจะฉีกท่านเป็นชิ้น ๆ แล้วนะ”
ใบหน้าขาวใสของโม่หลี่ชางเปลี่ยนเป็นสีแดงเขาเห็นเฟยอี้จ้องมองเขาด้วยสายตาโกรธ ๆ
แววตาของชายชราดูเหมือนอยากจะฉีกโม่หลี่ชางออกเป็นชิ้นๆ จริง ๆ
เฟยอี้ทำเสียงฮึดฮัดราชินีเป็นชายาขององค์ราชา มนุษย์หนุ่มน้อยผู้นี้กล้ามองราชินีด้วยสายตาเช่นนี้ได้อย่างไร …?
หากข้ากราบทูลให้องค์ราชาทรงทราบพระองค์จะไม่มีวันให้อภัยเจ้าอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามโม่หลี่ชางก็ไม่สนใจชายชราเลย เขาเอาแต่จ้องมองไป๋หยาน พร้อมรอยยิ้มเขินอายบนใบหน้าของอ่อนเยาว์
“หยานหยานเจ้าทะลุเข้าสู่ขั้นสูงของระดับเชิงเจี่ยแล้วกระนั้นหรือ ?”
ไป๋หยานพยักหน้าเล็กน้อย”ข้าอยู่ห่างจากระดับเฉินเจี่ยเพียงก้าวเดียวเท่านั้น ตอนนี้ยังไม่สายที่เราจะรีบกลับไปยังเมืองชายแดนนั่น”
ถึงเวลาชำระหนี้แค้นกับคนเหล่านั้นแล้ว!
ไป๋หยานหรี่ตาลงประกายแสงอันตรายวาบออกมาจากก้นบึ้งของดวงตานาง นางยิ้มอย่างเย็นชาริมฝีปากของนางงุ้มลงอย่างน่ากลัว
ตั้งแต่มาถึงที่นี่นางถูกมนุษย์เป็นจำนวนมากไล่ล่า อดีตที่ผ่านมานางอยู่กับเฉินเอ๋อมาโดยตลอด จึงไม่เคยถูกสัตว์อสูรไล่ล่า
มีเพียงเผ่าจิ้งจอกนี้เท่านั้น!
”ราชินี”เฟยอี้เดินเข้าไปหาไป๋หยานพร้อมด้วยรอยยิ้ม เขาป้องหมัดพลางเอ่ยถาม “พระนางต้องการความช่วยเหลือจากเผ่าเราหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ?”
ไป๋หยานยิ้มเยาะเอ่ยกล่าวว่า”แค่จัดการกับคนพวกนั้น ข้าคนเดียวก็พอแล้ว”
ในเวลานั้นนางยังไม่แข็งแกร่งพอจึงถูกต้อนให้เข้ามาหลบซ่อนตัวอยู่ในภูเขาอสูรนี่ ทว่าตอนนี้นางมีความสามารถเพียงพอแล้ว นางจึงต้องการที่จะกลับไปแก้แค้น
”แต่หาก… ” เสียงของไป๋หยานหยุดลงชั่วขณะ ก่อนจะหันกลับมามองเฟยอี้ “แต่หากเผ่าปักษาต้องการตามข้ามาก็ตามใจ ทว่าพวกเจ้าห้ามชิงลงมือก่อน”
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าชราของเฟยอี้”ราชินีโปรดมั่นพระทัย เผ่าปักษาของพวกเราจะคอยสนับสนุนพระองค์อยู่เบื้องหลัง ทั้งจะไม่กระทำสิ่งใดโดยไม่ได้รับอนุญาตจากราชินี”
“เช่นนั้น…ก็ตามมา”
ไป๋หยานจับมือของเสี่ยวหลงเอ๋อพลางยิ้มน้อยๆ “หลงเอ๋อ ไปกันเถิด”
”อืม…”ใบหน้าเล็ก ๆ ของเสี่ยวหลงเอ๋อปรากฏรอยยิ้ม รอยยิ้มของนางกระจ่างสดใส
นางเดินตามไป๋หยานมุ่งหน้าออกจากภูเขา
ครั้นโม่หลี่ชางเห็นว่าเสี่ยวโม่เดินช้ามากเพื่อจะให้ทันไป๋หยาน เขาจึงอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาจากนั้นก็รีบตามไป
”พวกเจ้ามัวยืนบื้ออะไรอยู่”ครั้นเห็นว่าไป๋หยานและคนอื่น ๆ จากไปแล้ว เฟยอี้ก็จ้องมองผู้คุ้มกันเผ่าปักษาที่อยู่ข้าง ๆ “เรียกทุกคนของเผ่าปักษาตามไปให้การสนับสนุนราชินีเดี๋ยวนี้ !”
โอกาสดีมาถึงหน้าเช่นนี้เป็นไปไม่ได้ที่เฟยอี้จะไม่คว้าไว้ ! หากราชินีทรงพอพระทัยสถานะของเผ่าปักษาในแดนอสูรก็จะเพิ่มสูงขึ้นด้วย
อาจจะเหนือกว่าเผ่ามังกรเสียด้วยซ้ำ…
ณเมืองชายแดน
ภายในโรงเตี๊ยมมีเสียงดังโวยวายเกิดขึ้น ผู้คนกำลังเดินเข้าไปรายล้อมรอบชายวัยกลางคน ชายคนนั้นตัวใหญ่หนาเขาถือดาบเล่มใหญ่ไว้ข้างกาย ท่าทางของเขายโสโอหัง
”หวู่เสียงข้าได้ยินมาว่า เมื่อไม่นานมานี้เจ้า และหูไป่เว่ยร่วมมือกันตามล่าหญิงผู้หนึ่ง” ชายหนุ่มที่อยู่ข้าง ๆ เขาหัวเราะลั่น “ข้าไม่รู้ว่าหญิงผู้นั้นไปทำอะไรมา เจ้าถึงสามารถร่วมมือกับหูไป่เว่ยได้