บทที่ 137 เกมจอมยุทธ์กับเกมเทพเซียน
เฉินโม่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ไม่เป็นไร พวกเขาเพิ่งเริ่มทำล่วงหน้าหนึ่งหรือสองเดือนเองไม่ใช่เหรอ พวกเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าจะได้รับรางวัลที่หนึ่งหรือเปล่า”
หลินม่าวพยักหน้า “จริงอยู่ สมาชิกคณะกรรมการเกมมีรสนิยมเฉพาะ หากไม่ใช่เกมที่แปลกใหม่เป็นพิเศษ ก็ยากที่จะชนะรางวัลที่หนึ่ง”
เฉินโม่ครุ่นคิด
หลินม่าวถาม “ฉันวางแผนที่จะสร้างเกมมือถือในธีมเทพเซียน แล้วนายล่ะ”
เฉินโม่คิดอยู่ครู่หนึ่ง “ฉันวางแผนที่จะสร้างเกมธีมจอมยุทธ์”
หลินม่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “เกมจอมยุทธ์งั้นเหรอ ธีมนี้ไม่ง่ายเลยนะ!”
เฉินโม่พยักหน้า “ฉันรู้ นั่นคือเหตุผลที่ฉันวางแผนที่จะทำ”
หลินม่าวพูด “ก็จริง ถ้านายทำธีมจอมยุทธ์ออกมาได้ดี นายก็จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแล้วยังมีโอกาสสูงที่จะได้ที่หนึ่ง แต่มันก็ยากเกินไปเพราะธีมนี้ทำให้มีเอกลักษณ์ยาก ขนาด Chanyi Entertainment ทำมานานขนาดนั้นยังสร้างชื่อเสียงไม่ได้เลย”
เฉินโม่พูด “ฉันรู้ ตอนนี้กำลังคิดอยู่”
หลินม่าวพยักหน้า “สู้ๆ ละกัน! ฉันเชื่อในตัวนาย! ขนาดนายยังสร้างเกม RTS อย่าง ‘Warcraft’ ซึ่งเป็นที่ยอมรับว่ายากในจีนได้แล้วเลย ถ้านายมีไอเดียและสร้างธีมจอมยุทธ์ออกมาได้ดีก็มีโอกาสสูงที่จะได้ที่หนึ่ง”
เฉินโม่พยักหน้า “นายเองก็สู้ๆ พวกเราต้องได้รับอันดับที่ดีแน่!”
……………
หลังจากกินข้าวเสร็จ เฉินโม่กลับไปที่ Experience Store และเริ่มคิดเกี่ยวกับเกมใหม่
มีเกมไม่กี่ประเภทที่เป็นธีมจีน และเกมที่ได้รับความนิยมมีเพียงสองธีมคือจอมยุทธ์กับเทพเซียน
ในโลกคู่ขนาน เมื่อพูดถึงเกมสไตล์จีน ปฏิกิริยาแรกของนักออกแบบเกมและผู้เล่นคือเกมเทพเซียน ตัวอย่างเช่น เกม VR ยอดนิยมอย่าง ‘Legend of Imperial Sword’
เหตุผลที่เกมเทพเซียนได้รับความนิยมก็เพราะพวกเขาสามารถใช้ระบบการต่อสู้ของเกม RPG ทำให้รูปแบบการเล่นง่ายต่อการเลือกและคุ้นเคยกับผู้เล่น
ตัวอย่างเช่น ในเกม RPG แนวแฟนตาซีตะวันตกมีนักรบ นักเวท และนักธนูที่สามารถต่อสู้ระยะประชิด ใช้ทักษะโจมตีจากระยะไกลได้ แล้วยังสามารถเดินทางทางอากาศด้วยกริฟฟิน สิ่งเหล่านี้สามารถแทนที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบด้วยธีมเทพเซียน
ในเกมเทพเซียนผู้เล่นสามารถเหาะได้ด้วยกระบี่ โจมตีด้วยคาถา สำรวจสถานที่ลึกลับเช่นถ้ำหรือภูเขา สิ่งนี้สอดคล้องกับเกม RPG แนวแฟนตาซีตะวันตกอย่างมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของระบบการต่อสู้ คาถาของเทพเซียนสามารถนำไปใช้กับระบบเวทมนตร์ของเกม RPG แนวแฟนตาซีตะวันตกได้อย่างดี ผู้เล่นเลยไม่ได้รู้สึกขัดแต่อย่างใด
ดังนั้นเกมเทพเซียนที่ได้รับความนิยมในตลาดจึงเป็นเกม RPG ตะวันตกที่ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอก เป็นเพราะธีมเทพเซียนสร้างขึ้นจากแกนหลักของเกมแฟนตาซีตะวันตกจึงสามารถควบคุมได้ ระบบเกมสมบูรณ์มากและไม่มีความเสี่ยง
แล้วทำไมเกมจอมยุทธ์ถึงทำไม่ได้ล่ะ
ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดคือระบบการต่อสู้
เทพเซียนเป็นโลกเวทมนตร์ขั้นสูง ในขณะที่จอมยุทธ์เป็นโลกเวทมนตร์ขั้นต่ำ
ในธีมเทพเซียนสามารถโบยบินได้ด้วยกระบี่ สังหารปีศาจ สามารถเรียกกระบี่นับหมื่นได้ ทำให้รูปแบบทั้งหมดสมบูรณ์มากและสอดคล้องกับสไตล์การต่อสู้ของ ‘ทักษะปล่อยสกิล’
วิธีการต่อสู้ในเกมเทพเซียนคือการใช้อาวุธวิเศษโจมตีศัตรูเพื่อสร้างความเสียหายและเพิ่มเอฟเฟ็กต์เพิ่มเติม ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถสะท้อนให้เห็นในทักษะและการดีบัฟ[1]
แต่ธีมจอมยุทธ์นั้นแตกต่างออกไป จอมยุทธ์แบบดั้งเดิมให้ความสำคัญกับการหาวิธีรับมือตามปัญหาที่เกิดขึ้น วรยุทธ์ในนี้มักจะเป็นชุดอย่างเช่นฝ่ามือพิชิตมังกรสิบแปดท่า ถ้าแบ่งทำออกมาเป็นสิบแปดกระบวนท่ามันก็จะน้อยเกินไป แต่ถ้าทำให้ออกมาเป็นหนึ่งทักษะที่สร้างแต่ความเสียหายเท่านั้น มันยากที่จะสะท้อนถึงลักษณะเฉพาะและความหมายแฝงทางวัฒนธรรมของมัน
นอกจากนี้ในโลกของวรยุทธ์จะไม่มีปีศาจจำนวนมากทำให้ยากต่อการบอกเล่าเรื่องราว ไม่มีการปรากฏตัวของ boss ใหญ่และศัตรูที่ไม่ใช่มนุษย์
จากเทพเซียนสู่จอมยุทธ์ เนื้อหาเกมจำนวนมากจำเป็นต้องถูกตัดออก ยิ่งกว่านั้น การถ่ายทอดแง่มุมทางวัฒนธรรมของจอมยุทธ์ในรูปแบบเกมยังเป็นเรื่องยากอีกด้วย
ดังนั้นสำหรับนักออกแบบเกมในโลกนี้จึงเลือกทำธีมเทพเซียนมากกว่าจอมยุทธ์
นอกจากนี้ยังมีเกมจอมยุทธ์มากมายในชีวิตก่อนของเฉินโม่ แต่ปัญหาคือเกมจอมยุทธ์เหล่านั้นก็เป็นจอมยุทธ์แค่ภายนอก แกนหลักยังคงเป็นรูปแบบการเล่นเดียวกันกับเกมและเกม RPG ตะวันตก
ผลงานเกมส่วนใหญ่มาจากผลงานชิ้นเอกของจินยงและกู่หลง ซึ่งขึ้นอยู่กับ IP และเกมพวกนี้โดยพื้นฐานแล้วไม่ได้สร้างนวัตกรรมใหม่อะไร
ตัวอย่างเช่น ทำให้ดรรชนีกระบี่หกชีพจรเป็นทักษะการโจมตีระยะไกล ทำให้ฝ่ามือพิชิตมังกรสิบแปดท่าเป็นการโจมตีระยะประชิด ทำให้พลังภูตอุดรเป็นการดูดซับพลัง ทำให้เท้าทะยานคลื่นเป็นทักษะเพิ่มการหลบหลีก…
ระบบการต่อสู้แบบนี้ยังคงเลียนแบบเกม RPG แนวแฟนตาซีตะวันตก ถ้าหากดูไม่คำนึงถึงคุณค่าทางจิตใจจากผลงานต้นฉบับ การแสดงพวกนี้ค่อนข้างไกลตัว หากออกมาได้ไม่ดีผู้เล่นอาจจะไม่ซื้อมัน
โลกนี้ไม่มีจินยงกู่หลง แต่ก็มีนวนิยายกำลังภายในที่คล้ายกับนิยายของจินยง นอกจากนี้ยังมีระบบการต่อสู้อย่างกำลังภายในและกระบวนท่าที่ค่อนข้างคล้ายกันอย่าง คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น วิชามวยไท้เก๊ก ฝ่ามือแปดทิศ ก็เป็นที่นิยมในโลกนี้เช่นกัน
เป็นไปไม่ได้เลยที่จะคาดหวังว่าจะได้รับ IP เหล่านี้ หรือเฉินโม่จะคัดลอกนวนิยายของจินยงเพื่อสร้าง IP ของตัวเอง ท้ายที่สุดแล้วเขามีเวลาเพียงสามเดือนเท่านั้น
IP ของธีมจอมยุทธ์ในโลกนี้ค่อนข้างแพงและไม่เป็นที่นิยมเท่านิยายยอดนิยมของจินยง อย่าพูดถึงเรื่องซื้อแล้วจะขาดทุนไหมเลย เพราะซื้อไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก ไม่อย่างนั้น Chanyi Entertainment และ Dichao Entertainment คงจะซื้อมานานแล้ว
อย่าง Chanyi Entertainment ยืนกรานที่จะสร้างเกมคุณภาพสูงและเกมสไตล์จีน ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ต้องการใช้ศักยภาพของเกมจอมยุทธ์ แต่หลังจากสร้างออกไปไม่กี่เกม ผลตอบรับก็ธรรมดา ดังนั้นพวกเขาจึงเปลี่ยนไปใช้ธีมเทพเซียน
มันไม่มีประโยชน์ที่จะสร้างเกมจอมยุทธ์โดยไม่สร้างนวัตกรรมให้กับแกนหลักของเกม
เหล่าคณะกรรมการเองก็ไม่โง่ มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่านี่คืองานย้อมแมวขาย ถ้าเกมจอมยุทธ์ไม่สามารถดึงความหมายของจอมยุทธ์ออกมาได้ก็อย่าทำเลยดีกว่า
เกมจอมยุทธ์ที่เฉินโม่ต้องการสร้างเป็นเกมที่สามารถสะท้อนความหมายของจอมยุทธ์ได้และเป็นเกมที่สร้างสรรค์ในรูปแบบการเล่นใหม่ทั้งหมด ไม่ใช่เกมจอมยุทธ์แค่ผิวเผิน
ตั้งแต่เข้าวงการมาจนถึงปัจจุบัน ผลงานเกมของเฉินโม่ก็มีค่อนข้างมาก หนึ่งในนั้นก็มีเกมที่ประสบความสำเร็จอย่างเหลือเชื่ออย่าง ‘Plants vs Zombies’ และ ‘Warcraft’ เกมหลอกลวงอย่าง ‘My name is MT’ และเกมปริศนาอย่าง ‘Lifeline’
แต่ส่วนใหญ่เป็นเกมคลาสสิกต่างประเทศจากชีวิตก่อน ยังไม่มีเกมสไตล์จีน
แน่นอนว่าไม่สามารถตำหนิเฉินโม่ที่ชื่นชอบความเป็นตะวันตก นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตก่อนของเขา เกมคุณภาพสูงมีไม่กี่เกมในประเทศ และส่วนใหญ่เป็นเกมเติมเงิน
นี่ไม่ใช่ความตั้งใจดั้งเดิมของเฉินโม่ เขายังหวังว่าเกมจีนจะสามารถแพร่หลายไปทั่วโลกและผู้เล่นชาวจีนจะชื่นชอบเกมจีนในแง่มุมทางวัฒนธรรมดั้งเดิม
ดังนั้นเพียงแค่ใช้โอกาสนี้ เฉินโม่วางแผนที่จะสร้างเกมจอมยุทธ์แบบผู้เล่นเดี่ยวเพื่อให้ผู้เล่นได้สัมผัสกับสไตล์จีนที่แท้จริง
………………
[1] ดีบัฟ : เอฟเฟ็กต์ที่ส่งผลเสีย