บทที่ 203 ระดมสมอง
ภายในห้องประชุม ซูจิ่นอวี๋และคนอื่นๆ กำลังระดมความคิดที่จะทำให้โปรเจกต์ ‘Don’t Starve’ ออกมาสนุก
“ตามคำแนะนำของผู้จัดการ มันเป็นเกมเอาชีวิตรอดใช่ไหม ถ้าอย่างนั้น การตั้งค่าทั้งหมดควรสร้างขึ้นเพื่อการเอาชีวิตรอด”
“ปัจจัยที่สำคัญที่สุดมีอยู่สองอย่างคือเสบียงที่ช่วยในการอยู่รอดและและปัจจัยด้านลบต่างๆ ที่คุกคามความอยู่รอด”
“ควรมีเสบียงแบบไหนแล้วปัจจัยลบแบบไหนบ้าง ลองนึกถึงโลกแห่งความเป็นจริง อุณหภูมิ ภูมิอากาศ มอนสเตอร์ อาหาร…สิ่งเหล่านี้สามารถกลายเป็นเนื้อหาของเกมได้”
“นั่นหมายความว่าแหล่งที่มาของความเพลิดเพลินสำหรับเกมนี้คือการให้ผู้เล่นควบคุมตัวละครเพื่อเอาชีวิตรอดในโลกต่างแดน เขาต้องสำรวจแผนที่ทั้งหมดเพื่อรวบรวมเสบียงอย่างต่อเนื่องและใช้เพื่อต่อสู้กับปัจจัยลบต่างๆ ที่คุกคามความอยู่รอด”
“เอาละ เมื่อพิจารณาถึงระดับนี้ ต้นแบบของเกมนี้ก็มีอยู่แล้ว และแกนหลักก็ไม่เลว ดูค่อนข้างน่าสนุก”
“ต่อไปจะเป็นการออกแบบโดยรวมของเกม ผู้เล่นจะต้องมีค่าบางอย่างเพื่อตัดสินว่าพวกเขาอยู่รอดได้ดีแค่ไหน ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่นค่าพลังชีวิต”
“เมื่อถูกมอนสเตอร์โจมตี แช่แข็ง เผาและอื่นๆ พลังชีวิตของผู้เล่นจะลดลง และเมื่อลดลงเหลือศูนย์เขาก็จะตายและเกมจะจบลง”
“มีอะไรอีกบ้างนะ ชื่อเกมคือ ‘Don’t Starve’ แน่นอนว่าผู้จัดการต้องการให้เรารวมค่าความหิวเข้าไปด้วย ผู้เล่นต้องหาอาหาร และถ้าอดตายพลังชีวิตจะค่อยๆ ลดลง อาจทำให้การเคลื่อนไหวช้าลงไปด้วย”
“ดูเหมือนว่าเป้าหมายจะชัดเจนแล้ว”
“อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีข้อบกพร่องอยู่ ฉันมักจะรู้สึกว่ามีบางสิ่งที่ขาดหายไปนอกเหนือจากสองปัจจัยนี้”
“ใช่ สองปัจจัยนี้ยังไม่สมบูรณ์พอ ตัวอย่างเช่น ฝน หิมะ ลูกเห็บ หรือภัยแล้งส่งผลกระทบต่อมนุษย์ในชีวิตจริง แต่มันสะท้อนให้เห็นในเกมยังไง ฝนตกผู้เล่นจะเสียเลือดเหรอ หรือหักคะแนนความหิวตอนฝนตก มันรู้สึกไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไร”
“นอกจากนี้หากมีเพียงแค่สองปัจจัยนี้ มันจะทำให้คนดูรู้สึกว่าตัวละครนี้ไม่ใช่คนจริงๆ แต่เป็นหุ่นจำลองที่รู้กิจวัตรประจำวันทั่วไปต่างๆ มันดูไร้อารมณ์ร่วม”
“ใช่ ดูเหมือนว่าควรจะมีคุณสมบัติอื่น…”
ขณะที่ทุกคนกำลังคิดอยู่นั้น เฉินโม่ก็เข้ามา
“เพิ่มคุณสมบัติอื่นสิ ค่าจิตใจ” เฉินโม่พูด
ดวงตาของซูจิ่นอวี๋เป็นประกาย “ค่าวิญญาณ เพื่อแสดงถึงสภาพจิตใจของผู้เล่นใช่ไหมคะ”
เฉินโม่พยักหน้า “ใช่ สภาพอากาศเลวร้ายหรือเหตุการณ์เลวร้ายอื่นๆ จะทำให้สติของผู้เล่นลดลง ในทำนองเดียวกันพวกเขาสามารถเพิ่มได้ด้วยอุปกรณ์บางอย่าง”
“หลังจากค่าจิตใจลดลงเหลือศูนย์ ตัวละครจะตกอยู่ในภาวะจิตตก ตอนนี้เขาจะเริ่มมีอาการประสาทหลอน น้ำเสียงของโลกทั้งใบจะเริ่มเปลี่ยนไป และสิ่งมีชีวิตในเงามืดจะเริ่มโจมตีผู้เล่น”
“หากผู้เล่นสามารถเอาชนะฝันร้ายได้ พวกเขาจะฟื้นคืนค่าทางจิตใจได้จำนวนหนึ่ง แต่ถ้าถูกฝันร้ายฆ่า เกมก็จะจบลง”
ซูจิ่นอวี๋คิดอยู่ครู่หนึ่ง “นั่นเป็นความคิดที่ดี! ด้วยวิธีนี้ คุณสมบัติสามอย่างคือความหิว สุขภาพ และจิตใจ โดยพื้นฐานแล้วสามารถแสดงสถานะของตัวละครได้ดี ว้าว ผู้จัดการน่าทึ่งมาก”
เฉินโม่ยิ้ม “จริงๆ แล้วมันไม่มีอะไร หากคุณคิดเกี่ยวกับมันสักพัก คุณคิดได้แน่นอน นี่เป็นการออกแบบที่หลีกเลี่ยงไม่ได้”
ซูจิ่นอวี๋พูด “ผู้จัดการ คุณควรระดมความคิดกับเราด้วย ฉันรู้ว่ามีหลายแง่มุมที่น่าสนใจสำหรับเกมอย่าง ‘Don’t Starve’ หากทำให้การตั้งค่าสมบูรณ์ มันต้องเป็นเกมที่ยอดเยี่ยม!”
เฉินโม่กลอกตา “ไร้สาระ เกมนี้ถ้าไม่น่าสนใจผมจะให้พวกคุณทำทำไม ทำภารกิจให้เสร็จด้วยตนเอง เกมนี้เหมาะสำหรับพวกคุณในการพัฒนาความคิด อย่าคาดหวังว่าผมจะจับมือสอนทุกคนเสมอไป”
ซูจิ่นอวี๋เบ้ปาก “เข้าใจแล้วค่ะ”
เฉินโม่เปลี่ยนเรื่องและพูดว่า “Dichao Entertainment กำลังวางแผนที่จะสร้างเกมเวอร์ชัน VR ที่คล้ายกับ ‘Diablo’ ”
ซูจิ่นอวี๋ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพูดด้วยความประหลาดใจ “อา เมื่อไรคะ แล้วจะทำยังไงดี ผู้จัดการไม่กังวลสักนิดเลยเหรอ”
เฉินโม่เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ “จะกังวลไปทำไม สิ่งที่พวกเขากำลังทำคือเกม VR ผมกังวลไปตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี”
ซูจิ่นอวี๋พูดอย่างกระวนกระวาย “แล้วจะทำยังไงดีคะ พวก Dichao นี่จริงๆ เลยขยันคัดลอกเกมของเรา!”
เฉินโม่ส่งสัญญาณให้เธอใจเย็น “ไม่เป็นไร ใจเย็นๆ เป็นการยากที่จะบอกว่า ‘Diablo’ สามารถสร้างเป็นเกม VR ได้สำเร็จหรือไม่ อาจต้องใช้เวลามากในการอุดช่องโหว่และปูทาง เร็วที่สุดคงใช้เวลาหนึ่งปีถึงจะสร้างออกมาได้”
ซูจิ่นอวี๋พูด “ถ้าอย่างนั้น ผู้จัดการ พวกเรารีบทำการทดสอบเกม VR อย่างง่ายในครึ่งปีเพื่อทดสอบตลาด แล้วเปลี่ยน ‘Diablo’ เป็นเกม VR ในอีกครึ่งปีดีไหมคะ!”
เฉินโม่พูดไม่ออก “คิดมากไปแล้ว ถึงจะคึกคักผิดปกติก็คงทำเร็วขนาดนั้นไม่ได้หรอก ไม่เป็นไร ผมบอกพวกคุณเพื่อเตือนคุณว่าความคืบหน้าของ ‘Don’t Starve’ ควรได้รับการเร่ง เพราะผมต้องการใช้เกมนี้เพื่อทดสอบปฏิกิริยาของผู้เล่น”
“หลังจากนั้นจะทำเกมอะไร ผมจะได้มีแผนการพัฒนาที่สอดคล้องกัน อาจเป็นการปรับเปลี่ยนลำดับเล็กน้อย ตอนนี้มันไม่คุ้มที่จะทำให้แผนทั้งหมดของเรายุ่งเหยิงเพียงเพื่อเผชิญหน้ากับ Dichao Entertainment”
“แผนของผมคือ ‘Don’t Starve’ จะเปิดตัวในอีกสองเดือนซึ่งหมายถึงสิ้นเดือนกันยายน แน่นอนว่าเนื่องจากมันจะเป็นเวอร์ชันแรก หลังจากออนไลน์ไปเนื้อหาใหม่จำนวนมากจะถูกเพิ่มตามความคิดเห็นของผู้เล่น และ MOD ต่างๆ จะเปิดให้ผู้เล่นเล่นได้อย่างอิสระ”
“การพัฒนา ‘Reaper of Souls’ จะเสร็จสิ้นในสามเดือนโดยมีเวลาทดสอบเพิ่มอีกสามสัปดาห์ หมายความว่าจะออกกลางเดือนพฤศจิกายน หลังจากนั้นเราจะปล่อย ‘Diablo’ ไว้ชั่วคราว”
“ภายในเดือนพฤศจิกายน ความคิดเห็นที่รวบรวมจากผู้เล่น ‘Don’t Starve’ ก็น่าจะเพียงพอแล้ว เมื่อถึงตอนนั้น ทุกอย่างพร้อมแล้วที่จะสร้างเกม VR เพื่อลองแข่งขันกับ Dichao Entertainment”
“ตกลงค่ะ!” ซูจิ่นอวี๋ปรบมือ “ฉันจะพยายามเร่งความคืบหน้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อทำ DEMO ของ ‘Don’t Starve’ ออกมา ทุกคนร่วมด้วยช่วยกัน”
เฉินโม่พยักหน้า “อืม แต่อย่ากังวลมากละ สองเดือนเวลาก็เพียงพอแล้ว แต่ต้องมั่นใจในเรื่องของคุณภาพ”
………………
เกี่ยวกับเกม ‘Don’t Starve’
ความสำเร็จของมันไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก ไม่ว่าจะในแง่ของการขายหรือปากต่อปากก็ถือเป็นเกมอินดี้คลาสสิก
เหตุผลที่เฉินโม่เลือกเกมนี้ให้ทุกคนฝึกฝนไม่ใช่แค่เพราะเกมนี้เหมาะสำหรับการคิดที่แตกต่าง แต่ยังเพื่อทดสอบการยอมรับของเกมแซนด์บ็อกซ์ของผู้เล่นในโลกนี้ด้วย
เกมแซนด์บ็อกซ์เป็นเกมประเภทหนึ่งที่พัฒนามาจาก Sand table game ซึ่งมักมีแผนที่ขนาดใหญ่กว่า องค์ประกอบมากกว่า มีอิสระในระดับสูง และความคิดสร้างสรรค์ที่แข็งแกร่ง ความคิดสร้างสรรค์คือรูปแบบการเล่นหลักของเกมประเภทนี้ ช่วยให้ผู้เล่นบรรลุเป้าหมายโดยใช้ทรัพยากรที่มีให้ในเกม
มีเกมที่ให้อิสระแก่ผู้เล่นมากมายในโลกนี้ แต่ในสายตาของเฉินโม่เกมเหล่านี้ไม่ใช่เกมแซนด์บ็อกซ์ที่ประสบความสำเร็จเป็นพิเศษ
………………………………….