Almighty Game Designer ใครจะออกแบบเกมได้เทพเท่าผม! – บทที่ 359 ประสบการณ์ครั้งแรกกับ ‘Outlast’

Almighty Game Designer ใครจะออกแบบเกมได้เทพเท่าผม!

บทที่ 359 ประสบการณ์ครั้งแรกกับ ‘Outlast’

หลังจากบ่นเกี่ยวกับการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็นในตอนเริ่มเกม จ้าวซู่ฮุยก็เข้าสู่เกมอย่างเป็นทางการ

ในความมืด มีข้อความปรากฏขึ้นต่อหน้าขอบเขตการมองเห็นของจ้าวซู่ฮุย

‘คุณคือไมลส์ อัปเชอร์ นักข่าวสืบสวนที่ออกเดินทางสู่ขุมนรกที่อันตรายที่สุดในโลก’

‘อยู่ให้นานที่สุด บันทึกทุกสิ่งที่คุณเห็น และเปิดเผยความลับดำมืดใจกลางโรงพยาบาลจิตเวชเมานต์แมสซิฟ’

‘คุณไม่ใช่นักรบ หากคุณต้องการเดินทางผ่านโรงพยาบาลจิตเวชที่น่าสะพรึงกลัวและเปิดเผยความจริง ทางเลือกเดียวของคุณคือหนี ซ่อน หรือตาย’

แน่นอนว่าข้อความนี้บอกเป็นนัยถึงกระบวนการและเบื้องหลังทั้งหมดของเกมและเน้นจุดหนึ่ง : คุณสามารถวิ่งหรือซ่อนได้เท่านั้น คุณไม่สามารถต้านทานรูปแบบใดๆ ได้

เกมสยองขวัญมีสองประเภท ประเภทหนึ่งมีระบบการต่อสู้และคุณสามารถใช้อาวุธปืนเพื่อเอาชนะศัตรู ส่วนอีกประเภทไม่มีระบบการต่อสู้ใดๆ และทำได้แค่วิ่งหนีเท่านั้น

นอกจากนี้ยังมีเกมสยองขวัญบางเกมในรูปแบบที่สอง แต่ส่วนใหญ่เป็นเกมสยองขวัญขนาดเล็ก ปัจจุบันเกมสยองขวัญ VR กระแสหลักในต่างประเทศล้วนมาพร้อมกับระบบการต่อสู้

หลังจากที่รู้ว่าเขาไม่สามารถถือปืนได้ จ้าวซู่ฮุยก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เขาพึมพำกับตัวเองอย่างรวดเร็ว “ไม่มีปืนไม่เป็นไร ฉันก็ไม่ต้องเล่นเกมยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่ง”

เมื่อเข้าสู่เกมจ้าวซู่ฮุยพบว่าตัวเองกำลังขับรถบนเส้นทางอันมืดมิดในเวลากลางคืน

ในเวลานี้จ้าวซู่ฮุยไม่สามารถควบคุมการกระทำของตัวเอกได้ ทำได้เพียงมองไปรอบๆ เท่านั้น

เพลงประกอบที่น่าขนลุกเล็กน้อย วิทยุในรถยนต์ที่ส่งเสียงกรอบแกรบ และสภาพแวดล้อมที่สลัวๆ ก็สร้างบรรยากาศที่น่าสะพรึงกลัวตลอดทั้งเกม

ประตูโรงพยาบาลจิตเวชเมานต์แมสซิฟเปิดอยู่ และตัวเอกก็ขับเข้ามา

ป้อมรักษาความปลอดภัยตรงทางเข้าว่างเปล่า ตัวเอกจอดรถ หยิบเอกสารและกล้อง DV ขึ้นมาจากที่นั่งผู้โดยสารด้านหน้า

เอกสารนี้เป็นอีเมลที่เปิดเผยความจริงอันมืดมนเกี่ยวกับโรงพยาบาลจิตเวชเมานต์แมสซิฟให้ตัวเอกได้รับรู้ เป็นเพราะอีเมลฉบับนี้ ตัวเอกถึงขับรถมาที่นี่ตอนกลางคืนเพื่อตรวจสอบความจริงที่ซ่อนอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวช

หลังจากอ่านอีเมลแล้ว ตัวเอกก็วางมัน หยิบกล้อง DV มาไว้ในมือแล้วเสียบแบตเตอรี่

หลังจากที่เขาเปิดประตูและลงจากรถ จ้าวซู่ฮุยก็สามารถควบคุมตัวเอกได้

ในเวลาเดียวกัน ข้อความหนึ่งบรรทัดก็ปรากฏขึ้นตรงกลางขอบเขตการมองเห็นของจ้าวซู่ฮุย

‘เป้าหมายใหม่: ตรวจสอบโรงพยาบาลจิตเวชเมานต์แมสซิฟ’

จ้าวซู่ฮุยไม่ได้เร่งรีบไปข้างหน้า แต่เขากลับทำความคุ้นเคยกับการควบคุมเกมแทน

ในเกมคุณสามารถตรวจสอบบันทึกและเอกสารได้ตลอดเวลา อีกทั้งยังสามารถนำกล้อง DV ออกมาได้ตลอดเวลาและสังเกตผ่านมุมมองของกล้องวิดีโอ นอกจากนี้ คุณยังสามารถแสดงท่าทางต่างๆ ได้ เช่น เดิน เปิดประตู วิ่ง และอื่นๆ

จ้าวซู่ฮุยก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวเพื่อสัมผัสบรรยากาศของเกม

แน่นอนว่าเรื่องราวของเกมสยองขวัญนี้เกิดขึ้นในต่างประเทศ ก่อนเข้าโรงพยาบาลโรคจิต จ้าวซู่ฮุยเห็นป้ายขนาดใหญ่ริมถนนที่เขียนว่า ‘MOUNT MASSIVE ASYLUM’ ซึ่งเป็นชื่อภาษาอังกฤษของโรงพยาบาลจิตเวชเมานต์แมสซิฟ

นอกจากนี้ อาคารทั้งหมดยังเป็นสไตล์ตะวันตกและดูเก่ามากราวกับเป็นสิ่งก่อสร้างจากยุค 60-70

ภายใต้ท้องฟ้าที่มืดสลัว โรงพยาบาลโรคจิตที่มีแสงไฟน้อยแห่งนี้เป็นเหมือนเงาดำขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยการกดขี่และความลึกลับ

“มันค่อนข้างสมจริง ไม่เหมือนกับเกมสยองขวัญในประเทศที่ไม่มีบรรยากาศเลย ไม่เลวเลย น่ายกย่องมาก”

จ้าวซู่ฮุยเปิดประตูเล็กและมาถึงพื้นที่ว่างหน้าอาคารบริหารหลัก

มีรถปราบจลาจลของทหารหลายคันที่ทางเข้าอาคารบริหารหลักซึ่งทำให้จ้าวซู่ฮุยรู้สึกแปลกเล็กน้อย เขาเดินไปที่ทางเข้าหลักของอาคารบริหาร แต่ประตูถูกล็อกอยู่ไม่สามารถเปิดได้

ในไม่ช้า จ้าวซู่ฮุยพบรูที่ประตูด้านซ้าย เขานั่งยองๆ และลอดผ่านเข้าไป จากนั้นเขาก็ใช้บันไดปีนขึ้นนั่งร้านที่ใช้ในการก่อสร้างและมาถึงหน้าต่าง

ในระหว่างกระบวนการนี้ เกมจะแจ้งให้จ้าวซู่ฮุยดำเนินการที่จำเป็น เช่น ซูมกล้อง หมอบ กระโดดและอื่นๆ

จ้าวซู่ฮุยพบว่าวิธีการทำงานของเกมนั้นค่อนข้างสมบูรณ์ เมื่อกระโดดและปีน ขอบเขตการมองเห็นก็จะเปลี่ยนไปตามนั้น มันสมจริงมาก ราวกับว่าเขากำลังทำการกระทำเหล่านี้ในโลกแห่งความเป็นจริง

นอกจากนี้ตัวละครหลักจะส่งเสียงดังเมื่อเขากระโดดและเดิน ประกอบกับเสียงลมที่ล้อมรอบและเสียงพื้นหลังที่คลุมเครือน่ากลัวทำให้จ้าวซู่ฮุยรู้สึกเหมือนจริงมากขึ้น

เมื่อเขามาถึงหน้าต่าง จ้าวซู่ฮุยพลิกตัวเข้าไปด้านใน ทันใดนั้นไฟตรงหน้าเขาก็แตกออกและดับลง

“อะไรวะเนี่ย ทริคเก่ามาก”

จ้าวซู่ฮุยเคยเห็นการปิดไฟฆ่าแบบนี้มาบ่อย ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกน่ากลัวอะไรเป็นพิเศษ เพียงแต่ความมืดรอบตัวเขาทำให้เขารู้สึกไม่สบายเล็กน้อย

“ไม่มีไฟฉายหรืออะไรสักอย่างเลยเหรอ” จ้าวซู่ฮุยสงสัย

ในเกม VR ต่างประเทศบางเกม การเล่นในความมืดถือเป็นกลยุทธ์ทั่วไป นี่เป็นเพราะว่าความมืดจะเพิ่มความรู้สึกกังวลใจของผู้เล่นและช่วยให้พวกเขาควบคุมอารมณ์ได้ อย่างไรก็ตาม ในเกมที่คล้ายกันส่วนใหญ่ ตัวละครหลักจะมีไฟฉายสำหรับให้แสงสว่างเผื่อในกรณีที่มองไม่เห็นสิ่งใดในความมืดสนิท

ในเวลานี้ ระบบแจ้งให้จ้าวซู่ฮุยยกกล้อง DV ขึ้นมาและเปิดฟังก์ชันการมองเห็นตอนกลางคืน

“หืม ฉากนี้ดีและสร้างสรรค์มาก ฉันชอบมัน มันเหมาะสมกับตัวตนของนักข่าวมาก!”

จ้าวซู่ฮุยยกกล้องขึ้นและเปิดฟังก์ชันการมองเห็นตอนกลางคืน ในตอนนี้ขอบเขตการมองเห็นของเขาเป็นสีฟ้าเทาที่ดูเย็นชา ซึ่งดูแปลกมาก มันน่ากลัวยิ่งกว่าแสงจากไฟฉายเสียอีก

“เอาละ รู้สึกดีมาก! ว้าว การใช้ฟังก์ชันการมองเห็นตอนกลางคืนของ DV ในการมองช่างเป็นฉากที่อัจฉริยะจริงๆ!”

จ้าวซู่ฮุยเอ่ยชมและเดินไปข้างหน้าโดยถือกล้อง DV เอาไว้

จ้าวซู่ฮุยเปิดประตูที่แง้มไว้แล้วเดินไปข้างหน้า ทันใดนั้น ทีวีที่ถูกปิดก็เปิดขึ้นโดยอัตโนมัติและมีเสียงดังซึ่งทำให้จ้าวซู่ฮุยตกใจ

“เชี่ย ทำฉันกลัวแทบตาย!”

จ้าวซู่ฮุยนิ่งไปครู่หนึ่ง หลังจากพบว่ามันเป็นเพียงทีวี เขาก็สงบลงเล็กน้อย

“เชี่ย ก็แค่ทีวี เพิ่งชมไปได้สองประโยคก็เล่นกลอุบายพื้นๆ แบบนี้แล้วเหรอ แย่มาก!”

ในฐานะผู้เล่นเกมแนวสยองขวัญที่มีประสบการณ์ จ้าวซู่ฮุยไม่กลัวในสถานที่เช่นนี้อย่างแน่นอน เขารู้ดีว่าเพื่อที่จะดูแลมือใหม่ในตอนเริ่มเกม มอนสเตอร์จะยังไม่ปรากฏขึ้น อย่างมากก็แค่ส่งเสียงร้องตะโกนและจะมีเงาแล่นผ่านแวบๆ ให้คนตกใจ

เขาเจาะเข้าไปในช่องว่าง ปีนผ่านท่อระบายอากาศ และมาถึงประตูที่แง้มไว้

จ้าวซู่ฮุยผลักประตูให้เปิดออกโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า

ทันใดนั้น ศพที่แขวนอยู่ก็ถูกโยนเข้าหาเขา บดบังขอบเขตการมองเห็นของจ้าวซู่ฮุย ทำนองเพลงเริ่มตึงเครียดอย่างมากและตัวเอกก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมา

“เชี่ย!!!”

จ้าวซู่ฮุยกรีดร้องด้วยความตกใจ ร่างกายของเขาสั่นอย่างรุนแรง เหงื่อไหลท่วมตัว

…………………

Almighty Game Designer ใครจะออกแบบเกมได้เทพเท่าผม!

Almighty Game Designer ใครจะออกแบบเกมได้เทพเท่าผม!

Status: Ongoing
เมื่อนักออกแบบเกมทะลุมิติมายังโลกคู่ขนานที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง แต่แนวคิดเกี่ยวกับเกมกลับด้อยพัฒนา ถ้างั้นเขานี่แหละจะเป็นผู้พลิกโฉมวงการเกมเอง!++นักออกแบบเกมผู้ชอบเพ้อฝัน ‘เฉินโม่’ ถูกส่งมายังโลกคู่ขนานและได้รับภารกิจจากระบบเพื่อเป็นนักออกแบบเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกเขามาอยู่ในร่างของเฉินโม่ของโลกนี้ที่เสียชีวิตไปแล้วเพื่อหาเลี้ยงชีพประทังชีวิต เขาจึงตัดสินใจเข้าร่วมการแข่งขันออกแบบเกมแทนเฉินโม่คนก่อนโลกคู่ขนานแห่งนี้มีเทคโนโลยีขั้นสูง อุตสาหกรรมเกมเป็นที่ยอมรับแต่แนวคิดเกี่ยวกับเกมกลับด้อยพัฒนาจนน่าเศร้าเฉินโม่จึงคิดจะใช้ความสามารถในฐานะนักออกแบบเกมที่ติดตัวมาและประสบการณ์เกี่ยวกับเกมในชีวิตก่อน มาปฏิวัติวงการเกมของโลกนี้!...“Game loading…”“เป้าหมายหลัก: เพื่อเป็นนักออกแบบเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกคู่ขนาน”“นับถอยหลังสู่การสลับโลกคู่ขนาน…”“3…”“2…”“1…”“Game Start!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท