ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 13 คิดไม่ถึงว่าจะไม่ชอบเงินแล้ว

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 13 คิดไม่ถึงว่าจะไม่ชอบเงินแล้ว

เหตุการณ์เรียกได้ว่าเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน รวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน

ทั้งสองคนรู้จักกันเหรอ? ฉินอี๋กับไป๋หลิงหลงสบตากัน แล้วก็ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างทั้งสองคน แต่เมื่อดูจากท่าทีของหลัวคังอันที่จู่ๆ ก็ดูเป็นมิตรขึ้น คล้ายว่านั่นจะเป็นเรื่องดี

ฉินอี๋กล่าวว่า “คุณหลัว นับแต่นี้เป็นต้นไปฉันฝากเขาด้วยนะคะ ให้เขาช่วยเหลือคุณในการทำงานได้เต็มที่เลยค่ะ”

หลัวคังอันที่ใบหน้าดูยินดีจนเป็นสีแดงปล่อยมือจากหลินยวน หมุนตัวมาหาเธอพลางตบที่หน้าอกของตัวเอง กล่าวอย่างหนักแน่นว่า “ในเมื่อเป็นน้องหลิน ต่อให้ผมไม่ชินอย่างไรก็ต้องชินล่ะครับ ท่านประธานวางใจได้ ไม่มีปัญหาแน่นอน”

ฉินอี๋กับไป๋หลิงหลงสบตากันอีกครั้ง คิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะราบรื่นทีเดียว กระทั่งแผนที่จะใช้เงินฟาดหัวก็ยังไม่ได้ใช้ออกมา

ตอนช่วงเช้าฉินอี๋ยุ่งมาก มีงานเยอะแยะมากมายที่ต้องจัดการ ไม่มีเวลามาอยู่ที่นี่นานนัก หากไม่เป็นเพราะหลินยวน เธอคงไม่มีทางเจียดเวลามาที่นี่แน่ จึงไม่ได้พูดอะไรมากอีก หมุนตัวก้าวออกไปทันที ผู้คุ้มกันสองคนเองก็เดินตามไปติดๆ

ไป๋หลิงหลงอยากจะพูดอะไรบางอย่างกับหลินยวน แต่สุดท้ายก็พูดกับหลัวคังอันแทนว่า “คุณหลัว หากมีปัญหาอะไรติดต่อฉันได้ตลอดเลยนะคะ”

“ได้ครับ” หลัวคังอันตอบด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

ไป๋หลิงหลงไม่รู้ว่าตัวเองคิดไปเองหรือเปล่า เธอรู้สึกว่าท่าทางของหลัวคังอันคล้ายดูแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก ใบหน้าของเขาแดงเรื่อขึ้นมา

เธอพยักหน้าให้หลินยวนเล็กน้อย จากนั้นก็รีบก้าวออกไปเช่นกัน

หลินยวนไม่รู้ว่าคิดอะไรขึ้นมาได้ จู่ๆ เขาก็ก้าวตามออกไปอย่างรวดเร็ว เดินนำหน้าไป๋หลิงหลงไป จากนั้นตะโกนไปข้างหน้าว่า “ท่านประธาน”

ฉินอี๋ที่เดินอย่างทะมัดทะแมงหยุดฝีเท้าแล้วหมุนตัวกลับมา กระทั่งเขาเดินเข้ามาแล้วจึงถามว่า “มีอะไรอีกเหรอ?”

หลินยวนกล่าว “มีเรื่องอยากจะคุยกับท่านประธานหน่อยครับ”

ฉินอี๋กล่าว “ตอนนี้ฉันมีธุระต้องไปจัดการ ไม่มีเวลา เย็นนี้เลิกงานแล้วมาที่ห้องทำงานฉันก็แล้วกัน”

หลังเคยมีประสบการณ์มาแล้วครั้งหนึ่ง หลินยวนจึงไม่ยอมรอให้เลิกงานแล้วค่อยห้องทำงานของเธออีก เขากล่าวว่า “รบกวนเวลาท่านประธานไม่นานหรอกครับ”

หลัวคังอันรีบวิ่งตามเข้ามา ดึงแขนของหลินยวนเอาไว้ “น้องหลิน ท่านประธานยุ่งมาก อย่าไปรบกวนท่านเลย ปะ เดี๋ยวฉันพานายไปเดินดูรอบๆ ดีกว่า”

หลินยวนไม่ขยับ สายตาจ้องมองฉินอี๋

ฉินอี๋ยกมือขึ้นดูนาฬิกาบนข้อมือ ก่อนจะเหลียวหน้ากลับไปกล่าวกับไป๋หลิงหลงว่า “ช่วยไปบอกพวกเขาที่ว่าฉันจะไปช้าหน่อย”

“ได้ค่ะ” ไป๋หลิงหลงรีบไปจัดการ

“ไปกันเถอะ” ฉินอี๋เอียงศีรษะส่งสัญญาณไปทางหลินยวน ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป

หลินยวนดึงมือออกมาจากมือของหลัวคังอันแล้วเดินตามไป

หลัวคังอันรู้สึกร้อนใจ คิดอยากจะเดินตามไป แต่ใครจะไปคิดถึงว่าชายชราฝาแฝดจะยื่นมือมาขวางเอาไว้ คนที่ไม่ได้รับอนุญาตจากฉินอี๋ห้ามไม่ให้เข้าใกล้โดยเด็ดขาด นี่คือหน้าที่ของพวกเขา

“น้องหลิน ฉันรอนายอยู่ที่นี่นะ!” หลัวคังอันได้แต่ต้องตะโกนออกไป มองดูทั้งคู่เดินจากไปตาปริบๆ

หลังกลับมาถึงห้องรับแขก หลัวคังอันก็เอาสองมือถูใบหน้าของตัวเองแรงๆ ด้วยความหงุดหงิด ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงได้ซวยแบบนี้ คิดไม่ถึงว่าจะมาพบคนที่นั่งมาในเรือคุนลำเดียวกันที่นี่ได้

นั่งมาด้วยกันน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่ปัญหาคืออีกฝ่ายได้เห็นสิ่งที่ไม่ควรจะเห็นเข้า ถ้าจัดการไม่ดีจะทำให้เขาเสียช่องทางทำมาหากินได้ ทันทีที่ชื่อเสียงด่างพร้อย เกรงว่าไปอยู่ที่ไหนก็คงไม่ง่าย

อีกทั้งเขายังเคยเห็นฉินอี๋จัดการคนอย่างเด็ดขาดอีกด้วย หากถูกอีกฝ่ายรู้ว่าตัวเองกำลังหลอกลวง เกรงว่าคงจะไม่ได้เสียแค่ช่องทางทำมาหากินเท่านั้น เขากังวลว่าตัวเองจะได้ออกไปจากเมืองปู๋เชวี่ยแบบครบสามสิบสองหรือเปล่าก็ยังไม่รู้

เขาเองก็ไม่รู้ว่าหลินยวนไปคุยอะไรกับฉินอี๋ รู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก ในเวลานี้มีความรู้สึกทุกข์ทรมานจากการรอคอยคำพิพากษา

ขณะที่กำลังรู้สึกกระวนกระวายใจ สายตาก็มองไปยังจูลี่ที่อยู่บนฉากแสง หลัวคังอันส่งเสียงร้องตะโกนอยู่ในใจ ก่อนจะหยิบเอาซิการ์ขึ้นมาจุด นั่งลงไปบนเก้าอี้ แขนขาแผ่กางออก

เพิ่งจะได้เห็นจูลี่ที่เจอบนเรือคุนลำเดียวกันบนฉากแสง ไม่ทันไรก็ได้เจออีกคนหนึ่ง หลัวคังอันกล่าวพึมพำออกมา “ซวยจริงๆ ดูเหมือนเมืองปูเชวียจะไม่ถูกโฉลกกับเราซะแล้ว…”

ฉินอี๋กลับมาถึงห้องทำงานของตัวเอง เธอเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ด้านหลังโต๊ะทำงาน หยิบเอาบุหรี่ขึ้นมาจุดมวนหนึ่ง

ปากพ่นควันบุหรี่ออกมา ก่อนกล่าวกับหลินยวนที่เดินตามเข้ามาว่า “ฉันหิวน้ำ เทน้ำให้ฉันแก้วสิ”

“….” หลินยวนหมดคำพูด ฉินอี๋หันหน้ามองออกไปด้านนอกหน้าต่าง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

สุดท้ายหลินยวนก็หมุนตัวไปเทน้ำให้เธอ

ฉินอี๋เหลียวหน้ากลับมาเหลือบมองดูความเคลื่อนไหวของเขา มุมปากอมยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย กระทั่งในตอนที่หลินยวนหมุนตัวกลับมา เธอจึงรีบหันกลับไปมองด้านนอกหน้าต่างอย่างรวดเร็ว

หลินยวนยกแก้วน้ำมาวางตรงหน้าเธอ

ฉินอี๋ดับบุหรี่ ยกแก้วน้ำขึ้นมาจิบช้าๆ จากนั้นวางแก้วลงแล้วถามว่า “มีเรื่องอะไรถึงต้องพูดตอนนี้ให้ได้?”

หลินยวนถาม “เธอแน่ใจนะว่าหลัวคังอันคนนี้เคยสู้กับป้าหวัง ทั้งยังทำให้ป้าหวังบาดเจ็บสาหัส?”

ฉินอี๋กล่าว “มาหาฉันเพราะอยากจะพูดเรื่องนี้เหรอ?”

หลินยวนกล่าว “ถ้าเธอคิดว่าฉันไม่ควรถาม อย่างนั้นก็ถือเสียว่าฉันไม่เคยถามแล้วกัน”

ฉินอี๋กล่าว “นายอยากจะพูดอะไร?”

หลินยวนกล่าว “ที่เมืองหลวงน่ะ คนที่มีความแข็งแกร่งพอจะสู้กับป้าหวังได้ เหมือนจะไม่มีทางถูกดึงตัวมาที่นี่ได้ง่ายๆ เธอไม่คิดว่ามันมีอะไรแปลกๆ เหรอ? ฉันแค่อยากจะเตือนเธอว่าให้ระวังหลัวคังอันคนนี้เอาไว้หน่อย จะได้ไม่เสียงาน”

คนที่มีคำถามทำนองนี้ไม่ได้มีเขาเพียงแค่คนเดียว เจ้าเมืองลั่วเทียนเหอเองก็เคยถามคำถามเช่นนี้เหมือนกัน

ฉินอี๋กล่าว “มันก็แปลกนิดหน่อยนั่นแหละ เขาถูกขับออกมาจากบัญชีรายชื่อเซียน ถูกเตะออกมาจากขบวนรบผู้พิทักษ์เทพมหาวิญญาณของเมืองหลวง ไป๋หลิงหลงเคยไปสอบถามคนของผู้พิทักษ์เทพที่เมืองหลวงมา พวกเขาบอกว่าที่หลัวคังอันโดนไล่ออกมาแบบนี้ เป็นเพราะว่าหลังเขาโจมตีใส่ป้าหวัง เขาก็ไม่ยอมระวังปากของตัวเอง เที่ยวไปพูดว่าตัวเองช่วยให้ท่านสองเอาชนะป้าหวังได้ จนทำให้ท่านสองเสื่อมเสียเกียรติ ด้วยเหตุนี้จึงมีบางคนกีดกันเขา ที่ฉันดึงตัวเขามาได้ น่าจะเป็นเพราะฉันเข้าไปในจังหวะที่เขากำลังมีปัญหาล่ะมั้ง”

ใช่เหรอ? หลินยวนสงสัย ก่อนจะถามไปอีกประโยคว่า “เธอรู้ได้ยังไงว่าเขาเคยสู้กับป้าหวัง?”

ฉินอี๋กล่าว “ในภาพการต่อสู้ระหว่างท่านสองกับป้าหวังที่คนกำลังนิยมดูกันอยู่ในตอนนี้มีภาพคนคนหนึ่งถีบป้าหวังจนกระเด็นลอยไป ทางฉันได้ตรวจสอบดูหลายครั้งแล้ว มั่นใจว่าไม่ผิดพลาด คนคนนั้นก็คือเขานั่นแหละ!”

“ถีบป้าหวังจนกระเด็น?” หลินยวนกล่าวพึมพำขึ้นมา ไม่รู้กำลังคิดอะไรอยู่ แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

สถานการณ์ในตอนนี้ยังไม่แน่ชัด เขาเองก็ไม่สะดวกที่จะพูดอะไรมาก ไม่ใช่อยากจะมาฟ้องเรื่องของหลัวคังอัน หากแต่เป็นเพราะสถานการณ์บางอย่างที่เขาได้เห็นมากับตาตัวเอง ทำให้เขาคิดว่าหลัวคังอันผู้นี้ไม่ค่อยน่าไว้ใจนัก เดิมทีเขาก็ไม่อยากพูดมากอะไร แต่จากการวิเคราะห์ด้วยข้อมูลบางอย่าง เหมือนฉินอี๋จะลงทุนไปไม่น้อยเพื่อดึงตัวคนคนนี้มาจากเมืองหลวง คล้ายต้องการจะให้เขาทำงานที่สำคัญบางอย่าง

เขากังวลว่าตนเองจะนำเอาปัญหาอะไรมาให้ฉินอี๋อีก จึงอดทดเอาไว้ แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหว จึงกล่าวเตือนฉินอี๋ไปด้วยความปรารถนาดี

ฉินอี๋กล่าว “มีอะไรอีกไหม?”

“ไม่มีแล้ว ขอโทษที่รบกวน” หลินยวนบอกลา รู้สึกว่าตัวเองยุ่งวุ่นวายไม่เข้าเรื่อง

ฉินอี๋กล่าว “ไม่รบกวน ทำได้ดีมาก พบปัญหาอะไรแล้วรีบมาแจ้ง สมควรให้รางวัล เดือนนี้ฉันให้เงินรางวัลหนึ่งร้อยมุก”

เงินรางวัลหนึ่งร้อยมุก? หลินยวนไม่รู้จะตอบอะไร จึงหมุนตัวเดินจากไป

“เดี๋ยวก่อน” ฉินอี๋ตะโกนเรียกเขาไว้ ก่อนจะเปิดลิ้นชักหยิบเอาโทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่งออกมา จากนั้นโยนไปบนโต๊ะ “เอาไปใช้สิ ฉันให้”

หลินยวนปฏิเสธ “ไม่ต้อง ฉันมี”

ฉินอี๋กล่าว “นี่เป็นรุ่นใหม่ที่เพิ่งออกมา เล็กกว่า พกพาได้สะดวกมากกว่า พลังงานคริสตัลที่อยู่ด้านในเพียงพอให้นายใช้ได้ต่อเนื่องหนึ่งร้อยปี ด้านในมีเบอร์ฉันของเบอร์หลิงหลง มีเรื่องอะไรก็โทรมาได้ตลอด”

หลินยวนรู้สึกแปลกๆ ฉันเป็นแค่พนักงานธรรมดาๆ ของตระกูลฉิน ทำไมถึงต้องคอยติดต่อประธานกับผู้ช่วยประธานบ่อยๆ ด้วย?

เขาอยากจะรักษาระยะห่างจากผู้หญิงคนนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเขาเองก็ได้สัญญากับหลิ่วจวินจวินเอาไว้แล้ว ไม่อยากทำอะไรคลุมเครือกับผู้หญิงคนนี้อีก จึงกล่าวปฏิเสธออกไปทันทีว่า “ไม่ต้อง ของแบบนี้เปลี่ยนใหม่ง่ายกว่า ใช้ไปร้อยปีมันสิ้นเปลือง”

ไม่รับ? ฉินอี๋เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แต่เธอที่นั่งอยู่ในตำแหน่งนี้มานานหลายปีก็ไม่ยอมให้ใครมาปฏิเสธได้ง่ายๆ เช่นเดียวกัน จึงหาเหตุผลที่เหมาะสมพูดออกไป “เอาไป นี่เป็นอุปกรณ์ที่ทางหอการค้าให้นาย ที่ให้นายไปเป็นผู้ช่วยหลัวคังอัน ไม่ใช่ว่าให้ไปคอยช่วยงานเขาเฉยๆ แต่นายยังต้องคอยช่วยหอการค้าจับตาดูเขาด้วย ทันทีที่พบเห็นสิ่งผิดปกติก็ให้รีบมาบอกฉันหรือหลิงหลงทันที เพื่อที่หอการค้าจะได้จัดการและรับมือได้ทัน…ซึ่งนี่ก็เป็นหนึ่งในงานของนาย”

หลินยวนนิ่งเงียบไป สายตาจ้องมองไปที่โทรศัพท์มือถือเครื่องนั้นครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ยื่นมือไปหยิบเอาโทรศัพท์มือถือมาใส่ในกระเป๋ากางเกง จากนั้นเดินออกไป

ฉินอี๋กล่าว “ฉันยังพูดไม่จบ งานของนายยังมีอีกอย่างหนึ่ง”

หลินยวนหยุดฝีเท้า “อะไร?”

คางของฉินอี๋พยักเพยิดไปทางซ้ายทางขวาเพื่อสื่อถึงห้องทำงานห้องนี้ “ทุกวันหลังเลิกงาน นายต้องมาทำความสะอาดห้องนี้”

หลินยวนปฏิเสธเสียงแข็งอย่างไม่ลังเล “ขอโทษด้วย งานทำความสะอาดไม่เคยทำ ทำไม่เป็น ทำไม่ได้” ท่าทางเหมือนบอกว่าเธอจะทำอย่างไรกับฉันก็แล้วแต่เธอเลย

ล้อเล่นหรือเปล่า ที่นี่เป็นสถานที่พักผ่อนของผู้หญิงคนนี้ แล้วก็ยังมีสถานที่ให้ผู้หญิงคนนี้ได้อาบน้ำ เช่นนั้นการเก็บกวาดของใช้ของผู้หญิงบางอย่างจึงเป็นเรื่องที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้แน่นอน แล้วจะให้เขาทำงานนี้น่ะเหรอ? แล้วแบบนี้จะรักษาระยะห่างอย่างไร?

ฉินอี๋กล่าว “ฉันจะเพิ่มเงินเดือนให้”

“ขอบคุณท่านประธานที่หวังดี แต่ผมจนจนชินแล้ว ไม่ต้องใช้เงินมากขนาดนั้น” หลินยวนกล่าวทิ้งท้ายก่อนเดินออกไป

ฉินอี๋เอ่ยออกไปประโยคหนึ่ง “เมื่อคืนน้าหลิ่วไปหานาย เธอไปพูดอะไรกับนายใช่หรือเปล่า?”

ทุกการเคลื่อนไหวของเธอยากจะรอดพ้นสายตาของฉินเต้าเปียนไปได้ แล้วทุกการเคลื่อนไหวของทางฉินเต้าเปียนจะเล็ดลอดสายตาเธอไปได้อย่างไร คิดว่าเมื่อคืนไปหาหลินยวนแล้วเธอจะไม่รู้อย่างนั้นหรือ?

ฝีเท้าของหลินยวนชะงักเล็กน้อย “ไม่ได้พูดอะไร” จากนั้นก็รีบเดินจากไป

เมื่อได้ยินเสียงประตูปิดลง ฉินอี๋ก็ค่อยๆ จุดบุหรี่ขึ้นมาอีกมวนหนึ่ง กล่าวพึมพำด้วยน้ำเสียงหยอกล้อว่า “คิดไม่ถึงว่าจะไม่ชอบเงินแล้ว…”

หลังได้สติก็หยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมา ค้นหาเบอร์เบอร์หนึ่งแล้วกดโทรออก ยกโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู

ภายในกระเป๋ากางเกงของหลินยวนที่เดินอยู่ตรงระเบียงมีเสียงตรื๊ดๆ ดังขึ้นมา เขางุนงงเล็กน้อย ก่อนจะหยิบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู พบว่าบนหน้าจอมีคำว่า ‘ฉินอี๋’ปรากฏขึ้นมา

เขาขมวดคิ้วรับโทรศัพท์ กล่าวถามว่า “ยังมีอะไรจะสั่งอีก?”

ฉินอี๋กล่าว “ไม่มีอะไร แค่อยากลองดูว่าโทรติดไหม” กล่าวจบก็มีเสียงวางสายดังติ๊ดขึ้นมา

หลินยวนที่ถือโทรศัพท์มือถือหันหน้ามองไปทางห้องทำงานของฉินอี๋ ก่อนจะเหลียวหน้ากลับมาอีกครั้ง เดินจากไปอย่างเงียบๆ

เขากลับมาถึงห้องรับแขกห้องนั้น ผลักประตูเดินเข้าไป

หลัวคังอันหันขวับมาทันที เมื่อเห็นเขากลับมาก็รีบลุกขึ้น กระวีกระวาดวิ่งเข้าไป ดึงแขนเขามาตรงโซฟา ก่อนจะกดตัวเขานั่งลงไป “น้องหลิน ดื่มชาไหม? ใบชาของที่นี่ไม่เลวเลยนะ”

หลินยวนกล่าว “ไม่ต้อง”

หลัวคังอันรีบหยิบซิการ์ออกมาให้เขา “นี่ให้นาย ฉันเอามาจากเมืองหลวง”

หลินยวนโบกมือ “ผมไม่แตะของที่สร้างควันพิษพวกนี้”

หลัวคังอันจึงได้แต่ต้องล้มเลิกความตั้งใจ หมุนตัวดึงเก้าอี้มาตัวหนึ่งแล้วนั่งลงตรงหน้าเขา ใบหน้าฉีกยิ้มพลางกล่าว “น้องหลิน ไปคุยอะไรกับท่านประธานมาเหรอ?”

ภายในใจรู้สึกวิตกกังวลเป็นอย่างมาก

หลินยวนมองดูทุกความเคลื่อนไหวของเขาอย่างเงียบๆ ก่อนจะค่อยๆ กล่าวขึ้นมาว่า “ไม่ได้พูดอะไร แล้วก็ไม่อยากพูดอะไร ผมเพียงแค่มาทำงานหาเงินกินข้าว ถ้าได้ใช้ชีวิตสบายหน่อยผมก็ไม่พูดอะไรทั้งนั้น คิดว่าพี่หลัวน่าจะเข้าใจความหมายของผมนะ”

หลัวคังอันตกตะลึงไปเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มแย้มขึ้นมาพลางพยักหน้าหงึกๆ “เข้าใจๆๆๆ” จากนั้นลุกขึ้นไปนั่งลงข้างกายหลินยวน ยกมือขึ้นโอบไหล่อีกฝ่าย “พวกเราเป็นอะไรกัน? เป็นพี่น้องที่มาจากหลิงซานกันทั้งนั้น ยังไงก็ต้องคอยช่วยเหลือกันอยู่แล้ว ทุกคนต่างก็ต้องหาเงินกินข้าว วางใจได้ ขอเพียงมีฉันอยู่ น้องพี่ได้อยู่อย่างสุขสบายแน่นอน พวกงานสกปรกตรากตรำพวกนั้นเลิกพูดไปได้เลย พี่ไม่มีทางปล่อยให้น้องเหนื่อยแน่นอน…”

………………………………………………………..

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน