ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 43 อาจจะก่อเรื่อง

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 43 อาจจะก่อเรื่อง

เรื่องพูดคุยของทั้งสองคนค่อยๆ เร่าร้อนขึ้นมา หลัวคังอันชอบอะไรที่มันวาบหวิวแบบนี้ คุยแล้วรู้สึกคึกคัก

แต่สุดท้ายอู่เวยก็ไม่ได้ให้เขาสมปรารถนา หลังส่งอู่เวยกลับบ้านแล้ว หลัวคังอันก็รีบตรงไปค้างคืนกับจูเก่อม่าน

เขาทำให้จูเก่อม่านประหลาดใจ จูเก่อม่านยังเข้าครัวทำของว่างให้เขากินด้วย….

แต่อู่เวยที่กลับมาถึงที่พักกลับต้องตกใจเป็นอย่างมาก ทันทีที่เปิดไฟ เธอก็พบว่าภายในห้องมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่

เป็นผู้หญิงที่รูปร่างและการแต่งกายล้วนคล้ายคลึงกับเธอ

ไม่ทันรอให้เธอเอ่ยปาก แขกที่ไม่ได้รับเชิญก็เอ่ยปากออกมาก่อนว่า “เฉาเหยี่ยเชิญเธอไปพบหน่อย ปิดประตูซะ”

อู่เวยกัดริมฝีปาก ปิดประตูลงอย่างเงียบๆ

ผู้หญิงคนนั้นผายมือไปยังด้านหนึ่งเพื่อบอกว่าเชิญ สายตาของอู่เวยมองตามไป ถึงได้พบว่าตู้ใบหนึ่งที่อยู่ในห้องได้ถูกเลื่อนออก บนกำแพงที่อยู่ด้านหลังตู้ไม่รู้ว่าถูกเจาะเป็นรูขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร

ชายคนหนึ่งเดินออกมาจากในรูกำแพง คว้าแขนของอู่เวยเอาไว้แล้วโยนเธอเข้าไปในรูกำแพง ตู้ใบนั้นเลื่อนกลับมาอยู่ที่เดิม ปิดรูบนกำแพงเอาไว้….

ด้านนอกห้อง ผู้ชายสองคนที่อยู่ภายในรถคันหนึ่งสลับกับจับตามองดูบ้านของอู่เวยที่มีไฟส่องสว่าง บางครั้งก็มองเห็นร่างของอู่เวยเดินผ่านหน้าต่างไป

ชายคนหนึ่งพลันขมวดคิ้วขึ้นมา มองดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือ จู่ๆ พลันกล่าวว่า “แย่แล้ว”

ชายอีกคนหนึ่งถาม “มีอะไร?”

ชายที่บอกว่าแย่แล้วคนนั้นหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดโทรไปหาเบอร์เบอร์หนึ่ง “คุณนายครับ ขอโทษที่รบกวนครับ มีเรื่องด่วนต้องการขอคำชี้แนะครับ”

ภายในโทรศัพท์มือถือมีเสียงที่ไม่เร่งร้อนของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมา “ว่ามา”

ชายคนนั้นกล่าวว่า “เป้าหมายผิดปกติครับ เวลานี้แล้วยังไม่เข้านอน บางครั้งก็เดินไปเดินมาตรงริมหน้าต่าง ด้านในอาจจะมีปัญหาอะไร จะให้เข้าไปตรวจสอบหน่อยไหมครับ?”

หญิงสาวกล่าวถามว่า “จะบอกว่าในห้องมีคนอยู่?”

ผู้ชายกล่าวว่า “ครับ”

หลังจากในโทรศัพท์เงียบไปพักหนึ่ง เสียงของผู้หญิงก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง “จับตาดูเอาไว้ก็พอ ไม่ต้องเผยตัว รอฉันแจ้งไปอีกที”

ผู้ชายกล่าว “ครับ ทราบแล้วครับ” กระทั่งอีกฝ่ายวางสายไปแล้ว เขาถึงจะวางโทรศัพท์ลง สบตากับเพื่อนร่วมงาน…..

……

รุ่งเช้าวันถัดมา หลัวคังอันกับจูเก่อม่านก็มาทำงานด้วยกันอีกครั้ง

หลังมาถึงหอการค้าก็แยกย้ายกันไปทำงาน หลัวคังอันเดินมายังห้องทำงานของหลินยวนอีกครั้ง เขาไม่มีเพื่อนสนิทอยู่ในหอการค้า คนที่ได้เจอหน้าบ่อยๆ ก็ล้วนแต่มีงานของตัวเอง จากสัญญาที่เซ็นเอาไว้กับทางหอการค้า เรื่องบางเรื่องเขาจึงไม่สะดวกที่จะพูดคุยกับคนอื่น จึงได้แต่ต้องไปคุยเล่นกับหลินยวนที่เป็นเพื่อนร่วมงานเท่านั้น

หลัวคังอันเล่าเรื่องระหว่างเขากับอู่เวยเมื่อคืนนี้ให้หลินยวนฟัง ไม่มีการปิดบังแม้แต่น้อย คล้ายว่าเขาเป็นเพื่อนสนิทอย่างไรอย่างนั้น

หลินยวนพบว่าคนผู้นี้ชอบพูดมากจริงๆ เอาแต่พูดเรื่องพวกนี้ไม่เบื่อหรือไง? เขาพบว่าชีวิตของคนคนนี้นอกจากเรื่องผู้หญิงแล้วก็คล้ายจะไม่มีความต้องการอย่างอื่นเลย เป็นคนที่มุ่งมั่นกับเรื่องแบบนี้จริงๆ

หลินยวนไม่เข้าใจว่าทำไมกลับมายังเมืองปู๋เชวี่ยแล้วยังต้องมาเจอกับตัวประหลาดแบบนี้ด้วย?

หลังนั่งฟังด้วยใบหน้าเรียบเฉยอยู่ครู่หนึ่ง หลินยวนก็บอกเขาตรงๆ ว่าจะบำเพ็ญเพียร ไม่ให้เขารบกวน ก่อนจะไล่เขาออกไป

ก่อนจะเดินออกจากประตูไป หลัวคังอันส่ายหน้าพลางถอนใจ ภายในใจคิดว่าชีวิตของหลินยวนนั้นช่างน่าเบื่อจริงๆ

……..

ภายในห้องมืดบนไนต์คลับ พานหลิงอวิ๋นมาเยือนอีกครั้ง เธอนั่งลงตรงข้ามเจ้าหยวนเฉินพลางกล่าวถามว่า “ว่ามา มีเรื่องอะไรถึงต้องเรียกฉันมาที่นี่ให้ได้?”

เจ้าหยวนเฉินกล่าวว่า “เรื่องของเสวี่ยหลานสืบได้ความแล้ว”

พานหลิงอวิ๋นตาเป็นประกาย กล่าวถามว่า “เป็นยังไง?”

เจ้าหยวนเฉินยิ้ม “บอกแผนของเธอมาก่อน แล้วฉันค่อยบอกเรื่องที่สืบมาได้”

พานหลิงอวิ๋นเองก็ยิ้มออกมา “เอาไว้แผนสำเร็จแล้ว นายก็จะรู้เอง”

สีหน้าของเจ้าหยวนเฉินคร่ำเคร่งทันที “นังทอม ไม่มีใครเขาทำงานด้วยกันแบบนี้หรอกนะ คิดว่าฉันเป็นคนใช้เหรอ?”

พานหลิงอวิ๋นเองก็ไม่พูดจาพร่ำเพรื่อ ล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา กดโทรไปยังเบอร์เบอร์หนึ่ง จากนั้นเอาโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “คุณลุงโจวคะ นี่หนูเองนะคะ ใช่ค่ะ ทางนี้ราบรื่นดีค่ะ เพียงแต่คนจากตระกูลของคุณลุงคนนั้นเหมือนจะไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าไร จะให้หนูบอกเรื่องแผนการให้ได้ ค่ะ ได้ค่ะ” กล่าวจบก็ยื่นมือถือมา บอกให้เจ้าหยวนเฉินรับสาย

เจ้าหยวนเฉินทั้งตกใจทั้งสงสัย ค่อยๆ ยื่นมือไปรับโทรศัพท์มือถือมา ก่อนจะวางไว้ข้างหูแล้วกล่าวว่า “ฮัลโหล”

ในโทรศัพท์มีเสียงผู้ชายที่ฟังดูสุขุมเยือกเย็นดังขึ้นมา “ฉันเอง”

โจวหยวนเฉินได้ยินก็รู้ว่าเป็นโจวหม่านเชาผู้เป็นประธานของหอการค้าตระกูลโจว จึงรีบกล่าวว่า “คุณน้า ตระกูลพานใช้ไม่ได้เลยครับ…”

โจวหม่านเชาพูดตัดบทเขา “เธอบอกแผนการของเธอกับทางตระกูลโจวของเราแล้ว ฉันรู้แล้ว แกไม่ต้องไปถามอีก ขอเพียงเป็นเรื่องที่อยู่ภายในขอบเขตก็ทำตามที่เธอบอกไปซะ”

สีหน้าของเจ้าหยวนเฉินแข็งทื่อไปเล็กน้อย สุดท้ายกล่าวเสียงอ่อนว่า “ครับ เข้าใจแล้วครับ”

อีกฝ่ายวางสายไปแล้ว เขากัดฟันเล็กน้อย โยนโทรศัพท์มือถือกลับไป จากนั้นพลันตบโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน มองพานหลิงอวิ๋นด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว

พานหลิงอวิ๋นยิ้มเยาะ ส่ายโทรศัพท์ไปมา “ถ้าฟังไม่เข้าใจล่ะก็ ฉันโทรหาคุณน้าของนายใหม่ได้นะ ให้เขาอธิบายให้นายฟังอีกครั้งหนึ่งเอาไหม?”

เจ้าหยวนเฉินกล้ำกลืนความโกรธแล้วนั่งลง สายตาที่มองดูพานหลิงอวิ๋นคล้ายเคียดแค้นจนอยากจะฆ่าอีกฝ่าย เขาบากหน้าไปขอรับผิดชอบเรื่องนี้ แต่ผลสุดท้ายกระทั่งแผนการสุดท้ายก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นอย่างไร นี่มันหมายความว่าอย่างไร? กลัวเขาจะทำความลับหลุดออกไปเลยเขี่ยเขาออกมาเหรอ?

“นังทอม อย่าย่ามใจเกินไป สักวันเธอจะต้องเสียใจ” เจ้าหยวนเฉินยิ้มเย็นชาพลางกล่าว ฝืนกล้ำกลืนความโกรธแค้นเอาไว้

พานหลิงอวิ๋นกล่าว “อย่างนั้นเอาไว้ฉันนึกเสียใจแล้วค่อยว่ากันนะ ความจริงเนี่ยนะ นายไม่จำเป็นต้องโกรธเลย หลังฉันรายงานเรื่องแผนการไปแล้ว ก็มีแค่ฉัน พ่อฉัน แล้วก็น้าของนายเท่านั้นที่รู้ ไม่มีคนที่สี่ที่รู้เรื่องนี้ เรื่องที่ไม่ให้บอกเรื่องนี้กับคนอื่นก็เป็นความคิดของน้านาย จะมาโทษฉันไม่ได้ เอาล่ะ เหลือเวลาไม่มากแล้ว อย่าเสียเวลากันอีกเลย เข้าเรื่องกันเถอะ สืบได้ความว่ายังไงบ้าง?”

เจ้าหยวนเฉินไม่อยากบอกเธอเลยจริงๆ แต่ว่าจนปัญญา จึงได้แต่ต้องเก็บความโกรธแค้นเอาไว้ กล่าวว่า “ยืนยันแล้ว หลัวคังอันคนนั้นชอบเสวี่ยหลานจริงๆ ไปที่ไหนก็แขวนรูปเสวี่ยหลานเอาไว้ เหตุผลเป็นเพราะทั้งสองคนเหมือนจะรู้จักกัน ส่วนรายละเอียดหลัวคังอันไม่ยอมพูด”

“ดี นายระวังทางนี้เอาไว้หน่อยแล้วกัน เก็บกวาดปัญหาที่เหลือให้หมด” พานหลิงอวิ๋นกล่าวจบก็ลุกขึ้นเดินจากไป

กระทั่งเธอหายไปแล้ว เจ้าหยวนเฉินตบโต๊ะดังปังอีกครั้ง! ความแค้นยังคงไม่จางหายไป

หลังนั่งนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่ง เฉาลู่ผิงก็เดินเข้ามา เมื่อเห็นสีหน้าเขาดูไม่ดี เฉาลู่ผิงจึงกล่าวถามว่า “มีอะไรเหรอ?”

เจ้าหยวนเฉินไหนเลยจะยอมบอกเขาว่าเกิดอะไรขึ้น จึงเปลี่ยนประเด็นไปว่า “นักเต้นผู้หญิงคนนั้นเก็บเอาไว้ไม่ได้ ทำให้เธอหายไปซะ เก็บกวาดให้สะอาดหน่อยล่ะ”

เฉาลู่ผิงตอบรับ “วางใจได้ เรื่องนี้ง่ายมาก เดี๋ยวเธอจะลางาน ไม่มีใครหาเธอเจออีก”

……

ไม่ง่ายเลยกว่าจะทนถึงเวลาเลิกงานได้ หลินยวนคิดว่าหลัวคังอันผู้นั้นจะต้องมาหาตนอีกแน่ ตัวเขาหาข้ออ้างบอกปัดอีกฝ่ายจนรู้สึกเบื่อแล้ว จึงชิงออกไปจากห้องก่อน เดินขึ้นไปยังห้องทำงานของฉินอี๋เพื่อเตรียมทำความสะอาด

แล้วก็เป็นอย่างที่คิดไว้ ยังไม่ทันจะขึ้นไปถึงห้องทำงานของฉินอี๋ หลัวคังอันก็โทรมาหาเขา บอกว่าจะเป็นเจ้ามืออีก จะลากให้หลินยวนไปเที่ยวด้วยกัน

หลินยวนตอบไปว่า ‘มีธุระ’ จากนั้นวางสายไป

แต่หลังได้พบไป๋หลิงหลง เขาก็ไม่มีธุระแล้ว เพราะฉินอี๋ต้องไปรับรองแขกหลังเลิกงาน วันนี้จึงไม่ต้องทำความสะอาด

ฉินอี๋เองก็ถือว่าเป็นคนที่ยุ่งอย่างมาก มีเรื่องให้เธอต้องจัดการทั้งในและนอกบริษัท จึงไม่มีทางที่จะคอยเฝ้าหลินยวนทำความสะอาดได้ตลอด

หลินยวนรู้สึกสบายใจ จึงเลิกงานก่อนเวลา ขี่มอเตอร์ไซค์โต้ลมออกมา

ระหว่างทาง รถที่แล่นผ่านไปคันหนึ่งบีบแตร หลินยวนเหลียวหน้ากลับไปมอง ก่อนจะเห็นหลัวคังอันยื่นศีรษะออกมาจากในหน้าต่าง ส่งเสียงตะโกนเรียก “เฮ้ มาทำอะไรที่นี่? นายจะไปไหน?”

จูเก่อม่านที่นั่งข้างคนขับก็ยื่นศีรษะมองมาทางนี้เช่นกัน

หลินยวนไม่พูดพร่ำทำเพลง หักเลี้ยวมอเตอร์ไซค์ พุ่งเข้าไปในป่าข้างทางแล้วหนีไปทันที

โครม! รถของหลัวคังอันเองก็พุ่งลงข้างทางเช่นกัน หัวรถชนเข้ากับต้นไม้ต้นหนึ่ง จูเก่อม่านที่นั่งอยู่ในรถตกใจจนส่งเสียงกรีดร้องออกมา

หลัวคังอันใช้พลังดึงให้รถถอยกลับขึ้นมาบนถนน จากนั้นเปิดประตูลงจากรถ เดินมาตรงด้านหน้าเพื่อดูรอยชน จากนั้นสองมือเท้าเอว ยืนอยู่ข้างทางมองดูทิศทางที่หลินยวนหายไป ปากบ่นงึมงำขึ้นมาทันที รู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก

……

ภายในคฤหาสน์ตระกูลฉินมีของเล่นชิ้นใหม่ ฉินเต้าเปียนและหลิ่วจวินจวินกำลังยืนอยู่ข้างโต๊ะบิลเลียด ท่าทางสนุกสนานเหมือนคนเพิ่งหัดเล่น

ตึง! หลิ่วจวินจวินโน้มตัวแทงลูกบิลเลียดลงหลุมไปอย่างแม่นยำ

ฉินเต้าเปียนหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อยทันที “ฉันว่านะ เธอจะใช้พลังเล่นแบบนี้ไม่ได้ แบบนั้นมันไม่สนุกเลย”

หลิ่วจวินจวินกรอกตาใส่เขา “เอาชนะคุณต้องใช้พลังด้วยเหรอ?” ก่อนจะยืดตัวหามุมแทงต่อ

ในเวลานี้เอง ไป๋ซานเป้าที่เป็นพ่อบ้านก็เดินเข้ามา เห็นทั้งสองคนกำลังเล่นกันอยู่ จึงยิ้มพลางกล่าวว่า “นายท่าน คุณผู้หญิง ถึงเวลาทานข้าวแล้วครับ”

ฉินเต้าเปียนจ้องมองโต๊ะบิลเลียด กล่าวถามว่า “ลูกอี๋ยังไม่กลับมาอีกเหรอ?”

ไป๋ซานเป้ากล่าวว่า “มีแขกจากนอกเมืองมา คุณหนูเลยไปเลี้ยงต้อนรับด้วยตัวเองครับ”

ตึง หลิ่วจวินจวินแทงพลาด ฉินเต้าเปียนรีบยกไม้ลงสนาม ในตอนที่โน้มตัวเล็งลูก เขาก็กล่าวออกมาประโยคหนึ่งว่า “เหล่าไป๋ ช่วงนี้เฉาลู่ผิงคนนั้นไม่ได้มาหานายเหรอ?”

ไป๋ซานเป้าชะงักไปเล็กน้อย กล่าวว่า “เปล่าครับ”

ตึง! ฉินเต้าเปียนยิงพลาด จึงลุกขึ้นเปิดทางให้หลิ่วจวินจวิน “ช่วงนี้เขาค่อนข้างใกล้ชิดกับหลานนอกของตระกูลโจวคนนั้นนะ”

ไป๋ซานเป้ากล่าว “ผมทราบครับ”

ฉินเต้าเปียนค้ำไม้บิลเลียดลงกับพื้น “อาจจะกำลังก่อเรื่องได้ ถึงยังไงนายก็เคยเป็นอดีตหัวหน้าของเขา มีเรื่องอะไรแล้วไม่มาพูดกับนาย แบบนี้มันใช้ไม่ได้ แบบนี้เท่ากับว่าไม่เห็นนายอยู่ในสายตา ถ้านายคุมไม่อยู่ ฉันก็จะล้มโต๊ะแล้วนะ ให้ไอพวกที่อยู่ใต้โต๊ะได้เห็นดีบ้าง”

ไป๋ซานเป้าเหลือบมองไปทางหลิ่วจวินจวินเล็กน้อย รู้ว่าในมือผู้หญิงคนนี้มีคนกลุ่มหนึ่งอยู่ น่าจะสืบได้ความอะไรบางอย่างมา จึงรีบโค้งตัวทันที “ไม่จำเป็นต้องลำบากถึงนายท่าน เดี๋ยวกระผมไปจัดการเองครับ”

ฉินเต้าเปียนกล่าว “เรื่องนี้นายเองก็รู้ ดูความเคลื่อนไหวไปก่อน ตระกูลโจวน่าจะลงมือแล้ว ในเรื่องธุรกิจแล้ว ที่นี่คือถิ่นของตระกูลฉิน เฉาลู่ผิงจะมาข้ามหัวกันแบบนี้ไม่ได้ กินบนเรือนขี้รดบนหลังคายิ่งไม่ได้ สำนึกผิดตอนนี้ยังทัน นายก็ให้โอกาสเขาได้แก้ไขตัวเองซะ ใช้ความชอบลบล้างความผิด!”

ไป๋ซานเป้ากล่าว “ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้ครับ”

ฉินเต้าเปียนพยักหน้า ก่อนจะโค้งตัวแทงบิลเลียดต่อ

ไป๋ซานเป้าหมุนตัวเดินออกไปทันที เดินออกมาจากประตูด้วยใบหน้าคร่ำเคร่ง เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ติดต่อคนคนหนึ่ง “ไปสืบมาหน่อยว่าเฉาลู่ผิงอยู่ที่ไหน ด่วน!”

หลังวางโทรศัพท์ก็สั่งให้คนไปเอารถมาคันหนึ่ง ก่อนจะขึ้นไปนั่งบนรถแล้วขับออกไปจากคฤหาสน์ตระกูลฉิน

……

หลินยวนที่ขี่มอเตอร์ไซค์เหลือบมองไปด้านข้างอยู่สองสามครั้ง คอยมองกระจกหลังเป็นระยะ ในตอนที่ขี่มาถึงปากทางแยกที่อยู่ตรงหน้า สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจวกกลับไปที่โรงอีหลิว

หลินยวนขี่รถตรงกลับเข้ามาในโรงอีหลิว ก่อนจะเห็นจางเลี่ยเฉินกำลังกวนทัพพีต้มโจ๊กอยู่หน้าหม้อตุ๋นใบหนึ่ง โจ๊กส่งกลิ่นหอมไปทั่ว

หลินยวนจอดรถแล้วเดินเข้ามา นั่งลงข้างๆ เขา

จางเลี่ยเฉินเหลือบมอง ยิ้มพลางกล่าวว่า “วันนี้กลับมาเร็วนี่”

หลินยวนนิ่งเงียบไปครู่ จู่ๆ พลันกล่าวถามว่า “ลุงเฉิน ถ้าจะให้ลุงเปลี่ยนที่อยู่ ลุงจะยอมหรือเปล่า?”

จางเลี่ยเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงเนิบช้า “ก็ต้องไม่ยอมสิ อยู่ตรงนี้ดีๆ จะย้ายทำไมให้เหนื่อย อยู่ในเมืองปู๋เชวี่ยมาหลายปี ทั้งถนนทั้งเพื่อนบ้างต่างก็เคยชินไปแล้ว ไม่อยากไปเริ่มใหม่”

หลินยวนกล่าว “แล้วถ้ามีสักวันที่จำเป็นต้องไปล่ะ?”

จางเลี่ยเฉินกล่าว “ทำไมถึงจำเป็นต้องไป ฟ้าจะถล่มเหรอ? อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดไป”

……………………………………………………..

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท