ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 91 สำนักงานเลขาธิการกลาง

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 91 สำนักงานเลขาธิการกลาง

กลุ่มคนไปปรากฏตัวอีกครั้งภายในอุโมงค์เคลื่อนย้ายแห่งหนึ่ง โดยอุโมงค์เคลื่อนย้ายแห่งนี้เป็นหนึ่งในสามอุโมงค์เคลื่อนย้ายของเมืองคุนกว่างซึ่งเป็นศูนย์กลางของแคว้นเซียนคุนกว่าง

เมืองปู๋เชวี่ยมีอุโมงค์เคลื่อนย้ายเพียงหนึ่งแห่ง แต่ที่นี่มีสามแห่ง

ฟ้าเพิ่งมืดลง ดวงดาวพร่าวพราวเต็มท้องฟ้า มีคนมานำทาง ขบวนรถของฉินอี๋เคลื่อนตัวออกไปเป็นแถวยาว ฉินอี๋เพียงลืมตาเล็กน้อย จากนั้นก็หลับตาพักผ่อนต่อ

เมื่อออกมาจากพื้นที่ของอุโมงค์เคลื่อนย้าย ขบวนรถพลันหยุดลง ประตูรถของฉินอี๋เปิดออก ไป๋หลิงหลงมุดเข้ามา เข้าไปนั่งอยู่ข้างๆ ฉินอี๋ จากนั้นขบวนรถเดินหน้าต่อ

ไป๋หลิงหลงกล่าวว่า “ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้วค่ะ”

เธอมาถึงก่อนแล้ว มาถึงที่นี่ตั้งแต่เมื่อสองวันก่อน มาทำการตรวจสอบและเตรียมการ หรือพูดอีกอย่างคือเดินทัพล่วงหน้า

ฉินอี๋หลับตาพลางกล่าวถามว่า “หอการค้าที่เข้าร่วมการประมูลมีการเปลี่ยนแปลงไหม?”

ไป๋หลิงหลงกล่าวว่า “มีหอการค้าสี่แห่งถอนตัวออกไปค่ะ ในดินแดนเซียนมีหอการค้าที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเทพมหาวิญญาณทั้งหมดสองร้อยเจ็ดแห่ง ในนั้นมีอยู่ห้าสิบเอ็ดแห่งที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับข่ายพลัง หอการค้าที่เข้าร่วมการประมูลมียี่สิบแปดแห่ง ถอนตัวออกไปสี่ ยังเหลืออยู่ยี่สิบสี่แห่ง ตอนนี้มีหอการค้าสิบสามแห่งที่เดินทางมาถึงแล้ว รวมทั้งเราด้วย หอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจวก็อยู่ในนี้ด้วยค่ะ พานชิ่งกับโจวหม่านเชามาถึงแล้ว กำลังเดินทางไปคารวะเจ้าหน้าที่เซียนต่างๆ อยู่ค่ะ”

ฉินอี๋ลืมตาขึ้นมา มองออกไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืนทางด้านนอกหน้าต่าง “ซุนฉีซั่งได้สั่งอะไรมาไหม?”

ซุนฉีซั่ง เจ้าหน้าที่เซียนระดับสี่แห่งแคว้นเซียนคุนกว่าง ระดับไม่อาจเทียบลั่วเทียนเหอได้ แต่ก็อยู่ในระดับเดียวกับเจ้าเมือง เป็นหนึ่งในห้าเลขาธิการใหญ่แห่งห้าภูมิภาคของแคว้นเซียนคุนกว่าง

ห้าเลขาธิการใหญ่ พูดง่ายๆ ก็คือผู้ช่วยห้าคนของเจ้าแคว้นหนานหรู คอยช่วยหนานหรูจัดการงานต่างๆ

ที่ผ่านมาซุนฉีซั่งผู้นี้มีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวกับหอการค้าตระกูลฉิน ค่อนข้างใกล้ชิดสนิทสนม ส่วนเลขาธิการใหญ่อีกสี่คนที่เหลือนั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีกับหอการค้าตระกูลพานและหอการค้าตระกูลโจว

เมื่อมีหอการค้าตระกูลพานและหอการค้าตระกูลโจวคอยขัดขวาง หอการค้าตระกูลฉินจึงเข้าไปตีสนิทเลขาธิการอีกสี่คนได้ยาก

หากมิเป็นเพราะซุนฉีซั่งไม่ค่อยถูกกับเลขาธิการอีกสี่คนเท่าไร เกรงว่าซุนฉีซั่งผู้นี้ก็คงไม่อยากจะใกล้ชิดสนิทสนมกับหอการค้าตระกูลฉินมากนัก

ในทางกลับกัน ก็เป็นเพราะเลขาธิการใหญ่ทั้งสี่คนนั้น หอการค้าตระกูลโจวและหอการค้าตระกูลพานจึงไม่สะดวกที่จะเข้าใกล้ซุนฉีซั่งเช่นเดียวกัน เรียกได้ว่าต้องรักษาระยะห่างเอาไว้ พยายามไม่ล่วงเกินซุนฉีซั่ง

แต่ในแง่หนึ่งแล้ว การที่รักษาระยะห่างมันก็คือการล่วงเกินอย่างหนึ่งแล้ว นี่จึงทำให้ซุนฉีซั่งมีเหตุผลที่จะใกล้ชิดกับหอกาค้าตระกูลฉิน

สำหรับหอการค้าตระกูลฉินแล้ว โชคดีที่ซุนฉีซั่งนั้นเป็นเลขาธิการภาคกลางพอดี หน้าที่สำคัญคือรับผิดชอบดูแลเรื่องราวในศูนย์กลางของแคว้นเซียนคุนกว่าง เรื่องราวหลักๆ ที่เขารับผิดชอบก็อยู่ภายใต้การจับตามองของเจ้าแคว้นหนานหรู ถือได้ว่าเป็นคนที่มีสถานะสูงกว่าคนอื่นๆ อีกสี่คน

แล้วก็เป็นเพราะมีสถานะสูงกว่าคนอื่นเล็กน้อย จึงทำให้เลขาธิการอีกสี่คนไม่ค่อยยอมรับสักเท่าไร

ไป๋หลิงหลงยิ้มเจื่อนพลางกล่าวว่า “ซุนฉีซั่งไม่ค่อยให้ความสำคัญกับฉันเท่าไรค่ะ ฉันไปเยี่ยมเขา ลูกน้องเขาแจ้งว่ากำลังยุ่งอยู่ เกรงว่าคงต้องให้ท่านประธานเป็นคนไปเยี่ยมเองค่ะ คืนนี้เขาอยู่ที่สำนักงานเลขาธิการกลางค่ะ”

ฉินอี๋กล่าว “ไปสำนักงานเลขาธิการกลาง”

เมื่อระบุทิศทางแล้ว ขบวนรถก็เร่งความเร็วทันที

หลังเข้ามายังเมืองคุนกว่างแล้ว รถส่วนใหญ่ก็แยกออกจากขบวนรถอีกครั้ง ไปทำการสำรวจที่พักที่ฉินอี๋จะเข้าพักในเมืองแห่งนี้ก่อน

รถหกคันที่เหลือมุ่งตรงไปยังพื้นที่ใจกลางเมือง เมื่อไปถึงปลายสะพานข้ามคูน้ำแห่งหนึ่ง ขบวนรถก็หยุดเพื่อแจ้งตัวตนและจุดประสงค์ที่มา

หลังทหารยามทำการแจ้งไปแล้ว รถคันอื่นๆ ก็ถูกขวางเอาไว้ มีเพียงรถของฉินอี๋ที่ถูกปล่อยผ่านไป

รถแล่นไปอย่างไม่เร่งร้อน ข้ามสะพานหินขนาดใหญ่ที่ดูน่าวังเวงแห่งหนึ่ง ไอน้ำลอยฟุ้งอยู่รอบด้าน น้ำตกสายแล้วสายเล่าไหลบ่าลงไปในความมืดที่อยู่ใต้คูน้ำ ส่งเสียงดังสนั่น

ด้านนอกหน้าต่างรถมองเห็นงูมีปีกตัวใหญ่ยักษ์พุ่งขึ้นมาจากในคูน้ำตัวแล้วตัวเล่า ก่อนจะม้วนตัวเลื้อยกลับลงไปในคูน้ำอีกครั้ง งูมีปีกจำนวนไม่น้อยกำลังเลื้อยไปมาอยู่ในไอหมอกที่ชุ่มชื้นเหนือคูน้ำ

สะพานหินข้ามคูน้ำทอดตัวยาวไปยังอาคารแห่งหนึ่งที่ดูเหมือนปราสาท นั่นคือสำนักงานเลขาธิการกลาง

บนยอดเขาสูงที่มีแสงอาทิตย์เรืองรองแผ่วบางที่ตั้งอยู่ด้านหลังสำนักงานเลขาธิการกลางคือตำหนักของเจ้าแคว้นหนานหรู ตำหนักคุนกว่าง

ฉินอี๋อยากจะไปคารวะหนานหรูที่ตำหนักคุนกว่าง แต่คนระดับหนานหรูนั้นไม่ได้เห็นเธออยู่ในสายตาเลย การบุกเข้าไปคารวะโดยไร้เหตุผลนั้นกลับจะเป็นการเสียมารยาทอย่างมาก

หลังรถข้ามสะพานหินแล้วมาจอดอยู่ตรงด้านหนึ่งของสำนักงานเลขาธิการกลาง ฉินอี๋และไป๋หลิงหลงก็ลงจากรถ มีคนเข้ามาต้อนรับ

ผู้ที่มาต้อนรับพาพวกเธอไปยังห้องหยกที่สร้างขึ้นมาจากหยกอันเงียบสงบแห่งหนึ่ง มีคนยกชามาให้ ขอให้ทั้งสองคนรอครู่หนึ่ง

ฉินอี๋นั่งรอ ไป๋หลิงหลงยืนกุมมืออยู่ด้านข้าง ทั้งสองคนมิใช่ว่าเพิ่งจะเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก

หลังรอไปได้ครู่หนึ่ง ด้านหลังฉากกั้นภายในห้องก็มีชายชราร่างสูงใหญ่ที่สวมชุดคลุมยาวสีดำคนหนึ่งเดินออกไป ใบหน้าดุดันหน้าเกรงขาม บนผมมีปิ่นหยกปักเอาไว้ เขาก็คือซุนฉีซั่ง

“คารวะท่านเลขาธิการค่ะ” ฉินอี๋รีบลุกขึ้นคารวะ ไป๋หลิงหลงโน้มกายตาม

ซุนฉีซั่งส่งเสียงอืม นั่งลงตรงตำแหน่งประธาน ยื่นมือบอกให้อีกฝ่ายนั่ง จากนั้นเอ่ยเข้าประเด็นตรงๆ ว่า “ตามหลักแล้ว ฉันไม่ควรจะมาถามเรื่องความลับทางธุรกิจ แต่ในเมื่อเธอมาแล้ว อย่างนั้นฉันก็ขอถามหน่อย การประมูลครั้งนี้ เธอพอจะบอกฉันหน่อยได้ไหมว่าหอการค้าตระกูลฉินของพวกเธอมีความมั่นใจเท่าไร?”

ฉินอี๋กล่าว “สามส่วนค่ะ”

เธอไม่ได้พูดความจริง แล้วก็ไม่อาจพูดความจริงได้ เรื่องบางเรื่องนั้นไม่อาจพูดออกไปได้จริงๆ ขอเพียงผลลัพธ์ในท้ายที่สุดเป็นประโยชน์ต่ออีกฝ่าย เรื่องบางเรื่องก็จำเป็นต้องพูดโกหก

ถ้าพูดความจริงออกไปแล้วกลับเป็นผลเสียต่อหอการค้าตระกูลฉิน นั่นก็ยิ่งไม่จำเป็นต้องพูด

เหตุผลนั้นเป็นเพราะว่ายังมีหอการค้าที่มีอิทธิพลมากกว่าหอการค้าตระกูลฉินเข้าร่วมในการประมูลครั้งนี้ด้วย เธอไม่อาจมั่นใจได้ว่าซุนฉีซั่งจะช่วยหอการค้าตระกูลฉินเพียงแห่งเดียว

สามส่วน? ซุนฉีซั่งขมวดคิ้วขึ้นมา ความเป็นไปได้ต่ำอย่างมาก “ถ้าล้มเหลว แล้วธุรกิจของหอการค้าตระกูลฉินของพวกเธอจะยังดำเนินต่อไปได้เหรอ?”

เขาไม่อยากให้หอการค้าตระกูลฉินพังทลาย เขาอยู่ในตำแหน่งนี้ ถึงแม้จะไม่เคยรับสิ่งของใดๆ จากหอการค้าตระกูลฉิน แต่เขาก็ถูกกฎระเบียบของสภาเซียนผูกมัดเอาไว้ บางเรื่องทำได้ บางเรื่องทำไม่ได้ ทรัพย์สินความมั่งคั่งของหอการค้าตระกูลฉินมีค่าสำหรับเขาในระดับหนึ่งอยู่

รากฐานของหอการค้าตระกูลฉินอยู่ในเมืองปู๋เชวี่ย แต่ธุรกิจของพวกเขากลับกระจายออกไปทั่ว นี่ไม่ใช่สิ่งที่ลั่วเทียนเหอจะสามารถช่วยได้ ถ้าไม่เป็นเพราะมีซุนฉีซั่งคอนสนับสนุนอยู่ หอการค้าตระกูลฉินคงไม่สามารถทนรับมือการเล่นงานจากหอการค้าตระกูลพานและหอการค้าตระกูลโจวได้

ฉินอี๋กล่าวเตือนขึ้นมาอีกครั้ง “เหมืองแร่หินวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินกำลังจะหมดลงแล้วค่ะ ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน”

ความหมายของคำพูดนี้คือถึงจะไม่พังทลายลงในครั้งเดียว แต่ก็คงทนไม่ได้นานเหมือนกัน

ซุนฉีซั่งกล่าว “ในเมื่อไม่มีความมั่นใจ แล้วทุ่มทุกอย่างแบบนี้มันมีประโยชน์หรือ?”

ฉินอี๋กล่าว “ถึงแม้โอกาสจะน้อย แต่เราสามารถใช้อ่อนพิชิตแข็ง ใช้สติปัญญาปรับเปลี่ยนแก้ไขไปตามสถานการณ์ได้ ไม่ใช่ว่าไม่มีโอกาสไปเสียทีเดียว แต่หอการค้าตระกูลพานและหอการค้าตระกูลโจวคอยจ้องจะเล่นงานอยู่ กลัวก็แต่สองตระกูลนี้จะเล่นลูกไม้อะไร ฉินอี๋หวังเพียงจะได้สู้กันอย่างยุติธรรมค่ะ”

ซุนฉีซั่งแค่นเสียงเหอะออกมา “เรื่องนี้เธอไม่ต้องเป็นห่วง ในเมืองคุนกว่างแห่งนี้ พวกเขามาเหิมเกริมไม่ได้หรอก พวกเธอทำงานของพวกเธอไป ทางนี้จะคอยดูอย่างเต็มที่ ถ้าสองตระกูลนั้นกล้าเล่นลูกไม้อะไร ฉันรับรองว่าพวกเขาไม่มีทางชนะการประมูลแน่!”

ฉินอี๋ลอบยิ้มเจื่อน หลังจากหอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจวเจรจาไม่สำเร็จ เกรงว่าทั้งสองตระกูลคงไม่คิดที่จะเอาชนะแล้ว พวกเขาคงคิดเพียงแต่ว่าจะทำให้หอการค้าตระกูลฉินพ่ายแพ้ให้ได้ ไม่อยากให้หอการค้าตระกูลฉินเผยอหน้าขึ้นมามีอิทธิพลเหนือพวกเขาได้เท่านั้น

แต่เธอยังคงกล่าวขอบคุณเลขาธิการออกไป จากนั้นกล่าวถามอีกว่า “ท่านเลขาธิการค่ะ รายละเอียดการประมูลประกาศออกมาหรือยังคะ?”

ซุนฉีซั่งส่ายศีรษะ “การประมูลครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องของแคว้นเซียนคุนกว่างเพียงแคว้นเดียว หากแต่เป็นเรื่องของทั้งดินแดนเซียน กลุ่มอำนาจที่เข้าร่วมการประมูลครั้งนี้มีจำนวนเยอะมาก หากทำการร่างรายละเอียดออกมาก่อน เกรงว่าจะถูกคนเล่นลูกไม้สกปรกอะไรได้ง่าย จนถึงตอนนี้ท่านเจ้าแคว้นยังไม่ทำการตัดสินใจออกมาเลย สงสัยคงจะทำการตัดสินใจออกมาตอนที่การประมูลกำลังจะเริ่มขึ้นนั่นแหละ”

ทั้งสองหนึ่งถามหนึ่งตอบ พูดคุยกันเป็นเวลาครึ่งชั่วยามเต็ม ฉินอี๋ถึงจะขอตัวลา หลายๆ เรื่องมีซุนฉีซั่งเปิดเผยให้ฟัง เรียกได้ว่าได้ข้อมูลไปเยอะมาก

หลังออกมาจากสำนักงานเลขาธิการกลาง ฉินอี๋ก็ตรงไปยังค่ายผู้พิทักษ์เทพ เมื่อมีซุนฉีซั่งคอยดูแล การเข้าออกภายในค่ายก็ถือว่าสะดวกสบาย

เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินถูกนำมาเก็บเอาไว้ในค่ายผู้พิทักษ์แห่งนี้ ในเมืองแห่งนี้มีค่ายผู้พิทักษ์เทพสี่แห่ง ซุนฉีซั่งได้ทำการแบ่งค่ายทางเหนือให้เป็นสถานที่เก็บเทพมหาวิญญาณของผู้ที่เข้าร่วมการประมูล

หลินยวน หลัวคังอันและพนักงานซ่อมบำรุงถูกขังเอาไว้ที่นี่ กินนอนอยู่ที่นี่

ประตูโรงเก็บเปิดออก ฉินอี๋เดินเข้ามา หยุดฝีเท้าอยู่ตรงหน้าประตูโรงเก็บ แต่งตัวดูทะมัดทะแมง เงยหน้ามองดู ‘ยักษ์’ ที่ยืนเงียบสงบตนนั้น

ฉินอี๋ที่ยืนตัวเล็กจ้อยอยู่ใต้แสงไฟเผชิญหน้ากับยักษ์ ไม่อาจเทียบกันได้

ฉินอี๋นิ่งเงียบอยู่ครู่ใหญ่ คล้ายกำลังทำการสนทนาแบบไม่มีเสียงอยู่กับเทพมหาวิญญาณ เงยหน้ามองอยู่เป็นเวลานาน คนที่อยู่ข้างๆ ก็ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่

หลินยวนที่นั่งอยู่บนบันไดด้านหนึ่งเหลียวหน้ามองดูเธอ ภายในใจเกิดความรู้สึกทอดถอนใจอีกครั้ง เธอเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ เพียงแค่กิริยาท่าทางในเวลานี้ก็แตกต่างไปจากตัวเธอเมื่อในอดีตเป็นคนละคน

เทพมหาวิญญาณถูกส่งผ่านอุโมงค์เคลื่อนย้าย ไม่รู้ว่าได้รับผลกระทบอะไรหรือบ้าง พนักงานซ่อมบำรุงกำลังทำการตรวจสอบเทพมหาวิญญาณแบบเต็มรูปแบบอยู่ เปิดใช้งานข่ายพลังภายในตัวเทพมหาวิญญาณอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ร่างกายที่ใหญ่โตมโหฬารของเทพมหาวิญญาณได้ทำการตรวจสอบตัวเอง ตรวจดูว่าข่ายพลังที่อยู่ด้านในและด้านนอกและร่างกายทั้งด้านในและด้านนอกมีปัญหาใดๆ เกิดขึ้นหรือไม่

เมื่อเห็นวิธีการตรวจสอบแบบนี้ หลินยวนก็เกิดความรู้สึกอึดอัดจนแทบจะทนไม่ไหว ตรวจไปตรวจมา แต่กลับไม่เจอกล้องวงจรปิดที่จูลี่ติดตั้งเอาไว้ เขาอยากจะเข้าไปเตือนพวกเขาจริงๆ ว่าต้องถ่ายพลังเข้าไปตรวจสอบทุกตารางนิ้วในร่างกายของเทพมหาวิญญาณ

แต่เขาเองก็รู้ว่าวิธีการตรวจสอบที่พนักงานซ่อมบำรุงกำลังทำอยู่นี้ต่างหากถึงจะเป็นวิธีที่ถูกต้องที่สุดและได้มาตรฐานที่สุด เป็นวิธีที่จะมั่นใจได้มากที่สุดว่าเทพมหาวิญญาณจะไม่มีปัญหา

แต่สิ่งสำคัญคือการกระทำของจูลี่ไม่ได้สร้างปัญหาใดๆ ให้แก่เทพมหาวิญญาณ

แล้วก็เสวี่ยผู้นั้นทำอะไรกันแน่?

เขาพูดได้เต็มปากเลยว่าเสวี่ยหลานจะต้องทำอะไรในตัวเทพมหาวิญญาณอย่างแน่นอน แต่ตอนที่อยู่ในเมืองปู๋เชวี่ย เขาเคยทำการตรวจสอบเทพมหาวิญญาณซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้งแล้ว ทว่าก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ

รู้แต่กลับไม่อาจพูดออกไปได้ แต่เขาเองก็ไม่อยากให้หอการค้าตระกูลฉินชนะการประมูลเช่นกัน นี่ทำให้ภายในใจเขาเกิดความรู้สึกขัดแย้ง

ข่ายพลังในร่างเทพมหาวิญญาณหยุดทำงาน ชายคนหนึ่งกระโดดลงมา เดินมาตรงหน้าฉินอี๋พลางกล่าว “ทุกอย่างปกติ ไม่มีปัญหาอะไรครับ”

ฉินอี๋พยักหน้าเล็กน้อย ขณะที่กำลังหมุนตัวไป สายตาพลันเหลือบไปเห็นหลินยวนที่กำลังทำมือวนไปวนมาอยู่บนบันได ท่าทางที่ดูไร้น้ำยาของเขาทำให้เธอขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย นึกอยากจะเดินเข้าไป แต่เมื่อเห็นหลัวคังอันที่พยักหน้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แล้วก็มองดูคนอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ สุดท้ายเธอก็รีบเดินจากไป

ไป๋หลิงหลงมองตามฉินอี๋ไป หลังมองเห็นท่าทางที่ไม่เป็นโล้เป็นพายของหลินยวน เธอเองก็อดลอบถอนใจไม่ได้ ท่าทางที่ทำให้ฉินอี๋ผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า กระทั่งตัวเธอก็ยังทนมองดูต่อไปไม่ไหว ทำให้เธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเลยจริงๆ เธออยากจะวิ่งไปตรงหน้าหลินยวนแล้วพูดกับเขาว่าผู้หญิงคนหนึ่งลำบากลำบนสนับสนุนนายถึงขนาดนี้ แต่นายก็ยังเอาแต่ใช้ชีวิตไปวันๆ แบบนี้ ไม่รู้สึกละอายใจบ้างเหรอ?

แต่เธอจะไปพูดอะไรได้? เธอไม่มีสิทธิ์พูดอะไร ทำได้เพียงหมุนตัวแล้วเดินตามฉินอี๋ออกไป

กระทั่งพวกเธอเดินออกไปแล้ว หลัวคังอันก็เดินอาดๆ มานั่งลงข้างหลินยวน กล่าวถามเสียงเบาๆ ว่า “นายว่าหอการค้าตระกูลฉินจะชนะไหม?”

หลินยวนกล่าว “ไม่รู้”

หลัวคังอันอึกอักคล้ายอยากจะพูดอะไร เขาอยากจะบอกวิธีเอาตัวรอดแก่หลินยวน ตอนนี้เขาได้วางแผนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ทันทีที่มีอันตราย เขาจะไม่เสี่ยงชีวิต หากแต่จะหนีเอาชีวิตรอด ขอเพียงเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินพังลง ตามหลักแล้วคู่ต่อสู้ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องฆ่าพวกเขา

แต่การกล่าวคำพูดนี้ในตอนนี้เหมือนจะไม่เหมาะสักเท่าไร พอคิดๆ ดูแล้วก็ตัดสินใจว่าถึงตอนนั้นค่อยพูดก็ยังไม่สาย

เป็นพี่น้องกัน จะหนีก็หนีด้วยกัน แม้นไม่อาจพูดได้ว่าเขาทำไปเพื่อหาแพะรับบาป แต่อย่างน้อยเขาก็กำลังหาผู้ช่วยในการเอาตัวรอด

…………………………………………..

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน