ตอนที่ 105 เต็มไปด้วยรอยบาดแผล
หมายความว่ายังไง? ไม่เข้าใจโว้ย!
หลัวคังอันไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายให้ตัวเองจำเรื่องพวกนี้ไปทำไม ตอนนี้สิ่งที่เขากังวลคือเรื่องตรงหน้า กำลังกังวลเรื่องความอันตรายที่น่าหวาดกลัวนี่
แต่เขาก็ไม่กล้าโต้แย้งอะไรหลินยวน “น้องหลินพูดถูก เป็นฉันที่โง่เอง น้องหลินเข้าใจก็พอ เดี๋ยวฉันค่อยๆ ทำความเข้าใจเอา”
หลินยวนที่กำลังหลบการโจมตีของหอการค้าตระกูลฉวี่กล่าวต่อว่า “คนที่ลงทำการประมูลให้หอการค้าตระกูลฉินในวันนี้ไม่ใช่ฉัน แต่เป็นนายหลัวคังอัน ก่อนหน้านี้เป็นนาย ตอนนี้ก็เป็นนาย หลังจากนี้ก็เป็นนาย ฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ฉันยังคงเป็นฉันเหมือนอย่างเมื่อก่อนนี้ ถ้ามีคนอื่นรู้ว่าเป็นฝีมือฉัน นายหิ้วหัวมาหาฉันได้เลย!”
“….” หลัวคังอันตกตะลึง หมายความว่ายังไง?
ยังจะต้องถามอีกเหรอ เขาก็ไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าเป็นฝีมือเขายังไงล่ะ!
หลัวคังอันไม่ได้โง่ขนาดนั้น เขาคล้ายจะเข้าใจแล้วว่าทำไมคนผู้นี้เรียนที่หลิงซานมาสามร้อยปีแล้วยังเรียนไม่จบ เขาไม่ใช่ว่าเรียนไม่จบ แต่เป็นเพราะเขาไม่อยากเรียนจบ เก็บซ่อนความสามารถที่แท้จริงมาโดยตลอด!
ตอนแรก เขายังนึกว่าตัวเองหาเหตุผลที่ฉินอี๋ให้ความสำคัญกับคนผู้นี้เจอแล้วเสียอีก อย่างเช่นเรื่องที่ห้องทำงานของอีกฝ่ายดีกว่าของตนเองอะไรพวกนั้น เขาหลงนึกว่าคนผู้นี้เป็นแผนสำรองในการประมูลที่ฉินอี๋แอบซ่อนเอาไว้ แต่ตอนนี้ดูแล้วเหมือนจะไม่ใช่อะไรแบบนั้นเลย
เขาจ้องมองความเคลื่อนไหวของหลินยวน อดครุ่นคิดขึ้นมาไม่ได้ว่าคนผู้นี้เป็นใครกันแน่
มีความสามารถก็ต้องเป็นเรื่องดีสิ สามารถมีเกียรติยศเงินทอง สามารถมีอนาคตที่สดใส ทำไมถึงต้องแอบซ่อนความสามารถของตัวเองเอาไว้ด้วย?
ตัวเขาพยายามโอ้อวดแทบตายว่าตัวเองมีความสามารถ ทว่าคนผู้นี้มีความสามารถแต่กลับอยากแอบซ่อนเอาไว้ เทียบกับเขาแล้วเรียกได้ว่าอยู่กันคนละขั้วเลย ทำไมกันนะ?
เขาอดสำรวจดูการเปลี่ยนแปลงบนตัวหลินยวนไม่ได้ คำพูดที่อีกฝ่ายพูดมาเหล่านั้น ที่ว่าหักหลังฉันต้องตาย เหตุผลที่ต้องฆ่าคน หิ้วหัวมาหาฉันอะไรพวกนั้น ในคำพูดเหล่านี้แฝงไว้ด้วยความเผด็จการที่ไม่อนุญาตให้มีความเคลือบแคลงสงสัยบางอย่างอยู่
เขาเป็นใครกันแน่?
หลินยวนไม่มีเวลามานั่งสนใจปฏิกิริยาของเขา “จำเอาไว้! ถ้าอยากจะยืนอยู่ในตำแหน่งนี้ให้มั่น ถ้าอยากจะมีชีวิตต่อไป นายต้องเปลี่ยนวิธีใช้ชีวิต ค่อยๆ สะสมไปเรื่อยๆ พยายาม ทนลำบาก เรียนรู้!”
คำพูดเหล่านี้กว้างเกินไป ความจริงเรื่องหลักเหตุผลหลัวคังอันก็เข้าใจเช่นเดียวกัน หลัวคังอันเองก็อยากจะกลายเป็นคนเหนือคน แต่ก็ทำได้เพียงแค่คิดๆ เท่านั้น เพราะหนทางแห่งความพยายามในการพัฒนาตนเองมันช่างลำบากเสียจริง ทรมานเป็นอย่างมาก หลังพยายามหลายต่อหลายครั้งก็หวังแค่เพียงได้ใช้ชีวิตสบายๆ ไปวันๆ ก็พอ ทำไมถึงต้องไปเจอความลำบากเหล่านั้นด้วย? แค่คิดๆ ก็พอ สุดท้ายก็ล้มเลิกความพยายามไป
เขาเอามือกุมกระดูกตรงบั้นเอวเอาไว้ “น้องหลิน ฉันเข้าใจนะ นายอยากจะอยู่เงียบๆ ฉันเองก็อยากช่วยนายเหมือนกัน แต่ฉันมันไร้ความสามารถจริงๆ! ความสามารถของฉันเป็นยังไง เพื่อนร่วมงานของฉันเมื่อก่อนนี้ต่างรู้ดี เรื่องแบบนี้ถ้าพูดออกไปว่าเป็นฝีมือฉัน เกรงว่าคงไม่มีใครเชื่อแน่!”
หลินยวนกล่าว “นายเคยเล่นงานป้าหวังจนบาดเจ็บสาหัสไม่ใช่เหรอ?”
ในเวลานี้แบบนี้ หลัวคังอันทำได้แค่เพียงยอมรับออกมา “น้องหลิน บอกนายตามตรงแล้วกัน เรื่องนั้นฉันเป็นคนคุยโวออกไปเอง ฉันจะไปเป็นคู่ต่อสู้ของจอมมารที่ฆ่าคนมานับไม่ถ้วนคนนั้นได้ยังไง ตอนนั้นถ้าไม่เป็นเพราะมีท่านสองคอยพัวพันอยู่ ทำให้ป้าหวังผู้นั้นไม่มีเวลามานั่งสนใจฉัน เกรงว่าฉันคงจะตายไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว”
หลินยวนมือยังคงต่อสู้ไป แต่ปากกลับยังคงเกลี้ยกล่อมอย่างใจเย็น “ที่นี่มีแค่ฉันกับนาย คนอื่นเขารู้ดีว่าฝีมือของฉันเป็นยังไง ถ้าไม่ใช่ฉัน อย่างนั้นก็ต้องเป็นนาย ในเมื่อเราแสดงกันไปแล้ว อย่างนั้นก็ต้องแสดงต่อไป เอาชนะการประมูลนี้ให้ได้เท่านั้น ก็แค่เรื่องเรื่องหนึ่งเท่านั้น อย่าไปคิดว่าตัวเองมีความสำคัญอะไรขนาดนั้น ไม่มีใครมานั่งสนใจหรอกว่าใช่ฝีมือนายจริงๆ หรือเปล่า”
หลัวคังอันกล่าว “ฉันขอถามหน่อยได้ไหม ทำไมถึงต้องให้แสร้งว่าเป็นฝีมือฉันด้วย?”
หลินยวนกล่าว “เรื่องที่ไม่ควรถามก็อย่าถาม”
ก็ได้ หลัวคังอันถอนใจ “ฉันกลัวว่าฉันจะแสดงไม่แนบเนียนน่ะสิ!”
หลินยวนกล่าว “อย่างนั้นก็ต้องพยายามทำให้คนอื่นเชื่อ! ถ้าทำไม่ได้ ก็หิ้วหัวมาหาฉันซะ!”
เมื่อกล่าวจบก็ไม่พูดอะไรอีก ร่างกายพลันบิดเอียง
ความเคลื่อนไหวนี้ทำให้หลัวคังอันตกใจจนวิญญาณแทบจะหลุดออกจากร่าง ท่ามกลางคมดาบที่ฟาดฟันคลุ้มคลั่ง เขาเห็นประกายดาบไหววูบผ่านไป เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินสั่นสะเทือน แขนซ้ายที่เสียหายข้างนั้นใช้การไม่ได้อย่างสิ้นเชิงแล้ว ถูกเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉวี่ฟันจนขาดกระเด็น
เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินโซซัดโซเซถอยหลังไป เหวี่ยงทวนด้วยแขนข้างเดียวรับการโจมตีจากดาบที่ไล่ฟันตามเข้ามา
หลัวคังอันเกือบจะอุทานตกใจออกมา เขานึกอยากจะถามว่า ‘จำเป็นต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ?’
แต่พอนึกๆ ดูอีกทีก็เหมือนจะไม่มีปัญหาอะไร เดิมทีแขนซ้ายของเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินข้างนั้นมันก็ใช้การไม่ได้อยู่แล้ว
เขานับว่าพอจะมองออกแล้ว เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินดูเหมือนได้รับความเสียหายอย่างหนัก แต่นอกจากแขนซ้ายที่ใช้การไม่ได้ข้างนั้นแล้ว ความจริงความเสียหายอย่างอื่นก็ล้วนแต่เป็นความเสียหายภายนอก มิเช่นนั้นไหนเลยจะยังหลบไปหลบมาแบบนี้ได้ นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะน้องหลินผู้นี้จงใจควบคุม เขาคิดจะทำอะไร?
มีเสียง “ตี๊ดๆ” ดังขึ้น มีคนติดต่อกับทางนี้ผ่านทางช่องสื่อสารเฉพาะอีกแล้ว
เพิ่งจะถูกฟันแขนขาดไปก็มีคนติดต่อเข้ามา หลินยวนรีบกล่าวทันที “เป็นหวงอวี่ นายเป็นคนตอบ จำเอาไว้ นายเป็นคนควบคุม!”
หลัวคังอันจนปัญญาเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยังทำตาม เปิดช่องสื่อสาร
เสียงของหวงอวี่ดังขึ้นมาอย่างที่คิดเอาไว้ “หลัวซยง เห็นนายพยายามสู้ไม่ถอยอย่างนี้ ฉันหวงอวี่ก็ไม่มีอะไรจะว่านายแล้ว ก่อนหน้านี้ถ้าฉันพูดอะไรไม่ดีไปก็โปรดอภัยให้ด้วย หลัวซยง ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมานั่งฝืนทำเป็นแข็งแกร่ง เทพมหาวิญญาณของนายเสียหายอย่างหนัก ยากจะสู้ต่อไปได้ ถอยไปซ่อนตัวก่อนดีกว่า เดี๋ยวทางนี้ฉันจัดการเอง”
ความรู้สึกไม่ดีที่เขามีต่อหลัวคังอันได้สลายหายไปหมดแล้วจริงๆ ในคำพูดเองก็เต็มไปด้วยความเคารพและเกรงใจ
ก่อนหน้านี้เขามองว่าคำพูดของหลัวคังอันที่บอกว่าพี่น้องร่วมมือกัน ดูแลซึ่งกันและกัน ไม่มีทางทำเรื่องที่ไร้คุณธรรมอะไรทำนองล้วนแต่เป็นข้ออ้างเพราะกลัวตาย ทำเอาเขารู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก ฉันมาช่วยนาย แต่นายกลับมาถ่วงฉัน?
หากมิเป็นเพราะมีอิทธิพลของตระกูลหนานชีคอยบีบบังคับอยู่ เขาคงจะทิ้งอีกฝ่ายไปนานแล้ว
แต่ความจริงที่ปรากฏขึ้นให้เห็นในท้ายที่สุดมันก็ได้บอกเขาแล้วว่าเป็นตัวเองที่มองอีกฝ่ายในแง่ร้าย
ทั้งๆ ที่รู้ว่าตนเองมิใช่คู่ต่อสู้ของหอการค้าตระกูลฉวี่ ทั้งๆ ที่รู้ว่าอันตรายเป็นอย่างมาก แต่หลัวคังอันผู้นี้ก็ยังพุ่งเข้ามาช่วยเขา หลายต่อหลายครั้งเกือบจะต้องสิ้นชีวิต แต่กลับยังคงสู้ตายไม่ยอมถอยหนี
การที่ยอมทำทุกอย่างแม้กระทั่งสละชีวิตเพื่อคำสัญญาที่ให้ไว้กับคนแปลกหน้า ตัวเขาก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้วจริงๆ
แต่แน่นอน เขาเองก็รู้สึกว่าความสามารถของหลัวคังอันนั้นไม่เอาไหนเป็นอย่างมาก หลัวคังอันกลัวหรือไม่เขาเองก็ไม่รู้ แต่เขาดูอีกฝ่ายต่อสู้แล้วรู้สึกเป็นห่วงจริงๆ
ในเมื่อเขามาแล้ว เขาก็ต้องพยายามปกป้องหอการค้าตระกูลฉินอย่างเต็มที่ ไม่อย่างนั้นกลัวว่าเดี๋ยวกลับไปแล้วไม่รู้ว่าจะอธิบายกับทางตระกูลหนานชีอย่างไร
แขนข้างหนึ่งของเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินถูกตัดขาด ทำเอาเขารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ไม่กล้าชักช้ารีรออีก ครั้งนี้เป็นแขนข้างหนึ่ง แล้วครั้งต่อไปล่ะ?
ต้องรีบติดต่อ บอกให้หลัวคังอันถอยไป อย่ามาเกะกะขวางทาง ด้านหนึ่งสู้ไป อีกด้านหนึ่งก็ต้องคอยช่วยเหลือเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉิน ทำให้เสียสมาธิอย่างมาก เกือบถูกเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉวี่เล่นงานได้หลายครั้งแล้ว
จะให้ตอบยังไง? หลัวคังอันมองไปทางหลินยวน ส่งสายตาสอบถาม
เดิมทีหลินยวนตั้งใจจะถอยออกไปเมื่อเสียแขนไปข้างหนึ่งอยู่แล้ว เมื่อเห็นอีกฝ่ายถามเช่นนี้จึงสบโอกาส เขาใช้พลังเล็กน้อย แขนเสื้อที่อยู่บนแขนพองแล้วยุบตัวเป็นตัวอักษรสองตัว ‘ตกลง!’
หลัวคังอันเหลือบมอง ลอบยินดีเล็กน้อย พบว่าคนผู้นี้แสดงเก่งจริงๆ จึงรีบกล่าวเสียงโศกเศร้าไปว่า “พี่หวง ขอโทษนะพี่ ผมมันไร้น้ำยา นอกจากเพิ่มภาระให้พี่แล้วก็ทำอะไรไม่ได้เลย ผมถอยก่อนล่ะ พี่จะได้สู้ได้เต็ม ถ้ามีอะไรรีบเรียกผมเลยนะพี่ ต่อให้บุกน้ำลุยไฟผมก็จะมาหาพี่แน่นอน!”
หลินยวนเหลือบมองเขาอย่างหมดคำพูด แค่ตอบตกลงไปก็พอ ทำไมต้องพูดอะไรเหลวไหลมากมายขนาดนั้นด้วย? เขารู้สึกทนมองความจอมปลอมของหลัวคังอันไม่ค่อยไหว พบว่าไม่ว่าจะเป็นคำพูดเหลวไหลอะไรคนผู้นี้ก็พูดออกมาได้หมดเลย
ครั้งนี้หวงอวี่เชื่อคำพูดเขาแล้ว แล้วก็ฟังออกถึงความรู้สึกจนปัญญาและเศร้าใจด้วย ทำเอาเขาเกือบจะน้ำตารื้นขึ้นมา จึงตอบไปอย่างตื้นตันว่า “ไม่เป็นไร นายถอยไปก่อน ถ้ามีอะไรเรียกฉัน ฉันจะไปช่วย!”
หลินยวนไม่ชักช้าอีก รีบถอยหลังไป จมหายไปในฝูงแมงมุมสวรรค์ที่แห่มา
เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉวี่อยากจะไล่ตามไป แต่เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลอู๋ก็โจมตีเข้ามา หยุดเขาเอาไว้ พัวพันอยู่กับเขาต่อ
…..
ตูม! ด้านล่างเกิดเสียงดังสนั่น
เทพมหาวิญญาณทั้งสิบแปดตนที่ลอยอยู่บนฟ้าก้มหน้ามองลงไป ก่อนจะเห็นแมงมุมสวรรค์ฝูงหนึ่งที่อยู่ด้านล่างกระเด็นกระดอนขึ้นมา เทพมหาวิญญาณตนหนึ่งทะลวงฝ่าออกมา พุ่งขึ้นมาบนฟ้า ก่อนจะร่อนลงบนยอดเขาสูงลูกหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล
ตึง! ฝุ่นควันคละคลุ้ง ยืนค้ำทวนตระหง่านอยู่บนยอดเขา
เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินออกมาแล้ว หวงอวี่ให้เขาไปหลบ หลินยวนไม่หลบ กลับพุ่งออกมาปรากฏตัวอยู่ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่มองมา
โดรนวิเศษห้าตัวที่รับผิดชอบติดตามเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินรีบบินตามออกมา ตามถ่ายเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินเอาไว้ในมุมที่แตกต่างกันห้ามุม
ทันทีที่เห็นตัวอักษร ‘ฉิน’ ที่อยู่บนร่างเทพมหาวิญญาณตนนั้น ฉินอี๋ที่นั่งจ้องมองฉากแสงอยู่พลันกระเด้งตัวยืนขึ้นมา เกือบจะส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความยินดี
ไป๋หลิงหลงเองก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก
หนานชีหรูอันที่นั่งพิงพนักเก้าอี้ยืดตัวตรงขึ้นมาเล็กน้อย ร่างกายโน้มไปข้างหน้าเล็กน้อยอีกครั้ง จ้องมองเทพมหาวิญญาณที่ยืนตระหง่านอยู่บนยอดเขาในฉากแสง
ออกมาได้อย่างนั้นเหรอ! โจวหม่านเชา พานชิ่ง เผิงซี พานหลิงเยวี่ยต่างมีสีหน้างุนงง ก่อนจะพากันขมวดคิ้วขึ้นมา
แต่ฉวี่ซานจวีที่เป็นประธานของหอการค้าตระกูลฉวี่กลับรีบมองไปยังฉากแสงอีกแถบหนึ่ง พบว่าในฝูงแมงมุมสวรรค์ยังมีการต่อสู้กันอยู่ จึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย
เขาย่อมต้องรู้ว่าเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉวี่ลงไปทำอะไรข้างในนั้น เมื่อเห็นเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินออกมา เขายังนึกว่าเทพมหาวิญญาณของตัวเองเกิดเรื่องแล้ว แต่นี่ยังมีความเคลื่อนไหวอยู่ก็ดี
ลั่วเทียนเหอยกมือขึ้นลูบหนวดเครา สีหน้าดูค่อนข้างประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด คิดไม่ถึงว่าเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินจะทนมาถึงขนาดนี้ได้
มู่ชิงโหรวกับซางเจ๋อสบตากัน
ภายในตำหนักด้านหลังของตำหนักคุนกว่าง หนานหรูที่กำลังพลิกเปิดหนังสืออย่างไม่แยแสอะไรพลันเหลือบตาขึ้นมามองดู สายตาจ้องมองบนฉากแสง ค่อยๆ วางหนังสือลงแล้วลุกขึ้นยืน จ้องมองดูด้วยความรู้สึกสนใจ
“เยี่ยม!” ฉินเต้าเปียนที่อยู่ในห้องทำงานร้องตะโกนขึ้นมา เขาแทบจะกระเด้งตัวขึ้นมายืน ปรบมือร้องเยี่ยมไม่ขาดปาก
แต่ปรบมือไปได้ไม่กี่ที เขาก็ตกตะลึงพูดอะไรไม่ออก
….
“นั่นมันเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉิน!”
ภายในเมืองปู๋เชวี่ย มีคนชี้ไปยังฉากแสงที่กำลังถ่ายทอดสดอยู่ ส่งเสียงตะโกนด้วยความตื่นเต้นขึ้นมา
ทันใดนั้นเอง ทั่วทุกที่ในเมืองแทบจะมีเสียงตะโกนโห่ร้องด้วยความคุ้มคลั่งดังขึ้นมา
แต่เสียงตะโกนนั้นก็เงียบหายไปอย่างรวดเร็ว ราวกับน้ำที่สาดลงไปบนกองเพลิง ทุกคนจ้องมองเทพมหาวิญญาณที่ยืนอยู่บนยอดเขาตนนั้น
อะไรคือสิ่งที่เรียกว่าบาดแผลเหมือนดั่งเกล็ดปลา นั่นไงล่ะที่เรียกว่าบาดแผลเหมือนดั่งเกล็ดปลา ทั้งหน้าอกแผ่นหลัง บนแขนบนขา กระทั่งบนใบหน้า ทุกที่ล้วนแต่เต็มเป็นด้วยร่องรอยความเสียหาย
โดยเฉพาะแขนที่ขาดหายไปข้างหนึ่ง ตรงตำแหน่งที่แขนขาดยังมีแสงสีแดงสีขาวสว่างวาบอยู่เป็นระยะ
เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินคล้ายเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก คล้ายกำลังค้ำทวนยืนหอบหายใจ บาดเจ็บจนแทบจะทนดูไม่ได้เช่นนี้ ถูกโจมตีจนได้รับความเสียหายถึงขนาดนี้ คนที่อยู่ข้างนอกไม่มีทางนึกภาพออกได้เลยว่าก่อนหน้านี้เขาต้องเผชิญกับความยากลำบากและอันตรายแบบไหน คล้ายว่าพร้อมจะล้มลงทุกเมื่ออย่างไรอย่างนั้น
ประชาชนจำนวนนับไม่ถ้วนต่างจ้องมองตาไม่กะพริบ ด้วยกลัวว่าเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินจะยืนไม่ไหว คล้ายไม่กล้าแม้กระทั่งจะหายใจอย่างไรอย่างนั้น
ภายในสำนักงานใหญ่ของหอการค้าตระกูลฉิน พนักงานจำนวนมากลืมเรื่องเลิกงานไปแล้ว ทุกคนต่างมารวมตัวกันอยู่ตรงหน้าฉากแสง จ้องมองดูการถ่ายทอดสดด้วยสีหน้าคร่ำเคร่ง มีผู้หญิงบางคนยกมือขึ้นมาปิดปาก พยายามสะกดกลั้นน้ำตาไม่ไห้ไหลออกมา
ภายในห้องผู้จัดการ จูเก่อม่านที่จ้องมองฉากแสงเองก็หลั่งน้ำตาออกมาแล้ว มือทั้งสองข้างปิดปากร้องไห้สะอึกสะอื้น เธอคิดไม่ถึงเลย แล้วก็เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็น ที่แท้ผู้ชายของเธอต้องเจอกับความยากลำบากถึงขนาดนั้น เธอรู้สึกเสียใจที่บางครั้งเธอก็เอาแต่ใจตัวเอง
เมื่อได้ยินว่าการประมูลครั้งนี้อันตราย เธอเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะยังมีโอกาสได้ดูแลเขาดีๆ อีกหรือเปล่า
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร” ผู้จัดการรีบเดินเข้ามาปลอบใจเธอ
จูเก่อม่านส่ายศีรษะด้วยน้ำตานองหน้า
………………………………………………………..