ตอนที่ 106 รุมโจมตี
ภายในโรงอีหลิว เมื่อเห็นภาพเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินที่ยืนอยู่บนยอดเขาด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผล จางเลี่ยเฉินที่นอนโบกพัดอยู่บนเก้าอี้พลันงุนงงไป พยายามเพ่งมองดู มุมปากมีรอยยิ้มหยอกเย้าปรากฏขึ้นมาทันที
…..
สีหน้ายินดีที่เพิ่งปรากฏขึ้นมาหยุดค้าอยู่บนใบหน้าฉินอี๋ ความยินดีแปรเปลี่ยนเป็นความกังวล สายตาจ้องมองดูร่างอันใหญ่โตมหึมาที่ยืนเหนื่อยล้าอยู่บนยอดเขา
ไม่ว่าใครต่างก็รู้ว่าหลังจากนี้หอการค้าตระกูลฉินจะต้องเผชิญกับอะไร แต่สภาพแบบนี้ จะทนรับไหวเหรอ?
บนใบหน้าพานชิ่งมีรอยยิ้มสะใจปรากฏขึ้นมา เขาเหลียวหน้าไปมองดูฉินอี๋ที่ลุกขึ้นยืน ก่อนหน้านี้เขายังรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เดิมคิดว่าหลังทำการจำกัดตัวผู้เข้าร่วมการประมูลเอาไว้แล้ว ผู้หญิงคนนี้จะมาขอยอมแพ้กับเขา เขาคิดจะฉวยโอกาสนั้นแก้แค้นเสียหน่อย แต่ผู้หญิงคนนี้กลับไม่ได้ทำเช่นนั้น!
ไป๋หลิงหลงที่ดึงสายตากลับมาอย่างยากลำบากดึงฉินอี๋เบาๆ อีกครั้ง “ท่านประธานคะ” เธอพยายามบอกให้ฉินอี๋นั่งลง มีหลายคนมองดูอยู่ ยืนแบบนี้มันดูไม่ดี
เธอรู้ดีว่าหลังจากที่เมื่อวานนี้รู้ว่าไม่อาจเปลี่ยนตัวผู้เข้าร่วมการประมูลได้ ฉินอี๋ก็แทบจะไม่ได้พักผ่อนเลยตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ แล้วก็นอนไม่หลับด้วย ภายในใจรู้สึกร้อนรนอยู่ตลอดเวลา แล้วตอนนี้ยังมีเหตุการณ์ที่ทำให้อารมณ์ของเธอแปรปรวนขึ้นลงอย่างรุนแรงเช่นนี้อีก เธอกลัวจริงๆ ว่าร่างกายของฉินอี๋ที่เป็นคนธรรมดาจะทนรับไม่ไหว
…..
เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินที่แขนขาดไปข้างหนึ่ง เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยบาดแผลกำลังยืนอยู่บนยอดเขา ยืนตระหง่านค้ำทวนด้วยแขนข้างเดียว คล้ายกำลังหอบหายใจ คนข้างนอกพอจะนึกภาพออกเลยว่าผู้ที่ควบคุมอยู่ด้านในจะเหนื่อยล้าเพียงใด
แท้ที่จริงแล้วเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินบาดเจ็บแค่ไหน ตอนนี้คนนอกยังไม่อาจรู้ได้ แต่เมื่อดูจากสภาพแล้วก็คงจะหนักหนาสาหัสเป็นอย่างมาก เมื่อสูญเสียแขนไปข้างหนึ่งย่อมต้องทำให้พลังการต่อสู้ลดลงไปอย่างมาก ก่อนหน้านี้ตอนที่แขนเกิดปัญหาขึ้น หลายๆ คนยังไม่แน่ใจว่าจะส่งผลอะไรแก่เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินบ้าง แต่ตอนนี้พวกเขามองเห็นแล้ว
เทพมหาวิญญาณสิบแปดตนที่ลอยอยู่บนอากาศจ้องมองลงมาบนยอดเขา มีคนคิดอยากจะฉวยโอกาสนี้ลงไปบดขยี้เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉิน แต่ก็นึกหวาดระแวงเทพมหาวิญญาณตนอื่นๆ ที่สำคัญกว่านั้นคือพวกเขาไม่รู้ว่าการลงมือท่ามกลางสายตาของคนจำนวนมากที่จับตามองดูอยู่มันเหมาะสมหรือเปล่า
“ไม่ลงมือตอนนี้จะลงมือตอนไหน จะรอให้มันฟื้นตัวแล้วค่อยลงมือเหรอ?” พานชิ่งกล่าวกับโจวหม่านเชาที่อยู่ข้างๆ โจวหม่านเชาพยักหน้าเห็นด้วย กวักมือเรียกเล็กน้อยเพื่อบอกให้หญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังโน้มตัวลงมารับคำสั่ง ก่อนจะกล่าวเสียงเบาๆ ว่า “ติดต่อไป บอกว่าลงมือได้”
พานหลิงเยวี่ยกล่าวถามเสียงเบาๆ ว่า “ทุกคนกำลังมองดูอยู่ ลงมือตอนนี้มันจะไม่สะดุดตาเกินไปเหรอคะ?”
พานชิ่งกล่าว “เป้าหมายของพวกเราไม่ใช่การประมูล หลังจัดการได้แล้วก็ถอยออกมาได้เลย ถ้ามีการกล่าวโทษอะไรก็แค่ถอนตัวก็พอ ถ้ามีปัญหาอะไรเดี๋ยวทางแคว้นเซียนจะมีคนช่วยพูดเอง”
“ค่ะ” พานหลิงเยวี่ยเข้าใจแล้ว ถอยออกไปจากตรงนี้อย่างเงียบๆ
เผิงซีเองก็ได้รับคำสั่ง ถอยออกไปจากตรงนี้เช่นเดียวกัน
ไม่นานนัก เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจวที่ได้รับคำสั่งก็มองหน้ากัน พยักหน้าให้กันและกัน ก่อนจะพุ่งลงไปยังยอดเขาที่เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินยืนอยู่แทบจะในเวลาเดียวกัน
ภาพเหตุการณ์นี้ทำเอาฉินอี๋หันขวับไปมองดูพานชิ่งกับโจวหม่านเชาทันที โจวหม่านเชาแสร้งทำเป็นไม่เห็น แต่พานชิ่งที่โกรธแค้นที่สูญเสียลูกสาวไปกลับส่งสายตาท้าทายกลับมา คล้ายกำลังพูดว่าแล้วเธอจะทำไม?
เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินที่ยืนอยู่บนยอดเขาเงยหน้ายืดอก มองดูเทพมหาวิญญาณที่พุ่งลงมาจากบนท้องฟ้า ดึงทวนขึ้นมาไว้ในมือ เตรียมพร้อมรับศึก!
เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลพานกวัดแกว่งดาบยักษ์จนเกิดเป็นเสียงหวีดหวิวน่าสะพรึง ประกายดาบวาดลงมาอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า ฟาดฟันลงมาอย่างดุดัน
เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินเบี่ยงตัว ประกายดาบเฉียดผ่านร่างไปแบบแทบจะแนบชิดติดกัน หลบคมดาบได้อย่างหวุดหวิด
ตู้ม! ยอดเขาถูกฟันจนพังถล่ม เศษหินกระเด็นกระดอนปลิวว่อน ฝุ่นควันคละคลุ้ง
เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลโจวที่มือกุมกระบี่ยักษ์เอาไว้เคลื่อนไหวด้วยท่วงท่าสง่างาม ร่างกายอันใหญ่โตมโหฬารวาดไปในอากาศเป็นเส้นโค้งเหมือนดั่งเทพเซียน สะบัดกระบี่สังหาร
เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินกระโดดขึ้นไปพลางเหวี่ยงทวนปัดป้อง เคร้ง ทวนกับกระบี่ปะทะกัน ส่งเสียงกัมปนาทราวฟ้าคำราม เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินเสียเปรียบเรื่องพละกำลัง ถูกกระแทกจนร่วงตกลงบนไหล่เขา
ฉินอี๋ที่จ้องมองฉากแสงอยากจะเบือนหน้านี้ รู้สึกทนดูต่อไปไม่ไหว
หลัวคังอันที่ร่างกายโยกไหวไปมาอยู่ในที่นั่งผู้ช่วยใช้มือกุมตรงบั้นเอวเอาไว้ กระดูกที่หักไปรู้สึกปวดขึ้นมา ท่าทางที่หลินยวนเอาแต่ตั้งรับเพียงอย่างเดียวพลอยทำให้เขารู้สึกปวดหัวไปด้วย ไม่เข้าใจว่าหลินยวนกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่ ถูกคนอื่นรังแกต่อหน้าคนจำนวนมากมันสนุกเหรอ?
ขณะที่ร่างส่ายโงนเงนก็กล่าวตะโกนเตือนขึ้นมาว่า “น้องหลิน ที่บอกว่าเสร็จเรื่องแล้วให้ฉันบอกว่าเป็นฝีมือฉัน ฉันบอกแน่นอน ดังนั้นนายสู้ไปเต็มที่ได้เลย ในเมื่อรับปากแล้วฉันไม่มีทางเสียใจแน่”
หลินยวนไม่สนใจเขา ตอนนี้เขาตกอยู่ในวงล้อมโจมตีของเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจวแล้ว
เทพมหาวิญญาณสามตนกำลังผลัดกันรุกผลัดกันรับอยู่ในหุบเขา โบยบินอย่างรวดเร็ว ประเดี๋ยวไปอยู่ในหุบเขา ประเดี๋ยวขึ้นมาบนยอดเขาลูกนี้ ประเดี๋ยวไปบนยอดเขาลูกนั้น ทำเอาแมงมุมสวรรค์ที่อยากจะขย้ำเหยื่ออยู่ด้านล่างต่างวิ่งกันหัวหมุน
ทุกคนต่างนึกว่าอีกไม่นานเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินก็จะล้มลง แต่เทพมหาวิญญาณที่เหลือแขนเพียงข้างเดียวตนนั้นกลับทนไม้ทนมือเป็นอย่างมาก หลบหลีกการโจมตีอย่างเฉียดฉิวได้หลายต่อหลายครั้ง เหวี่ยงทวนปัดป้องด้วยมือข้างเดียวอย่างยากลำบาก อยู่ในสถานการณ์คับขันที่พร้อมจะล้มลงไปได้ทุกเมื่อ แต่กลับยังไม่ยอมพ่ายแพ้ พยายามฝืนต่อสู้อย่างสุดกำลังเพื่อจะมีชีวิตรอดต่อไป
ด้านนอกตำหนักคุนกว่าง ทุกคนต่างจ้องมองฉากแสงอย่างเงียบๆ สายตาไม่ละไปไหน ไม่มีใครไปดูภาพในฉากแสงอื่นๆ แล้ว
นึกว่าจะจบลงแล้ว แต่เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินกลับยังต้านรับเอาไว้ได้
นึกว่าจะล้มลงไปแล้ว แต่เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินกลับหลบได้
ทำเอาทุกคนพลอยลุ้นไปกับทุกๆ ความเคลื่อนไหวของเทพมหาวิญญาณแขนเดียวที่ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยบาดแผลตนนี้
เจ้าแคว้นหนานหรูที่อยู่ในตำหนักด้านหลังหยุดอ่านหนังสือไปแล้ว เขายืนมือไพล่หลังอยู่ตรงกึ่งกลางตำหนักด้านหลังที่ว่างเปล่า สายตาจับจ้องดูการต่อสู้ของเทพมหาวิญญาณทั้งสามตน
ลั่วเทียนเหอนั่งอยู่ในที่นั่งกรรมการ มือที่ลูบเคราค้างเติ่งไม่ขยับเขยื้อน สายตาที่จับจ้องดูการต่อสู้ค่อยๆ ฉายแววประหลาดใจ ประวัติความเป็นมาของหลัวคังอันเขาทราบดีว่าเป็นอย่างไร ว่ากันว่าคนคนนั้นเป็นพวกขี้ขลาดรักตัวกลัวตาย แต่ในภาพที่เขาได้เห็นในเวลานี้กลับแสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นชายชาตรีที่ยอมตายไม่ยอมสยบ ช่างเป็นความห้าวหาญที่แฝงไว้ด้วยความน่าเศร้ายิ่งนัก!
ฉินอี๋ที่ใบหน้าโศกเศร้าและโกรธเกรี้ยวกำลังกัดริมฝีปากของตนเอง เธอเองก็คิดไม่ถึงว่าฉากบังหน้าที่ตนเองหามา คิดไม่ถึงว่าฉากบังหน้าที่เธอไม่ได้คาดหวังใดๆ ในตัวเขาผู้นี้กลับมีความเข้มแข็งไม่ย่อท้อถึงเพียงนี้ แม้จะต้องเผชิญหน้ากับวิกฤติอันตรายก็ยังฝืนต้านรับเอาไว้ ยอมตายไม่ยอมถอย!
คุ้มค่าแล้ว! ไม่ว่าผลแพ้ชนะจะเป็นอย่างไร การที่หลัวคังอันสามารถแสดงความกล้าหาญเช่นนี้ออกมาได้ ฉินอี๋ก็คิดว่าเงินที่ตัวเองเสียไปมันคุ้มค่าแล้ว เธอคิดว่าความพยายามที่หลัวคังอันแสดงออกมานั้นมีค่ามากกว่าตัวเงินที่หอการค้าตระกูลฉินจ่ายให้เขาไปเสียอีก ฉินอี๋ถึงขนาดคิดว่าก่อนหน้านี้หอการค้าตระกูลฉินยังดูแลหลัวคังอันได้ไม่ดีพอ
ภายในตึกต้นไม้ ในเวลานี้เจียงอวี้ที่เดิมทีควรจะเป็นคนเข้าร่วมการประมูลก็กำลังรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากเช่นกัน เขาจ้องมองดูเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินที่กำลังเผชิญกับวิกฤติอันตราย
“เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินยังไม่ล้มค่ะ!”
จูลี่ที่กำลังเบิกตามองดูฉากแสงตะโกนบรรยายออกมาเสียงดัง เธอเห็นเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินหลบหลีกการโจมตีได้อย่างหวุดหวิดอีกครั้ง
เธอเองก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าลึกๆ แล้วเจ้าคนขี้ขลาดที่ทำให้เธอดูถูกคนนั้นจะเป็นชายชาตรีที่ห้าวหาญเช่นนี้ แล้วก็ไม่รู้เป็นเพราะถูกสถานการณ์บีบบังคับหรือเปล่า
ทั่วทั้งเมืองปู๋เชวี่ย คนที่จ้องมองดูฉากแสงมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ประชาชนต่างรู้สึกลุ้นไปกับร่างอันใหญ่โตมหึมาที่พร้อมจะล้มลงทุกเมื่อ แต่กลับยังคงยืดหยัดสู้ตายไม่ถอยหนีตนนั้น
ทั่วทั้งดินแดนเซียน คนที่จับตาดูการประมูลครั้งนี้ก็มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน แล้วก็ไม่รู้ว่ามีคนมากน้อยเท่าไรที่แอบภาวนาให้เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินยังสู้ต่อไปได้
ความฮึกเหิมที่แฝงไว้ด้วยความเศร้าทำให้ผู้คนรู้สึกหวั่นไหวได้ง่าย
ความน่าหดหู่ทำให้รู้สึกสงสารได้ง่าย ความอ่อนแอทำให้เกิดความเห็นใจได้ง่าย ภาพเหตุการณ์ที่เป็นตัวแทนของความอ่อนแอที่ยืนหยัดต่อสู้ทำให้คนทั่วๆ ไปเกิดความรู้สึกร่วมว่ามีศัตรูคนเดียวกันได้ง่าย
นายทุนที่อยู่เบื้องหลังสถานีออกอากาศบางแห่งก็คือผู้ที่เข้าร่วมการประมูล สถานีออกอากาศเหล่านั้นย่อมต้องช่วยนายทุนที่อยู่เบื้องหลังพูด คำพูดบางอย่างที่พูดออกมาทำให้คนธรรมดารู้สึกไม่พอใจ
ประชาชนในดินแดนเซียนจำนวนไม่น้อยเริ่มสืบค้นแล้วว่าหอการค้าตระกูลฉินอยู่ที่เมืองไหน เพราะพวกเขาต่างอยากรู้ว่าผู้กล้าหาญที่ควบคุมเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินตนนั้นเป็นใคร
ไม่นาน ประชาชนจำนวนมากในดินแดนเซียนก็ทยอยเปิดช่องของปู๋เชวี่ยวีดีโอขึ้นมาดู
มีบางคนมองเห็นโอกาสทางธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว โทรศัพท์ของทางปู๋เชวี่ยวีดีโอดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีบริษัทห้างร้านแสดงความต้องการจะซื้อโฆษณาของปู๋เชวี่ยวีดีโอ
คนบางคนมองเห็นผลประโยชน์ แต่จูเก่อม่านที่อยู่ในห้องผู้จัดการได้ร้องไห้จนน้ำตานองหน้าแล้ว เธอรู้สึกไม่กล้าดูต่อไปอีก
…..
“ท่านประธานครับ ติดต่อไม่ได้ครับ”
มีคนคนหนึ่งเดินไปยังด้านหลังประธานของหอการค้าตระกูลเมิ่งพลางกระซิบเบาๆ นั่นคือผู้ช่วยของเขา
“อะไรนะ?” ประธานของหอการค้าตระกูลเมิ่งหันกลับมาถามด้วยความประหลาดใจ
ผู้ช่วยอธิบายว่า “ลองติดต่อไปหลายครั้งแล้วครับ แต่ติดต่อไม่ได้จริงๆ พูดให้ถูกคือติดต่อได้ แต่ว่าไม่มีเสียงตอบใดๆ กลับมา จะเกิดเรื่องขึ้นหรือเปล่าครับ?”
“ลองไปถามหอการค้าอื่นๆ ซิ” ประธานหอการค้าตระกูลเมิ่งเอ่ยสั่งการ
ผู้ช่วยรีบถอยออกไปทันที ไปหาคนของหอการค้าตระกูลเซวียน หอการค้าตระกูลหลานและหอการค้าตระกูลฉวี่ หอการค้าทั้งสามได้ยินเช่นนั้นก็รีบติดต่อคนของตัวเองทันที
ไม่นาน ประธานของหอการค้าทั้งสี่ก็ลุกจากที่นั่งมายังด้านข้าง พูดคุยกันเพื่อตรวจสอบยืนยันสถานการณ์
เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลเซวียน หอการค้าตระกูลเมิ่งและหอการค้าตระกูลหลานขาดการติดต่อไป ทุกคนต่างกำลังสอบถามสถานการณ์จากทางหอการค้าตระกูลฉวี่
ฉวี่ซานจวีกล่าวเสียงคร่ำเคร่งว่า “ติดต่อขุยชิวได้แล้ว เขาถูกหอการค้าตระกูลอู๋พัวพันเอาไว้อยู่ ขุยชิวบอกว่าหอการค้าตระกูลอู๋กับหอการค้าตระกูลฉินเป็นพวกเดียวกัน หอการค้าสองแห่งนั่นร่วมมือกันสู้กับเขา ความเสียหายที่อยู่บนตัวเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินเป็นฝีมือของขุยชิว ส่วนเทพมหาวิญญาณของพวกนายไม่รู้ไปไหน ขุยชิวสงสัยว่าพวกเขาจะหนีไปหลบแล้ว”
ประธานหอการค้าตระกูลเมิ่งกล่าว “เป็นไปไม่ได้! ไม่เห็นพวกเขาออกมาจากตรงจุดที่ถูกแมงมุมสวรรค์ปกคลุมเลย จะไปหลบอยู่ที่ไหน? มุดดินเหรอ?”
เผิงซีสังเกตเห็นหอการค้าทั้งสี่กำลังพูดคุยกันอย่างลับๆ ล่อๆ อยู่ไม่ไกล จากนั้นหันมองไปยังฉากแสงแถบหนึ่ง จ้องมองดูสถานที่ที่แมงมุมสวรรค์มากองกันเป็นเหมือนภูเขาอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นพลันโน้มตัวลงไปข้างหน้า กล่าวกระซิบกระซาบข้างหูโจวหม่านเชาว่า “คุณน้าครับ สถานการณ์เหมือนจะแปลกๆ นะครับ พวกหอการค้าตระกูลฉวี่ที่ลงมือก่อนอาจจะเจอปัญหาเข้าแล้วครับ”
โจวหม่านเชาและพานชิ่งกำลังมีสีหน้าคร่ำเคร่ง คิดไม่ถึงว่าพวกเขาร่วมมือกันแล้วแต่กลับยังไม่สามารถล้มเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินที่กำลังบาดเจ็บสาหัสและเสียแขนไปข้างหนึ่งได้ ในเวลานี้สีหน้าดูแย่อย่างมาก รู้สึกเหมือนกำลังกลายเป็นตัวตลกต่อหน้าทุกคน
เมื่อได้ยินเช่นนี้ โจวหม่านเชาก็เหลียวหน้ากลับไปทันที “หมายความว่ายังไง?”
เผิงซีชี้ไปทางพวกหอการค้าตระกูลฉวี่ที่กำลังพูดคุยกันอยู่
และในเวลานี้เอง ภายในบริเวณนั้นพลันมีเสียงฮือฮาดังเบาๆ ขึ้นมาครู่หนึ่ง เป็นเสียงพูดคุยกระซิบกระซาบกัน คนที่ไม่ได้สนใจฉากแสงพากันเหลียวหน้ากลับไปมองดูฉากแสงอีกครั้ง ก่อนจะเห็นว่าการต่อสู้บนฉากแสงได้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมาแล้ว
ในขณะที่ทุกคนต่างกำลังเพ่งความสนใจไปที่ตัวเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินที่กำลังสู้ตายอยู่นั้น เทพมหาวิญญาณของหอการค้าอีกสองแห่งที่เป็นผู้มีผลประโยชน์อยู่แต่เดิม อันได้แก่หอการค้าตระกูลอูและหอการค้าตระกูลเผยก็ได้ทำการแอบติดต่อกันแล้ว
เป็นเพราะว่าหอการค้าทั้งสองแห่งที่อยู่ด้านล่างล้มหอการค้าตระกูลฉินไม่ได้เสียที
หลังพูดคุยเสร็จสิ้น เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลอูก็นำเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลชาง หอการค้าตระกูลจวงและหอการค้าตระกูจู่ที่เป็นผู้ช่วยพุ่งลงไปข้างล่าง ส่วนหอการค้าตระกูลเผยก็นำหอการค้าตระกูลเฟิง หอการค้าตระกูลกู่และหอการค้าตระกูลว่านที่เป็นผู้ช่วยพุ่งลงไป
เทพมหาวิญญาณของหอการค้าแปดแห่งพุ่งลงไปยังสถานที่ที่มีการต่อสู้กันอยู่ ช่วยเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลพานและหอการค้าตระกูลโจวปิดล้อมสกัดกั้นเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินเอาไว้ เทพมหาวิญญาณของหอการค้าทั้งสิบแห่งร่วมมือกันโจมตีเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉิน
บนท้องฟ้ายังมีเทพมหาวิญญาณอีกแปดตนที่ยังไม่เคลื่อนไหว ยังคงจับตาดูการต่อสู้อยู่ ไม่ใช่ว่าไม่อยากลงมือ หากแต่เป็นเพราะพวกเขามีแผนการของตัวเองอยู่
หอการค้าตระกูลสือและหอการค้าตระกูลจิ้นที่อยู่ในหอการค้าทั้งแปดนี้ได้มีการปรับปรุงข่ายพลังเชื่อมข้อต่อของเทพมหาวิญญาณมา พวกเขาคือคนที่อยากจะมาแย่งชิงผลประโยชน์จากหอการค้าตระกูลฉวี่ หอการค้าตระกูลอูและหอการค้าตระกูลเผย เช่นนั้นพวกเขาก็ย่อมต้องพาคนมาช่วยเหลือในการประมูลครั้งนี้ด้วยแน่นอน ซึ่งหอการค้าตระกูลเหวิน หอการค้าตระกูลหยิน หอการค้าตระกูลหยวน หอการค้าตระกูลเหอ หอการค้าตระกูลเกาและหอการค้าตระกูลหลัวก็คือผู้ช่วยของหอการค้าทั้งสองแห่งนี้
หอการค้าทั้งสองแห่งทราบดีว่าพวกหอการค้าตระกูลฉวี่มาเข้าร่วมการประมูลเพื่อหยุดพวกเขา แต่การปรากฏตัวขึ้นมาของหอการค้าตระกูลฉินได้ทำให้ทุกคนได้กลายมาเป็นพวกเดียวกันชั่วคราว
ตอนนี้หอการค้าตระกูลฉินต้องแพ้ ซึ่งตามหลักแล้วก็ไม่มีทางทนสู้ต่อไปได้เช่นเดียวกัน หอการค้าสิบแห่งร่วมมือกัน แล้วจะไปรับมือไหวได้อย่างไร ตอนนี้พวกเขาไม่จำเป็นต้องไปลงมือกับหอการค้าตระกูลฉินแล้ว ตั้งหน้าตั้งตารอให้หมาข้างล่างมันกัดกันไปก่อนก็พอ
………………………………………………………………….