ตอนที่ 119 ผ่านด่านไปต่อ
รุ่งเช้าวันถัดมา พานชิ่งตื่นขึ้นมาล้างหน้าแปรงฟัน จากนั้นไปที่โถงรับแขก พานหลิงเยวี่ยลูกสาวของเขาได้มารอที่โถงรับแขกอยู่ก่อนแล้ว
เมื่อเห็นบนใบหน้าของบุตรสาวไม่มีความรู้สึกยินดีใดๆ พานชิ่งจึงเดินไปที่ริมหน้าต่าง หันหลังให้แล้วกล่าวถามว่า “เทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินยังทดสอบอยู่?”
พานหลิงเยวี่ยกล่าว “ใช่ค่ะ”
พานชิ่งกล่าว “ถูกกระแทกไปกี่ครั้งแล้ว?”
พานหลิงเยวี่ยเดินมาข้างกายเขา “ประมาณสองพันห้าร้อยครั้งแล้วค่ะ ดูท่าทางแล้วเหมือนจะยังไม่มีความผิดปกติใดๆ”
พานชิ่งกล่าว “ตรงลานประมูล คนของหอการค้าอื่นๆ ไปหรือยัง?”
พานหลิงเยวี่ยกล่าว “นอกจากหอการค้าตระกูลฉินแล้ว ตอนนี้ยังไม่มีใครไปค่ะ พวกเราจะไปเมื่อไรคะ?”
“ดูสถานการณ์ก่อนแล้วค่อยว่ากัน” พานชิ่งกล่าวทิ้งท้ายแล้วหมุนตัวเดินออกไป ท่าทางดูแล้วไม่มีความสนใจที่จะไป
ภายในช่วงเวลาหลังจากนั้น ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้นที่ไม่ไป แต่คนของหอการค้าอื่นๆ ที่เหลือก็ไม่มีใครโผล่หน้าไปที่ลานประมูลเช่นเดียวกัน
บนเก้าอี้ว่างเปล่าที่ตั้งเรียงเป็นแถว มีแค่เพียงฉินอี๋กับไป๋หลิงหลงเท่านั้นที่เฝ้าอยู่ที่นี่
นอกจากช่วงเวลาที่ต้องไปเข้าห้องน้ำแล้ว ฉินอี๋แทบจะนั่งเฝ้าอยู่ที่นี่ไม่ยอมไปไหน แม้แต่จะกินจะดื่มก็กินอยู่ที่นี่ ไม่ได้นอนเลยทั้งคืน สีหน้าท่าทางดูเหนื่อยล้า ไป๋หลิงหลงที่อยู่ด้านข้างวางมือไปบนร่างกายของเธอเป็นระยะเพื่อถ่ายพลังเข้าไปปรับเลือดลมให้เธอ
ช่วงครึ่งเช้า หนานชีหรูอันกลับมาอีกครั้ง นอกจากผู้คุ้มกันที่คอยติดตามอยู่ข้างกายแล้ว ก็ยังมีเทพธิดาฉิงชุ่ยที่คอยติดตามเขาอยู่ตลอดด้วย
ทั้งสองคนกล่าวทักทาย ก่อนจะนั่งลงข้างกายฉินอี๋
เมื่อเห็นสีหน้าของฉินอี๋ หนานชีหรูอันอยากจะพูดอะไร แต่หลังจากเห็นไป๋หลิงหลงส่ายศีรษะเล็กน้อย เขาจึงไม่ได้พูดออกมา รู้ว่าไป๋หลิงหลงจะต้องเกลี้ยกล่อมฉินอี๋ไปแล้วแน่นอน แต่ก็ไม่เป็นผล
แต่เขาเองก็เข้าใจได้ ความเป็นความตายของหอการค้าตระกูลฉินอยู่ที่การทดสอบด่านนี้ ฉินอี๋ไม่กล้าประมาท
แล้วก็ไม่อยากให้ฉินอี๋ต้องพูดอะไรให้เปลืองแรงด้วย หนานชีหรูอันนั่งเงียบๆ อยู่ด้านข้าง เป็นคุณชายที่ดูสง่างาม
เมื่อถึงเวลาอาหาร เขาก็เดินออกไปพร้อมกับสาวงามด้วยท่าทางผ่อนคลาย
พอถึงช่วงครึ่งบ่าย พวกเขาก็กลับมานั่งอีกครั้ง
……
ช่วงเวลาพลบค่ำ เผิงซีมายังห้องทำงานชั่วคราวของโจวหม่านเชา “คุณน้าครับ อาหารเย็นพร้อมแล้วครับ”
โจวหม่านเชาที่นั่งหลับตาพิงเก้าอี้กล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงเนิบช้าว่า “กี่ครั้งแล้ว?”
เผิงซีย่อมต้องรู้ว่าเขากำลังถามอะไร จึงตอบไปว่า “ถ้าไม่มีอะไรผิดคาดล่ะก็ อีกไม่ช้าก็จะถึงสี่พันห้าร้อยครั้งแล้วครับ”
“สี่พันห้า…ปกติเทพมหาวิญญาณจะถูกกระแทกสามพันครั้ง หอการค้าตระกูลฉินมีของดีอยู่จริงๆ ด้วย…” โจวหม่านเชาคล้ายกล่าวพึมพำกับตัวเอง เขานิ่งเงียบไปเล็กน้อย ก่อนจะโบกมือแล้วกล่าวว่า “พวกแกไปกินกันเถอะ ฉันไม่หิว”
เช้าวันถัดมา ฉินอี๋ที่อยู่ใต้แสงอาทิตย์ยามเช้านอนคอตกอยู่บนเก้าอี้ เหนื่อยล้าจนถึงขีดสุด ไม่รู้ว่าหลับไปตอนไหน ห่มผ้าเอาไว้ผืนหนึ่ง หลับใหลไปท่ามกลางเสียงกระแทกตึงๆ ที่ดังออกมาจากในฉากแสง
ประธานหอการค้าที่เข้าร่วมการประมูลต่างอยู่ในที่พักของตน บ้างยืนบ้างนั่ง บ้างมีสีหน้าคร่ำเคร่ง บ้างมีสีหน้าเรียบเฉย
จากตัวเลขที่แต่ละฝ่ายได้รับมาในตอนนี้ เทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินที่กำลังทำการทดสอบอยู่ในด่าน ‘หล่อหลอมกายา’ ได้รับการกระแทกอย่างต่อเนื่องเป็นจำนวนมากกว่าหกพันครั้งแล้ว ห่างจากเป้าหมายหนึ่งหมื่นครั้งอยู่อีกเพียงสามพันกว่าครั้งเท่านั้น
น่าแปลก ภายในใจประธานหอการค้าแต่ละแห่งต่างมีความรู้สึกกดดันอันหนักอึ้งปรากฏขึ้นมา
ถึงแม้คนเหล่านี้จะไม่ได้มาที่ลานประมูล แต่พวกเขากลับถามถึงจำนวนครั้งในการกระแทกถี่ขึ้นเรื่อยๆ เมื่อจำนวนครั้งในการกระแทกที่เทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินต้องแบกรับยิ่งสูง ภายในใจของหลายๆ คนก็ยิ่งหนักอึ้ง
ภายในตำหนักด้านหลังของตำหนักคุนกว่าง ชายผู้หนึ่งเดินเข้ามาหาหนานหรูที่ยืนอยู่หน้าฉากแสง ประสานมือกล่าวว่า “ท่านเจ้าแคว้นครับ”
หนานหรูกล่าว “คัดเลือกคนที่ไว้ใจได้ออกมา เพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าระวังด่าน ‘หล่อหลอมกายา’ ภายในพื้นที่ห้าลี้ห้ามให้ใครเข้าใกล้ หากไม่มีคำสั่งของฉัน ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องใดๆ ในนั้นทั้งสิ้น หากเกิดปัญหาอะไรขึ้น อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ”
“ครับ!” ชายผู้นั้นรับคำสั่งแล้วออกไป
ราตรีมาเยือนอีกครั้ง หลังจากนั้นไม่นานตัวเลข ‘แปดพันครั้ง’ ก็ดังขึ้นในหูของประธานหอการค้าต่างๆ
คนนอกที่ไม่เข้าใจอาจจะไม่รู้สึกอะไร แต่สำหรับพวกเขาแล้วมันไม่เหมือนกัน
เทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินรับการกระแทกในด่าน ‘หล่อหลอมกายา’ มาแปดพันครั้ง ยิ่งไปกว่านั้นยังรับการกระแทกแปดพันครั้งนั้นด้วยแขนข้างเดียว ตัวเลขนี้ทำให้พวกเขาหายใจไม่ออก
ก่อนหน้านี้เจ้าแคว้นหนานหรูเปลี่ยนกฎและมีท่าทีเอนเอียงเข้าข้างพวกเขา แต่ในเวลานี้มันกลับสร้างความกดดันให้แก่พวกเขาอย่างมาก เพราะไม่มีใครสามารถต่อว่าอะไรหนานหรูได้อีก
ผลการทดสอบในท้ายที่สุดจะปรากฏขึ้นในวันพรุ่งนี้ คืนนี้หลายๆ คนนอนไม่หลับ คนนอกไม่มีทางเข้าใจความรู้สึกรุ่มร้อนใจนั้นได้เลย
จะไม่ให้ร้อนใจก็คงไม่ได้ เพราะนี่เป็นเรื่องที่พัวพันถึงการจัดสรรผลประโยชน์จำนวนมหาศาล หอการค้าที่มีผลประโยชน์อยู่แต่เดิมอาจจะถึงขั้นล้มละลายได้ จำเป็นต้องรู้ก่อนว่าขนาดของหอการค้าที่อาจจะล้มละลายนั้นมีขนาดใหญ่กว่าหอการค้าตระกูลฉินอย่างมาก ผลประโยชน์ที่เกี่ยวพันกับเรื่องนี้จึงมหาศาลเป็นอย่างมาก
แต่ในเวลานี้ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแต่อยู่ในการควบคุมของสภาเซียน แล้วก็ยังมีการถ่ายทอดสดอีก บางคนที่อยากจะเล่นลูกไม้สกปรกอะไรจึงไม่มีโอกาสให้ลงมือได้
….
รุ่งเช้ามาเยือนอีกวันหนึ่ง ในที่สุดประธานของหอการค้าต่างๆ ที่ไม่ได้โผล่หน้ามาเป็นเวลานานก็ทยอยปรากฏตัวขึ้นมา ทยอยนั่งลง คนที่เดินเข้ามาเหลือบมองไปทางฉินอี๋เป็นระยะ
ฉินอี๋ที่เพิ่งจะนั่งหลับไปได้ไม่นานลุกไปล้างหน้า ดูกระปรี้กระเปร่าขึ้นไม่น้อย
ก็เหมือนอย่างที่กล่าวกันว่าคนเรามักจะมีชีวิตชีวาในยามที่เจอเรื่องน่ายินดี ถึงแม้จะยังไม่ถึงช่วงเวลาสุดท้าย แต่การที่หลัวคังอันแสดงความสามารถออกมาถึงขนาดนี้ได้ นี่ก็นับว่าสร้างความประหลาดใจและความน่ายินดีให้กับเธออย่างมากแล้ว!
กลับเป็นประธานหอการค้าต่างๆ ที่ทยอยเดินทางกลับมาชมการประมูล สีหน้าบางคนกลับดูอ่อนล้า ไม่รู้ว่าเมื่อคืนได้นอนหรือไม่
หนานชีหรูอันที่ดูสุขุมนุ่มนวลกวาดตามองซ้ายมองขวาอย่างสง่างาม มองดูปฏิกิริยาของทางนี้ที แล้วก็มองดูปฏิกิริยาของทางนั้นที
ไม่มีใครพูดอะไร ต่างนิ่งเงียบกันหมด แต่ความไม่แน่ไม่นอนของสถานการณ์กลับกำลังกลายเป็นเหมือนคลื่นที่ซัดถาโถมอยู่ในใจคนที่เกี่ยวข้อง
ในช่วงเที่ยง คนบางคนไม่ยินดีมองเห็นภาพภาพหนึ่งที่กำลังจะมาถึง
ฉินอี๋เม้มริมฝีปาก จ้องมองฉากแสง
คนจำนวนมากในเมืองปู๋เชวี่ยกำลังจ้องมองฉากแสง
…..
ในเวลานี้หลัวคังอันที่นั่งอยู่ในที่นั่งผู้ช่วยก็ตื่นตัวขึ้นมาเช่นกัน เขาหยุดการใช้พลังรักษาอาการบาดเจ็บ
การทดสอบก่อนหน้านี้ต้องใช้เวลานานเป็นอย่างมาก จะให้เอาแต่นั่งมองดูหลินยวนเล่นยกน้ำหนักไม่หยุดก็ออกจะน่าเบื่อเกินไป เขาจึงฉวยโอกาสที่อยู่ว่างๆ นี้ใช้พลังรักษากระดูกที่ถูกตีจนหักเสียหน่อย
ตูม! หลินยวนที่ย่อตัวลงไปลุกขึ้นมายืนใหม่อีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับไม่มีลูกโลหะลอยขึ้นไปแล้วร่วงตกลงมาอีกครั้งแล้ว
ภายในหุบเขาที่มีเสียงกระแทกตู้มๆ ดังอย่างต่อเนื่อง จู่ๆ พลันเงียบสนิท
คนที่ถูกเสียงจากในฉากแสงรบกวนมาโดยตลอดก็พบว่าหูของตนพลันเงียบสงัดไปทันทีเช่นกัน แต่ละคนที่ยืนอยู่หน้าฉากแสงพากันกลั้นหายใจจ้องมองฉากแสง
“ครบหนึ่งหมื่นครั้ง หอการค้าตระกูลฉินทดสอบด่านหล่อหลอมกายาเสร็จสิ้น ถอยออกมาได้!”
เทพมหาวิญญาณตนหนึ่งที่เฝ้าอยู่ตรงปากทางเข้าหุบเขาพลันประกาศเสียงดัง ส่งเสียงตะโกนออกมาสามรอบ
จบแล้ว! ผ่านด่านแล้ว!
ถึงแม้ในช่วงสุดท้ายก่อนที่การประมูลจะจบลงฉินอี๋จะมีความมั่นใจแล้ว แต่ในตอนที่ผลการทดสอบถูกประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ ฉินอี๋ยังคงกระเด้งตัวยืนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว บนใบหน้ามีความรู้สึกยินดีที่ไม่อาจควบคุมเอาไว้ได้ปรากฏขึ้นมา
ประธานหอการค้าคนอื่นๆ ที่อยู่ในลานประมูล มีหลายคนที่มีใบหน้าเคร่งเครียด สรุปแล้วคือทุกคนมีสีหน้าดูแย่
แม้กระทั่งอู๋ซีผู้เป็นประธานหอการค้าตระกูลอู๋ก็ไม่ได้มีความรู้สึกยินดีอะไร เทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลอู๋ของเขาก็ถูกหอการค้าตระกูลฉินกำจัดไปด้วยเช่นกัน หนี้ยังไม่ได้ชำระ แล้วจะให้เขายิ้มแสดงความยินดีออกมาได้อย่างไร?
“ประธานฉิน ยินดีด้วยนะครับ!” หนานชีหรูอันปรบมือแสดงความยินดีขึ้นมาเป็นคนแรก ฉิงชุ่ยรีบปรบมือตาม ฉีกยิ้มอ่อนหวาน
ฉินอี๋หมุนตัวมา ค้อมกายให้พวกเขาสองคนเล็กน้อย ก่อนจะรีบหมุนตัวไปยิ้มสบตากับไป๋หลิงหลง จากนั้นนั่งลงจ้องมองฉากแสงต่อ
….
ในเวลานี้เอง ภายในค่ายผู้พิทักษ์เทพทั่วทุกแห่งในดินแดนเซียนมีเสียงพูดคุยกันขึ้นมา
เทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินเต็มไปด้วยร่องรอยความเสียหาย อีกทั้งยังเหลือแขนอยู่อีกข้างหนึ่ง แต่กลับสามารถรับการกระแทกในด่าน ‘หล่อหลอมกายา’ จำนวนหนึ่งหมื่นครั้งได้ นี่หมายความว่าอย่างไร?
หมายความว่าในที่สุดก็มีข่ายพลังเชื่อมข้อต่อของเทพมหาวิญญาณที่น่าเชื่อถือปรากฏขึ้นมาแล้ว
สำหรับผู้พิทักษ์เทพที่รับผิดชอบในการควบคุมเทพมหาวิญญาณอย่างพวกเขาแล้ว นี่ทำให้พวกเขาไม่ต้องกังวลว่าเทพมหาวิญญาณจะเกิดเหตุขัดข้องอะไรขึ้นมาในระหว่างต่อสู้อีก เพราะนั่นเกี่ยวพันถึงชีวิตของพวกเขา เช่นนี้แล้วจะไม่ให้พวกเขาพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ได้อย่างไร?
หลัวคังอันที่นั่งอยู่ในที่นั่งผู้ช่วยถอนใจออกมา “จบแล้ว! จบสักที”
เขาคือคนที่ไม่รู้สึกกังวลใจที่สุด เพราะเขาคือคนที่รับรู้ถึงสภาพของเทพมหาวิญญาณได้อย่างชัดเจนตั้งแต่ต้นจนจบ หลินยวนที่เป็นผู้ควบคุมอยู่ตรงหน้าเขา สภาพของหลินยวนเป็นอย่างไรเขารู้อยู่แก่ใจดี ทำการทดสอบมาจนถึงช่วงสุดท้ายหลินยวนก็ยังไม่มีความลนลานใดๆ แม้แต่น้อย รับการกระแทกอย่างสุขุมเยือกเย็นเหมือนอย่างในตอนแรก เพียงเท่านี้เขาก็รู้แล้วว่าจะต้องผ่านด่านได้แน่นอน
ภายในใจรู้สึกชินตั้งนานแล้ว ในเวลานี้ย่อมไม่ได้มีความรู้สึกยินดีอะไรมากนัก มีเพียงความรู้สึกผ่อนคลายที่ในที่สุดก็จบการทดสอบเสียที
ส่วนหลินยวนที่ทำท่าเดิมซ้ำๆ เป็นจำนวนหนึ่งหมื่นครั้งก็ยืนปรับสภาพร่างกายเล็กน้อย ขยับแข้งขยับขา ก่อนจะควบคุมเทพมหาวิญญาณให้เดินออกมาจากจุดศูนย์กลางของด่าน ‘หล่อหลอมกายา’
ค่อยๆ ก้าวทีละก้าว ในที่สุดก็ปรากฏตัวขึ้นตรงปากทางเข้าหุบเขา สภาพที่ปรากฏอยู่ในฉากแสงยังคงเหมือนก่อนหน้านี้ มีแขนข้างหนึ่ง ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยบาดแผล
แต่สำหรับคนบางส่วนแล้ว เทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินที่กำลังยืนอยู่ตรงนั้นในเวลานี้ดูคล้ายวีรบุรุษผู้กล้า
เทพมหาวิญญาณของค่ายผู้พิทักษ์เทพที่ยืนเฝ้าอยู่ตรงนั้นเอาทวนส่งคืนให้เขา
เทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินรับทวนเอาไว้ด้วยมือข้างเดียว
ผู้คุ้มกันกล่าวอีกว่า “จะเข้าไปในด่านที่สามเลยหรือว่าจะพักผ่อน? ไม่ได้พักผ่อนหลายวันแล้ว ทางกรรมการอนุญาตให้พักผ่อนได้”
หลินยวนไม่ได้ตอบ บนเสื้อผ้ามีตัวหนังสือปรากฏขึ้นมาสองพยางค์ ‘ไปต่อ!’
หลัวคังอันให้ความร่วมมืออย่างรู้ใจ รีบตบไปบนปุ่มสื่อสารพลังเวทแล้วกล่าวเสียงคร่ำเคร่งว่า “ไม่ต้องพัก! ทดสอบรวดเดียวไปเลย ผ่านด่านสามแล้วค่อยว่ากัน”
ท่าทางมันออกมั่นใจเป็นอย่างมาก คำพูดที่มั่นอกมั่นใจนี้ก็ดังขึ้นในหูผู้ชมทุกคนเช่นเดียวกัน
เรื่องออกแรงเป็นหน้าที่ของหลินยวนทั้งหมด ส่วนเรื่องออกหน้าโอ้อวดเขากลับเหมาเอาไว้ทั้งหมด เหมือนเขาจะเชี่ยวชาญเรื่องเอาหน้าเช่นนี้เป็นอย่างมาก
ฉินอี๋ที่จ้องมองฉากแสงไม่ได้แสดงความเห็นใดๆ ออกมา ความจริงเธอเองก็อยากจะให้พักผ่อนเล็กน้อย แต่ในเมื่อหลัวคังอันพูดมาอย่างนี้ เธอจึงไม่ได้ว่าอะไรอีก ตอนนี้เธอที่เป็นคนนอกสายอาชีพจำเป็นต้องเคารพความคิดของหลัวคังอัน
“ก็ได้ อย่างนั้นตามผมมา” ผู้คุ้มกันเอ่ยแจ้ง ก่อนจะบินออกไปก่อน
เทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินเองก็บินตามออกไป บินออกไปด้วยกัน เวลานี้ถึงได้พบว่ารอบๆ มีเทพมหาวิญญาณหลายสิบตนปรากฏขึ้นมา คอยคุ้มครองอยู่รอบด้าน
ครั้งนี้ โดรนวิเศษที่ตามถ่ายไม่ได้ตามไป เพราะพวกมันเข้าไปในด่าน ‘ข่ายพลังหมื่นฤทธา’ ที่เป็นด่านต่อไปไม่ได้ หากเข้าไปจะต้องถูกทำลาย
แต่ว่าเมื่อข่ายพลังหมื่นฤทธาทำงานขึ้นมา มันก็จะมีภาพสะท้อนของข่ายพลังปรากฏขึ้นมาเพื่อให้ตรวจสอบดูความยุติธรรมอยู่ แล้วก็เพื่อให้ผู้ควบคุมข่ายพลังสะดวกในการควบคุมด้วย ส่วนโดรนวิเศษก็จะไปรวมตัวกันอยู่ข้างผู้ควบคุมข่ายพลัง
…..
ณ พื้นที่โล่งกว้างที่เห็นได้ชัดว่าผ่านการดัดแปลงมาดูรกร้างว่างเปล่าเป็นอย่างมาก เทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินบินออกมาจากฝูงเทพมหาวิญญาณ ลงไปบนที่โล่งกว้าง รกร้างจนกระทั่งไม่มีต้นหญ้าแม้แต่ต้นเดียว
เทพมหาวิญญาณตนอื่นๆ ที่มาส่งทยอยบินออกไป เทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินที่ยืนอย่างโดดเดี่ยวอยู่ในพื้นที่โล่งกวาดตามองไปรอบๆ มองเห็นแต่เพียงภูเขาสูงที่ตั้งกระจัดกระจายโอบล้อมที่แห่งนี้อยู่ไกลๆ
“หวึ่ง!”
พื้นดินพลันสั่นสะเทือนขึ้นมา เทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินรับรู้ได้ถึงคลื่นพลังงานของข่ายพลังที่มีความรุนแรงเป็นอย่างมาก จึงค่อยๆ เพิ่มความระแวดระวังขึ้นมา
ทันใดนั้นพลันรับรู้ได้ว่าแสงสว่างที่อยู่รอบกายค่อยๆ สลัวลง จึงเงยหน้ามองขึ้นไป มองเห็นภายในความมืดบนท้องฟ้ามีไอหมอกไหลทะลักออกมา ไอหมอกจับตัวหนาขึ้น ค่อยๆ รวมตัวกลายเป็นเมฆดำมืดที่ปั่นป่วนอยู่ทั่วท้องฟ้า
…………………………………………………………………..