ตอนที่ 127 โดนคนเล่นสกปรก
และวังพิฆาตมารที่หยางเจินบังคับบัญชาอยู่นั้นเป็นหน่วยรบของทางการที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในดินแดนเซียน ในแง่หนึ่งแล้วความคิดของเขาก็เป็นเสมือนตัวแทนความคิดของทางฝั่งกองทัพเช่นกัน
เดิมทีเทพมหาวิญญาณก็เป็นอาวุธของทางกองทัพของดินแดนเซียนอยู่แล้ว ดังนั้นความคิดเห็นของหยางเจินจึงมีน้ำหนักอย่างมาก
เห็นได้ชัดว่าประสิทธิภาพที่เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินแสดงออกมานั้นเป็นที่ถูกใจของทางฝั่งกองทัพจริงๆ ช่วยไม่ได้ เพราะนี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของคนจำนวนมากในกองทัพ เมื่อได้เจออะไรดีๆ ก็ย่อมต้องชื่นชอบเป็นธรรมดาอยู่แล้ว
แต่สำหรับฝ่ายที่มีความเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์บางกลุ่มแล้ว สถานการณ์ในเวลานี้นับว่าแย่ลงเรื่อยๆ
ในอดีตที่ผ่านมา เหตุใดด่าน ‘หล่อหลอมกายา’ ถึงกำหนดจำนวนครั้งในการกระแทกเอาไว้ที่สามพันครั้งล่ะ? มิใช่เป็นเพราะขีดจำกัดในด้านนี้ของเทพมหาวิญญาณที่เป็นอาวุธขนาดใหญ่ในปัจจุบันนี้มีอยู่เพียงเท่านี้หรอกหรือ นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะให้เทพมหาวิญญาณของหอการค้าที่มีผลประโยชน์อยู่แต่เดิมรับการกระแทกหนึ่งหมื่นครั้งด้วยแขนข้างเดียวเลย เกรงว่าต่อให้ใช้แขนทั้งสองข้างรับการกระแทกหนึ่งหมื่นครั้งก็คงจะเป็นไปได้ยาก
เพราะเดิมทีการทดสอบจำนวนสามพันครั้งเมื่อในอดีตก็กำหนดให้ใช้แขนทั้งสองข้างรับอยู่แล้ว
ตอนนี้คนจำนวนไม่น้อยพบว่าการตัดสินใจเปลี่ยนกฎเพื่อเล่นงานหอการค้าตระกูลฉินของเจ้าแคว้นหนานหรูได้ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ตรงกันข้าม แต่ก็ไม่มีใครจะไปว่าอะไรหนานหรูได้ ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะว่าเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินที่สูญเสียแขนไปแล้วข้างหนึ่งจะยังสามารถรับการกระแทกหนึ่งหมื่นครั้งได้?
สรุปแล้วก็คือรูปการณ์ในเวลานี้เป็นผลเสียต่อหอการค้าตระกูลพานและหอการค้าตระกูลโจวอย่างมาก ก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับหอการค้าตระกูลฉินก็ย่ำแย่อย่างมากอยู่แล้ว ผลลัพธ์ของการปล่อยให้หอการค้าตระกูลฉินผงาดขึ้นมาได้จะเป็นอย่างไร ทั้งสองตระกูลเพียงแค่คิดดูก็รู้สึกกลัวแล้ว
เมิ่งซู่ที่เป็นผู้ช่วยของโจวหม่านเชาเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว กล่าวรายงานว่า “ท่านประธานครับ หลัวคังอันถูกพาตัวไปที่ตำหนักคุนกว่างแล้วครับ”
สองฝ่ายที่โต้เถียงกันอยู่พลันเงียบลงทันที
เผิงซีเอ่ยว่า “ได้แต่หวังว่าหลัวคังอันจะไม่พูดเรื่องเสวี่ยหลานออกมา”
พานชิ่งพูดด้วยอารมณ์โมโหว่า “เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาจะพูดหรือไม่พูดถึงเรื่องของเสวี่ยหลาน ก็ยังจะมีความสำคัญอะไรอีก?”
เผิงซี “อย่าลืมสิครับว่าก่อนหน้านี้หลัวคังอันปกปิดเรื่องของเสวี่ยหลานเอาไว้ ถ้าครั้งนี้เขายังคงปิดบังมันต่อไป เราก็พอจะรู้ได้ว่าหลัวคังอันกังวลกับเรื่องนี้มาก แล้วพวกเราก็ใช้มันมาขู่เขาได้ หลังจบการประมูลครั้งนี้แล้ว หอการค้าตระกูลฉินจะต้องเชื่อใจหลัวคังอันเป็นอย่างมากแน่นอน” ประโยคสุดท้ายนั้นเรียกได้ว่ามีความนัยที่ลึกซึ้งแฝงเอาไว้อยู่
เมื่อได้ยินเช่นนี้ทุกคนก็เข้าใจความหมายของเขา ทุกคนที่อยู่ในที่นี้ต่างมีสีหน้าคล้ายครุ่นคิด เข้าใจความหมายที่ลึกซึ้งที่อยู่ในคำพูดของเผิงซี
……
นอกตำหนักคุนกว่าง หลัวคังอันที่ถูกพาตัวมาเดินขึ้นบันไดไป ผู้คุ้มกันนอกตำหนักคุนกว่างทั้งสองคนต่างมองดูเขา
ความเคารพ! หลัวคังอันมองเห็นความรู้สึกนี้จากในสายตาของผู้คุ้มกันที่อยู่ด้านนอกตำหนักคุนกว่างทั้งสองคน เป็นความรู้สึกที่ทำให้เขาเดินขึ้นบันไดไปอย่างผ่าเผยได้
ท่ามกลางสายตาที่มองมาเหล่านี้ หลัวคังอันรู้ได้อย่างแน่ชัดว่าตัวเลือกของตัวเองในเวลานี้คืออะไร เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ค่อยๆ สะกดความรู้สึกหวาดกลัวภายในใจของตัวเองลงไป
ในเรื่องบางเรื่อง หากถลำลึกลงไปแล้วก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีก หลินยวนได้บอกเขาอย่างชัดเจนแล้ว หากเขาไม่กัดฟันสู้ต่อ เขาก็จะสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไป!
เมื่อเข้าไปในตำหนัก เขาก็ได้เห็นเจ้าเมืองสามสิบหกคนที่เป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่ภายในตำหนักแห่งนี้
ภายใต้สายตาของทุกคนที่มองมา เขาดูสงบเยือกเย็น ประสานมือทำความเคารพเจ้าแคว้นหนานหรูที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ “หลัวคังอันคารวะท่านเจ้าแคว้น”
สายตาของเจ้าแคว้นหนานหรูที่มองลงมากำลังสำรวจมองดูเขา ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย
เจ้าเมืองสามสิบหกคนได้เห็นท่าทีที่สุขุมเยือกเย็นกับตาตัวเอง ได้เห็นการคารวะที่ไร้ซึ่งความเก้ๆ กังๆ ของหลัวคังอันด้วยตาตัวเอง แต่ละคนเริ่มกล่าวพึมพำขึ้นมาในใจ
เรื่องราวดำเนินมาถึงตอนนี้ ทุกคนย่อมต้องทราบประวัติความเป็นมาของหลัวคังอันมาบ้างแล้ว เมื่อได้เห็นบุคลิกท่าทางและการพูดจาของคนผู้นี้ มันดูมิคล้ายคนรักตัวกลัวตายเลย เห็นทีข่าวลือบางเรื่องจะเป็นเรื่องที่ไม่จริงเสียส่วนใหญ่ ส่วนเรื่องที่เกี่ยวพันไปถึงท่านสองนั้นยังไม่อาจบอกได้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่
พอลองมาคิดดูๆ ก็พบว่าจริงดั่งว่า คนที่เข้าไปอยู่ในข่าวลือของท่านสองได้จะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร? คนทั่วไปเพียงแค่คิดจะเข้าใกล้ก็ยังยากเลย
ลั่วเทียนเหอที่อยู่ตรงนั้นให้ความสนใจหลัวคังอันเป็นพิเศษ เขาเคยตรวจสอบประวัติของหลัวคังอันมานานแล้ว ความสามารถที่หลัวคังอันแสดงออกมาในการประมูลครั้งนี้เหนือความคาดหมายของเขาไปอย่างมาก และเมื่อได้มาเห็นตัวจริงของอีกฝ่ายที่ดูสุขุมเยือกเย็นเช่นนี้กับตาตัวเอง ลั่วเทียนเหอจึงครุ่นคิดขึ้นมาแล้วว่าตนเองคงต้องตรวจสอบประวัติของหลัวคังอันคนนี้อย่างละเอียดดูอีกทีแล้ว
ความจริงเรื่องบางเรื่องนั้นเป็นทุกคนที่คิดมากไปเอง อันที่จริงหลัวคังอันนั้นเคยเป็นผู้พิทักษ์เทพของเมืองหลวงมาก่อน แม้เรื่องอื่นๆ ผู้พิทักษ์เทพของเมืองหลวงอาจจะไม่เคยประสบพบเจอมาก่อน แต่บรรดาเจ้าหน้าที่น้อยใหญ่ในสภาเซียนพวกเขากลับเคยพบเจอมาไม่น้อย พวกเจ้าหน้าที่ในเมืองหลวงที่มีระดับสูงกว่าเจ้าหน้าที่ภายในตำหนักแห่งนี้มีอยู่เยอะแยะเต็มไปหมด
ต่อให้เขาจะไม่เคยเข้าไปยืนอยู่ตรงหน้าพวกเจ้าหน้าที่ระดับสูงๆ ของสภาเซียน แต่อย่างน้อยๆ ก็เคยเดินผ่านในระยะใกล้ๆ มาบ้าง
ขอเพียงเขาตัดสินใจแน่วแน่แล้ว เขาก็ไม่มีทางตัวสั่นหวาดกลัวเพราะตำแหน่งของคนเหล่านี้ได้
หลังจากเลขาธิการกลางซุนฉีซั่งได้รับสายตาของเจ้าแคว้นหนานหรูที่ส่งสัญญาณมา จึงพูดด้วยเสียงอันดังทันทีว่า “หลัวคังอัน กรรมการทุกท่านมีคำถามเกี่ยวกับการประมูลครั้งนี้ นายจะต้องตอบมาทั้งหมดตามความจริง ห้ามไม่ให้มีการปิดบังใดๆ แม้แต่น้อย เข้าใจหรือไม่? ”
หลัวคังอันประสานมือไปทางเขา “น้อมรับคำสั่ง!”
ซุนฉีซั่งถามด้วยเสียงเข้มว่า “นายคือคนควบคุมเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินใช่หรือไม่?”
หลัวคังอัน “ใช่ครับ”
ซุนฉีซั่ง “ทันทีที่เทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินเข้าไปในแดนแมงมุมสวรรค์ก็เกิดความผิดปกติขึ้น นายรู้เรื่องนี้หรือไม่?”
หลัวคังอัน “มีความผิดปกติจริงครับ”
ซุนฉีซั่ง “มีความผิดปกติอะไร?”
หลัวคังอัน “ขณะที่เพิ่งจะเข้าไปในแดนแมงมุมสวรรค์ แขนซ้ายของเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ ทำเอาผมมือไม้ปั่นป่วนทำอะไรไม่ถูก จนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดเพราะเหตุนี้ ผมพยายามอยู่พักใหญ่กว่าจะปรับตัวเข้ากับมันได้”
ก่อนที่จะเอ่ยคำถามสำคัญออกมา ซุนฉีซั่งได้กวาดตามองกลุ่มกรรมการเล็กน้อย ภายในใจหวังว่าฝั่งของฉินอี๋จะทำการเตรียมตัวรับมือเอาไว้ล่วงหน้าหลังได้รับแจ้งจากตนไปแล้ว เขาจึงถามต่อว่า “เป็นเพราะข่ายพลังภายในเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินมีปัญหาหรือ?”
ทุกคนรีบจ้องมองปฏิกิริยาของหลัวคังอันทันที
หลัวคังอันตอบด้วยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ใช่ครับ”
ทันทีที่คําพูดนี้ถูกเอ่ยออกมา ผู้คนในตำหนักก็เริ่มส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ฟังดูวุ่นวายขึ้นมาทันที มีคนตะโกนว่า “ดูเหมือนพวกเราจะพูดถูกสินะ เป็นเพราะข่ายพลังที่หอการค้าตระกูลฉินสร้างขึ้นมามีข้อบกพร่องอยู่จริงๆ ด้วย”
“ใช่แล้ว” อีกหลายคนพากันกล่าวสำทับขึ้นมา
ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ฟังดูวุ่นวาย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับบรรยากาศที่เทไปอยู่ฝั่งเดียว หลัวคังอันเกือบจะข่มอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่ ไม่รู้ว่าควรจะรับมืออย่างไรดี กลัวว่าตัวเองจะรับมือไม่ถูกแล้วเผยพิรุธจนทำให้คนสงสัยเอาได้
นี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับชะตาชีวิตและอนาคตของตัวเอง เขาจำเป็นต้องคิดหาวิธีรับมือ
ช่วยไม่ได้ เขาทำได้เพียงคิดว่าตัวเองเป็นหลินยวน จินตนาการว่าตัวเองเป็นหลินยวน ต้องจินตนาการว่าคนอย่างหลินยวนเมื่อต้องเจอกับสถานการณ์เช่นนี้จะทำอย่างไร
หลังจากที่คิดใคร่ครวญอยู่พักหนึ่ง เขาก็ได้เลียนแบบหลินยวน หันหน้ากลับไปอย่างรวดเร็ว กวาดมองดูกลุ่มคนที่กำลังพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์ด้วยสายตาเย็นชา กล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยชาว่า “พูดถูกอะไร ใช่แล้วอะไร ข้อบกพร่องอะไร พวกท่านอยากจะพูดอะไรกันแน่?”
ท่าทางที่ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเช่นนี้ทำให้ภายในบริเวณนั้นเงียบสงัดลงทันที คล้ายพวกเขาจะคิดไม่ถึงว่าจะถูกเขาถามกลับแบบนี้
ลั่วเทียนเหอยกมือขึ้นมาลูบเครา พบว่าหลัวคังอันผู้นี้เปลี่ยนไปเป็นคนละคนอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ เมื่อดูจากเหตุการณ์ตอนที่ทางเมืองปู๋เชวี่ยสอบปากคำเขาแล้ว มันไม่เหมือนกับในวันนี้เลย
หลังจากที่ภายในตำหนักเงียบเสียงไป ก็มีคนตะโกนด้วยความโกรธว่า “บังอาจ!”
หลัวคังอันใจเต้นระรัวขึ้นมา แต่ถึงอย่างไรก็ต้องเดินหน้าต่อ เพราะไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว เขาหันกลับไปมองผู้ที่นั่งอย่างเป็นสง่าอยู่บนบัลลังก์ “กระผมใคร่ขอถามท่านเจ้าแคว้น ท่านเรียกกระผมมาสอบถามไม่ใช่หรือครับ? หรือว่าไม่อนุญาตให้กระผมพูด?”
หนานหรูจ้องมองเขาด้วยสายตาคร่ำเคร่งเล็กน้อย ก่อนจะยกมือขึ้นปรามผู้ใต้บังคับบัญชาที่กำลังจะแสดงความโกรธเกรี้ยวพร้อมเอ่ยปากออกมาเองว่า “กรรมการหลายท่านบอกว่าเมื่อดูจากแขนซ้ายที่ใช้การไม่ได้ของเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินข้างนั้นแล้ว พวกเขาคิดว่าข่ายพลังของเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินยังมีข้อบกพร่องอยู่ ตัวนายในฐานะที่เป็นผู้ควบคุม นายมีความเห็นว่าอย่างไร?”
หลัวคังอันประสานมือกล่าวตอบ “เรียนท่านเจ้าแคว้น ไม่ได้มีข้อบกพร่องใดๆ ทั้งสิ้นครับ หากแต่มีคนมาเล่นสกปรกกับเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินเอาไว้ก่อนการประมูลครับ”
“เล่นสกปรก?” บางคนส่งเสียงฮือฮาขึ้นมา บางคนขมวดคิ้วขึ้นมาเงียบๆ ปฏิกิริยาแตกต่างกันไป
หนานหรูรู้สึกประหลาดใจ จึงถามต่อว่า “ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่จะนายมาพูดจาเหลวไหลได้ นี่คืองานประมูลที่ทางสภาเซียนจัดขึ้นมา นายจะต้องรับผิดชอบสิ่งที่นายพูดออกมา ดังนั้นนายจะต้องคิดให้ดี นายแน่ใจนะว่ามีคนเล่นสกปรก? ”
หลัวคังอัน “กระผมเป็นผู้ควบคุม กระผมรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามีคนมาเล่นสกปรกอะไรบางอย่างกับเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉิน ไม่ใช่ปัญหาที่เกิดจากตัวเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินเอง หากแต่มีคนตั้งใจทำลายเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉิน กระผมไม่กล้าพูดจาเหลวไหล หากมีคำโกหกแม้เพียงนิดเดียว กระผมยินดีรับโทษครับ! ”
หนานหรูไม่ได้พูดอะไรอีก ใช้สายตาเย็นชากวาดมองดูทุกคนที่อยู่ตรงนั้น
มู่ชิงโหรวเจ้าเมืองเทียนกู่และชางเจ๋อเจ้าเมืองฝูปออดไม่ได้ที่จะเอียงศีรษะมองข้ามคนอื่นมา สายตาสบกันเล็กน้อย ภายในใจของทั้งสองเริ่มไม่มั่นใจ นึกสงสัยขึ้นมาก่อนเลยว่าจะใช่ฝีมือของหอการค้าตระกูลโจวและหอการค้าตระกูลพานหรือไม่
หนานหรูหันไปมองทางเลขาธิการกลางซุนฉีซั่ง “เทพมหาวิญญาณของหอการค้าต่างๆ ที่เข้าร่วมการประมูลต่างก็ถูกเก็บอยู่ในค่ายผู้พิทักษ์เทพของเมืองคุนกว่าง ตอนนี้มีคนฟ้องร้อง กล่าวหาว่ามีคนมาเล่นสกปรกกับเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉิน ท่านจะอธิบายว่าอย่างไร?”
ซุนฉีซั่งเองก็คิดไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนี้ จึงโค้งคำนับแล้วพูดว่า “ผู้น้อยจะรีบออกไปตรวจสอบเดี๋ยวนี้ครับ”
หนานหรูเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ไปตรวจสอบ!”
กล่าวจบก็ลุกขึ้นยืน สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินออกไป การโต้เถียงที่กินเวลายาวนานจึงสิ้นสุดลงไปด้วย
แล้วก็ไม่มีใครโต้เถียงอะไรกันอีก ส่วนใหญ่ต่างรีบกลับไปสอบถามหอการค้าที่อยู่เบื้องหลังตนเองว่าเป็นฝีมือพวกเขาหรือเปล่า? เพราะทุกหอการค้าที่เล่นงานหอการค้าตระกูลฉินล้วนแต่เป็นผู้ต้องสงสัย เกรงว่าถ้าไม่ระวังจนเกิดเรื่องขึ้น ตัวเองจะพลอยซวยไปด้วยได้
…..
หลัวคังอันกลับมาถึงค่ายผู้พิทักษ์เทพ เขาเดินทางกลับมาพร้อมแผ่นหลังที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ ทันทีที่มาถึงก็ไปหาหลินยวน เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง
หลินยวนเห็นท่าทีที่หวาดผวาของเขา จึงพูดปลอบว่า “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ไม่เป็นไร”
หลัวคังอันพูดด้วยเสียงอันเบาว่า “นายแน่ใจนะว่าถ้าฉันสารภาพเรื่องของเสวี่ยหลานไปแล้วจะไม่เป็นไร?”
หลินยวน “ไม่เป็นไร”
“……” หลัวคังอันพูดไม่ออก ตอบแบบนี้จะไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ เขาเหมือนจะสัมผัสถึงความสบายใจใดๆ ไม่ได้เลย
หยินยวนชำเลืองมองเขา รู้ว่าเขากำลังกังวลอะไรอยู่ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ในเมื่อเลือกจะเดินทางนี้แล้ว ก็ไม่มีทางให้หันหลังกลับ นี่เท่ากับเป็นการลิขิตแล้วว่าเขาจะต้องเริ่มเผชิญกับอุปสรรคขวากหนาม เมื่อประสบพบเจอเยอะเข้าก็จะชินไปเอง แล้วก็จะเยือกเย็นขึ้นเอง
ในอดีตตอนที่ตัวเขาเพิ่งจะเริ่ม เขาก็เริ่มต้นด้วยความหวาดกลัวแบบนี้เช่นกัน ไม่มีทางให้หันหลังกลับ
ไม่ได้มีแค่หลัวคังอันเท่านั้นที่มาที่นี่ ซุนฉีซั่งเองก็มาด้วย นำเจ้าหน้าที่มาด้วยตัวเอง
เขานำเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบสภาพพื้นที่ แม้แต่ภายในเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินก็พาเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบด้วยตัวเอง แล้วพบจุดที่เกิดความเสียหาย พอให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบก็พบว่าจุดที่เกิดความเสียหายนี้คือสาเหตุสำคัญที่ทำให้แขนซ้ายของเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินใช้การไม่ได้
เมื่อตรวจสอบจนแน่ใจแล้ว สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปทันที ซุนฉีซั่งออกคำสั่ง เริ่มจับคนทันที!
ทุกคนที่เคยเข้าไปภายในเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินในช่วงเวลาที่เทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินอยู่ที่นี่ล้วนถูกควบคุมตัวเอาไว้ทั้งหมด
เจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุงของหอการค้าตระกูลฉินนั้นยากจะหนีรอดการควบคุมตัวครั้งนี้ไปได้ รวมถึงเจ้าหน้าที่ของผู้พิทักษ์เทพของเมืองนี้ที่เข้าไปตรวจสอบด้านในเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินในตอนเริ่มการประมูลเพื่อดูว่ามีคนแอบซ่อนตัวอยู่หรือไม่ด้วย แล้วก็ยังมีหลินยวนกับหลัวคังอัน ทุกคนที่มีความเกี่ยวข้องไม่มีใครเล็ดลอดไปได้แม้แต่คนเดียว ทั้งหมดล้วนถูกควบคุมตัวทันที
จากนั้นก็เป็นการสอบสวนที่เข้มงวดเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อไม่มีใครยอมรับว่าตัวเองได้เล่นลูกไม้สกปรกอะไรกับเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉิน จากนั้นก็ย่อมต้องเป็นการบีบให้สารภาพว่าเคยเห็นใครเข้าไปภายในเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินหรือไม่
เมื่อจะต้องเผชิญกับการสอบสวนเช่นนี้ หลัวคังอันที่อยู่ภายในห้องสอบสวนนั้นก็เอาแต่เงียบ ไม่ยอมพูดอะไรอยู่นาน
เจ้าหน้าที่สอบสวนค่อนข้างสุภาพกับเขา “หลัวคังอัน มีคนเกือบจะเอาชีวิตของคุณไปแล้ว หากมีอะไรผิดปกติก็อย่าได้ปกปิด ไม่อย่างนั้นถ้าเกิดตรวจสอบพบในภายหลัง มันจะไม่เป็นผลดีกับตัวคุณนะ”
ที่เขาสุภาพกับหลัวคังอันเพราะมีเหตุผลอยู่สองอย่าง หนึ่งคือเขาเคยเห็นถึงความแข็งแกร่งของหลัวคังอัน สองคือไม่คิดว่าหลัวคังอันจะทำร้ายตัวเอง และคิดว่าหลัวคังอันเข้ารับการสอบสวนแค่พอเป็นพิธีเท่านั้น
หลัวคังอันสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “ไม่เคยเห็นที่นี่ แต่ไม่ทราบว่าถ้าเคยเห็นที่ค่ายผู้พิทักษ์เทพที่เมืองปู๋เชวี่ยนี่นับว่าเคยเห็นหรือไม่?”
…………………………………………………………