ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 134 ผ่อนคลาย

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 134 ผ่อนคลาย

กล่าวจบก็ค่อยๆ จิบชาที่ฉินอี๋เทให้

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินอี๋ก็เข้าใจแล้วว่าอีกฝ่ายได้ตอบตกลงแล้ว

นี่คือการตอบตกลงแล้ว เธอเองก็ไม่มีทางที่จะไปขอให้คนระดับนี้ต้องเอ่ยปากออกมาให้ได้ว่าผมจะฆ่าคนในตระกูลเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน

เรื่องบางเรื่องมันไม่สะดวกจะพูดออกมาตรงๆ รู้อยู่ในใจก็พอ ฉินอี๋พยักหน้าอย่างเยือกเย็น “ได้ค่ะ

หนานชีหรูอันวางถ้วยน้ำชาลง ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบสัญญามา พลิกเปิดออกอ่าน กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ก็เอาตามนี้แล้วกันครับ”

ในเมื่อเอาแบบนี้ ฉินอี๋ก็ไม่กล่าวอะไรอีก หากแต่รีบเซ็นสัญญาที่ร่างเอาไว้เรียบร้อยพร้อมกับหนานชีหรูอัน

แล้วก็ไม่กลัวว่าอีกฝ่ายจะกลับคำเรื่องเฉินซานด้วย เพราะในแง่หนึ่งแล้ว สถานะของอีกฝ่ายก็คือชื่อเสียงและความน่าเชื่อถืออย่างหนึ่ง

หลังเซ็นสัญญาเสร็จเรียบร้อย ฉินอี๋ก็ไม่คิดที่จะรั้งอยู่ต่อ เธอกล่าวว่า “ขอบคุณคุณชายมากค่ะ แต่ที่เมืองปู๋เชวี่ยยังมีงานอีกหลายอย่างที่รอฉันกลับไปจัดการ ฉันขอตัวลาก่อนนะคะ”

หนานชีหรูอันนั่งนิ่ง กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ไม่ส่งนะครับ”

ไม่ได้มีความกระตือรือร้นและความเกรงใจเหมือนอย่างตอนที่ช่วยกางร่มบังแดดให้ฉินอี๋ก่อนหน้านี้อีก เขาถูกเงื่อนไขของฉินอี๋ทำให้หมดอารมณ์แล้วจริงๆ

ภายนอกไม่ได้แสดงท่าทีอะไร แต่ภายในใจกลับรู้สึกไม่สบอารมณ์ ความรู้สึกที่ถูกผู้หญิงควบคุมจัดการเช่นนี้มันไม่น่าอภิรมย์เอาเสียเลย

ไม่ส่ง? ฉินอี๋ไม่สนใจ เธอกลับกลัวว่าเขาจะออกมาส่งเสียด้วยซ้ำ ถ้าเขาออกมาช่วยกางร่มอะไรทำนองนั้นอีก เธอกลัวว่ามันจะกลายเป็นข่าวลือไปถึงหูของหลินยวนได้

ในสายตาของเธอตอนนี้ หลินยวนทำประโยชน์อะไรไม่ได้เลย เรียกว่าไร้ความสามารถก็ว่าได้ เธอกลัวว่าหลินยวนจะไม่มีความหยิ่งในศักดิ์ศรีมากพอ แล้วจะทำให้เป้าหมายของเธอสำเร็จได้ยากขึ้น

หญิงสาวสองคนรีบออกมา ออกมาจากหอกุยโหลวแล้วตรงไปที่สะพาน หลังข้ามมาถึงริมฝั่งก็รีบมุดเข้าไปในรถทันที

หนานชีหรูอันที่อยู่บนหอกุยโหลวค่อยๆ ลุกขึ้นยืน เดินมายังริมราวกั้น มองดูพวกฉินอี๋จากไป สีหน้าดูสับสน

หลังขบวนรถแล่นออกไปแล้ว เขาพลันกล่าวออกมาว่า “หลีอู่ นายคิดว่ายังไงบ้าง?”

หลีอู่ก็คือผู้ติดตามคนสนิทที่คอยยืนอยู่ข้างกายเขาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ เขาตอบอย่างเฉยชาว่า “เรื่องในวันนี้ผมจะแจ้งท่านผู้นำตระกูลทั้งหมดครับ”

เดิมทีเขาก็เป็นผู้คุ้มกันที่ผู้นำตระกูลหนานชีส่งมาให้คอยคุ้มครองหนานชีหรูอันอยู่แล้ว การที่เขาจะเอาเรื่องนี้ไปแจ้งทางผู้นำตระกูล หนานชีหรูอันไม่ได้รู้สึกแปลกใจเลยแม้แต่นิดเดียว

แต่สิ่งที่หนานชีหรูอันถามไม่ใช่เรื่องนี้ เขาอยากจะถามว่าอีกฝ่ายคิดว่าฉินอี๋เป็นอย่างไร หนานชีหรูอันจึงถอนใจพลางกล่าว “นายรู้ไหมว่าบางครั้งนายนี่ก็น่าหงุดหงิดจริงๆ เลย? เป็นเหมือนท่อนไม้ที่ไม่รู้จักเรื่องความรู้สึก ถามนายไปก็เปลืองน้ำลายเปล่า”

กล่าวจบก็หมุนตัว เดินไปตรงโต๊ะที่นั่งเมื่อครู่นี้ สายตามองไปยังถ้วยชาที่ฉินอี๋เคยใช้ ค่อยๆ เอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมา

หลังพินิจพิเคราะห์ดูอย่างละเอียด เขาก็ค่อยๆ เดินกลับไปที่ริมรั้วอีกครั้ง ยื่นถ้วยชาออกไป จากนั้นเอียงถ้วยชา น้ำชาที่ยังเหลืออยู่ในถ้วยหกลงไปด้านล่าง

เขาหันหน้าเข้าหาแสงอาทิตย์ ยกถ้วยชาคริสตัลขึ้นส่องดู

ก่อนจะเห็นว่าบนปากถ้วยชามีรอยลิปสติกสีแดงอยู่แถบหนึ่ง เป็นรอยลิปสติกสีแดงที่ริมฝีปากอันร้อนแรงของฉินอี๋ทิ้งเอาไว้ เอกลักษณ์ประจำตัวของฉินอี๋ก็คือลิปสติกที่มักจะทาจนเข้มอยู่เสมอ

เขาหันหน้าเข้าหาแสงอาทิตย์ หรี่ตาเล็กน้อย มองเห็นลวดลายริมฝีปากที่อยู่บนรอยลิปสติกของฉินอี๋ได้อย่างชัดเจน

เขาวางถ้วยลง นิ้วชี้ข้างหนึ่งกดลงไปบนรอยลิปสติก จากนั้นพลิกนิ้วขึ้นมาดู พบว่าบนนิ้วมีรอยสีแดงจางๆ เปื้อนอยู่ จึงใช้นิ้วบี้เล็กน้อย รอยแดงจางๆ หายไปบนผิวของนิ้ว นิ้วมือยังคงบี้ไปมาอย่างแผ่วเบา คล้ายกำลังหวนคิดถึงอะไรบางอย่าง

เขาหยิบถ้วยชาขึ้นมา ก้มศีรษะเล็กน้อย ปลายจมูกสูดดมไปที่รอยลิปสติกที่อยู่บนปากถ้วยชา หลับตาสูดดมอย่างแผ่วเบาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเงยหน้าลืมตา จ้องมองไปยังทิศทางที่ฉินอี๋จากไป กล่าวพึมพำกับตัวเองว่า “ไม่เข้าใจจริงๆ…ผู้หญิงดีๆ คนหนึ่ง ทำไมถึงไปชอบผู้หญิงได้ ไม่รู้สึกขยะแขยงเหรอ”

แม้นปากจะพูดว่าขยะแขยง แต่ในมือกลับยังคงถือถ้วยเอาไว้ พินิจชื่นชมรอยริมฝีปากอันอวบอิ่มรอยนั้นอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์อย่างละเอียด จากนั้นเอามาสูดดมอีกครั้ง

หลังหยุดมองและหยุดดม เขาก็พลิกมือ ถ้วยชาใบนี้พลันหายเข้าไปในแหวนสารพัดนึกของเขา ถูกเขาเก็บเอาไว้

สองมือที่ว่างลงไพล่ไว้ด้านหลัง ร่างกายสูงใหญ่ยืนตระหง่านอยู่ริมราวกั้น อาภรณ์สีขาวดุจหิมะพลิ้วไหวเมื่อต้องลม ใบหน้าหล่อเหลาเยือกเย็น บุคลิกท่าทางมีสง่าราศี ทว่าสีหน้ากลับดูเศร้าสร้อย

……..

เมื่อกลับมาถึงที่พักและเข้าไปในห้องของตัวเอง ฉินอี๋ก็รีบสะบัดเท้าเตะรองเท้าส้นสูงที่สวมอยู่บนเท้าออกไปทันที ถอนใจออกมาคล้ายยกภูเขาออกจากอก ไม่ได้มีท่าทางสง่างามเหมือนอย่างที่แสดงให้คนภายนอกเห็น

หลังจัดการเรื่องบางเรื่องเสร็จเรียบร้อย เธอก็นับว่าได้ผ่อนคลายเสียที

เธอเดินด้วยเท้าเปล่า เดินไปพลางแกะสายรัดเสื้อผ้าไปพลาง เปลื้องอาภรณ์ที่อยู่บนร่างออกแล้วโยนออกไป เธออยากจะอาบน้ำ

หลายวันก่อนหน้านี้เรียกได้ว่าแทบจะไม่ได้อาบน้ำเลย หลังเรื่องการประมูลจบไปก็มีเรื่องที่หลัวคังอันถูกคุมตัวเอาไว้ในค่ายผู้พิทักษ์เทพปรากฏขึ้นมาอีก หลังจัดการเรื่องเหล่านั้นเสร็จเรียบร้อย ในที่สุดเธอก็ได้พักผ่อนเสียที

ไป๋หลิงหลงที่เดินตามอยู่ด้านหลังยิ้มอย่างเหนื่อยใจ คอยตามเก็บเสื้อผ้าที่เธอโยนสะเปะสะปะขึ้นมา ในเวลานี้เมื่อไม่มีคนนอกอยู่ เธอถึงกล้าพูดคุยอย่างเป็นกันเองขึ้นมา “เธอยื่นข้อเสนอแบบนั้นไป ฉันล่ะกลัวจริงๆ ว่าหนานชีหรูอันจะไม่ตอบตกลง ถ้าเกิดเขาไม่ตกลงขึ้นมาจริงๆ เธอจะทำยังไง? จะยอมผิดคำพูดไม่เซ็นสัญญาจริงๆ เหรอ?”

ฉินอี๋ที่ถอดเข็มขัดออกกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ฉันไม่เคยกังวลเลยว่าเขาจะไม่ตอบตกลง! ในตระกูลหนานชีเขาไม่มีแหล่งรายได้เป็นของตัวเอง เอาแต่พึ่งเงินของทางตระกูลมาโดยตลอด โดนคนอื่นค่อนขอดดูแคลน เธอคิดว่าภายในใจเขารู้สึกดีเหรอ? ภายนอกก็ทำได้เพียงวางท่าเป็นคุณชายตระกูลใหญ่ ไม่ง่ายเลยกว่าที่เขาจะมีแหล่งรายได้เป็นของตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นรายได้จำนวนมหาศาลด้วย เขาจะยอมทิ้งมันไปง่ายๆ เหรอ? ถ้าไม่เป็นเพราะมั่นใจว่าจะทำให้เขาออกแรงได้ ฉันก็คงไม่กล้าไปหาเขา ผลประโยชน์จำนวนมหาศาลขนาดนี้ เขาจะไม่ตอบตกลงได้อย่างไร? เมื่อต้องเผชิญกับเงื่อนไขแบบนี้ ที่เขาไม่รับปากก็เป็นแค่เพราะไม่ยอมเสียหน้าเท่านั้น หากมีเหตุผลที่เหมาะสมให้เขา เขาย่อมต้องตอบตกลงแน่นอน”

ไป๋หลิงหลงหลุดหัวเราะออกมา ทำไมถึงฟังออกถึงน้ำเสียงดูแคลนที่มีต่อคุณชายคนนั้นเลย “มิน่าล่ะ ที่แท้เธอก็อ่านเขาออกแต่แรกแล้ว เฮ้…” จู่ๆ เธอพลันยื่นมือออกไปพร้อมส่งเสียงตะโกน แต่สุดท้ายก็ไม่อาจห้ามเอาไว้ได้ ฉินอี๋ที่ถอดกางเกงออกเผยให้เห็นขาที่เรียวยาวขาวผ่องทั้งสองข้าง เตะกางเกงจนกระเด็นลอยออกไป ไป๋หลิงหลงจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อยว่า “พอไม่มีใครอยู่ก็ปล่อยตัวเละเทะแบบนี้ เธอลองดูสภาพตัวเองตอนนี้สิเนี่ย?”

ฉินอี๋หัวเราะคิกคักขึ้นมา ไม่ได้มีท่าทีเหนียมอายเลยแม้แต่น้อย ร่างกายที่สวมเพียงชุดชั้นในบิดตัวเล็กน้อย เอื้อมไปดึงกระดาษมาแผ่นหนึ่ง ส่องกระจกแล้วเช็ดลิปสติกที่อยู่บนริมฝีปาก

เห็นได้เลยว่าพอแก้ไขปัญหาบางอย่างเสร็จเรียบร้อย อารมณ์ของเธอก็ดีขึ้นไม่น้อย

ไป๋หลิงหลงที่ช่วยเธอเก็บกางเกงขึ้นมาถอนใจ “แล้วให้เขาไปตั้งหกส่วน เฮ้อ!”

ถึงแม้หอการค้าตระกูลฉินจะไม่ใช่ของเธอเพียงคนเดียว ถึงแม้เธอจะไม่ได้เป็นคนตัดสินใจ ถึงแม้จะเพียงแค่คอยมองอยู่ข้างๆ แต่เธอก็รู้สึกปวดใจเหมือนกัน

เพราะว่าสัดส่วนที่ฉินอี๋แบ่งให้หนานชีหรูอันนั้นไม่ใช่จำนวนน้อยๆ หากแต่เป็นหกส่วนของรายได้ที่ได้มาหลังจากที่ดำเนินงานสำเร็จ ตั้งหกส่วนเลยนะ!

หอการค้าตระกูลฉินทำงานอย่างเอาเป็นเอาตาย เห็นๆ อยู่ว่าเป็นอุตสาหกรรมที่หอการค้าตระกูลฉินปลุกปั้นขึ้นมาจากศูนย์ด้วยมือตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องแบกรับความเสี่ยงแทบจะทั้งหมดเอาไว้ แต่หอการค้าตระกูลฉินกลับได้ส่วนแบ่งเพียงสี่ส่วน ตระกูลหนานชีช่วยออกแรงอยู่เบื้องหลังนิดหน่อย แล้วก็ไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงอะไร กลับได้ส่วนแบ่งไปหกส่วนอย่างง่ายดาย นี่มันยุติธรรมตรงไหน?

ฉินอี๋ที่จัดการตัวเองอยู่ตรงหน้ากระจกให้เหตุผลง่ายๆ ว่า “ถ้าไม่จ่ายหกส่วน กระทั่งสี่ส่วนที่เหลือเราก็จะไม่ได้ด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่คนอื่นเลย ต่อให้เพื่อตัวพวกเขาเอง ก็มีแต่ต้องให้พวกเขาได้ผลประโยชน์ส่วนใหญ่ไป พวกเขาถึงจะยอมออกแรงให้หอการค้าตระกูลฉินหลังจากนี้ จากสถานการณ์ในเวลานี้ การที่หอการค้าตระกูลฉินสามารถเปลี่ยนจากหอการค้าที่ทำเหมืองไปเป็นหอการค้าที่ทำอุตสาหกรรมอื่นได้อย่างราบลื่นต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญ เอาไว้เมื่อหอการค้าตระกูลฉินสามารถยืนได้อย่างมั่นคงแล้วค่อยหาเงินให้มากกว่านี้ก็ยังไม่สาย หลิงหลง ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งคิดว่าได้หรือเสีย มีแต่ต้องเสียของบางอย่างไป ถึงจะได้ของบางอย่างมา!”

เรื่องเหตุผลไป๋หลิงหลงเองก็เข้าใจ แต่ถึงกระนั้นก็ยังรู้สึกปวดใจอยู่ดี เธอไม่สามารถใจเย็นและมองข้ามมันไปได้เหมือนอย่างฉินอี๋ เธอคิดไม่ถึงเลยว่าก่อนหน้านี้หอการค้าตระกูลฉินลงทุนไปเป็นจำนวนมหาศาล ลงแรงเหน็ดเหนื่อยไปมากขนาดนั้น แต่กลับปล่อยให้คนอื่นได้ส่วนแบ่งไปมากขนาดนั้น คิดไม่ถึงว่าจะมีการลงทุนที่น่าตกใจเช่นนี้ด้วย

ไป๋หลิงหลงที่เก็บเสื้อผ้าขึ้นมาเดินเข้าไปหาเธอ ฟาดฝ่ามือไปยังก้นที่งอนโด่งอยู่ตรงหน้ากระจกดัง ‘เพียะ!’

คล้ายถ้าไม่ตีเธอสักทีก็ไม่อาจระบายความอึดอัดภายในใจไปได้ ก่อนจะกล่าวด้วยสีหน้าท่าทางเหมือนเสียดายเป็นอย่างมากว่า “ผลประโยชน์หนึ่งส่วนเลยนะ นั่นมันเป็นเงินเท่าไร ยอมจ่ายขนาดนี้เพื่อเจียงอวี้ มันคุ้มค่าแล้วเหรอ?”

เธอหมายถึงเรื่องที่หนานชีหรูอันยอมทิ้งผลประโยชน์หนึ่งส่วนเพื่อแลกกับการที่ฉินอี๋จะไม่ยุ่งกับเรื่องความแค้นของเจียงอวี้อีก

ขนาดของผลประโยชน์ที่จะได้รับหลังจากการประมูล เพียงแค่คิดก็รู้ได้ว่าเป็นจำนวนมหาศาลขนาดไหน ไม่อย่างนั้นหอการค้าจำนวนมากเหล่านั้นคงจะไม่พยายามอย่างเอาเป็นเอาตาย ส่วนแบ่งหนึ่งส่วนในผลประโยชน์เป็นตัวเลขมหาศาลที่น่าตกตะลึง อย่างน้อยๆ มันก็เทียบได้กับมูลค่าของหอการค้าตระกูลฉิน

นี่เท่ากับเป็นการเอาหอการค้าตระกูลฉินไปแลกกับเจียงอวี้ก็ว่าได้ แล้วจะไม่ให้เธอรู้สึกปวดใจได้อย่างไร

เธอไม่มีทางไปแทรกแซงการตัดสินใจของฉินอี๋ แต่เนื่องจากความสัมพันธ์ส่วนตัว การแสดงความไม่พอใจสักประโยคสองประโยคย่อมเป็นเรื่องที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

ฉินอี๋เอามือไปลูบตรงก้นของตัวเองที่ถูกตี จากนั้นตั้งใจเช็ดปากของตัวเองต่อ “หลิงหลง หอการค้าตระกูลฉินของเราไม่ใช่ว่าไม่มีปัญญาจ้างคน การจะจ้างคนนั้นง่าย แต่การจะจ้างคนที่น่าเชื่อถือกลับไม่ง่าย หอการค้าตระกูลฉินของเราไม่ขาดคน สิ่งที่ขาดคือคนที่น่าเชื่อถือและใช้งานได้ หรือเธอไม่เคยได้ยินคำพูดที่ว่าการหาทหารพันคนนั้นง่าย แต่การจะหายอดแม่ทัพสักคนนั้นเป็นเรื่องยาก?”

“หลายปีมานี้เจียงอวี้แอบทำเรื่องสกปรกแทนฉันมาหลายเรื่อง เรื่องที่ฉันมอบหมายให้เขาทำในช่วงเวลาหลายปีมานี้ เขาไม่เคยทำพลาดมาก่อน นี่ก็คือความสามารถของเขา”

“ทำไมฉันถึงมั่นใจให้เขาเป็นตัวแทนหอการค้าตระกูลฉินเข้าร่วมการประมูลล่ะ? นั่นเป็นเพราะความแข็งแกร่งของเขายังไงล่ะ”

“เจียงอวี้กลายเป็นผู้บัญชาการของค่ายผู้พิทักษ์เทพของเมืองชิงชิวได้ เขาไม่ได้ใช้เส้นสายหรือภูมิหลัง หากแต่อาศัยความแข็งแกร่งและความสามารถของตัวเอง ประกอบกับนิสัยที่ล่วงเกินคนอื่นได้ง่ายของเขา การที่เขาจะนั่งอยู่ในตำแหน่งนั้นได้อย่างมั่นคงนั้นไม่ง่าย ไม่อย่างนั้นเขาคงจะไม่บุกเข้าไปสังหารคนในตระกูลหนานชีโดยไม่คำนึงถึงผลดีผลเสียที่จะตามมาแบบนั้น และนี่ก็เป็นจุดที่ฉันชื่นชมเขา”

“แล้วก็เป็นเพราะเขาไม่มีความสัมพันธ์และภูมิหลังใดๆ ลูกชายของเฉินซานถึงได้กล้าทำร้ายภรรยาของเขา หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นที่มีอิทธิพลและอำนาจหนุนหลังอยู่ ลูกชายของเฉินซานคงไม่กล้าทำเรื่องแบบนั้นแน่”

“หลายปีมานี้เขาเก็บตัวบำเพ็ญเพียรอย่างเงียบๆ สภาวะของเขาใกล้จะถึงจุดสูงสุดของขั้นเซียนทองแล้ว เรียกได้ว่าห่างจากสภาวะหลักขั้นเซียนเทพอีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น ทันทีที่เขาบรรลุสภาวะได้…เธอเคยคิดบ้างหรือเปล่า คนที่มีสภาวะขั้นเซียนเทพยังจะมีปัญหาเรื่องการหาเงินอีกเหรอ? คนที่มีสภาวะระดับนี้ยังจะทำงานเพื่อเงินอีกเหรอ? ฉันจะต้องจ่ายเงินเท่าไรถึงจะดึงเขาเอาไว้ได้?”

“ผลประโยชน์หนึ่งส่วนนี้เดิมทีก็ตัดสินใจจะให้ตระกูลหนานชีอยู่แล้ว ไม่มีอะไรให้ต้องปวดใจหรอก สามารถช่วยแก้ไขปัญหาให้เจียงอวี้ได้ก็นับว่าคุ้มแล้ว!”

ไป๋หลิงหลงไม่พูดอะไร คล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

ฉินอี๋เม้มปากอยู่หน้ากระจก หมุนตัวพลางขยำกระดาษโยนทิ้งไป ก่อนจะแย่งเอาเสื้อผ้าที่ไป๋หลิงหลงถืออยู่มาแล้วโยนทิ้งไป จากนั้นยื่นมือไปปลดกระดุมเสื้อไป๋หลิงหลง

ไป๋หลิงหลงตกใจ ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง สองมือกุมหน้าอกเอาไว้ กล่าวอย่างหวาดระแวงว่า “จะทำอะไร?”

ฉินอี๋ส่งสายตากะลิ้มกะเหลี่ยให้เธอ “อาบน้ำด้วยกัน”

“ไม่เอา” ไป๋หลิงหลงปฏิเสธอย่างเด็ดขาด

ฉินอี๋ก้าวเข้าไป กางแขนทั้งสองข้างออกแล้วกอดเธอเอาไว้ กระซิบกระซาบข้างหูเธอว่า “ฉันชอบผู้หญิง”

ไป๋หลิงหลงงุนงง เข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดทันที เธอคิดถึงคำพูดที่ฉินอี๋หลอกให้หนานชีหรูอันตกใจ จึงหัวเราะคิกคักขึ้นมาทันที

ทั้งสองคนหยอกล้อกันอยู่ในห้องอย่างไม่เขินอาย

ประธานฉินในเวลานี้เป็นภาพที่คนนอกไม่มีวันได้เห็น

……………………………………………………………..

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน