ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 136 หลัวคังอัน ค้านหัวชนฝา!

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 136 หลัวคังอัน ค้านหัวชนฝา!

เหล่าโม่กล่าว “ใช่ เพียงแต่เขาทำอะไรอย่างอื่นไม่เป็น ทำเรื่องนี้เป็นอยู่เรื่องเดียว อาศัยทักษะนี้เลี้ยงชีพ เธอก็รู้นี่ว่างานประเภทนี้มีไม่เยอะ ได้งานมาทีหนึ่งก็คงกะจะไม่ต้องทำอะไรไปพักใหญ่ เกรงว่าราคาคงจะไม่ใช่ถูกๆ”

ไม่ต้องพูดอะไรมากเขาก็เดาได้ว่าจูลี่ติดต่อเขามาเพราะเรื่องนี้

ในวงการของพวกเขา เรื่องการจัดเก็บภาพและเสียงคือเรื่องปกติธรรมดา ด้วยเหตุนี้จึงมีการติดต่อกับช่างที่พอจะมีฝีมือทางด้านนี้อยู่บ้าง

เมื่อได้ยินว่ามีโอกาสจะซ่อมแซมได้ จูลี่จึงกำหมัดขึ้นมาทันที รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ตอบกลับทันทีว่า “แพงหน่อยก็ไม่เป็นไร ขอแค่ไม่แพงจนไร้เหตุผลก็พอ”

เหล่าโม่กล่าว “เรื่องนี้เธอวางใจได้ ฝีมืออย่างเขาเนี่ย ลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของเขาก็คือคนที่ทำอาชีพอย่างพวกเรานี่แหละ ถ้าเป็นคนอื่นล่ะก็ไม่แน่ แต่กับพวกเราเขาไม่กล้าทำแบบนั้นหรอก ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นการทุบหม้อข้าวตัวเอง ไม่ต้องกังวลไป เดี๋ยวฉันคุยกับเขาให้ ว่าแต่จะซ่อมอะไรล่ะ? ถ้าไม่สะดวกไปเองก็ส่งมาที่นี่ได้ เดี๋ยวฉันช่วยเธอเอาไปให้เขาเอง เสร็จแล้วฉันค่อยส่งกลับไปให้เธอ”

จูลี่มองดูสิ่งของที่ถูกแกะออกที่วางอยู่บนโต๊ะ คิดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ แม้แต่เพื่อนสนิทยังใช้ประโยชน์จากเธอ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะลังเลขึ้นมาเล็กน้อย หาข้ออ้างกล่าวไปว่า “เหล่าโม่ ถ้าจะให้ส่งไปเกรงว่าจะไม่สะดวก พอจะเชิญเขามาที่นี่แทนได้ไหม?”

เหล่าโม่ “ให้ไปที่เมืองปู๋เชวี่ยเหรอ?”

จูลี่ “ใช่ ได้ไหม?”

เหล่าโม่ “ได้สิ ตราบใดที่มีเงินก็ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้หรอก แต่ปัญหาคือเรื่องค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ไปไกลขนาดนั้นเขาจะต้องคิดเงินเพิ่มแน่ๆ เขาต้องเดินทางกลับไปกลับมาไกลๆ แถมยังต้องใช้เวลามากขนาดนั้น ถ้าไม่ให้เงินเพิ่มเขาคงไม่ยอม แล้วก็เรื่องแบบนี้ไม่รับประกันนะว่าจะซ่อมได้แน่นอน ถ้าเขาไปแล้วซ่อมไม่ได้ เธอก็ต้องจ่ายเงินให้เขาอยู่ดี เธอคิดว่าไง?”

จูลี่ “ขอแค่ไม่มากเกินไป เรื่องเงินคุยกันได้ค่ะ”

เหล่าโม่หัวเราะแล้วพูด “ดูสิ สมแล้วที่เป็นผู้จัดการทั่วไปของสถานีออกอากาศของเมือง ใจกว้างจริงๆ นี่จูลี่ ถ้าวันไหนฉันอยู่ในเมืองหลวงไม่ได้แล้วไปขอทำงานกับเธอ เธอต้องรับฉันนะ!”

จูลี่เลิกคิ้วตอบ “ไม่ต้องรอจนอยู่ไม่ได้หรอก ที่นี่ฉันกำลังขาดมืออาชีพที่มีประสบการณ์แบบพี่อยู่พอดี พี่จะมาตอนนี้เลยก็ได้นะ รับประกันว่าเงินเดือนไม่น้อยกว่าตอนที่พี่อยู่เมืองหลวงแน่นอน จะกลัวก็แต่พี่จะไม่ยอมมาอยู่ในเมืองเล็กๆ แบบนี้น่ะสิ”

เหล่าโม่เองก็แค่พูดไปเรื่อยโดยไม่ได้คิดอะไร แต่ในความเป็นจริงมันก็เป็นเหมือนที่จูลี่ว่ามา ครอบครัวต่างอยู่ในเมืองหลวงที่มีความเจริญรุ่งเรือง หากไม่มีผลประโยชน์อะไรเป็นพิเศษ ใครมันจะยอมถ่อมาถึงเมืองปู๋เชวี่ยที่รกร้างห่างไกลได้? เขารีบหัวเราะตอบไปทันที “เรื่องนี้ค่อยว่ากัน จัดการเรื่องของเธอก่อนเถอะ ถ้าไม่มีอะไรอย่างอื่นแล้ว ให้ฉันช่วยเธอติดต่อเขาเลยไหม?”

จูลี่ “ได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี”

เหล่าโม่ “ได้ ถ้าได้เรื่องยังไงแล้วฉันจะรีบติดต่อเธอกลับไป”

หลังจากทั้งสองคนวางสายแล้ว จูลี่ก็วางโทรศัพท์ลง ก่อนจะเริ่มจัดเก็บของที่แกะออกมาด้วยความระมัดระวัง ไม่กล้าทำก้อนผลึกเก็บข้อมูลที่แตกออกเป็นเสี่ยงๆ หายแม้แต่ชิ้นเดียว

หลังเก็บมันขึ้นมาอย่างระมัดระวังแล้วก็เอาไปจัดเก็บไว้อย่างดี

ที่เธอเก็บมันอย่างระมัดระวังเช่นนี้เพราะเธอตัดใจทิ้งมันไปไม่ได้จริงๆ เจ้าสิ่งนี้ติดตั้งอยู่ในตัวเทพมหาวิญญาณเป็นเวลานานพอสมควร บางทีอาจจะมีข้อมูลอะไรที่มีค่าอยู่ แล้วจะให้เธอทิ้งไปง่ายๆ ได้อย่างไร นอกจากนี้ ในเมื่อของสิ่งนี้เสียหายระหว่างการประมูล เช่นนั้นในนี้จะต้องบันทึกเหตุการณ์ตอนที่ต่อสู้กันระหว่างการประมูลเอาไว้อย่างแน่นอน อย่างน้อยมันก็ยังมีค่าอยู่

คนที่ทำอาชีพอย่างเธอเป็นคนมีความรับผิดชอบ มักจะมีความมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้เช่นนี้เสมอ

แอบถ่ายแค่นี้จะเป็นอะไรไป? อย่าว่าแต่เสี่ยงอันตรายแอบถ่ายเลย กระทั่งคนที่แอบถ่ายโดยไม่คำนึงถึงชีวิตก็ยังมีเลย

ตอนที่เก็บของเรียบร้อยแล้ว เธอเหลือบไปเห็นกรอบรูปสองสามกรอบที่วางไว้บนตู้ ในนั้นมีรูปคู่ของเธอกับฉู่ผิง

เธอจ้องมองรูปคู่อยู่สักพัก ค่อยๆ เอื้อมมือไปหยิบกรอบรูปอันนั้นลงมาอย่างช้าๆ เปิดลิ้นชักแล้ววางคว่ำลงไป จากนั้นปิดลิ้นชักลงอีกครั้ง

สองมือวางไปบนตู้พลางก้มหน้าลง นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง หลังจากหายใจเข้าลึกๆ ทั่วทั้งร่างพลันคล้ายฟื้นคืนกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เธอหมุนตัวแล้วก้าวอาดๆ ออกมาจากห้องทำงานของตัวเอง ปรบมือเรียกเพื่อนร่วมงานที่อยู่ด้านนอก สอบถามเรื่องงานในสถานีตอนนี้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง จากนั้นทำการมอบหมายงานใหม่

…..

ณ คฤหาสน์ตระกูลฉิน รถรับส่งมาถึงแล้ว ตอนนี้จอดอยู่ที่ลานด้านหน้าคฤหาสน์ หลัวคังอันกับจูเก่อม่านที่แต่งตัวอย่างเป็นทางการค่อยๆ ก้าวลงจากรถ

นี่เป็นครั้งแรกของทั้งคู่ที่ได้มายังคฤหาสน์ตระกูลฉิน ความหรูหราที่เรียบง่ายและสภาพแวดล้อมที่งดงามในคฤหาสน์ตระกูลฉินทำให้พวกเขาทั้งสองคนอดกวาดตามองไปรอบๆ ไม่ได้

“คุณหลัว ยินดีต้อนรับครับ” ฉินเต้าเปียนที่หัวเราะเสียงดังเดินมาต้อนรับด้วยตัวเอง

หลิ่วจวินจวินที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเดินเข้ามาพร้อมกัน แล้วก็ยังมีพ่อบ้านไป๋ซานเป้าที่ติดตามอยู่ด้านข้างด้วย

“ท่านประธานใหญ่” หลัวคังอันไม่กล้าชักช้า รีบนำจูเก่อม่านเดินเข้าไป

อันที่จริงพวกเขาทั้งสองคนก็ประหลาดใจอย่างมากเช่นเดียวกัน คิดไม่ถึงว่าประธานใหญ่ของหอการค้าตระกูลฉินที่เกษียณไปแล้วจะเชิญพวกเขามาร่วมงานเลี้ยงในคฤหาสน์ตระกูลฉินได้ อีกฝ่ายมีน้ำใจขนาดนี้ พวกเขาย่อมต้องมา

อันที่จริงฉินเต้าเปียนได้บอกฉินอี๋ก่อนที่จะจัดงานเลี้ยงขึ้นมาแล้ว ฉินอี๋ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการทำแบบนี้ จะแสดงน้ำใจและความสนิทสนมนั้นย่อมได้ แต่ไม่จำเป็นต้องชวนหลัวคังอันมาที่บ้านแบบนี้ หลัวคังอันเป็นคนพาเสวี่ยหลานเข้าไปทำเรื่องสกปรกภายในตัวเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉิน เรื่องนี้ยังคงทำให้ฉินอี๋รู้สึกรังเกียจเขาอยู่ ดังนั้นเธอจึงไม่ค่อยอยากให้คนประเภทนี้มาที่บ้านของตัวเอง

ทว่าฉินเต้าเปียนกลับใจกว้างเป็นยิ่งนัก เรียกได้ว่าเข้าใจในเรื่องระหว่างชายหญิงที่หลัวคังอันทำ ไม่ได้คิดว่ามีปัญหาอะไร ที่สำคัญที่สุดคือหลัวคังอันพยายามแบกรับผลลัพธ์ที่ตามมาด้วยตัวเอง ช่วยกอบกู้หอการค้าตระกูลฉิน สร้างความดีความชอบลบล้างความผิด แบบนี้ยังจำเป็นต้องไปคิดเล็กคิดน้อยอะไรอีกหรือ?

หอการค้าตระกูลฉินเข้าสู่อุตสาหกรรมเทพมหาวิญญาณอย่างเป็นทางการแล้ว คนที่มีความสามารถเช่นนี้ย่อมต้องพยายามกระชับความสัมพันธ์เอาไว้ ดังนั้นจึงจัดงานเลี้ยงในบ้านขึ้นมาเพื่อแสดงความขอบคุณและแสดงความใกล้ชิด

จะจัดงานเลี้ยงในบ้านก็ได้ ฉินอี๋ถามไปประโยคหนึ่งว่าได้เชิญหลินยวนมาด้วยหรือไม่ โดยเธอบอกว่าครั้งนี้หลินยวนก็นับว่ามีความดีความชอบเช่นกัน

พอได้ยินชื่อหลินยวน ฉินเต้าเปียนก็ไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที เขาเกลียดหลินยวนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เพื่อที่จะขัดขวางหลินยวนเอาไว้ ในตอนนั้นเขาถึงขนาดหักขาหลินยวน แล้วเขาจะชวนหลินยวนมาที่บ้านได้อย่างไร?

สองพ่อลูกคุยกันไม่ถูกคอ ฉินอี๋เลยอ้างว่ามีธุระทันที ไม่สามารถกลับมาร่วมงานเลี้ยงได้ทัน ให้พ่ออยู่เป็นเพื่อนหลัวคังอันไป

ส่วนหลิ่วจวินจวินที่เป็นคนกลางไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไรดี เลยทำได้เพียงทอดถอนใจอย่างกลุ้มใจ

ในขณะนี้แขกและเจ้าภาพที่พบกันต่างแสดงความเกรงอกเกรงใจ ฉินเต้าเปียนยังจงใจยิ้มแย้มพูดคุยกับจูเก่อม่านอยู่หลายประโยคด้วย นี่ทำให้จูเก่อม่านรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

เธอไม่คาดคิดว่าตนจะมีวันได้มายืนยิ้มแย้มพูดคุยกับคนอย่างฉินเต้าเปียน แล้วก็ยิ่งคิดไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะได้เข้าร่วมงานเลี้ยงในคฤหาสน์ตระกูลฉิน

แม้จะประหม่าเป็นอย่างมาก แต่ความยินดีบนใบหน้าของเธอกลับยากที่จะปกปิดเอาไว้ได้ ในสายตาที่มองไปยังหลัวคังอันเป็นครั้งคราวเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก เธอย่อมต้องรู้ว่าเธอมีโอกาสเช่นนี้ได้เพราะผู้ชายของตัวเอง

หลังนั่งประจำที่แล้ว ทั้งสองคนถึงได้รู้ว่างานเลี้ยงครั้งนี้ไม่มีแขกคนอื่นเลย คิดไม่ถึงว่าจะมีเพียงที่นั่งที่จัดไว้สำหรับพวกเขาแค่สองคนเท่านั้น ทุกสองต่างรู้สึกได้ถึงน้ำใจของเจ้าภาพ

ระหว่างงานเลี้ยง เจ้าภาพอดไม่ได้ที่จะถามเกี่ยวกับเรื่องการประมูล หลัวคังอันจึงบอกเล่าอย่างน้ำไหลไฟดับ เอาเรื่องที่หลินยวนทำในตอนต่อสู้มาบรรยายว่าเป็นฝีมือของตนเอง นอกจากนี้ยังแต่งเติมเพิ่มความอันตรายในเหตุการณ์ให้ดูน่ากลัวขึ้นไปอีก ทำเอาฉินเต้าเปียนรับฟังจนอุทานด้วยความตะลึงอยู่เป็นระยะ ยกแก้วขึ้นมาดื่มคารวะครั้งแล้วครั้งเล่า

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจูเก่อม่านที่เป็นหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่ง เธอยิ่งรู้สึกได้ถึงความเฉลียวฉลาดและความเก่งกาจของผู้ชายของตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ ในสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักมีความรู้สึกเลื่อมใสศรัทธาปรากฏขึ้นมาเป็นระยะ

ตอนนี้เธอยังไม่รู้เรื่องหลัวคังอันกับเสวี่ยหลาน ส่วนฉินเต้าเปียนกับหลิ่วจวินจวินนั้นรู้ดีอยู่แก่ใจ ทว่าทั้งสองคนล้วนเป็นคนที่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร จึงไม่มีใครพูดเรื่องนี้ต่อหน้าจูเก่อม่าน

จนกระทั่งงานเลี้ยงสิ้นสุดลง ในตอนที่ความมืดมิดยามราตรีมาเยี่ยมเยือน ฉินอี๋ที่กลับมาพอดีก็ได้พบกับหลัวคังอันที่กำลังจะจากไป

ฉินอี๋เลยเชิญหลัวคังอันไปพูดคุยกันตามลำพังที่ศาลาตรงมุมหนึ่งของสวน

หลังจากเข้าใจเจตนาในการพูดคุยของฉินอี๋แล้ว หลัวคังอันพลันรู้สึกตกใจ “อะไรนะครับ? จะเปลี่ยนผู้ช่วยให้ผม? หลินยวนรู้เรื่องนี้ไหมครับ?”

ควรจัดการกับหลินยวนอย่างไร เรื่องนี้อยู่ในใจของฉินอี๋มาโดยตลอด แล้วก็อยู่ในการครุ่นคิดของเธอมาโดยตลอด

หลังจากผ่านการประมูลครั้งนี้มา เธอคิดว่าหากจะให้หลินยวนติดตามหลัวคังอันอีกคงไม่เหมาะแล้ว ถ้าหากหอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจวกลายเป็นสุนัขจนตรอกขึ้นมาละก็ เธอไม่อยากให้หลินยวนต้องเจอกับอันตรายที่ไม่อาจควบคุมได้อีก

แล้วก็เป็นเพราะหลินยวนเข้าร่วมการประมูลในครั้งนี้ ต่อให้ไม่มีความดีความชอบก็ยังถือว่าได้ทำงานหนัก ทุกคนที่เข้าร่วมการประมูลล้วนแต่ได้รับรางวัล หลินยวนเองก็ย่อมต้องมีส่วนแบ่งอย่างแน่นอน ดังนั้นถ้าจะเอาเรื่องหนี้อะไรนั่นมาบีบบังคับให้เขาเป็นผู้ช่วยหลัวคังอันต่อไปก็คงจะไม่ค่อยเหมาะสักเท่าไร อีกทั้งก่อนหน้านี้หลินยวนก็แสดงท่าทีว่าไม่อยากจะอยู่กับหลัวคังอันออกมาอย่างชัดเจนด้วย

นอกจากนี้เรื่องความสัมพันธ์ชายหญิงอันเละเทะวุ่นวายของหลัวคังอันนั้นทำให้เธอรู้สึกไม่ไว้วางใจจริงๆ

ส่วนเรื่องคนที่จะมาช่วยสอนหลินยวนเรียนรู้ที่จะควบคุมเทพมหาวิญญาณเพื่อที่หลินยวนจะได้เรียนจบจากหลิงซานได้ เวลานี้เธอมีตัวเลือกที่ดีกว่าแล้ว นั่นคือเจียงอวี้!

อีกไม่นานเจียงอวี้ก็จะเปิดเผยตัวได้แล้ว ในแง่หนึ่งแล้วเจียงอวี้มีความน่าเชื่อถือกว่าหลัวคังอันมากนัก หากเอาหลินยวนให้เจียงอวี้ดูแล เธอจะรู้สึกสบายใจมากกว่า

และหลังจากที่หอการค้าตระกูลฉินเริ่มเดินหน้าในอุตสาหกรรมเทพมหาวิญญาณอย่างเต็มรูปแบบ เมื่อนั้นก็คงจะมีเทพมหาวิญญาณเป็นจำนวนมาก จึงไม่มีความจำเป็นต้องให้เขาไปเบียดเสียดอยู่ในเทพมหาวิญญาณตัวเดียวกับหลัวคงอันอีก

ที่เธอมาแจ้งหลัวคังอันในตอนนี้ก็เพื่อมอบสิทธิ์ในการตัดสินใจให้หลัวคังอัน ให้หลัวคังอันได้เลือกผู้ช่วยด้วยตัวเอง

ฉินอี๋กล่าว “เรื่องนี้เขาไม่จำเป็นต้องรู้ค่ะ”

เมื่อได้ยินว่าหลินยวนไม่รู้เรื่อง เขาก็รู้ว่านี่ไม่ใช่ความคิดของหลินยวน หลัวคังอันเลยค้านหัวชนฝาทันที “ท่านประธานครับ เรื่องนี้ผมขอคัดค้านครับ หลินยวนกับผมทำงานเข้าขากันดี ผมเชื่อว่าไม่มีใครทำงานได้รู้ใจผมเท่าเขาอีกแล้วล่ะครับ ถ้าท่านประธานเปลี่ยนเขาออกไปล่ะก็ ขออภัยที่ผมต้องพูดตามตรง แต่ผมคงไม่สามารถทำงานได้ต่อไปเช่นกันครับ”

นี่เล่นตลกอะไรกัน? หอการค้าอื่นๆ จะทำการประมูลกันต่อ ไม่แน่อาจจะมีหอการค้าไหนผ่านการทดสอบมาได้ก็เป็นได้ เมื่อถึงตอนนั้นถ้าต้องมาสู้กับหอการค้าตระกูลฉินอีกแล้วเขาจะทำยังไง? แล้วก็ยังมีเรื่องที่เขาอาจจะต้องเจอในอนาคตอีก หากไม่มียอดฝีมืออย่างหลินยวนอยู่ แล้วเขาจะทำยังไง หากมีอะไรเกิดขึ้น ความลับจะต้องถูกเปิดเผยออกมาทันทีแน่

ดังนั้นเขาจึงคัดค้านหัวชนฝา!

นี่เขาบอกว่าจะไม่ทำงานต่ออย่างนั้นเหรอ ฉินอี๋ขมวดคิ้ว คิดไม่ถึงว่าความสัมพันธ์ของหลัวคังอันกับหลินยวนจะแน่นแฟ้นขนาดนี้

หลังจากครุ่นคิดดูแล้วก็คงได้แต่ต้องชะลอเรื่องนี้เอาไว้ก่อน ทำได้เพียงปล่อยให้หลินยวนไปปรึกษากับหลัวคังอันเอาเอง

…..

หลังจากหลัวคังอันกับจูเก่อม่านที่มีสีหน้าสดใสกลับไป หลิ่วจวินจวินที่ส่งแขกเสร็จแล้วก็รีบตรงไปยังห้องของฉินอี๋ทันที

ฉินอี๋ที่เพิ่งเปลี่ยนรองเท้าเสร็จหันกลับไปมอง “น้าหลิ่ว มีอะไรหรือเปล่าคะ?”

หลิ่วจวินจวินจูงมือเธอ พาเธอมานั่งลงบนเก้าอี้ จากนั้นยืนอยู่ด้านหลังเธอ สองมือวางลงบนไหล่ของเธอ ใช้พลังช่วยเธอนวดหัวไหล่ทั้งสองข้างเบาๆ เพื่อช่วยให้เลือดลมไหลเวียนและทำให้ร่างกายผ่อนคลาย “ได้ยินว่าหลายวันนี้ไม่ได้พักผ่อนเลยใช่หรือเปล่า?”

ฉินอี๋รู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก เธอยิ้มแห้งๆ ตอบไปว่า “ช่วยไม่ได้ มันจำเป็นนี่คะ”

หลิ่วจวินจวินเปลี่ยนประเด็น “จูเก่อม่านคนนั้น ถ้าว่ากันตามความสัมพันธ์ของเธอกับหลัวคังอันแล้ว จะให้เธอเป็นพนักงานระดับล่างสุดของหอการค้าตระกูลฉินต่อไปมันดูไม่ค่อยเหมาะสมหรือเปล่า?”

ฉินอี๋กล่าว “ความสัมพันธ์อะไรคะ? ความสัมพันธ์ชู้สาวของหลัวคังอันยุ่งเหยิงจะตายไป วันนี้จูเก่อม่าน วันพรุ่งนี้จะเป็นใครก็ไม่รู้”

หลิ่วจวินจวินกล่าว “ยังไงเราก็หาวิธีจัดการหน่อยดีกว่านะ”

ฉินอี๋ “เธอเป็นพนักงานระดับล่างมาโดยตลอด แล้วก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย จะจัดการอย่างไรล่ะคะ? ค่อยเป็นค่อยไปเถอะค่ะ มีโอกาสให้เธอแน่”

หลิ่วจวินจวินนวดหัวไหล่ของเธอ “ตอนอยู่บนโต๊ะอาหาร พ่อของหนูก็พูดถึงเรื่องเงินหนึ่งพันล้านมุกนั่นแล้ว เกลี้ยกล่อมให้หลัวคังอันรับเอาไว้ แต่หลัวคังอันยืนกรานปฏิเสธ ในงานเลี้ยงเขาอาศัยช่วงที่จูเก่อม่านไม่อยู่ บอกว่าเขาละอายใจเรื่องเสวี่ยหลานมาก นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงปฏิเสธที่จะรับเงินหนึ่งพันล้านมุก ขอให้พวกเราอย่าพยายามโน้มน้าวเขาอีกเลย ยังไงเขาก็ไม่มีทางรับไว้แน่นอน นอกจากนี้เขายังรู้สึกละอายต่อจูเก่อม่านอีกด้วย ฟังแล้วเหมือนเขาทำใจเอาไว้แล้วหากจูเก่อม่านรับไม่ได้แล้วขอเลิกกับเขา เขาเลยมาขอร้องอะไรนิดหน่อย เขาหวังว่าทางหอการค้าตระกูลฉินจะพอแหกกฎ ช่วยดูแลจูเก่อม่านให้หน่อย”

……………………………………………………………

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน